DEFENDER (9) : MARIGOLD & CALEB.


แมรี่โกลด์ลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว

ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่แล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง ทำให้เธอตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล -- ฝันร้ายนั้นพลันหายไปในพริบตา

ท่อนแขน และขาทั้งสองข้างของเธอสั่นเทิ้ม อ่อนแรงจนแทบขยับไม่ได้ ราวกับมันถูกทุบอย่างรุนแรง

ทุบงั้นหรือ --

คำนั้นทำให้ความทรงจำไหลผ่านเข้ามาในความคิดของเธอ -- ภาพท่อนไม้ที่หวดเข้าที่แขน และขาของเธอฉายชัดขึ้นมาในใจอีกครั้ง

และมือที่ถือท่อนไม้ไว้แน่นนั้น ก็ไม่ใช่มือใครอื่น หากแต่มันคือมือของเธอเอง --

แมรี่โกลด์หลับตาลงแน่น เมื่อสติเริ่มกลับเข้าร่างตนเองอีกครั้ง -- เป็นเธอเองที่ทำลายแขนและขาของตน จนแทบขยับไม่ไหว --

เธอไม่อยากจะขยับตัวได้อย่างปกติ
เธอไม่อยากจะให้ตัวเองนั้นเป็นคนที่ -- อันตราย -- มากไปกว่านี้

จากนั้นท่อนไม้ก็ถูกใครคนหนึ่งยื้อแย่งไปจากมือของเธอ  มือหนาอันแข็งแรงนั้นกระชากท่อนไม้ไป แล้วซัดมันทิ้งลงบนพื้นดินโคลนอันเปียกแฉะ --
พื้นดินอันเปียกชื้น ที่ริมแม่น้ำแห่งนั้น --

แม่รี่โกลด์จำได้ว่าใบหน้าของเธอได้จมลงไปในความเปียกชื้นของดินนั่นจนเกือบครึ่ง ร่างทั้งร่างชักกระตุกแหวกว่ายอยู่ในดินโคลนนั้นอย่างรุนแรง จนลมหายใจแทบจะหมดจากร่าง และสติอันน้อยนิดก็เกือบจะหลุดลอยหายไป --

ถึงตรงนี้เธอก็มองเห็นอ้อมแขนของเคเลบ -- เป็นเขาที่หยุดยั้งไม่ให้เธอทำร้ายตนเองมากไปกว่านี้

แล้วก็เป็นเขา ที่โอบอุ้มเธอขึ้นมา แบกร่างของเธอไว้ในอ้อมกอดนั้นไปตลอดทางอันมืดสลัว

จากนั้นภาพริมแม่น้ำเริ่มเลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยป่าทึบ

ถึงตรงนี้ความจำของเธอก็ค่อยๆเลือนหายไป --

ฉับพลันนั้นเอง ความเจ็บปวดที่หน้าท้องก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ ลืมสิ้นซึ่งความเจ็บปวดอื่นๆบนร่างกายตนเอง -- แรงบีบรัดอันหนักหน่วงนั่นฉุดรั้งให้เธอหวนกลับคืนมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้าอีกครั้ง

หญิงสาวหอบหายใจ เหงื่อกาฬไหลอาบไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาสีเขียวจ้องมองความมืดสลัวเหนือร่างตนเองอยู่นาน ก่อนที่จะพยายามเคลื่อนมืออันอ่อนแรงมาสัมผัสแผงอกของตนเอง

หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะอันรัวเร็วนั้น ทำให้เธอสำนึกได้ว่าตนยังมีชีวิตอยู่

เธอยังไม่ตาย --

แมรี่โกลด์สูดลมหายใจเข้าลึก นึกตกใจเมื่อได้ยินเสียงดังครืดคราดออกมาจากแผงอกตนเอง

นั่นเสียงของเธอหรือ --

หากแต่ความตกใจนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเธอแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านนอกของตัวบ้าน

“เคเลบ” แมรี่โกลด์กระซิบ “มีใครบางคนอยู่ข้างนอกนั่น --” เธอเอื้อมมือไปทางที่นอนข้างตนเอง หากแต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า

นั่นทำให้เธอตื่นตระหนกยิ่งขึ้น ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง สองมือที่สั่นเทิ้มจากความเจ็บปวดพยายามออกแรงควานหาไปทั่วที่นอนข้างตน หากแต่เธอก็ไม่พบร่างของสามีตนเอง ไม่แม้แต่ไออุ่นที่หลงเหลืออยู่ --

นั่นทำให้เธอรู้ว่าเขาไปจากเธอนานหลายชั่วโมงแล้ว

แมรี่โกลด์พยายามระงับความหวาดกลัว และควบคุมสติของตนเองสุดความสามารถ เธอเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามายิ่งขึ้น -- จากนั้นเสียงกระแทกประตูก็ดังขึ้น แล้วตามมาด้วยเสียงสบถเบาๆ

นั่นใครกัน -- เธอนึก สัญชาตญาณในตัวกำลังร้องบอกเธอว่านั่นไม่ใช่เคเลบ และมันทำให้เธอระวังตัวขึ้นมาในทันใด

เธอกล้ำกลืนความเจ็บปวด ขยับมืออันรวดร้าวไปทางหัวเตียง พยายามควานหาอาวุธป้องกันตัว หากแต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า --

แมรี่โกลด์กลั้นใจในขณะที่เสียงฝีเท้านั้นเดินไปรอบตัวบ้าน จากนั้นก็แผ่วหายไป -- เธอนิ่งรอ ทว่าไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกนอกจากความเงียบงันเท่านั้น --
เธออาจจะหูแว่วไปเอง --

แต่แล้วในวินาทีที่เธอเกือบจะวางใจแล้วนั่นเอง เสียงฝีเท้ากลับดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้านอย่างชัดเจน

บานประตูถูกปลดกลอน

ใครคนนั้นเข้ามาในตัวบ้าน แล้วปิดประตูตามลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะลงกลอนอย่างแน่นหนาอีกครั้ง --

แมรี่โกลด์นิ่งตัวแข็ง แทบไม่กล้าหายใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านั่นดังมาตามโถงบันได ใกล้เข้ามาที่ห้องเธออย่างช้าๆ

“เคเลบ --” แมรี่โกลด์กระซิบออกไป

เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าประตูห้อง ทว่าไม่มีเสียงขานตอบกลับมาจากอีกฟากของประตู

แมรี่โกลด์กลั้นใจ รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เตรียมเผชิญหน้ากับผู้มาเยือน -- แต่แล้วเมื่อเสียงบานประตูเปิดออก เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยมาตลอดทั้งชีวิต

“แมรี่” เคเลบเรียกเธอ

แมรี่โกลด์ทอดถอนลมหายใจออกมา น้ำตาเอ่อท้นดวงตาทั้งสองข้าง ความรู้สึกหวาดกลัวระคนโล่งอกทำให้เธอน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เป็นคุณนี่เอง” เธอพูดออกมา

“แมรี่โกลด์ --”

“คุณไปไหนมา” หญิงสาวถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “หกเดือนที่ผ่านมาเราไม่เคยห่างกัน  ข้างนอกนั่นอันตรายมากแค่ไหน เราต่างรู้ดี ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน --”

เคเลบนิ่งไปเล็กน้อย รู้สึกเหมือนเพิ่งได้ยินเสียงของเธอชัดเจนครั้งแรกในรอบหกเดือน  “คุณขยับตัวไม่ไหวแล้ว แมรี่โกลด์” เขาบอก

หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธความจริงในเรื่องนั้น “แต่คุณก็ควรจะบอกฉัน --” เธอบอก

เคเลบชำเลืองมองไปยังท่อนแขนที่สั่นเทิ้ม และท่อนขาที่ดูอ่อนแรงของภรรยาสาว เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “คุณไม่ควรทำร้ายตัวเองแบบนี้ --”

เสียงทุ้มของเคเลบที่ดังขึ้นในความมืดนั้นทำให้ร่างของแมรี่โกลด์นิ่งเงียบไปนาน

“ฉันจะไม่มีวันทำร้ายคุณ --” แมรี่โกลด์ตอบอย่างอ่อนแรง “ด้วยวิธีนี้แล้ว ฉันจะไม่สามารถทำร้ายคุณได้ -- อย่างน้อยก็ดีกว่าการที่ฉันมีแขนและขาที่สมบูรณ์ --”

เคเลบไม่ได้ตอบ ดวงตาที่จ้องมองตรงมานั้นดูนิ่งสงบ จนยากที่จะอ่านความคิดใดๆได้

จนในที่สุด เขาก็เรียกเธอขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้าๆว่า “แมรี่โกลด์” เขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น กระทั่งหยุดฝีเท้าลงที่ปลายเตียง “คุณมองผมไม่เห็นแล้วใช่ไหม”

คำถามนั้นทำให้แมรี่โกลด์นิ่งเงียบไป

ใบหน้าสวยหวานแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย เหงื่อกาฬไหลอาบลงมาตามขมับ และลำคอ -- ดวงตาสีเขียวที่มองตรงมานั้นดูล่องลอย และว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย

ในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็เผยอออก แล้วเปล่งเสียงออกมาว่า “ไม่ เคเลบ” เธอยอมรับ “ฉันแทบมองไม่เห็นคุณ -- หรืออะไรอีกต่อไปแล้ว -- ทุกอย่างมันเลือนราง จนเกือบมืดบอด”

เคเลบพยักหน้า จ้องมองภรรยาสาวที่นั่งอยู่กลางเตียงอย่างเงียบเชียบ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างที่แตกร้าวมานั้น ยิ่งทำให้เขามองเห็นเส้นเลือดสีดำที่เริ่มปรากฏขึ้นมาตามท่อนแขนของเธอมากขึ้น

“คุณได้กลิ่นผมไหม” เคเลบถาม

แมรี่โกลด์ส่ายหน้า

เคเลบหลับตาลงแน่น มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นเช็ดคราบเลือดอันเหม็นเน่าออกจากใบหน้า และลำคอของตนเอง จากนั้นจึงขยับขึ้นนั่งตรงปลายเตียง จ้องมองใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ แล้วถามอีกครั้งว่า “คราวนี้คุณได้กลิ่นผมไหม”

แมรี่โกลด์ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าช้าๆ “เลือนราง”

เคเลบพยักหน้ารับ แล้ววางบางอย่างลงบนหน้าตักของเธอ

“ผมไปตามหาของที่จำเป็นต้องใช้ในหมู่บ้าน” เขาบอก “ผมไปตามหามีดผ่าตัด”

แมรี่โกลด์ยังคงนิ่งเงียบ ขณะที่ไล่มือสัมผัสไปตามคมมีดตรงหน้า ไม่สะดุ้งสักนิดแม้ว่ามันจะบาดปลายนิ้วเธอเป็นทางยาว

“ผมคิดว่าเราอาจจะต้องใช้มัน” เคเลบเช็ดเลือดออกจากนิ้วของภรรยาสาว หากแต่เธอกลับขยับมือหนี

เคเลบเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแมรี่โกลด์ ที่ตอนนี้ดูขาวซีดยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาสีเขียวที่ลอยเคว้งคู่นั้นคล้ายจะกำลังจ้องมองเขา

“ฉันทำได้” เธอกระซิบออกมา “ฉันทำด้วยตัวของฉันเองได้ เคเลบ”

แมรี่โกลด์ขยับมือมาวางลงบนหน้าท้องที่นูนเด่นของตนเอง สัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า

“ฉันคลอดลูกของเราได้”

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องชั่วอึดใจหนึ่ง  ทั้งเคเลบและแมรี่โกลด์ต่างจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตนเองอีกครั้ง

เธอดูสั่นสะท้านไปทั้งร่างยิ่งกว่าเดิม ส่วนเขาก็ดูเงียบขรึมมากขึ้น

ทว่าทั้งคู่กลับต่างดูเจ็บปวด และหวาดกลัวในบางสิ่งบางอย่างไม่ต่างกัน

เคเลบมองฝ่ามืออันสั่นระริกของแมรี่โกลด์ที่เกร็งแน่นยิ่งขึ้น ไล่ขึ้นมายังมุมปากที่ปรากฏให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม

ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายขยับตัว --

หลังจากที่นั่งนิ่งไปนาน เขาก็ลุกขึ้นมาจากขอบเตียง เดินไปคว้าอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเดินกลับมาหาภรรยาสาว วางมันลงบนตักของเธออย่างนุ่มนวล แล้วพูดออกมาช้าๆว่า

“คุณทำไม่ได้หรอก แมรี่โกลด์”

คำพูดและการกระทำของเขาทำให้แมรี่โกลด์สะดุ้ง  แวบหนึ่งเธอดูบันดาลโทสะ และเสียใจกับคำปรามาสของเขา   แต่ทว่าในวินาทีถัดมานั้น ท่าทีของเธอก็ดูเปลี่ยนไป

หญิงสาวก้มหน้าลงไปยังหน้าตักตนเอง ปลายจมูกสูดดมกลิ่นที่สัมผัสได้อย่างรัวเร็ว ท่าทีแปรเปลี่ยนเป็นร้อนรนขึ้นมาในพริบตา

มือบางอันสั่นเทิ้มค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสมันอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากว่า “เคเลบ --”

“นกอินทรียักษ์” เคเลบบอกสั้นๆ “ผมจับมันได้ในป่า ระหว่างทางที่กลับมานี่”

แมรี่โกลด์เม้มริมฝีปากแน่นจนริมฝีปากแตกเป็นแผล ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม ราวกับกำลังอดกลั้นต่อความรู้สึกอันรุนแรงภายในร่างตนเองจนสุดกำลัง

“คุณควรกินมันเสีย” เคเลบบอก จ้องมองเธอผ่านความมืดสลัว “คุณคงหิวจัดมากแล้ว”

ราวกับคำพูดของเคเลบได้กระตุ้นให้สัญชาตญาณดิบเถื่อนในตัวของแมรี่โกลด์ตื่นตัวขึ้นมาอย่างเต็มที่ ความอดกลั้นอดทนได้พังทลายลง

ร่างบางเปล่งเสียงคำรามลั่น ใบหน้าโฉบลงไปยังร่างของนกอินทรียักษ์ คมเขี้ยวอันแหลมคนนั่นฉีกกระชาก กัดกินเนื้อหนังของมันอย่างตะกรุมตะกรามราวกับสัตว์ป่า เลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของเธอ เตียงนอน และร่างสูงของเคเลบที่ยืนอยู่ข้างๆ  เศษชิ้นเนื้อ และขนนกกระจัดกระจายไปทั่วเตียงนอน พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่เหม็นคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ปะปนกับกลิ่นเลือดเน่าที่โชยมาจากร่างของเธอ จนห้องเล็กๆห้องนี้คล้ายจะกลายเป็นสุสานก็ไม่ปาน
เคเลบเฝ้ามองภรรยาของตนเองอย่างสงบนิ่ง จ้องมองทุกอากัปกิริยาของเธอ จนกระทั่งช่วงเวลาสยดสยองอันแสนยาวนานนั้นจบลง -- ในที่สุดเสียงกระดูกที่แตกหัก และเสียงเนื้อที่ถูกฉีกกระชากก็เงียบหายไป และถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของแมรี่โกลด์แทน

แมรี่โกลด์เงยหน้าขึ้น ท่าทีอันดุร้ายหายวับไป เหลือไว้เพียงดวงตาสีเขียว ที่ค่อยๆกลายเป็นสีขาว และเลือดที่ไหลมาจากมุมปากตนเองเท่านั้น

แมรี่โกลด์ยกมือขึ้นสัมผัสคราบเลือดที่มุมปาก และใบหน้าของตน -- ของเหลวสีแดงที่อาบท่วมไปทั่วร่างนั้นทำให้เธอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จิตใต้สำนึกของความเป็นมนุษย์ที่กลับคืนมา ทำให้เธอตื่นตระหนกต่อสิ่งที่เพิ่งกระทำลงไป จนหยาดน้ำตาไหลอาบทั้งสองข้างแก้ม

“โอ!” เธอร้องออกมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่เกิดขึ้น “ไม่นะ! --”

เคเลบนั่งลงตรงหน้าแมรี่โกลด์อีกครั้ง เขาโอบกอดเธอไว้แน่น ไม่แยแสต่อซากศพของนกอินทรี กองเลือด หรือแม้แต่กลิ่นเหม็นเน่าที่โชยมาจากร่างของเธอ

เขาหลับตาลงแน่น กระชับอ้อมกอดมากกว่าเดิม เมื่อรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลกระทบลงบนลาดไหล่ของเขา

“แมรี่โกลด์” เขากระซิบอย่างแผ่วเบา หากแต่ชัดเจนในทุกคำ “คุณกำลังจะกลายร่าง”

“ฉันรู้” แมรี่โกลด์ตอบ “แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้ลูกของเราตายในร่างปิศาจนี้เด็ดขาด”

เคเลบลืมตาขึ้น สัมผัสได้ถึงการต่อสู้กันของจิตใต้สำนึกระหว่างความเป็นมนุษย์และความเดรัจฉานในตัวของเธอ 

หากแต่ซากศพนกอินทรีที่อยู่ข้างพวกเขาก็ยิ่งตอกย้ำความจริงตรงหน้า --

“ไม่ แมรี่โกลด์” เขากระซิบ “คุณทำไม่ได้หรอก”

เธอคลอดลูกในสภาพนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน -- เธอกำลังจะกลายเป็นปิศาจร้ายในอีกไม่นานนี้ --
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่