“ช่วยด้วย!” เสียงกรีดร้องดังลั่น
เคเลบสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาเบิกโพลง
เสียงร้องคำรามอันดุร้ายของสัตว์เดรัจฉาน และเสียงกรีดร้องอันตื่นตระหนกที่ดังก้องกังวานพลันหายไป คล้ายเสียงสะท้อนที่เลือนหายไปอย่างฉับพลัน
เคเลบหอบหายใจ ดวงตาสีดำกวาดมองไปตามกำแพงห้องที่ว่างเปล่า ผ้าม่านที่ปิดสนิท และประตูห้องที่ถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา แล้วเมื่อสายตาเขาชินกับความมืด เคเลบก็ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวเร็วอยู่ขณะนี้ มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
เป็นแค่ฝัน -- เคเลบบอกตนเอง -- ดวงตายังคงเบิกโพลง ขณะจ้องมองเพดานห้องนอน
ฝันร้ายที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของริเวอร์
เขาสัมผัสถึงหัวใจตรงอกซ้ายที่ค่อยๆเต้นลงอย่างช้าๆ ฟังเสียงหอบหายใจของตนที่ค่อยๆแผ่วเบาลง
เคเลบพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงของตนเอง ในท่าเดียวกันกับก่อนที่เขาจะหลับตานอนเมื่อคืน แขนข้างหนึ่งยังคงเหยียดตรงอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ในขณะที่มืออีกข้างกำลังกุมฝ่ามืออันบอบบางไว้แน่น
เคเลบเหลือบมองฝ่ามือที่เขากุมกระชับเอาไว้ ก่อนจะไล่มองไปยังใบหน้าของเจ้าของฝ่ามือนั้น
ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์กำลังจ้องมองมา ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ราวกับได้แอบมองเขาอยู่นานแล้ว
“สวัสดี” เคเลบกระซิบกับภรรยาสาว
“สวัสดีค่ะ” เธอตอบกลับมา
เคเลบมองรอยคล้ำใต้ตาของเธอ ก่อนจะถามขึ้นมาเบาๆว่า “คุณได้นอนหลับไปบ้างไหม แมรี่”
เขาถามเธอออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่รับรู้อยู่เต็มอก ว่าเธอนอนไม่หลับ
สิ่งที่เธอกำลังแบกรับ และต่อสู้อยู่ภายในนั้นหนักหน่วง และน่ากลัวเกินกว่าที่เธอจะข่มตาหลับลงได้ --
ทั้งเขา และเธอไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วนั้น เธอจะยังเป็นแมรี่โกลด์คนเดิมอยู่หรือไม่
ความเงียบ และความหนาวเย็นในค่ำคืนปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขาและเธอ ความรู้สึกห่างเหินเกิดขึ้นมาในฉับพลัน และมันทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลจากเธอราวพันปีแสงก็ไม่ปาน
มันจบลงแล้ว -- เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจของเขาอย่างแผ่วเบา -- เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสุข หรืออุ่นไอรักใดๆในห้องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนทั้งเขาและเธอจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
และบางที มันอาจจะจบไปตั้งนาน ตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อนแล้ว --
ในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับความฝันอันโหดร้ายในยามหลับไหล แมรี่โกลด์ก็กำลังเผชิญหน้ากับความตายที่คืบใกล้เข้ามาในโลกของความเป็นจริง
เคเลบจ้องมองเธออยู่นาน ตัดสินใจที่จะไม่ซักไซ้ต่อ
มือหนาที่กอบกุมมือของเธอเลื่อนขึ้นมาตามเรียวแขน และหัวไหล่อันบอบบางของเธอที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีดำเข้มของเคเลบจับจ้องใบหน้าภรรยาสาว -- พยายามจดจำเธอทุกรายละเอียดราวกับว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกต่อไปแล้ว
เขาพินิจมองไปตามใบหน้าของเธอ ทั้งหน้าผากกลมมน จมูกที่เชิดรั้น และริมฝีปากอิ่มตรงหน้า -- เธอดูอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อย หากแต่ความอ่อนหวานตรงหน้ากลับทำให้เคเลบรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าไปใกล้ชิดเธอมากขึ้น -- และมากขึ้น -- มากจนเห็นรอยกระบนจมูก และประกายเจิดจ้าในดวงตาสีเขียวคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
ชั่วขณะนั้นแมรี่โกลด์ยังคงดูสวยงาม และอ่อนหวาน อย่างเช่นที่เขารู้จักมาตลอดทั้งชีวิต
เรือนผมสีแดงเพลิงที่สยายไปทั่วผ้าปูที่นอน ยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กๆนั่นดูผุดผ่องมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น และงดงามยิ่งกว่าที่เคยเป็น --
ทว่าสำนึกถัดมาได้ปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์
และนั่นทำให้แมรี่โกลด์ในสายตาเขาแปรเปลี่ยนไป
พลันผิวอันขาวผ่องนั้นกลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มกว่าเดิม และดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเขียวเจิดจ้า ก็กลับกลายเป็นสีขาวโพลน ดูว่างเปล่า และปราศจากความรู้สึกใดๆ --
เคเลบกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ภาพในอดีตที่เขาจดจำเธอได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีอีกแล้ว แมรี่โกลด์ที่เขารู้จัก ไม่มีอีกแล้ว ความงามที่ตรึงตา กลิ่นกายที่หอมหวาน และความอ่อนโยนที่เขาคุ้นเคย -- ตอนนี้เหลือไว้เพียงผิวที่เริ่มลอกถลอกเป็นทางยาว กลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยคลุ้ง และเสียงคำรามราวสัตว์ป่าเท่านั้น
ในวินาทีที่เขาปล่อยตัวปล่อยใจนั้นเอง ใบหน้าของแมรี่โกลด์ก็โฉบเข้ามาใกล้ คมเขี้ยวพุ่งเข้ามายังเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอของเขา พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง!
เคเลบหลับตาลง เตรียมรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น --
หากแต่แมรี่โกลด์ยั้งตัวเองไว้ได้ทันในนาทีสุดท้าย -- ใบหน้าที่อยู่ห่างจากลำคอเขาไปเพียงเล็กน้อยนั้นสั่นระริก คมเขี้ยวที่สัมผัสผิวหนังของเขาไปอย่างฉิวเฉียดนั่นค่อยๆขยับถอยห่างไปอย่างช้าๆ -- ท่อนแขน และท่อนขาอันบวมช้ำของเธอ กอดรัดร่างเขาไว้แน่น -- ไม่นานนัก มันก็สั่นเทิ้ม และอ่อนแรง จนแทบขยับไม่ได้
ถึงตรงนี้เสียงคำรามจากลำคอหญิงสาวก็ดังขึ้นกว่าเดิม จนเคเลบแทบไม่ได้ยินเสียงเดิมของเธอในนั้นอีกต่อไปแล้ว
แมรี่โกลด์ใกล้จะถึงขีดจำกัดของตนเอง --
เธออดทนได้นานกว่าใครอื่นที่เขาเคยเผชิญหน้า -- เธอต่อสู้ได้นานกว่าคนติดเชื้อคนอื่นๆ
แต่ความอดทน และการต่อสู้กับตัวเองของเธอไม่อาจยื้อได้นานไปกว่านี้อีกแล้ว
ฉับพลันนั้นความคิดบางอย่างได้ครอบงำเคเลบขึ้นมาชั่วขณะ
มือหนาของเขากุมกระชับแขนของเธอแน่นกว่าเดิม บีบมันอย่างรุนแรงราวกับต้องการให้เธอแหลกสลายคามือของเขา ความคิดอันรุนแรงบางอย่างที่เกิดขึ้นมานั้น ทำให้ใบหน้าคมสันดูดุดันขึ้นมาชั่วขณะ ดวงตาอันคมกริบคู่นั้นทอประกายเจิดจ้าขึ้นในความมืด ก่อนที่จะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
เคเลบสะดุ้งเป็นครั้งแรก -- แล้วทุกอย่างก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้นทั่วทั้งร่างเขาหยุดนิ่ง ฝ่ามือที่กุมหัวไหล่เธอเอาไว้เกร็งแน่นขึ้นมากะทันหัน ราวกับตื่นตกใจกับความคิดก่อนหน้าของตนเอง
เคเลบห้ามตนเองเอาไว้ --
ห้ามไม่ให้ตนใกล้ชิดเธอมากไปกว่านี้ --
ดวงตาอันลอยเคว้งของแมรี่โกลด์ยังคงจ้องมองมาอย่างแน่นิ่ง แม้เธอจะมองไม่เห็น แต่เคเลบก็มั่นใจว่าเธอกำลังพิจารณาเขาอยู่เงียบๆ ด้วยสติของมนุษย์อันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่
หากแต่แมรี่โกลด์ก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆออกมา
แต่เคเลบรู้ -- ว่าเธอรู้ว่าชั่วขณะนั้นเขากำลังคิดอะไร
เธอรู้ --
ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่นาน จนในที่สุดเคเลบก็ขยับตัว เขาโน้มใบหน้าไปจุมพิตเรือนผมสีแดงเพลิงของเธอ จากนั้นจึงขยับตัวลงจากเตียง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เขามองดูร่างบางที่นอนสั่นระริกอยู่บนเตียง ฟังเสียงครวญครางในลำคอ และเสียงหายใจดังครืดคราดที่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนั่น -- แมรี่โกลด์ขยับหันมาตามเสียงฝีเท้า รูจมูกสูดดมกลิ่นเนื้อหนังจากร่างของเขา พร้อมกับคมเขี้ยวที่ปรากฏชัดขึ้นมาที่มุมปากอย่างชัดเจน
เคเลบทนมองเธอต่อไปอีกไม่ได้ มันทรมานเกินไป
เธอกำลังต่อสู้กับตนเองสุดความสามารถ
ยิ่งเธอต่อสู้กับจิตใต้สำนึกตนเองมากแค่ไหน ยิ่งเธอพยายามฉุดรั้งเวลาเพื่อลูกในท้องมากเพียงใด เธอก็ยิ่งห่างไกลจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น
เธออาจจะคลอดลูกคืนนี้จริงอย่างที่คาดไว้ แต่เธอจะทำไม่สำเร็จ -- เขาบอกตนเอง -- เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะทำสำเร็จ
เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขา -- ทั้งเขาและเธอ -- จะทำสำเร็จ
เคเลบกุมท่อนไม้ในมือไว้แน่น แล้วก้าวเดินตรงไปทางประตูห้อง
เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง -- เสียงของเธอกลายเป็นเสียงร้องของปิศาจร้าย -- และเขาก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอ
เคเลบลงมายังด้านล่างของตัวบ้าน กวาดตามองไปตามบ้านที่ถูกทิ้งร้างไปนานอย่างระมัดระวัง
เขาไล่สายตาไปตามผืนพรมที่เขาวางเป็นทอดยาวมาจากประตูหน้า มองดูคราบดินโคลนที่เปื้อนเป็นทางยาว และรอยชื้นที่ยังปรากฏอยู่เป็นดวง
มันทำให้เคเลบหวนนึกถึงความเย็นชื้น และความมืดสลัวของค่ำวันนี้อีกครั้ง
ตอนค่ำที่เขาเกือบจะช่วยชีวิตของแมรี่โกลด์ไว้ไม่ได้
แมรี่!!! เขาร้องเรียกเธอดังลั่น
โลกของเขาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ในตอนที่เห็นร่างของเธอถูกฉุดกระชากลงมาจากลำเรือ ลากไปตามริมแม่น้ำ แล้วเข้าไปในพงหญ้า
ความเงียบงันรอบตัวถูกทำลายด้วยเสียงกรีดร้องของแมรี่โกลด์
จากนั้นเสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากก็ดังขึ้น
ถึงตรงนี้เคเลบก็หลับตาลงแน่น เมื่อหวนนึกถึงตอนที่เขาหวดปิศาจร้ายตนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกะโหลกมันแหลกเป็นชิ้นๆ
เขาพุ่งตัวไปช่วยแมรี่โกลด์ออกมาจากพงหญ้าริมแม่น้ำ ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างรอบตัว เมื่อเห็นเลือดไหลอาบไปทั่วลำคอของเธอ --
เธอโดนกัด
เคเลบพยายามรวบรวมสติของตนเองเข้าด้วยกันอย่างสุดความสามารถ
แต่เธอยังไม่ตาย! เขาบอกตนเอง
เขายังช่วยเธอได้!
แมรี่โกลด์สั่นสะท้าน ขยับถอยหนีเขาในทันที
“อย่าเข้ามาใกล้” เธอร้องบอก ดูหวาดกลัว และเสียขวัญอย่างชัดเจน
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันตอนนี้!!”
หากแต่เคเลบไม่สนใจคำสั่งนั้น
เขาไม่กลัวเธอ
เขาโอบอุ้มเธอขึ้นมา อดทนต่อแรงดิ้นสะบัดอันรุนแรงนั้น จนกระทั่งวินาทีหนึ่งเขาก็พลั้งเผลอทำให้เธอสะบัดหนีเป็นอิสระจากอ้อมกอดไป
แมรี่โกลด์ลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำในทันที
เธอพยุงท้องที่ใหญ่โตของตนเองไว้แน่น ออกแรงวิ่งฝ่าดินโคลน แล้วตรงดิ่งเข้าสู่พงหญ้าอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากอิ่มอ้ากว้าง และเปล่งเสียงร้องออกมาดังลั่น -- มันเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวประสานกับเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ฟังดูสยดสยองชวนขนลุก ราวกับว่ามีใครสักคนกำลังถูกสัตว์ป่ารุมทำร้ายก็ไม่ปาน ทั้งๆที่มันเป็นเสียงที่ดังมาจากร่างของหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งเท่านั้น!
แมรี่โกลด์เสียหลักล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง เธอกัดฟันแน่น ออกแรงคลานไปตามพื้นดิน ร่างทั้งร่างจมไปกับดินโคลนอันเปียกชื้น ในขณะที่สองตามองหาอะไรบางอย่างในความมืดรอบตัว
เคเลบวิ่งไล่ตามเธอมาติดๆ เขาคว้าข้อเท้าเธอไว้แน่น และพยายามฉุดรั้งร่างของเธอเอาไว้ ไม่ให้เข้าพงหญ้ามากไปกว่านั้น
“มันอันตราย!” เคเลบร้องบอก ใบหน้าคมสันฉายความตื่นกลัวออกมาอย่างชัดเจน “อาจจะมี
พวกมันอยู่แถวนี้อีก!”
ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่พวกเขาอยู่บนฝั่งไหลผ่านเข้ามาในหัวทันที ภาพลูกชายของเขาที่นอนจมกองเลือดกลางสายหมอกเมื่อหกเดือนก่อนฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกชาย และเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับภรรยา ทำให้เคเลบรู้ว่าพวกมันอยู่ในที่ที่มีเหยื่อให้ไล่ล่าเป็นอาหารอันโอชะอยู่เสมอ
และพวกเขาก็กำลังพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานที่อันตรายนั่น พวกเขากำลังอยู่ริมแม่น้ำ ท่ามกลางป่าลึก และพงหญ้า!
แมรี่โกลด์ดิ้นสะบัดเป็นอิสระจากเขาอีกครั้ง คราวนี้เธอถอยหนีอย่างรวดเร็ว สองมือคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากพงหญ้า
มันคือท่อนไม้ขนาดใหญ่ท่อนหนึ่ง
ก่อนที่เคเลบจะได้ทันทำอะไร แมรี่โกลด์ก็เงื้อมท่อนไม้นั่นขึ้นสูงเหนือศีรษะ
โครม!
วินาทีนั้นเคเลบตะโกนห้ามเธอจนสุดเสียงในตอนที่เธอหวดมันลงบนท่อนขาตนเองจนสุดแรง!
โครม! โครม! โครม!
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสดังมาจากร่างของแมรี่โกลด์ ใบหน้างามแดงก่ำ อาบไปด้วยน้ำตา และบิดเบี้ยวอย่างน่าสงสาร จนขาทั้งสองข้าง และแขนทั้งสองท่อนหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะขยับเขยื้อนอีกต่อไป
เคเลบปราดเข้ามายื้อท่อนไม้นั่นมาจากเธอ ซัดมันทิ้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วโอบอุ้มร่างอันอ่อนแรงของเธอไว้ในอ้อมแขน
“เคเลบ --” เธอร้องเรียกเขาด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันถูกกัด --”
DEFENDER (10) : CALEB & MARIGOLD.
เคเลบสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาเบิกโพลง
เสียงร้องคำรามอันดุร้ายของสัตว์เดรัจฉาน และเสียงกรีดร้องอันตื่นตระหนกที่ดังก้องกังวานพลันหายไป คล้ายเสียงสะท้อนที่เลือนหายไปอย่างฉับพลัน
เคเลบหอบหายใจ ดวงตาสีดำกวาดมองไปตามกำแพงห้องที่ว่างเปล่า ผ้าม่านที่ปิดสนิท และประตูห้องที่ถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา แล้วเมื่อสายตาเขาชินกับความมืด เคเลบก็ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวเร็วอยู่ขณะนี้ มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
เป็นแค่ฝัน -- เคเลบบอกตนเอง -- ดวงตายังคงเบิกโพลง ขณะจ้องมองเพดานห้องนอน
ฝันร้ายที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของริเวอร์
เขาสัมผัสถึงหัวใจตรงอกซ้ายที่ค่อยๆเต้นลงอย่างช้าๆ ฟังเสียงหอบหายใจของตนที่ค่อยๆแผ่วเบาลง
เคเลบพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงของตนเอง ในท่าเดียวกันกับก่อนที่เขาจะหลับตานอนเมื่อคืน แขนข้างหนึ่งยังคงเหยียดตรงอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ในขณะที่มืออีกข้างกำลังกุมฝ่ามืออันบอบบางไว้แน่น
เคเลบเหลือบมองฝ่ามือที่เขากุมกระชับเอาไว้ ก่อนจะไล่มองไปยังใบหน้าของเจ้าของฝ่ามือนั้น
ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์กำลังจ้องมองมา ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ราวกับได้แอบมองเขาอยู่นานแล้ว
“สวัสดี” เคเลบกระซิบกับภรรยาสาว
“สวัสดีค่ะ” เธอตอบกลับมา
เคเลบมองรอยคล้ำใต้ตาของเธอ ก่อนจะถามขึ้นมาเบาๆว่า “คุณได้นอนหลับไปบ้างไหม แมรี่”
เขาถามเธอออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่รับรู้อยู่เต็มอก ว่าเธอนอนไม่หลับ
สิ่งที่เธอกำลังแบกรับ และต่อสู้อยู่ภายในนั้นหนักหน่วง และน่ากลัวเกินกว่าที่เธอจะข่มตาหลับลงได้ --
ทั้งเขา และเธอไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วนั้น เธอจะยังเป็นแมรี่โกลด์คนเดิมอยู่หรือไม่
ความเงียบ และความหนาวเย็นในค่ำคืนปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขาและเธอ ความรู้สึกห่างเหินเกิดขึ้นมาในฉับพลัน และมันทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลจากเธอราวพันปีแสงก็ไม่ปาน
มันจบลงแล้ว -- เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจของเขาอย่างแผ่วเบา -- เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสุข หรืออุ่นไอรักใดๆในห้องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนทั้งเขาและเธอจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
และบางที มันอาจจะจบไปตั้งนาน ตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อนแล้ว --
ในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับความฝันอันโหดร้ายในยามหลับไหล แมรี่โกลด์ก็กำลังเผชิญหน้ากับความตายที่คืบใกล้เข้ามาในโลกของความเป็นจริง
เคเลบจ้องมองเธออยู่นาน ตัดสินใจที่จะไม่ซักไซ้ต่อ
มือหนาที่กอบกุมมือของเธอเลื่อนขึ้นมาตามเรียวแขน และหัวไหล่อันบอบบางของเธอที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีดำเข้มของเคเลบจับจ้องใบหน้าภรรยาสาว -- พยายามจดจำเธอทุกรายละเอียดราวกับว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกต่อไปแล้ว
เขาพินิจมองไปตามใบหน้าของเธอ ทั้งหน้าผากกลมมน จมูกที่เชิดรั้น และริมฝีปากอิ่มตรงหน้า -- เธอดูอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อย หากแต่ความอ่อนหวานตรงหน้ากลับทำให้เคเลบรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าไปใกล้ชิดเธอมากขึ้น -- และมากขึ้น -- มากจนเห็นรอยกระบนจมูก และประกายเจิดจ้าในดวงตาสีเขียวคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
ชั่วขณะนั้นแมรี่โกลด์ยังคงดูสวยงาม และอ่อนหวาน อย่างเช่นที่เขารู้จักมาตลอดทั้งชีวิต
เรือนผมสีแดงเพลิงที่สยายไปทั่วผ้าปูที่นอน ยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กๆนั่นดูผุดผ่องมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น และงดงามยิ่งกว่าที่เคยเป็น --
ทว่าสำนึกถัดมาได้ปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์
และนั่นทำให้แมรี่โกลด์ในสายตาเขาแปรเปลี่ยนไป
พลันผิวอันขาวผ่องนั้นกลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำเข้มกว่าเดิม และดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเขียวเจิดจ้า ก็กลับกลายเป็นสีขาวโพลน ดูว่างเปล่า และปราศจากความรู้สึกใดๆ --
เคเลบกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ภาพในอดีตที่เขาจดจำเธอได้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีอีกแล้ว แมรี่โกลด์ที่เขารู้จัก ไม่มีอีกแล้ว ความงามที่ตรึงตา กลิ่นกายที่หอมหวาน และความอ่อนโยนที่เขาคุ้นเคย -- ตอนนี้เหลือไว้เพียงผิวที่เริ่มลอกถลอกเป็นทางยาว กลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยคลุ้ง และเสียงคำรามราวสัตว์ป่าเท่านั้น
ในวินาทีที่เขาปล่อยตัวปล่อยใจนั้นเอง ใบหน้าของแมรี่โกลด์ก็โฉบเข้ามาใกล้ คมเขี้ยวพุ่งเข้ามายังเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอของเขา พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง!
เคเลบหลับตาลง เตรียมรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น --
หากแต่แมรี่โกลด์ยั้งตัวเองไว้ได้ทันในนาทีสุดท้าย -- ใบหน้าที่อยู่ห่างจากลำคอเขาไปเพียงเล็กน้อยนั้นสั่นระริก คมเขี้ยวที่สัมผัสผิวหนังของเขาไปอย่างฉิวเฉียดนั่นค่อยๆขยับถอยห่างไปอย่างช้าๆ -- ท่อนแขน และท่อนขาอันบวมช้ำของเธอ กอดรัดร่างเขาไว้แน่น -- ไม่นานนัก มันก็สั่นเทิ้ม และอ่อนแรง จนแทบขยับไม่ได้
ถึงตรงนี้เสียงคำรามจากลำคอหญิงสาวก็ดังขึ้นกว่าเดิม จนเคเลบแทบไม่ได้ยินเสียงเดิมของเธอในนั้นอีกต่อไปแล้ว
แมรี่โกลด์ใกล้จะถึงขีดจำกัดของตนเอง --
เธออดทนได้นานกว่าใครอื่นที่เขาเคยเผชิญหน้า -- เธอต่อสู้ได้นานกว่าคนติดเชื้อคนอื่นๆ
แต่ความอดทน และการต่อสู้กับตัวเองของเธอไม่อาจยื้อได้นานไปกว่านี้อีกแล้ว
ฉับพลันนั้นความคิดบางอย่างได้ครอบงำเคเลบขึ้นมาชั่วขณะ
มือหนาของเขากุมกระชับแขนของเธอแน่นกว่าเดิม บีบมันอย่างรุนแรงราวกับต้องการให้เธอแหลกสลายคามือของเขา ความคิดอันรุนแรงบางอย่างที่เกิดขึ้นมานั้น ทำให้ใบหน้าคมสันดูดุดันขึ้นมาชั่วขณะ ดวงตาอันคมกริบคู่นั้นทอประกายเจิดจ้าขึ้นในความมืด ก่อนที่จะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
เคเลบสะดุ้งเป็นครั้งแรก -- แล้วทุกอย่างก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้นทั่วทั้งร่างเขาหยุดนิ่ง ฝ่ามือที่กุมหัวไหล่เธอเอาไว้เกร็งแน่นขึ้นมากะทันหัน ราวกับตื่นตกใจกับความคิดก่อนหน้าของตนเอง
เคเลบห้ามตนเองเอาไว้ --
ห้ามไม่ให้ตนใกล้ชิดเธอมากไปกว่านี้ --
ดวงตาอันลอยเคว้งของแมรี่โกลด์ยังคงจ้องมองมาอย่างแน่นิ่ง แม้เธอจะมองไม่เห็น แต่เคเลบก็มั่นใจว่าเธอกำลังพิจารณาเขาอยู่เงียบๆ ด้วยสติของมนุษย์อันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่
หากแต่แมรี่โกลด์ก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆออกมา
แต่เคเลบรู้ -- ว่าเธอรู้ว่าชั่วขณะนั้นเขากำลังคิดอะไร
เธอรู้ --
ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่นาน จนในที่สุดเคเลบก็ขยับตัว เขาโน้มใบหน้าไปจุมพิตเรือนผมสีแดงเพลิงของเธอ จากนั้นจึงขยับตัวลงจากเตียง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เขามองดูร่างบางที่นอนสั่นระริกอยู่บนเตียง ฟังเสียงครวญครางในลำคอ และเสียงหายใจดังครืดคราดที่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนั่น -- แมรี่โกลด์ขยับหันมาตามเสียงฝีเท้า รูจมูกสูดดมกลิ่นเนื้อหนังจากร่างของเขา พร้อมกับคมเขี้ยวที่ปรากฏชัดขึ้นมาที่มุมปากอย่างชัดเจน
เคเลบทนมองเธอต่อไปอีกไม่ได้ มันทรมานเกินไป
เธอกำลังต่อสู้กับตนเองสุดความสามารถ
ยิ่งเธอต่อสู้กับจิตใต้สำนึกตนเองมากแค่ไหน ยิ่งเธอพยายามฉุดรั้งเวลาเพื่อลูกในท้องมากเพียงใด เธอก็ยิ่งห่างไกลจากความเป็นมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น
เธออาจจะคลอดลูกคืนนี้จริงอย่างที่คาดไว้ แต่เธอจะทำไม่สำเร็จ -- เขาบอกตนเอง -- เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะทำสำเร็จ
เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขา -- ทั้งเขาและเธอ -- จะทำสำเร็จ
เคเลบกุมท่อนไม้ในมือไว้แน่น แล้วก้าวเดินตรงไปทางประตูห้อง
เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง -- เสียงของเธอกลายเป็นเสียงร้องของปิศาจร้าย -- และเขาก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอ
เคเลบลงมายังด้านล่างของตัวบ้าน กวาดตามองไปตามบ้านที่ถูกทิ้งร้างไปนานอย่างระมัดระวัง
เขาไล่สายตาไปตามผืนพรมที่เขาวางเป็นทอดยาวมาจากประตูหน้า มองดูคราบดินโคลนที่เปื้อนเป็นทางยาว และรอยชื้นที่ยังปรากฏอยู่เป็นดวง
มันทำให้เคเลบหวนนึกถึงความเย็นชื้น และความมืดสลัวของค่ำวันนี้อีกครั้ง
ตอนค่ำที่เขาเกือบจะช่วยชีวิตของแมรี่โกลด์ไว้ไม่ได้
แมรี่!!! เขาร้องเรียกเธอดังลั่น
โลกของเขาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ในตอนที่เห็นร่างของเธอถูกฉุดกระชากลงมาจากลำเรือ ลากไปตามริมแม่น้ำ แล้วเข้าไปในพงหญ้า
ความเงียบงันรอบตัวถูกทำลายด้วยเสียงกรีดร้องของแมรี่โกลด์
จากนั้นเสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากก็ดังขึ้น
ถึงตรงนี้เคเลบก็หลับตาลงแน่น เมื่อหวนนึกถึงตอนที่เขาหวดปิศาจร้ายตนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกะโหลกมันแหลกเป็นชิ้นๆ
เขาพุ่งตัวไปช่วยแมรี่โกลด์ออกมาจากพงหญ้าริมแม่น้ำ ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างรอบตัว เมื่อเห็นเลือดไหลอาบไปทั่วลำคอของเธอ --
เธอโดนกัด
เคเลบพยายามรวบรวมสติของตนเองเข้าด้วยกันอย่างสุดความสามารถ
แต่เธอยังไม่ตาย! เขาบอกตนเอง เขายังช่วยเธอได้!
แมรี่โกลด์สั่นสะท้าน ขยับถอยหนีเขาในทันที “อย่าเข้ามาใกล้” เธอร้องบอก ดูหวาดกลัว และเสียขวัญอย่างชัดเจน “อย่าเข้ามาใกล้ฉันตอนนี้!!”
หากแต่เคเลบไม่สนใจคำสั่งนั้น
เขาไม่กลัวเธอ
เขาโอบอุ้มเธอขึ้นมา อดทนต่อแรงดิ้นสะบัดอันรุนแรงนั้น จนกระทั่งวินาทีหนึ่งเขาก็พลั้งเผลอทำให้เธอสะบัดหนีเป็นอิสระจากอ้อมกอดไป
แมรี่โกลด์ลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำในทันที
เธอพยุงท้องที่ใหญ่โตของตนเองไว้แน่น ออกแรงวิ่งฝ่าดินโคลน แล้วตรงดิ่งเข้าสู่พงหญ้าอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากอิ่มอ้ากว้าง และเปล่งเสียงร้องออกมาดังลั่น -- มันเป็นเสียงกรีดร้องของหญิงสาวประสานกับเสียงร้องของสัตว์ป่าที่ฟังดูสยดสยองชวนขนลุก ราวกับว่ามีใครสักคนกำลังถูกสัตว์ป่ารุมทำร้ายก็ไม่ปาน ทั้งๆที่มันเป็นเสียงที่ดังมาจากร่างของหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งเท่านั้น!
แมรี่โกลด์เสียหลักล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง เธอกัดฟันแน่น ออกแรงคลานไปตามพื้นดิน ร่างทั้งร่างจมไปกับดินโคลนอันเปียกชื้น ในขณะที่สองตามองหาอะไรบางอย่างในความมืดรอบตัว
เคเลบวิ่งไล่ตามเธอมาติดๆ เขาคว้าข้อเท้าเธอไว้แน่น และพยายามฉุดรั้งร่างของเธอเอาไว้ ไม่ให้เข้าพงหญ้ามากไปกว่านั้น
“มันอันตราย!” เคเลบร้องบอก ใบหน้าคมสันฉายความตื่นกลัวออกมาอย่างชัดเจน “อาจจะมีพวกมันอยู่แถวนี้อีก!”
ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่พวกเขาอยู่บนฝั่งไหลผ่านเข้ามาในหัวทันที ภาพลูกชายของเขาที่นอนจมกองเลือดกลางสายหมอกเมื่อหกเดือนก่อนฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง
ความทรงจำอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกชาย และเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับภรรยา ทำให้เคเลบรู้ว่าพวกมันอยู่ในที่ที่มีเหยื่อให้ไล่ล่าเป็นอาหารอันโอชะอยู่เสมอ
และพวกเขาก็กำลังพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานที่อันตรายนั่น พวกเขากำลังอยู่ริมแม่น้ำ ท่ามกลางป่าลึก และพงหญ้า!
แมรี่โกลด์ดิ้นสะบัดเป็นอิสระจากเขาอีกครั้ง คราวนี้เธอถอยหนีอย่างรวดเร็ว สองมือคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากพงหญ้า
มันคือท่อนไม้ขนาดใหญ่ท่อนหนึ่ง
ก่อนที่เคเลบจะได้ทันทำอะไร แมรี่โกลด์ก็เงื้อมท่อนไม้นั่นขึ้นสูงเหนือศีรษะ
โครม!
วินาทีนั้นเคเลบตะโกนห้ามเธอจนสุดเสียงในตอนที่เธอหวดมันลงบนท่อนขาตนเองจนสุดแรง!
โครม! โครม! โครม!
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสดังมาจากร่างของแมรี่โกลด์ ใบหน้างามแดงก่ำ อาบไปด้วยน้ำตา และบิดเบี้ยวอย่างน่าสงสาร จนขาทั้งสองข้าง และแขนทั้งสองท่อนหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะขยับเขยื้อนอีกต่อไป
เคเลบปราดเข้ามายื้อท่อนไม้นั่นมาจากเธอ ซัดมันทิ้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วโอบอุ้มร่างอันอ่อนแรงของเธอไว้ในอ้อมแขน
“เคเลบ --” เธอร้องเรียกเขาด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันถูกกัด --”