การ WFH ยุคโควิทแบบนี้ มาปลุกการเป็นเชฟในตัวคุณกันเถอะ
จากคนที่ไม่เคยทานเนื้อตั้งแต่เด็กพอเริ่มแยกบ้านมาคุณสาก็ดันเป็นสาวกเนื้อเลิฟเวอร์
กับข้าวที่เรามีก็จะเป็นเมนูเนื้อๆ และเมนูที่คุณสาจะกินได้แบบกินติดต่อกัน 3 มื้อ ในหลายๆวันก็คือ แกงเขียวหวานเนื้อ ขนมจีน จ้าาาาา
กินง่ายๆ จะได้โตไวๆค่ะ
เมนูพื้นๆที่หลายๆคนคงเคยทำกันมาบ่อยแล้ว แต่เราอยากแชร์สูตรของเราบ้าง ทำทีไรสบายไป 3 วัน เพราะคุณสาจะกินได้กินดี
ไม่ต้องทำกับข้าวอะไรก็ให้นางกินแกงเนื้อวนๆไป บางมื้อใจดีแถมเนื้อทอดไปบ้างก็ไม่เสียหาย ไม่เล่าเยอะไปทำกันเลยดีกว่า
เริ่มด้วยส่วนผสมทั้งหมด
1. เนื้อวัวส่วนร่องซี่โครง 1 กก. (ส่วนนี้หนึบหนับดีค่ะ ไม่แห้งและพอเคี่ยวนุ่มก็ไม่เละด้วย)
2. หัวกะทิสด 1/2 กก.
3. หางกะทิสด 1 กก.
4. พริกแกงเขียวหวาน 2 ขีด
5. ใบโหระพาเด็ดใบไว้ก้าน 2 ขีด (ตามชอบ)
6. ใบมะกรูดเด็ดแกนกลางออก 5-6 ใบ (ตามชอบ)
7. มะเขือพวง 2 ขีด
8. ยอดมะพร้าวอ่อน 1 กก. (หั่นหนาประมาณ 0.5 ซม. ขนาดชิ้นพอดีคำ)
9. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 1-2 ดอก
10. น้ำตาลปี๊บ 2-4 ชต.
11. น้ำปลาอย่างดี 6-8 ชต.
12. เกลือเล็กน้อยใส่ตอนเคี่ยวเนื้อวัวให้รสเข้าเนื้อประมาณ 1 ชช. (อย่าใส่เยอะนะคะ พริกแกงบางเจ้าค่อนข้างเค็ม)
**** รสชาติปรุงตามชอบนะคะ ค่อยๆใส่แล้วชิมนะคะ ถ้าใส่แล้วรสเข้มเกินไปจะแก้ยากค่ะ
วิธีทำ
1. อุปกรณ์สำคัญวันนี้เราใช้เตาไฟฟ้าอิเล็กโทรลักซ์ รุ่น ETD42SKR เปิดใช้ไฟ ตั้งหม้อบนเตา ใส่หางกะทิ 1/2 กก. เปิดเตาโปรแกรมต้ม และกด Start
เร่งวัตต์เกือบแรงสุดให้หางกะทิค่อยๆเดือดเบาๆ
2. หั่นเนื้อวัว 1 กก. หั่นไม่ต้องบางมากนะคะ หนาประมาณ 0.5 - 1 ซม. ใส่ลงในหางกะทิที่กำลังเดือดเบาๆ ใส่เกลือไปประมาณ 1 ชช. เราจะเคี่ยวเนื้อกับน้ำกะทิให้เดือดเบาๆ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที - 1 ชม.
3. ตั้งเตาปิ๊กนิค (แก๊สกระป๋อง) วางกะทะบนเตา วันนี้มีโอกาสใช้กะทะทองเหลืองใบใหม่แล้ว เอามาผัดพริกแกงเลยละกันค่ะ
เราใส่หัวกะทิประมาณ 2-3 ทัพพีก่อน เคี่ยวให้แตกมัน แตกมันเป็นยังไง ต้องมีคนสงสัยแน่ๆเลย เราให้สังเกตว่ามีวงไขมันใสๆรอบๆขอบกะทะตามรูปด้านล่างเลยค่ะ เราไม่รอให้แตกมันมากนักนะคะ เพราะต้องผัดพริกแกงต่อให้สุกหอมอีกกะทิจะแตกมันเพิ่มขึ้น
และหลังจากกะทิแตกมันแล้ว ใส่พริกแกงทั้งหมด ผัดให้มีกลิ่นหอมพริกแกง สังเกตว่าเราเริ่มจามละหละ กลิ่นแกงหอมฟุ้งจนคันจมูกเลยค่ะ
หน้าตาของพริกแกงผัดกะทิที่แตกมันค่ะ คันจมูกแล้ว ต้องมีกลิ่นหอมฟุ้งเลยนะคะ เพราะถ้าผัดไม่มีกลิ่นหอมแสดงว่าพริกแกงยังไม่สุกดีเวลาแกงไปแล้วจะเหม็นเขียวพริกแกงค่ะ
4. หลังจากผัดพริกแกงได้ที่แตกมันดีแล้ว เราปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาค่ะ ใส่ปรุงน้ำตาลปี๊บ 2 ชต. และน้ำปลาประมาณ 6 ช้อนโต๊ะก่อน
ปรุงให้รสชาติเข้มข้นหวานเค็ม และหอมพริกแกงค่ะ
5. ผัดพริกแกงปรุงรสได้แล้ว เช็คเนื้อดูว่านุ่มพอรึยังโดยการชิมเลยค่ะ ตักออกมากัดดูก็ได้ค่ะ หรือเอาส้อมจิ้มดูว่าจิ้มแล้วเนื้อทะลุติดส้อมเนื้อพอเด้งๆสู้ส้อมเล็กน้อย ปกติใช้เวลาเคี่ยวเนื้อประมาณ 45 นาทีค่ะ
และเราก็เทพริกแกงผัดลงหม้อเนื้อที่เคี่ยวไว้ได้ที่แล้ว คนให้พริกแกงกระจายละลายทั่วหม้อ เติมหางกะทิส่วนที่เหลือลงไปได้ให้ท่วมเนื้อในหม้อ
****ชิมและปรุงรสเพิ่มได้นะคะ ให้รสชาติเข้มข้นไว้นะคะ หวานนำเค็มเล็กน้อย เพราะเดี๋ยวเราต้องใส่ผักต่างๆ และหัวกะทิอีก
6. เมื่อเคี่ยวเนื้อกับพริกแกงไปสักพัก รอให้น้ำแกงเดือด ก็ใส่ยอดมะพร้าว มะเขือพวง ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อให้เดือดอีกครั้ง
7. ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า และคนให้ทั่วพยายามกดใบโหระพาลงให้จมในน้ำกะทิที่เดือดอยู่นะคะ ใบโหระพาจะได้เขียวสดไม่คล้ำดำค่ะ
ใบโหระพาปลอดสารสวนหลังบ้านจะใส่เท่าไหร่ก็ได้น๊าาา ชอบมากใส่มากค่ะ
8. พอคนผักสลดสุกหมดแล้ว ใส่หัวกะทิที่เหลือทั้งหมดลงในหม้อแกงเขียวหวาน เพื่อให้น้ำแกงข้น หอมหวานกะทิค่ะ
(ชิมปรุงรสเพิ่มตามชอบหากรสชาติยังไม่ถึงใจนะคะ)
9. ข้อสุดท้าย.......ตักใส่ถ้วยเตรียมทานได้เลยค่ะ ^___^
หมายเหตุ : แกงเขียวหวานสูตรนี้ที่เราทำจะค่อนข้างเข้มข้นรสจัดนะคะไว้ทานกับขนมจีนจะพอดีกันมาก หากใครไม่ทานเผ็ดลดปริมาณของพริกแกงลงเหลือแค่ครึ่งเดียว และลดสัดส่วนของน้ำกะทิลงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำแกงไม่เยอะจนเกินไปค่ะ
ใครลองทำแล้วมาแชร์กันบ้างนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง อาจจะขลุกขลักเล็กน้อยเพระครัวยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เตาไฟฟ้าของเราก็ทำได้ดีทีเดียวตั้งเคี่ยวเนื้อยาวๆไม่งอแงอยากได้เดือดแบบใหนก็ตั้งค่าได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว ใครมีเตาไฟฟ้าไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่าจะแกงไม่อร่อ สีของแกงก็สวย พริกแกงก็หอมมากเลย วันนี้ที่ต้องใช้เตาปิ๊กนิคช่วยผัดพริกแกงเพราะวันนี้เวลาจำกัดคุณสาหิวจะกินหัวเราละจ้าาา
ปิดท้ายอีกมื้อค่ะ เดี๋ยวจะไม่เชื่อว่านางทานได้ทุกมื้อจริงๆ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ
แม่บ้านมือใหม่มาทำแกงเขียวหวานเนื้อ ด้วยเตาไฟฟ้า และเตาปิ๊กนิค (Green Curry)
จากคนที่ไม่เคยทานเนื้อตั้งแต่เด็กพอเริ่มแยกบ้านมาคุณสาก็ดันเป็นสาวกเนื้อเลิฟเวอร์
กับข้าวที่เรามีก็จะเป็นเมนูเนื้อๆ และเมนูที่คุณสาจะกินได้แบบกินติดต่อกัน 3 มื้อ ในหลายๆวันก็คือ แกงเขียวหวานเนื้อ ขนมจีน จ้าาาาา
กินง่ายๆ จะได้โตไวๆค่ะ
เมนูพื้นๆที่หลายๆคนคงเคยทำกันมาบ่อยแล้ว แต่เราอยากแชร์สูตรของเราบ้าง ทำทีไรสบายไป 3 วัน เพราะคุณสาจะกินได้กินดี
ไม่ต้องทำกับข้าวอะไรก็ให้นางกินแกงเนื้อวนๆไป บางมื้อใจดีแถมเนื้อทอดไปบ้างก็ไม่เสียหาย ไม่เล่าเยอะไปทำกันเลยดีกว่า
วิธีทำ
1. อุปกรณ์สำคัญวันนี้เราใช้เตาไฟฟ้าอิเล็กโทรลักซ์ รุ่น ETD42SKR เปิดใช้ไฟ ตั้งหม้อบนเตา ใส่หางกะทิ 1/2 กก. เปิดเตาโปรแกรมต้ม และกด Start
เร่งวัตต์เกือบแรงสุดให้หางกะทิค่อยๆเดือดเบาๆ
2. หั่นเนื้อวัว 1 กก. หั่นไม่ต้องบางมากนะคะ หนาประมาณ 0.5 - 1 ซม. ใส่ลงในหางกะทิที่กำลังเดือดเบาๆ ใส่เกลือไปประมาณ 1 ชช. เราจะเคี่ยวเนื้อกับน้ำกะทิให้เดือดเบาๆ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที - 1 ชม.
3. ตั้งเตาปิ๊กนิค (แก๊สกระป๋อง) วางกะทะบนเตา วันนี้มีโอกาสใช้กะทะทองเหลืองใบใหม่แล้ว เอามาผัดพริกแกงเลยละกันค่ะ
เราใส่หัวกะทิประมาณ 2-3 ทัพพีก่อน เคี่ยวให้แตกมัน แตกมันเป็นยังไง ต้องมีคนสงสัยแน่ๆเลย เราให้สังเกตว่ามีวงไขมันใสๆรอบๆขอบกะทะตามรูปด้านล่างเลยค่ะ เราไม่รอให้แตกมันมากนักนะคะ เพราะต้องผัดพริกแกงต่อให้สุกหอมอีกกะทิจะแตกมันเพิ่มขึ้น
และหลังจากกะทิแตกมันแล้ว ใส่พริกแกงทั้งหมด ผัดให้มีกลิ่นหอมพริกแกง สังเกตว่าเราเริ่มจามละหละ กลิ่นแกงหอมฟุ้งจนคันจมูกเลยค่ะ
หน้าตาของพริกแกงผัดกะทิที่แตกมันค่ะ คันจมูกแล้ว ต้องมีกลิ่นหอมฟุ้งเลยนะคะ เพราะถ้าผัดไม่มีกลิ่นหอมแสดงว่าพริกแกงยังไม่สุกดีเวลาแกงไปแล้วจะเหม็นเขียวพริกแกงค่ะ
4. หลังจากผัดพริกแกงได้ที่แตกมันดีแล้ว เราปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาค่ะ ใส่ปรุงน้ำตาลปี๊บ 2 ชต. และน้ำปลาประมาณ 6 ช้อนโต๊ะก่อน
ปรุงให้รสชาติเข้มข้นหวานเค็ม และหอมพริกแกงค่ะ
5. ผัดพริกแกงปรุงรสได้แล้ว เช็คเนื้อดูว่านุ่มพอรึยังโดยการชิมเลยค่ะ ตักออกมากัดดูก็ได้ค่ะ หรือเอาส้อมจิ้มดูว่าจิ้มแล้วเนื้อทะลุติดส้อมเนื้อพอเด้งๆสู้ส้อมเล็กน้อย ปกติใช้เวลาเคี่ยวเนื้อประมาณ 45 นาทีค่ะ
และเราก็เทพริกแกงผัดลงหม้อเนื้อที่เคี่ยวไว้ได้ที่แล้ว คนให้พริกแกงกระจายละลายทั่วหม้อ เติมหางกะทิส่วนที่เหลือลงไปได้ให้ท่วมเนื้อในหม้อ
****ชิมและปรุงรสเพิ่มได้นะคะ ให้รสชาติเข้มข้นไว้นะคะ หวานนำเค็มเล็กน้อย เพราะเดี๋ยวเราต้องใส่ผักต่างๆ และหัวกะทิอีก
6. เมื่อเคี่ยวเนื้อกับพริกแกงไปสักพัก รอให้น้ำแกงเดือด ก็ใส่ยอดมะพร้าว มะเขือพวง ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อให้เดือดอีกครั้ง
7. ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า และคนให้ทั่วพยายามกดใบโหระพาลงให้จมในน้ำกะทิที่เดือดอยู่นะคะ ใบโหระพาจะได้เขียวสดไม่คล้ำดำค่ะ
ใบโหระพาปลอดสารสวนหลังบ้านจะใส่เท่าไหร่ก็ได้น๊าาา ชอบมากใส่มากค่ะ
8. พอคนผักสลดสุกหมดแล้ว ใส่หัวกะทิที่เหลือทั้งหมดลงในหม้อแกงเขียวหวาน เพื่อให้น้ำแกงข้น หอมหวานกะทิค่ะ
(ชิมปรุงรสเพิ่มตามชอบหากรสชาติยังไม่ถึงใจนะคะ)
9. ข้อสุดท้าย.......ตักใส่ถ้วยเตรียมทานได้เลยค่ะ ^___^
หมายเหตุ : แกงเขียวหวานสูตรนี้ที่เราทำจะค่อนข้างเข้มข้นรสจัดนะคะไว้ทานกับขนมจีนจะพอดีกันมาก หากใครไม่ทานเผ็ดลดปริมาณของพริกแกงลงเหลือแค่ครึ่งเดียว และลดสัดส่วนของน้ำกะทิลงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำแกงไม่เยอะจนเกินไปค่ะ
ใครลองทำแล้วมาแชร์กันบ้างนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง อาจจะขลุกขลักเล็กน้อยเพระครัวยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เตาไฟฟ้าของเราก็ทำได้ดีทีเดียวตั้งเคี่ยวเนื้อยาวๆไม่งอแงอยากได้เดือดแบบใหนก็ตั้งค่าได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว ใครมีเตาไฟฟ้าไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่าจะแกงไม่อร่อ สีของแกงก็สวย พริกแกงก็หอมมากเลย วันนี้ที่ต้องใช้เตาปิ๊กนิคช่วยผัดพริกแกงเพราะวันนี้เวลาจำกัดคุณสาหิวจะกินหัวเราละจ้าาา
ปิดท้ายอีกมื้อค่ะ เดี๋ยวจะไม่เชื่อว่านางทานได้ทุกมื้อจริงๆ ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ