1. เป็นเหตุการณ์ช่วงปิดเทอมใหญ่เราจะขึ้น ม.1 อายุสัก12 น้องสาวจะขึ้นป.1 ห่างจากเรา 6ปี
เรากับโตกับก๋ง ยาย น้องสาวคนล่ะพ่อ พอแม่เลิกกับพ่อของน้องสาวเลยไปทำงานตจว. ช่วงปิดเทอมใหญ่เลยมารับไปอยู่ด้วย เป็นครั้งแรกที่ไปอยู่กับแม่นานๆ ดีใจและตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรา ถ้าการใช้แอพ muitu แล้วถือว่าไม่ผิดศีลเท่ากับเรารักษาศีลครบ5ข้อนะคะ สาธุ ~
อย่างที่กริ่นมาคือแม่เราทำงานเป็นเชฟที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่เขาสก จ.สุราษฎร์ ก๋งมาส่งที่พังงาครึ่งทางแล้วแม่รับต่อ ก็ถึงก็ประมาณเย็นๆแล้ว รีสอร์ตนี่อยู่ลึกมาก ติดกับลำธารเลย บางช่วงก็ลึกบางช่วงก็ตื้นๆเรากับน้องเล่นน้ำกันหน้าท่าประจำ แล้วก็นอนที่บ้านพักพนง. ซึ่งเมื่อก่อนก็เป็นบ้านพักนทท.นี่แหละ แต่รีสอร์ตเค้าเพิ่มห้องไปในป่าบ้านเลยว่าง อารมณ์กระท่อมไม้ยกพื้นหลังคามุงจาก มีสองหลังหน้าบ้านมีต้นลีลาวดีต้นใหญ่ปลูกอยู่หน้าบ้านทั้งสองหลัง มีห้องน้ำในตัว ขึ้นบนบ้านเปิดมาก็เจอที่นอนเลย ที่นอนก็ทำเป็นเตียงยึดกับพื้นติดกับหน้าต่าง แม่นอนริมใน อิน้องที่กลัวผีขี้ขึ้นสมองนอนกลาง เรานอนริมติดหน้าต่าง ใช้ชีวิตไปได้สัก2อาทิตย์ได้ไม่มีอะไร แต่ก็เด็กอะได้ยินผู้ใหญ่เล่าว่ามีแขกเจอผีที่บ้านต้นไม้ ผญฝรั่งแฟนตกเครื่องเลยต้องนอนคนเดียว เค้าตื่นมาCheck out ตั้งแต่ตี5 กิน Breakfast กินมะเขือเทศลูกใหญ่ทั้งลูกคำเดียว เคี้ยวไปร้องไห้ไป เหมือนช็อต ไอเรื่องบ้านต้นไม้นี่ก็รับรู้แหละ แต่คิดว่าไกลตัว เพราะเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งที่พักแขกอยู่แล้ว ถ้าไปก็แค่มีแบบช่วยทำความสะอาดห้องบ้างกลางวัน ไปก็ไปกับผู้ใหญ่ตลอด ด้วยความที่เป็นที่เวลาสนิทแล้วChatty ช่างจ้อมากๆ พวกป้าๆเลยเอ็นดูเรา ขนาดป้าคนที่ไม่ถูกกับแม่เรายังรักเรา แต่น้องเราดื้อตามประสาเด็กที่โดนพ่อแม่ตามใจมาตลอดเค้าเลยไม่ได้อะไร
เริ่มเรื่องวันนั้นเลยคือมีน้าคนนึงเราไม่แน่ใจว่าอยู่แผนกไหนนะ อยู่ๆมาชวนไปที่บ้าน ไปเล่นกับลูกชายเป็นเด็กผช.2คนพี่น้อง เอาเกมส์ play มาเล่นไอน้องเราก็ตาโตสิ ร้องจะไปๆ เราเลยต้องตามไปด้วย บวกกับแม่จะไปเที่ยวงานในเมืองกลับดึกเลยไม่อยากทิ้งเรากับน้อง จริงๆนางก็จะไปเที่ยวกับกิ๊กนั้นแหละ 🙄
ตอนนั้นแผนคือแค่จะไปนั่งเล่นรอแม่กลับบ้านแล้วกลับบ้าน แต่ตอนไปก็ช่วง6โมงเย็นแล้วเพราะรอน้าคนนั้นเลิกกะด้วย ให้ชื่อว่า 'น้าติ๊ก' แล้วกัน
น้าติ๊กพาซ้อนมอไซไปกันสามคนเข้าดงปาร์ม แกเล่าให้ฟังว่าแกเป็นอิสาน ลงมาอยู่ใต้คนเดียวเลยตอนแรก แล้วก็แต่งงานมีลูกกับคนที่นี่แล้วสร้างบ้านในสวนปาร์มใกล้ๆที่รีสอร์ตนี่แหละ ในป่า6โมงกว่านี่ก็มืดแล้ว ไปถึงเค้าจัดสำรับกินข้าวกันพอดีเลยชวนเรากับน้องกินข้าว เราก็ยังไม่กินอะไรพอดีเลยขึ้นไปบนเพิง มันเรียกว่าเพิงได้จริงๆนะ แบบสร้างลวกๆ แล้วก็ติดไฟส้มดวงเดียว
พอปีนขึ้นไปก็เจอยายคนนึง ให้ตายเถอะ นึกภาพยายคนนี้ไม่ออกให้นึกถึงยายหยิบ ทรงเดียวกันเลยแม่เจ้า แกผอมมากๆ น้าติ๊กแกก็แนะนำว่าเนี่ยแม่แก แกพึ่งรับมาจากอิสานพึ่งมาถึงเอง พอพูดถึงยายหยิบแล้วแกจะหน้าบึ้งๆใช่ป่ะ แต่ยายคนนี้ยิ้มตลอด มองเราแล้วยิ้มตลอด แล้วแกพูดเบามากๆ บางคำเรานี่แทบไม่ได้ยิน คงเพราะพูดอิสานด้วยมั้ง แกกินข้าวไปมองเราไปยิ้มไป แล้วกับข้าวนี่นะ ลาบเลือด เลือดสดๆ หมูที่ดูเหมือนแค่ตกลงไปในหม้อแล้วรีบตักขึ้นอ่ะ อห. มีกับข้าวหลายอย่างนะเป็นพวกน้ำพริกผักลวก ไข่ต้ม แต่เราเห็นยายจกแต่จานนั้นอ่ะ คือเราก้อกินแบบเสียไม่ได้ ดูชิ้นไหนมันสีเหมือนจะสุกหน่อยก็ตัก ไอไฟก็ส้มเกิ้น เจอดิบที่แทบอ้วกพุ่ง ความพีคยังไม่จบแค่นั้นค่ะคุณ
ระหว่างนั่งเขี้ยจานอยู่นั้นยายแกพูดขึ้นมาว่า " สร้อยที่คอสวนะ ขอยายดูหน่อยได้มั้ย "
เราก็บอกว่า " พระค่ะ..หลวงพ่อแช่มค่ะ "
" ยายดูหน่อยสิ " พูดพร้อมยื่นมือมา
" หนูใส่มานานแล้วยายบอกว่าไม่ให้ถอดกลัวหาย "
ยังไงเราไม่ยอมถอดเด็ดขาดเพราะยายใส่ให้และย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามถอด ด้วยความที่เราเป็นเด็กเห็นอะไรแปลกๆแต่เด็ก และที่บ้านสอนไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า ขนาดแม่ไม่สบายมารับไม่ได้ให้เพื่อนเอาบัตรปชชมารับเรา เรายังไม่ยอมกลับด้วย ผอ.เลยให้ลุงภารโรงไปส่งแทน
สักพักน้าๆเค้าอิ่มแล้วลงไปเปิดเกมส์รอเหลือเรากับน้องแล้วก้อยาย ยายก็ยังมองเราตาเยิ้มๆเหมือนเดิม แต่คือเซนต์อ่ะ มันรู้สึกขนลุกหายใจไม่ทั้วท้องยังไงไม่รู้ ทามกลางความเงียบ อยู่ยายก็ชี้มาที่เราถามขึ้นมาว่าชื่ออะไร
"จีจี้ค่ะ"
"น่ารักนะ อวบๆน่ากิน "แล้วก็ยิ้มหวานเห็นฟันเหลืองๆแดงๆลืนน้ำลายแล้วเช็ดปาก
กูสาบานเลยว่าหูกูไม่ฝาดแน่นวล ได้ยินแล้วสะกิดน้องไปๆ อยากเล่นเกมส์แล้วๆ จริงๆนี่คือจะหนียายล้วนๆ
พอลงไปเล่นเกมส์ในบ้านเกมส์ยิงสัตว์อะไรสักอย่างใครแพ้ก็ผลัดให้อีกคนเล่น คือใจตอนนี้อยากกลับบ้านไม่ได้สนใจเกมส์เลย ข้างทีวีจะมีเสาแขวนนาฬิกา ไอนี่ก็ดูแต่นาฬิกา แม่จะกลับยังว่ะๆ มือถือก็ไม่มี นั่งดูน้องๆเล่นตั้งแต่ทุ่มกว่าจนเที่ยงคืน เราตัดสินใจขอให้น้าติ๊กโทรถามแม่ให้หน่อยกว่ากลับบ้านรึยัง น้าติ๊กก็โทรนะ ครั้งแรกบอกแม่ไม่รับสาย โอเคนั่งดูน้องๆเล่นเกมส์ต่อ ทุกคนเห็นเราไม่Enjoy ก็พยายามยัดเกมส์ใส่มือให้เราเล่น แต่คนมันอยากกลับบ้านอ่ะนั่งดูแต่นาฬิกา ใจลึกๆนี่รู้ตัวว่ายิ่งดึกยิ่งน่ากลัว มีแววได้นอนนี่ น้าติ๊กแกขยั้นขยอตั้งแต่แรกๆแล้ว แต่แม่เราเกรงใจกลัวลูกไปซนบ้านเค้า
ผ่านไปสักพักจะตี1ล่ะ เราขอให้น้าติ๊กโทรอีกที รอบนี้โทรติด แม่บอกกำลังกลับ แต่แล้วอยู่ๆยายที่อยู่ข้างนอกตลอดพูดพร้อมเดินไปหาน้าติ๊ก
"โอ้ย จะกลับทำไมดึกแล้วให้เด็กๆนอนนี่เป็นเพื่อนยายเถอะ" พูดอิสานนะฟังออกแค่นี้
น้าติ๊กที่คุณสายอยู่กับแม่ แม่ก็เออออนะ คือตอนนั้นไม่รู้จะเถียงยังไง เราหันไปมองหน้ายายคือยายยิ้มแบบยิ้มเกริ่มยิ้มสยองมากๆ แล้วสักพักยายเดินเข้ามาในบ้านบอกง่วงแล้ว แล้วน้าติ๊กกับแฟนก็กางมุงให้ยายนอนอีกซีกของห้องที่พวกเรานั่งกันอยู่ พร้อมเอ่ยก่อนเข้ามุง "เด็กๆมานอนกับยายนะ" เข้ามุงแล้วปิดไฟ เหงื่อตกล่ะตรู
15 นาทีต่อมา เอาว่ะ สะกิดน้องเบาๆ
"กลับบ้านมั้ย" ตามเคยน้องไม่ฟังจะนอนนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ตื่นมาเล่นเกมส์อีก หารู้ไม่ว่าพี่เนี้ยประสาทจะกินแล้ว! เท่านั้นแหละ ดึงดราม่าเลยกู ร้องไห้จ้าา ร้องโห้เลย คิดถึงแม่มมมมมมมมม่ แอ็คติ้งรัชดาลัยมาเลย น้องมันก็ตกใจไม่เคยเห็นเราร้องไห้ ดิ้นๆ จะหลับบ้าน คิดแม่มาก (แบบแหลๆ) น้าติ๊กก็มาปลอบ เอาเกมส์มายัดใส่มือ กล่อมสารพัดไม่เอาไม่เล่น (ใจอยากจะตะโกนว่ากูกลัวตายมากกว่ากลัวไม่ได้เล่นเกมส์)
สักพักน้าติ๊กก็ยอมพาขึ้นมอไซกลับบ้าน น้องนั่งกลางตามเคย แล้วจังหวะที่ออกจากบ้านมาสัก 50 เมตร ในความมืดเราหันกลับไปมองเว้ย เห็นยายที่เข้ามุงนอนไปแล้วออกมายืนกวักมือเรียกให้กลับไป อห. รีบบอกน้าติ๊กๆ ไวๆหน่อยหนูปวดฉี่ แต่ด้วยความที่ป่าปาล์มมันเป็นทางลัดถนนที่ทำทางเองมันก็จะมืดมาก ไม่มีไฟเลย มีแต่ไฟหน้ารถมอไซเกียร์ตบที่พอขี่เร็วไฟมันก็จะสว่างใช่มั้ย แต่นี่ขี่ได้แค่30 40 เพราะทางมันไม่ดี สวดมนต์ในใจผิดๆถูกๆตลอดทางกำเสื้อน้าติ๊กเป็นก้อนเลย
พอถึงบ้านแม่ก็มาถึงพอดี กำลังจะเข้าบ้านเรานี่รีบวิ่งขึ้นบ้านไม่พูดอะไร น้าติ๊กก็ตะโกนบอกแม่ว่า
"จี้มันคิดถึงแม่ไม่ยอมนอน "
เราอาบน้ำอะไรเสร็จมานอน แม่ก็ถามว่า "เป็นอะไร อยู่ๆมาคิดถึงแม่แทนที่จะไปเที่ยวเล่นให้สนุกเหมือนน้อง"
เราก็บอกแม่ว่า "แม่ ยายน้ากลัว ยายบอกลูกน่ากิน มองลูกตลอดเลย"
แม่ก็บอกว่า " คิดมาก ไม่ต้องเล่าๆ นอนๆ อยู่บ้านแล้ว นอนไปเลยไม่ต้องพูดอะไรก่อน" พอน้องได้ยินก็ฟีลกลัวขึ้นมาขอนอนเปิดไฟ ( ไอเราก็คิดในใจพร้อมมองค้อน อี Ha' กูเกือบโดนจกใส้เพราะนั้นแหละ!)
นอนไปได้สักพักไม่แน่ใจว่าตีเท่าไหร่ มีเสียงแหบๆ แผ่วๆมาเรียกที่หน้าต่าง จีจี้ จีจี้ เหมือนเสียงกระซิบเบาๆ ใกล้หน้าต่าง แล้วเคาะเบาๆ ด้วยความที่หน้าต่างมันเป็นไม่ไผ่ด้วยแหละ มันเลยดังเบามั้ง เราอ่ะตื่นแล้วนะ นอนฟังเอาผ้าห่มคลุมหัวอยู่เพราะไม่ชอบแสงไฟแยงตา แล้วแบบได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเบาไปมาหน้าบ้าน นึงถึงเสียงไม้ไผ่เสียดกันดิ แต่มันเบานะ เหมือนคนตัวเบาๆ หรือเดินย่องๆ สักพักหมาก็มาตามสเต็บ เสียงเดินรอบบ้าน เคาะใต้ถุน ที่เรานอน แล้วเสียงเหมือนเหยียบกิ่งไม้หักขึ้นหลังคา เดินเหยียบใบจากกร็อปๆวนๆ กลัวก็กลัวนอนฟังจนหลับไปตอนไหนไม่รู้
ตื่นเช้ามาแม่ออกไปทำงานแล้ว เราเปิดประตูออกมาเห็นต้นลีลาวดีหน้าบ้านกิ่งหักฟาดหลังคา มันต้นใหญ่มาก ปลูกอยู่ซ้ายขวา ต้นซ้ายมือหักซีกนึงเลย กิ่งที่หักก็สูงด้วย ไม่มีเหตุผลเลย ตอนนั้นปิดเทอมเมษา อย่าว่าพายุเลย ฝนอะไรก็ไม่มี หรือว่าจะเป็นเสียงกิ่งไม้หักเมื่อคืน..
ก่อนจะคิดอะไรความหิวมันนำมาก่อนเลยเพราะเมื่อวานตอนเย็นนี่แทบกินข้าวคลุกน้ำปลา เดินไปในครัวเห็นพวกผู้ใหญ่เค้านั่งจับกลุ่มกันคุย แล้วเห็นลุงคนสวนถือจอบกลับมาพอดีก็แปลกใจว่าทำไมทำสวนเช้าจัง จนช่วงสายก็ไปช่วยป้าอีกคนทำความสะอาดห้องแล้วตอนเที่ยงก็มากินข้าว ปกติจะมีหมาจรเยอะ เราก้อเรียกไอ้ด้างๆ ให้มากินข้าวที่เราจัดการไม่หมด พอเรียกไอ้ด่าง มันก็ด่างทุกตัวอ่ะนะ แต่ตัวที่จะให้มันดันไม่มา เราก็เลยถามป้าว่าเห็นไอ้ด่างมั้ย ป้าก็บอก
"เอ้าา ยังไม่รู้หรอ ไอ้ด้างมันถูกหมีกัดตายเมื่อคืน ลุงพึ่งเอาไปฝังที่ป่าช้าเก่าเมื่อเช้าเอง เอ็นดูมันนะ เมื่อคืนได้ยินมันเห่าเสียงดัง สงสัยไปเห่าหมีที่จะมาขโมยกินลูกสละกินมั้ง สงสารมัน เละหมดเลย " ... โอเค จานแทบคว่ำ ลาล่ะ
ด้วยความที่อยู่กับก๋งยายตั้งแต่เด็ก ไม่เคยไปไหนนานๆ ก๋งก็จะชอบโทรมาหาวันล่ะครั้ง 2 วันครั้ง ก๋งจะโทรมาเองทุกครั้ง แต่มีเสียงยายกำกับอยู่ใกล้ๆทุกครั้ง วันนั้นตกบ่ายๆกำลังจะขอยืมโทรศัพท์แม่โทรหายาย ก๋งก็โทรมาพอดี คุยไปคุยมาก็บอกก๋งว่าอยากกลับบ้าน กลัว.. แต่ไม่กล้าบอกแม่ คือมันฟีลแบบใจนึงก็ยังอยากอยู่เที่ยวเล่น อีกใจนึงก็กลัวเจอแบบเมื่อคืน เท่านั้นแหละได้ยินเสียงยายดังขึ้นมาเลย
' เอามานี่กูคุยเอง เป็นอะไร ใครทำไร! ' เราก็เล่าว่าเจอ 'ยายคนนึง น่ากลัว บอกให้ลูกถอดพระด้วย' ยายบอกไปเก็บผ้าเลย เอาโทรศัพท์ไปหาแม่กูจะคุยด้วย วันต่อมาก็ต้องระเห็ดกลับบ้านปิดฉาก ปิดเทอมใหญ่หัวใจ(และตับไต) หว้าวุ่น..
ปล. กลับมาถึงบ้านยายจับมานั่งถาม เราก็เล่าเรื่องให้แกฟัง ยายบอก "เออกูฝันไม่ดี เลยให้ก๋งโทรหา" แกก็ว่านั้นแหละ เค้าเรียกว่าปอบ แม่ก็โดนด่าเป็นชุดๆ บอกทีหลังไม่ต้องพาหลานกูไปไหนแล้วนะไปแค่แปปเดียวมีเรื่องแล้ว
ปล. 2 หลังจากมาส่งพวกเราที่บ้านแม่กลับไปไม่กี่วันก็โทรกลับมา แล้วได้ยินคุยกับยายว่าน้าติ๊กลางานบอกแม่ไม่สบายจะพากลับอิสาน แล้วหายไปเลยแกเลยต้องทำงานแทน จะไปถามแฟนแกที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว ผ่านมาเป็น10ปีก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของน้าติ๊กอีกเลย..
ใครจะไปคิดว่าอยู่ใต้ก็เจอ 'ปอบ'ได้
เรากับโตกับก๋ง ยาย น้องสาวคนล่ะพ่อ พอแม่เลิกกับพ่อของน้องสาวเลยไปทำงานตจว. ช่วงปิดเทอมใหญ่เลยมารับไปอยู่ด้วย เป็นครั้งแรกที่ไปอยู่กับแม่นานๆ ดีใจและตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรา ถ้าการใช้แอพ muitu แล้วถือว่าไม่ผิดศีลเท่ากับเรารักษาศีลครบ5ข้อนะคะ สาธุ ~
อย่างที่กริ่นมาคือแม่เราทำงานเป็นเชฟที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่เขาสก จ.สุราษฎร์ ก๋งมาส่งที่พังงาครึ่งทางแล้วแม่รับต่อ ก็ถึงก็ประมาณเย็นๆแล้ว รีสอร์ตนี่อยู่ลึกมาก ติดกับลำธารเลย บางช่วงก็ลึกบางช่วงก็ตื้นๆเรากับน้องเล่นน้ำกันหน้าท่าประจำ แล้วก็นอนที่บ้านพักพนง. ซึ่งเมื่อก่อนก็เป็นบ้านพักนทท.นี่แหละ แต่รีสอร์ตเค้าเพิ่มห้องไปในป่าบ้านเลยว่าง อารมณ์กระท่อมไม้ยกพื้นหลังคามุงจาก มีสองหลังหน้าบ้านมีต้นลีลาวดีต้นใหญ่ปลูกอยู่หน้าบ้านทั้งสองหลัง มีห้องน้ำในตัว ขึ้นบนบ้านเปิดมาก็เจอที่นอนเลย ที่นอนก็ทำเป็นเตียงยึดกับพื้นติดกับหน้าต่าง แม่นอนริมใน อิน้องที่กลัวผีขี้ขึ้นสมองนอนกลาง เรานอนริมติดหน้าต่าง ใช้ชีวิตไปได้สัก2อาทิตย์ได้ไม่มีอะไร แต่ก็เด็กอะได้ยินผู้ใหญ่เล่าว่ามีแขกเจอผีที่บ้านต้นไม้ ผญฝรั่งแฟนตกเครื่องเลยต้องนอนคนเดียว เค้าตื่นมาCheck out ตั้งแต่ตี5 กิน Breakfast กินมะเขือเทศลูกใหญ่ทั้งลูกคำเดียว เคี้ยวไปร้องไห้ไป เหมือนช็อต ไอเรื่องบ้านต้นไม้นี่ก็รับรู้แหละ แต่คิดว่าไกลตัว เพราะเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งที่พักแขกอยู่แล้ว ถ้าไปก็แค่มีแบบช่วยทำความสะอาดห้องบ้างกลางวัน ไปก็ไปกับผู้ใหญ่ตลอด ด้วยความที่เป็นที่เวลาสนิทแล้วChatty ช่างจ้อมากๆ พวกป้าๆเลยเอ็นดูเรา ขนาดป้าคนที่ไม่ถูกกับแม่เรายังรักเรา แต่น้องเราดื้อตามประสาเด็กที่โดนพ่อแม่ตามใจมาตลอดเค้าเลยไม่ได้อะไร
เริ่มเรื่องวันนั้นเลยคือมีน้าคนนึงเราไม่แน่ใจว่าอยู่แผนกไหนนะ อยู่ๆมาชวนไปที่บ้าน ไปเล่นกับลูกชายเป็นเด็กผช.2คนพี่น้อง เอาเกมส์ play มาเล่นไอน้องเราก็ตาโตสิ ร้องจะไปๆ เราเลยต้องตามไปด้วย บวกกับแม่จะไปเที่ยวงานในเมืองกลับดึกเลยไม่อยากทิ้งเรากับน้อง จริงๆนางก็จะไปเที่ยวกับกิ๊กนั้นแหละ 🙄
ตอนนั้นแผนคือแค่จะไปนั่งเล่นรอแม่กลับบ้านแล้วกลับบ้าน แต่ตอนไปก็ช่วง6โมงเย็นแล้วเพราะรอน้าคนนั้นเลิกกะด้วย ให้ชื่อว่า 'น้าติ๊ก' แล้วกัน
น้าติ๊กพาซ้อนมอไซไปกันสามคนเข้าดงปาร์ม แกเล่าให้ฟังว่าแกเป็นอิสาน ลงมาอยู่ใต้คนเดียวเลยตอนแรก แล้วก็แต่งงานมีลูกกับคนที่นี่แล้วสร้างบ้านในสวนปาร์มใกล้ๆที่รีสอร์ตนี่แหละ ในป่า6โมงกว่านี่ก็มืดแล้ว ไปถึงเค้าจัดสำรับกินข้าวกันพอดีเลยชวนเรากับน้องกินข้าว เราก็ยังไม่กินอะไรพอดีเลยขึ้นไปบนเพิง มันเรียกว่าเพิงได้จริงๆนะ แบบสร้างลวกๆ แล้วก็ติดไฟส้มดวงเดียว
พอปีนขึ้นไปก็เจอยายคนนึง ให้ตายเถอะ นึกภาพยายคนนี้ไม่ออกให้นึกถึงยายหยิบ ทรงเดียวกันเลยแม่เจ้า แกผอมมากๆ น้าติ๊กแกก็แนะนำว่าเนี่ยแม่แก แกพึ่งรับมาจากอิสานพึ่งมาถึงเอง พอพูดถึงยายหยิบแล้วแกจะหน้าบึ้งๆใช่ป่ะ แต่ยายคนนี้ยิ้มตลอด มองเราแล้วยิ้มตลอด แล้วแกพูดเบามากๆ บางคำเรานี่แทบไม่ได้ยิน คงเพราะพูดอิสานด้วยมั้ง แกกินข้าวไปมองเราไปยิ้มไป แล้วกับข้าวนี่นะ ลาบเลือด เลือดสดๆ หมูที่ดูเหมือนแค่ตกลงไปในหม้อแล้วรีบตักขึ้นอ่ะ อห. มีกับข้าวหลายอย่างนะเป็นพวกน้ำพริกผักลวก ไข่ต้ม แต่เราเห็นยายจกแต่จานนั้นอ่ะ คือเราก้อกินแบบเสียไม่ได้ ดูชิ้นไหนมันสีเหมือนจะสุกหน่อยก็ตัก ไอไฟก็ส้มเกิ้น เจอดิบที่แทบอ้วกพุ่ง ความพีคยังไม่จบแค่นั้นค่ะคุณ
ระหว่างนั่งเขี้ยจานอยู่นั้นยายแกพูดขึ้นมาว่า " สร้อยที่คอสวนะ ขอยายดูหน่อยได้มั้ย "
เราก็บอกว่า " พระค่ะ..หลวงพ่อแช่มค่ะ "
" ยายดูหน่อยสิ " พูดพร้อมยื่นมือมา
" หนูใส่มานานแล้วยายบอกว่าไม่ให้ถอดกลัวหาย "
ยังไงเราไม่ยอมถอดเด็ดขาดเพราะยายใส่ให้และย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามถอด ด้วยความที่เราเป็นเด็กเห็นอะไรแปลกๆแต่เด็ก และที่บ้านสอนไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า ขนาดแม่ไม่สบายมารับไม่ได้ให้เพื่อนเอาบัตรปชชมารับเรา เรายังไม่ยอมกลับด้วย ผอ.เลยให้ลุงภารโรงไปส่งแทน
สักพักน้าๆเค้าอิ่มแล้วลงไปเปิดเกมส์รอเหลือเรากับน้องแล้วก้อยาย ยายก็ยังมองเราตาเยิ้มๆเหมือนเดิม แต่คือเซนต์อ่ะ มันรู้สึกขนลุกหายใจไม่ทั้วท้องยังไงไม่รู้ ทามกลางความเงียบ อยู่ยายก็ชี้มาที่เราถามขึ้นมาว่าชื่ออะไร
"จีจี้ค่ะ"
"น่ารักนะ อวบๆน่ากิน "แล้วก็ยิ้มหวานเห็นฟันเหลืองๆแดงๆลืนน้ำลายแล้วเช็ดปาก
กูสาบานเลยว่าหูกูไม่ฝาดแน่นวล ได้ยินแล้วสะกิดน้องไปๆ อยากเล่นเกมส์แล้วๆ จริงๆนี่คือจะหนียายล้วนๆ
พอลงไปเล่นเกมส์ในบ้านเกมส์ยิงสัตว์อะไรสักอย่างใครแพ้ก็ผลัดให้อีกคนเล่น คือใจตอนนี้อยากกลับบ้านไม่ได้สนใจเกมส์เลย ข้างทีวีจะมีเสาแขวนนาฬิกา ไอนี่ก็ดูแต่นาฬิกา แม่จะกลับยังว่ะๆ มือถือก็ไม่มี นั่งดูน้องๆเล่นตั้งแต่ทุ่มกว่าจนเที่ยงคืน เราตัดสินใจขอให้น้าติ๊กโทรถามแม่ให้หน่อยกว่ากลับบ้านรึยัง น้าติ๊กก็โทรนะ ครั้งแรกบอกแม่ไม่รับสาย โอเคนั่งดูน้องๆเล่นเกมส์ต่อ ทุกคนเห็นเราไม่Enjoy ก็พยายามยัดเกมส์ใส่มือให้เราเล่น แต่คนมันอยากกลับบ้านอ่ะนั่งดูแต่นาฬิกา ใจลึกๆนี่รู้ตัวว่ายิ่งดึกยิ่งน่ากลัว มีแววได้นอนนี่ น้าติ๊กแกขยั้นขยอตั้งแต่แรกๆแล้ว แต่แม่เราเกรงใจกลัวลูกไปซนบ้านเค้า
ผ่านไปสักพักจะตี1ล่ะ เราขอให้น้าติ๊กโทรอีกที รอบนี้โทรติด แม่บอกกำลังกลับ แต่แล้วอยู่ๆยายที่อยู่ข้างนอกตลอดพูดพร้อมเดินไปหาน้าติ๊ก
"โอ้ย จะกลับทำไมดึกแล้วให้เด็กๆนอนนี่เป็นเพื่อนยายเถอะ" พูดอิสานนะฟังออกแค่นี้
น้าติ๊กที่คุณสายอยู่กับแม่ แม่ก็เออออนะ คือตอนนั้นไม่รู้จะเถียงยังไง เราหันไปมองหน้ายายคือยายยิ้มแบบยิ้มเกริ่มยิ้มสยองมากๆ แล้วสักพักยายเดินเข้ามาในบ้านบอกง่วงแล้ว แล้วน้าติ๊กกับแฟนก็กางมุงให้ยายนอนอีกซีกของห้องที่พวกเรานั่งกันอยู่ พร้อมเอ่ยก่อนเข้ามุง "เด็กๆมานอนกับยายนะ" เข้ามุงแล้วปิดไฟ เหงื่อตกล่ะตรู
15 นาทีต่อมา เอาว่ะ สะกิดน้องเบาๆ
"กลับบ้านมั้ย" ตามเคยน้องไม่ฟังจะนอนนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ตื่นมาเล่นเกมส์อีก หารู้ไม่ว่าพี่เนี้ยประสาทจะกินแล้ว! เท่านั้นแหละ ดึงดราม่าเลยกู ร้องไห้จ้าา ร้องโห้เลย คิดถึงแม่มมมมมมมมม่ แอ็คติ้งรัชดาลัยมาเลย น้องมันก็ตกใจไม่เคยเห็นเราร้องไห้ ดิ้นๆ จะหลับบ้าน คิดแม่มาก (แบบแหลๆ) น้าติ๊กก็มาปลอบ เอาเกมส์มายัดใส่มือ กล่อมสารพัดไม่เอาไม่เล่น (ใจอยากจะตะโกนว่ากูกลัวตายมากกว่ากลัวไม่ได้เล่นเกมส์)
สักพักน้าติ๊กก็ยอมพาขึ้นมอไซกลับบ้าน น้องนั่งกลางตามเคย แล้วจังหวะที่ออกจากบ้านมาสัก 50 เมตร ในความมืดเราหันกลับไปมองเว้ย เห็นยายที่เข้ามุงนอนไปแล้วออกมายืนกวักมือเรียกให้กลับไป อห. รีบบอกน้าติ๊กๆ ไวๆหน่อยหนูปวดฉี่ แต่ด้วยความที่ป่าปาล์มมันเป็นทางลัดถนนที่ทำทางเองมันก็จะมืดมาก ไม่มีไฟเลย มีแต่ไฟหน้ารถมอไซเกียร์ตบที่พอขี่เร็วไฟมันก็จะสว่างใช่มั้ย แต่นี่ขี่ได้แค่30 40 เพราะทางมันไม่ดี สวดมนต์ในใจผิดๆถูกๆตลอดทางกำเสื้อน้าติ๊กเป็นก้อนเลย
พอถึงบ้านแม่ก็มาถึงพอดี กำลังจะเข้าบ้านเรานี่รีบวิ่งขึ้นบ้านไม่พูดอะไร น้าติ๊กก็ตะโกนบอกแม่ว่า
"จี้มันคิดถึงแม่ไม่ยอมนอน "
เราอาบน้ำอะไรเสร็จมานอน แม่ก็ถามว่า "เป็นอะไร อยู่ๆมาคิดถึงแม่แทนที่จะไปเที่ยวเล่นให้สนุกเหมือนน้อง"
เราก็บอกแม่ว่า "แม่ ยายน้ากลัว ยายบอกลูกน่ากิน มองลูกตลอดเลย"
แม่ก็บอกว่า " คิดมาก ไม่ต้องเล่าๆ นอนๆ อยู่บ้านแล้ว นอนไปเลยไม่ต้องพูดอะไรก่อน" พอน้องได้ยินก็ฟีลกลัวขึ้นมาขอนอนเปิดไฟ ( ไอเราก็คิดในใจพร้อมมองค้อน อี Ha' กูเกือบโดนจกใส้เพราะนั้นแหละ!)
นอนไปได้สักพักไม่แน่ใจว่าตีเท่าไหร่ มีเสียงแหบๆ แผ่วๆมาเรียกที่หน้าต่าง จีจี้ จีจี้ เหมือนเสียงกระซิบเบาๆ ใกล้หน้าต่าง แล้วเคาะเบาๆ ด้วยความที่หน้าต่างมันเป็นไม่ไผ่ด้วยแหละ มันเลยดังเบามั้ง เราอ่ะตื่นแล้วนะ นอนฟังเอาผ้าห่มคลุมหัวอยู่เพราะไม่ชอบแสงไฟแยงตา แล้วแบบได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเบาไปมาหน้าบ้าน นึงถึงเสียงไม้ไผ่เสียดกันดิ แต่มันเบานะ เหมือนคนตัวเบาๆ หรือเดินย่องๆ สักพักหมาก็มาตามสเต็บ เสียงเดินรอบบ้าน เคาะใต้ถุน ที่เรานอน แล้วเสียงเหมือนเหยียบกิ่งไม้หักขึ้นหลังคา เดินเหยียบใบจากกร็อปๆวนๆ กลัวก็กลัวนอนฟังจนหลับไปตอนไหนไม่รู้
ตื่นเช้ามาแม่ออกไปทำงานแล้ว เราเปิดประตูออกมาเห็นต้นลีลาวดีหน้าบ้านกิ่งหักฟาดหลังคา มันต้นใหญ่มาก ปลูกอยู่ซ้ายขวา ต้นซ้ายมือหักซีกนึงเลย กิ่งที่หักก็สูงด้วย ไม่มีเหตุผลเลย ตอนนั้นปิดเทอมเมษา อย่าว่าพายุเลย ฝนอะไรก็ไม่มี หรือว่าจะเป็นเสียงกิ่งไม้หักเมื่อคืน..
ก่อนจะคิดอะไรความหิวมันนำมาก่อนเลยเพราะเมื่อวานตอนเย็นนี่แทบกินข้าวคลุกน้ำปลา เดินไปในครัวเห็นพวกผู้ใหญ่เค้านั่งจับกลุ่มกันคุย แล้วเห็นลุงคนสวนถือจอบกลับมาพอดีก็แปลกใจว่าทำไมทำสวนเช้าจัง จนช่วงสายก็ไปช่วยป้าอีกคนทำความสะอาดห้องแล้วตอนเที่ยงก็มากินข้าว ปกติจะมีหมาจรเยอะ เราก้อเรียกไอ้ด้างๆ ให้มากินข้าวที่เราจัดการไม่หมด พอเรียกไอ้ด่าง มันก็ด่างทุกตัวอ่ะนะ แต่ตัวที่จะให้มันดันไม่มา เราก็เลยถามป้าว่าเห็นไอ้ด่างมั้ย ป้าก็บอก
"เอ้าา ยังไม่รู้หรอ ไอ้ด้างมันถูกหมีกัดตายเมื่อคืน ลุงพึ่งเอาไปฝังที่ป่าช้าเก่าเมื่อเช้าเอง เอ็นดูมันนะ เมื่อคืนได้ยินมันเห่าเสียงดัง สงสัยไปเห่าหมีที่จะมาขโมยกินลูกสละกินมั้ง สงสารมัน เละหมดเลย " ... โอเค จานแทบคว่ำ ลาล่ะ
ด้วยความที่อยู่กับก๋งยายตั้งแต่เด็ก ไม่เคยไปไหนนานๆ ก๋งก็จะชอบโทรมาหาวันล่ะครั้ง 2 วันครั้ง ก๋งจะโทรมาเองทุกครั้ง แต่มีเสียงยายกำกับอยู่ใกล้ๆทุกครั้ง วันนั้นตกบ่ายๆกำลังจะขอยืมโทรศัพท์แม่โทรหายาย ก๋งก็โทรมาพอดี คุยไปคุยมาก็บอกก๋งว่าอยากกลับบ้าน กลัว.. แต่ไม่กล้าบอกแม่ คือมันฟีลแบบใจนึงก็ยังอยากอยู่เที่ยวเล่น อีกใจนึงก็กลัวเจอแบบเมื่อคืน เท่านั้นแหละได้ยินเสียงยายดังขึ้นมาเลย
' เอามานี่กูคุยเอง เป็นอะไร ใครทำไร! ' เราก็เล่าว่าเจอ 'ยายคนนึง น่ากลัว บอกให้ลูกถอดพระด้วย' ยายบอกไปเก็บผ้าเลย เอาโทรศัพท์ไปหาแม่กูจะคุยด้วย วันต่อมาก็ต้องระเห็ดกลับบ้านปิดฉาก ปิดเทอมใหญ่หัวใจ(และตับไต) หว้าวุ่น..
ปล. กลับมาถึงบ้านยายจับมานั่งถาม เราก็เล่าเรื่องให้แกฟัง ยายบอก "เออกูฝันไม่ดี เลยให้ก๋งโทรหา" แกก็ว่านั้นแหละ เค้าเรียกว่าปอบ แม่ก็โดนด่าเป็นชุดๆ บอกทีหลังไม่ต้องพาหลานกูไปไหนแล้วนะไปแค่แปปเดียวมีเรื่องแล้ว
ปล. 2 หลังจากมาส่งพวกเราที่บ้านแม่กลับไปไม่กี่วันก็โทรกลับมา แล้วได้ยินคุยกับยายว่าน้าติ๊กลางานบอกแม่ไม่สบายจะพากลับอิสาน แล้วหายไปเลยแกเลยต้องทำงานแทน จะไปถามแฟนแกที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว ผ่านมาเป็น10ปีก็ไม่เคยได้ข่าวคราวของน้าติ๊กอีกเลย..