วิธีหาเงิน แบบ น้ำพริกหม่าล่า 25,000 ล้านบาท (เหล่ากันมา LAOGANMA) | ส่องธุรกิจและการตลาดจีน


วิธีหาเงิน แบบ น้ำพริกหม่าล่า 25,000 ล้านบาท (เหล่ากันมา LAOGANMA) | ส่องธุรกิจและการตลาดจีน

 
หากพูดถึงน้ำพริก "หม่าล่า" ทุกคนคงรู้จักกันดีที่เอาไว้ปรุงให้เนื้อมีรสชาติเผ็ด ชาลิ้น และอร่อย ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับคนไทย ณ ปัจจุบัน แต่รู้ไหมครับว่าน้ำพริกหมาล่านั้น มีคน ๆ หนึ่งเป็นแค่ชาวไร่ชาวนา ยากจน ได้คิดค้นขึ้นมาจากการขายแค่ยำบะหมี่ต่าง ๆ จนนำไปสู่การผลิตสูตรน้ำพริกหม่าล่า 
จนกลายเป็นที่โด่งดังไปทั้งในจีนและทั่วโลก โดยมีรายได้ต่อปีทั้งหมด 25,000 ล้านบาท เค้าคือใคร
 ทำไมถึงประสบความสำเร็จมาถึงขนาดนี้ บทความนี้มีคำตอบครับ...



เพี้ยนแคปเจอร์


“ที่ไหนมีคนจีนที่นั่นมี เหล่า กานมา” เป็นคำกล่าวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจน้ำพริกอย่าง เหล่า กานมา ซึ่งก็คือ เป็นพริกจีนคั่วน้ำมันบรรจุไว้ในขวดแก้ว พริกขวดนี้เกิดมาจากผู้หญิงที่ชื่อว่า เถา หัวปี้ ที่ทำให้มณฑลธรรมดา ๆ ของจีนสามารถเติบโตเป็นมณฑลที่ดูแลตัวเองได้ และสลัดความยากจนออกจากคนในพื้นที่ ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนจาก คนยากจนที่ต้องแบกภาระหลาย ๆ อย่าง ให้เป็นเศรษฐีติดอันดับต้น ๆ ของจีน เถา หัวปี้ เปรียบเสมือนเป็นเบื้องหลังขวดพริกจีนที่อยู่ทุกซอกทุกมุมโลก และวันนี้เราจะมารู้จักกับความเป็นมาและแนวคิดของความสำเร็จใน สูตรน้ำพริก เหล่า กานมา กันนะครับว่าจะเป็นอย่างไร...

เถา หัวปี้ เกิดเมื่อปี 1947 ที่อำเภอ เหมยถาน เมือง จุนอี้ มณฑล กุ้ยโจว เมื่อเธออายุถึง 20 ปี เถา หัวปี้ ได้แต่งงานกับเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยา และมีลูกด้วยกันอยู่ 2 คน โดยความที่เขาไม่ได้เรียนหนังสือเพราะฐานะเธอยากจนมาก และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อสามีของเธอได้เสียชีวิตหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่ปี และเธอก็เป็นคนเดียวที่ต้องแบกรับภาระครอบครัวทั้งหมดไว้ เถา หัวปี้ จึงต้องออกไปทำงานนอกหมู่บ้าน ต้องออกไปทำเต้าหู้ตอนกลางคืนและไปขายที่โรงเรียนในตอนเช้า เธอทำงานทั้งวันทั้งคืน ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ เพราะต้องเก็บเงินออมเงินไว้ดูแลครอบครัว และเมื่อเธอเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงตัดสินใจ “อยากที่จะเป็นนายตัวเอง” และเอาเงินก้อนนั้นไปทำร้านบะหมี่ยำ ในวัย 42 ปี 

เพี้ยนหืม


เมื่อปี 1898 ร้านบะหมี่แรกของ เถา หัวปี้ เกิดขึ้นที่อำเภอ หนานหมิง เมือง กุ้ยหยาง มณฑล กุ้ยโจว โดยมีเมนูหลัก ก็คือ บะหมี่แห้งคลุกกับน้ำมันพริกถั่วเหลืองและน้ำพริกหม่าล่า ซึ่งการจะตัดสินใจที่จะเปิดร้านยำหรือร้านบะหมี่ในประเทศจีนนั้น จะต้องมีความแน่ใจและเชื่อมั่นในรสชาติของตัวเองแล้วว่า “ต้องมีรสชาติอร่อยและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว” จึงจะสามารถดำเนินกิจการได้นาน และด้วยความที่เธอเป็นคนใจดีมากเวลาเด็กนักเรียนไม่มีอะไรจะกิน เธอจะคอยแถมให้เสมอ ๆ จนคนในหมู่บ้านติดใจในรสชาติ จนต้องมาอุดหนุนร้านของ เถา หัวปี้ บ่อย ๆ ซึ่งตัวของ เถา หัวปี้ อยู่ร้านเอง ขายของเองทุกวัน ขายไปขายมา ก็เริ่มจับจุดอะไรบางอย่างได้ จุดที่ทำให้พลิกชีวิตเธอไปตลอดกาล จุดนี้เปลี่ยนเธอจากคนที่ทำงานหนัก ยากจน กลายมาเป็น มหาเศรษฐี เธอลองสังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและก็พบว่ามีอยู่บ่อยครั้งที่มีลูกค้าจะขอซื้อแต่ซอสพริกคั่วน้ำมันกลับบ้าน และก็มีอีกหลายวันที่เมื่อซอสพริกคั่วน้ำมันของเธอหมด ลูกค้าที่เคยกินประจำ ๆ เขาก็บอกว่าจะไม่กินถ้าไม่มีน้ำพริกของ เถา หัวปี้ และทำให้เธอจับจุดสำคัญนี้ได้เพิ่มอีกว่า จริง ๆ แล้ว คนไม่ได้มากินบะหมี่ของเขา เพียงแต่ติดใจในซอสพริกคั่วน้ำมันของเขาต่างหาก แล้วสิ่งนี้ก็ทำให้เธอเริ่มรู้ถึง “ศักยภาพของสินค้าที่เธอมีอยู่ในมือ” นั่นเอง
 

 

ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก https://www.shoot2china.co/post/laoganma-case-study-for-sme



พอเข้าสู่ปี 1994 เถา หัวปี้ มีอายุได้ 49 ปี เธอตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเลิกขายร้านบะหมี่ยำ และเปลี่ยนจากร้านบะหมี่ยำมาผลิต “ซอสพริกคั่วน้ำมัน” แทน โดยที่เธอเช่าห้องแถวอยู่ 2 ห้อง เพื่อทำการผลิตสินค้าด้วยตัวเองหรือมีลักษณะการผลิตสินค้าในรูปแบบงานฝีมือ ในเมือง กุ้ยหยาง ซึ่งใน ณ ขณะนั้น เขาก็สามารถนำไปวางขายข้างทาง และเป็นแหล่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในเมืองนั้นรับซอสพริกคั่วน้ำมันนำไปใช้ประกอบการทำร้านบะหมี่ยำ เนื่องจากสูตรของ เถา หัวปี้ มีรสชาติที่ถูกใจและอร่อยจริง ๆ แต่ระหว่างที่เขามียอดขายที่ดีอยู่นั้น ปัญหาก็ตามมา เนื่องจากการผลิตสินค้าที่มีมากจนเกินไปทำให้เขาต้องหาช่องทางการจัดจำหน่ายที่มากขึ้น เถา หัวปี้ จึงตัดสินใจที่จะใช้ตัวเองในการนำสินค้าออกไปขาย โดยการนำซอสพริกคั่วน้ำมันใส่ในตะกร้าสานข้างหลังแล้วแบกไปขายตามโรงอาหารในโรงงานของหน่อยงานรัฐบาลต่าง ๆ รวมทั้งนำไปฝากขายตามร้านขายของชำ อาจจะเริ่มต้นฝากขายตามร้านค้าร้านละ 2-3 กระปุกก่อน ทีนี่พอฝากได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ที่ว่าพ่อค้าแม่ค้าตามร้านขายของชำต่างพยายามติดต่อ เถา หัวปี้ ให้นำซอสพริกคั่วน้ำมันมาฝากไว้ให้เยอะกว่านี้เพราะแต่ละร้านต่างพากันขายดิบขายดีในสินค้าของเธอ จนสินค้าผลิตเองแทบไม่ทันและมียอดขายที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง จนเธอได้ตัดสินใจเปิดโรงงานทำซอสพริกหม่าล่าคั่วภายใต้ชื่อว่า “เหล่า กานมา” ที่มีความหมายตรงตัวว่า “แม่บุญธรรม” แล้วได้ขอจดลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการคุณรู้หรือไม่ว่า ในเหตุการณ์ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน การก๊อปปี้สินค้าก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอด แม้แต่ เถา หัวปี้ เองก็แทบจะล้มทั้งยืน เพราะตั้งแต่สินค้าของเธอได้ขายดีและมีการแพร่กระจายข่าวออกไป ทำให้มีคนลอกเลียนแบบสินค้าของเธอมากกว่า 50 เจ้าในรูปแบบสินค้าหรือไลน์โปรดักของเธอเอง และยิ่งไปกว่านั้นสินค้าก๊อปปี้เหล่านี้ไม่ได้มีขายเฉพาะมณฑล กุ้ยโจว แต่แพร่กระจายไปทั่วประเทศจีน ซึ่งถือว่าเป็นจุดปัญหาที่หนักที่สุดของ เถา หัวปี้ และหลังจากนำพริก เหล่า กานมา ได้ต่อสู้กับคู่แข่งมากมายที่ใช้ชื่อก๊อปปี้แบบ เหล่า กานมา มาเป็นเวลา 5-6 ปีในที่สุดก็ได้ครองใบลิขสิทธิ์สินค้าน้ำพริกอย่าง เหล่า กานมา มาครอง และ เถา หัวปี้ ก็ต้องต่อสู้ในชั้นศาลและสามารถชนะคู่แข่งที่ก๊อปปี้สินค้าของเขามาจนได้ 

และที่น่าตกใจนอกจากฝีมือการทำน้ำพริกที่แสนอร่อยอย่าง “เหล่า กานมา” ของ เถา หัวปี้ แล้ว แนวคิดการบริหารหรือการเริ่มต้นธุรกิจของเธอมาจากเงินที่อดออม และไม่มีการกู้ยืมเงินจากที่ใดเลยในการทำธุรกิจ จนมาถึงปัจจุบันที่ได้มีข่างแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีนที่ว่า ลูกหรือทายาทของ เถา หัวปี้ ได้มีความคิดที่ว่าจะนำบริษัทน้ำพริก “เหลา กานมา” เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศจีน ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้วที่ธุรกิจใหญ่จะสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ เถา หัวปี้ ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนี้ เนื่องจากถ้าเมื่อไหร่ที่นำบริษัทเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะถือว่า การทำธุรกิจของเขาเป็นเหมือนการหลอกเอาเงินผู้อื่น เพราะถ้าธุรกิจของเขาเข้าได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ สินค้า “เหลา กานมา” ก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ข่าวกระจายออกไปทั่วประเทศจีนและผู้คนก็ต่างชื่นชมในความคิดของ เถา หัวปี้  และส่วนตัวของผมเองก็ยังมีความชื่นชอบในอุดมการณ์ของผู้หญิงคนนี้เลยครับ 
 
 

ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก https://www.jeenthainews.com/china-news/11076_20210127


ปัจจุบันน้ำพริก “เหล่า กานมา” ได้เปลี่ยนสถานะจากสินค้าท้องถิ่นสู่สินค้าคู่ครัวเรือนคนจีน คาดว่าในแต่ละวันมีผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ “เหล่า กานมา” ทั่วโลกกว่า 2 ล้านคน อย่างที่ เถา หัวปี้ ได้พูดเอาไว้ว่า “ที่ไหนมีคนจีนที่นั่นมี เหล่า กานมา” ทำให้บริษัทของเธอสามารถเติบโตจนขยายฐานการผลิตเป็น 3 แห่ง ซึ่งมีเนื้อที่รวม 310 ไร่ มีพนักงาน 5,000 คน ทำให้มีกำลังการผลิตกว่า 1.2 ล้านขวดต่อวัน มูลค่าการผลิตประมาณ 4.5  พันล้านหยวนต่อปี (2 หมื่น 5 พัน ล้านบาท) ผลิตสินค้าออกมากว่า 20 สูตร อาทิเช่น  พริกคั่วน้ำมันหม่าล่า พริกคั่วน้ำมันผสมเต้าซี่ พริกคั่วน้ำมันผสมเนื้อวัว พริกคั่วน้ำมันไก่ เต้าหู้ยี้ในน้ำมันแดง ฯลฯ นั่นเอง

สรุปได้ว่า ธุรกิจนำพริกหม่าล่า “เหล่า กานมา” ไม่ใช่ธุรกิจที่เกิดจากการฟลุ๊คหรือบังเอิญแต่อย่างใด แต่เป็นธุรกิจของผู้คนหนึ่งที่มองเห็นโอกาส และไม่ลังเลที่จะสานต่อให้สำเร็จ โดยไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นจะอายุมากหรืออายุน้อย และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดระหว่างทางให้ดีที่สุด แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ ถ้าคุณมองเห็นโอกาสอยู่ตรงหน้า คุณจะปล่อยให้มันผ่านไปหรือจะสานต่อให้มันเป็นช่องทางหาเงินให้คุณได้ สามารถคอมเมนต์แชร์ความคิดเห็นมาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ 
 

เพี้ยนผิดห้อง

 ===============================================================

สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่