คนไทยอะไรก็ดี ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีรสนิยมในการลงทุนแบบตามตามกันมา ตั้งแต่เมื่อก่อนที่ร้านสะดวกซักเติบโตก็จะมีร้านสะดวกซักคล้ายๆกันเปิดอยู่ใกล้ๆกันเป็นจำนวนมากบางร้านก็ดีบางร้านก็เจ๊งบางร้านก็ทำเป็นเฟรนไชส์ บางร้านก็ทำเอง ลงทุนเองทั้งหมด
แถวบ้านผมก็เหมือนกันร้านแบบนี้ มีค่อนข้างเยอะ ตัวหนังสือจีนเต็มไปหมด เพราะว่าเค้าไม่ได้ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ลงทุนก็จะเป็นคนจีน ใช่คนไทยบังหน้าอีกทีนึง ส่วนบางร้าน ก็เป็นคนไทยลงทุนเองจริงๆก็มี
-----
ท้าวความกันซะนิดนึง หม่าล่ามีถิ่นกำเนิดในมณฑลเสฉวนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีนแรกเริ่มเดิมที นิยมทำ ด้วยน้ำมันคั่วกับพริก กับซอสปรุงอาหาร ลงไปทำให้มีความเผ็ดและมีความชาลิ้นตามชื่อ
มันก็มีการทำหลายรูปแบบทั้งเอามาเป็นซอสน้ำจิ้มผัดกับเนื้อสัตว์ทำเป็นผักเสียบไม้ทำเป็นซุปหม่าล่าหรือนำไปผัดกับบะหมี่ก็มีก๋วยเตี๋ยวก็ได้ก็สุดแท้แต่จะคิด
สรุปแล้ว หม่าล่า ไม่ใช่เมนูอาหาร แต่มันหมายถึงรสชาติที่ออกมา มีความเผ็ดและชาลิ้นตามสไตล์ชาวเสฉวนนั้นเอง
-----
กลับมาเรื่องร้านกันต่อ
ร้านอาหาร บางอย่างก็เป็นเทรน เป็นตามสมัยนิยม มาแล้วก็ไป เอาตรงๆที่ร้านกล้ามาเปิดเยอะเปิดติดๆกัน ก็เพราะมีร้านหม่าล่าเจ้าดังมาเปิด มีคนมารอหน้าร้าน รอแบบ 2-4 ชั่วโมงเพื่อมารอกิน คนนั่งโต๊ะรอหน้าร้าน เต็มไปหมด
คนอื่นมาเห็นก็คิดว่า เห้ย! ขายดีนี้หว่า อยากได้ส่วนแบ่งลูกค้าบ้างจัง … ไม่เห็นมีอะไรเลย เราก็ทำได้ เท่านั้นแหละ ลงทุนเปิดร้าน ทุบตึก เอาสายพานมาลง ซื้อสินค้า ซื้อวัตถุดิบ วางเป็นตับๆๆๆๆ ทำไม่จากถ้าตังค์ถึง
เป็นเหตุให้ร้านแบบนี้ผุดเป็นดอกเห็ดในปัจจุบัน ปัญหาอย่างเดียวคือ วัตถุดิบราคาถูก ถูกมากพอที่จะขายตัดราคาคู่แข่งได้ เพื่อดึงคนเข้ามาหน้าร้านให้เยอะที่สุด ยอมขาดทุนตอนแรก ถ้าลูกค้าติดแล้ว ค่อยสร้างกำไรทีหลัง
ปัญหาที่ตามมาอาจจะเหมือนกับสุกี้หม่าล่าเจ้าดัง คือไปนำเข้าเอาสินค้าจากประเทศจีนวัตถุดิบจากประเทศจีนที่ไม่ผ่าน อย. หรือผิดกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์หรือเนื้อสัตว์แปรรูปที่ถูกห้ามจากกรมปศุสัตว์เป็นต้นก็จะถูกดำเนินคดีได้ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างที่เราเคยได้ยินเกี่ยวกับไส้กรอกแดงจากประเทศจีน
ทำให้ยอดตกไปเลยคนหายไปเยอะ อย่างไรก็ตามในส่วนนี้ต้องดูกันยาวๆ ว่าเจ้าของร้านจะสามารถที่จะบริหารจัดการเกี่ยวกับต้นทุนได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ไม่งั้นจะเสียเปรียบคู่แข่งคนอื่นอย่างมากและร้านจะไปไม่รอด
-----
รูปแบบของร้านแต่ละร้านที่เคยเข้าไปรับประทานมีรูปแบบแทบจะเหมือนกันเป๊ะเป๊ะเลยก็คือหนึ่งมีสายพานสองมีต้มสุกี้หม้อต้มหมาล่าหรือจะเลือกน้ำซุปแบบอื่นก็สุดแท้แต่มี และ ไอติมอยู่หน้าร้านมีพนักงานคอยเสิร์ฟ วัตถุดิบลงสายพาน
ร้านแบบนี้จะมีเยอะเหมือนกับสมัยที่ร้านกาแฟคาเฟ่ผุดขึ้นจำนวนมากแต่สุดท้ายปลายทางก็จะเหลือแค่ร้านที่สามารถบริหารจัดการร้านได้อย่างเหมาะสมและมีลักษณะเฉพาะตัวให้ลูกค้าติดใจจึงจะอยู่รอดได้ ต้องดูกันยาวยาวว่าร้านสุกี้สายพาน ร้านหมาล่าสายพานที่เราเห็นอยู่นี้จะเหลือรอดอีกซักกี่ร้าน
บทความต้นฉบับ:
https://www.blockdit.com/posts/64d5bddada6f3ae52f14fed1
ร้านหม่าล่า เปิดเป็นดอกเห็ด ลงทุนตามเพื่อนเลยไหม?
แถวบ้านผมก็เหมือนกันร้านแบบนี้ มีค่อนข้างเยอะ ตัวหนังสือจีนเต็มไปหมด เพราะว่าเค้าไม่ได้ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ลงทุนก็จะเป็นคนจีน ใช่คนไทยบังหน้าอีกทีนึง ส่วนบางร้าน ก็เป็นคนไทยลงทุนเองจริงๆก็มี
-----
ท้าวความกันซะนิดนึง หม่าล่ามีถิ่นกำเนิดในมณฑลเสฉวนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีนแรกเริ่มเดิมที นิยมทำ ด้วยน้ำมันคั่วกับพริก กับซอสปรุงอาหาร ลงไปทำให้มีความเผ็ดและมีความชาลิ้นตามชื่อ
มันก็มีการทำหลายรูปแบบทั้งเอามาเป็นซอสน้ำจิ้มผัดกับเนื้อสัตว์ทำเป็นผักเสียบไม้ทำเป็นซุปหม่าล่าหรือนำไปผัดกับบะหมี่ก็มีก๋วยเตี๋ยวก็ได้ก็สุดแท้แต่จะคิด
สรุปแล้ว หม่าล่า ไม่ใช่เมนูอาหาร แต่มันหมายถึงรสชาติที่ออกมา มีความเผ็ดและชาลิ้นตามสไตล์ชาวเสฉวนนั้นเอง
-----
กลับมาเรื่องร้านกันต่อ
ร้านอาหาร บางอย่างก็เป็นเทรน เป็นตามสมัยนิยม มาแล้วก็ไป เอาตรงๆที่ร้านกล้ามาเปิดเยอะเปิดติดๆกัน ก็เพราะมีร้านหม่าล่าเจ้าดังมาเปิด มีคนมารอหน้าร้าน รอแบบ 2-4 ชั่วโมงเพื่อมารอกิน คนนั่งโต๊ะรอหน้าร้าน เต็มไปหมด
คนอื่นมาเห็นก็คิดว่า เห้ย! ขายดีนี้หว่า อยากได้ส่วนแบ่งลูกค้าบ้างจัง … ไม่เห็นมีอะไรเลย เราก็ทำได้ เท่านั้นแหละ ลงทุนเปิดร้าน ทุบตึก เอาสายพานมาลง ซื้อสินค้า ซื้อวัตถุดิบ วางเป็นตับๆๆๆๆ ทำไม่จากถ้าตังค์ถึง
เป็นเหตุให้ร้านแบบนี้ผุดเป็นดอกเห็ดในปัจจุบัน ปัญหาอย่างเดียวคือ วัตถุดิบราคาถูก ถูกมากพอที่จะขายตัดราคาคู่แข่งได้ เพื่อดึงคนเข้ามาหน้าร้านให้เยอะที่สุด ยอมขาดทุนตอนแรก ถ้าลูกค้าติดแล้ว ค่อยสร้างกำไรทีหลัง
ปัญหาที่ตามมาอาจจะเหมือนกับสุกี้หม่าล่าเจ้าดัง คือไปนำเข้าเอาสินค้าจากประเทศจีนวัตถุดิบจากประเทศจีนที่ไม่ผ่าน อย. หรือผิดกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์หรือเนื้อสัตว์แปรรูปที่ถูกห้ามจากกรมปศุสัตว์เป็นต้นก็จะถูกดำเนินคดีได้ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างที่เราเคยได้ยินเกี่ยวกับไส้กรอกแดงจากประเทศจีน
ทำให้ยอดตกไปเลยคนหายไปเยอะ อย่างไรก็ตามในส่วนนี้ต้องดูกันยาวๆ ว่าเจ้าของร้านจะสามารถที่จะบริหารจัดการเกี่ยวกับต้นทุนได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ไม่งั้นจะเสียเปรียบคู่แข่งคนอื่นอย่างมากและร้านจะไปไม่รอด
-----
รูปแบบของร้านแต่ละร้านที่เคยเข้าไปรับประทานมีรูปแบบแทบจะเหมือนกันเป๊ะเป๊ะเลยก็คือหนึ่งมีสายพานสองมีต้มสุกี้หม้อต้มหมาล่าหรือจะเลือกน้ำซุปแบบอื่นก็สุดแท้แต่มี และ ไอติมอยู่หน้าร้านมีพนักงานคอยเสิร์ฟ วัตถุดิบลงสายพาน
ร้านแบบนี้จะมีเยอะเหมือนกับสมัยที่ร้านกาแฟคาเฟ่ผุดขึ้นจำนวนมากแต่สุดท้ายปลายทางก็จะเหลือแค่ร้านที่สามารถบริหารจัดการร้านได้อย่างเหมาะสมและมีลักษณะเฉพาะตัวให้ลูกค้าติดใจจึงจะอยู่รอดได้ ต้องดูกันยาวยาวว่าร้านสุกี้สายพาน ร้านหมาล่าสายพานที่เราเห็นอยู่นี้จะเหลือรอดอีกซักกี่ร้าน
บทความต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/posts/64d5bddada6f3ae52f14fed1