DEFENDER (8) : MARIGOLD.

คุณฆ่าเขา!
คุณฆ่าเขา!
คุณฆ่าเขา!


 มือบางของแมรี่โกลด์พยายามกดห้ามเลือดบริเวณหัวไหล่เล็กๆของลูกชายตนเองไว้แน่น หากแต่ยิ่งเธอพยายามมากเท่าไหร่ ร่างเล็กๆนั่นก็ดูราวกับหลุดลอยออกไปไกลจากเธอมากขึ้น

ไม่ -- เธอตื่นกลัวกับร่างเล็กที่แน่นิ่งไป -- ไม่!

แมรี่โกลด์ได้ยินตนเองกรีดร้องอะไรบางอย่างออกมาดังลั่น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไป


“แมรี่โกลด์!” 

เสียงของเคเลบดังขึ้น ปลุกให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด

ใบหน้าคมสันของเคเลบฉายชัดขึ้นมาเบื้องหน้าเธอ แสงจันทร์สาดส่องมาจากบานหน้าต่าง อาบไล้ไปทั่วร่างสูงที่เปื้อนไปด้วยเลือดตรงหน้า และนั่นทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว มือบางผลักไสร่างของเคเลบออกไปจากตัวจนสุดแรง

หากแต่เคเลบรั้งฝ่ามือของภรรยาเอาไว้แน่น

“แมรี่ --” เขาพูด หากแต่เธอกลับกระชากคอเสื้อเขาไว้แน่นอย่างเคียดแค้น “ฟังผมก่อน --” เขาบอก ก่อนจะรั้งร่างของเธอให้นิ่งสงบอยู่ในอ้อมกอดเขา ชี้นิ้วไปทางร่างเล็กตรงมุมห้อง

แมรี่โกลด์มองตาม ก่อนที่จะพบว่าร่างของริเวอร์กำลังนอนอยู่ตรงนั้น แผงอกเล็กๆนั่นขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อยตามลมหายใจ พร้อมกับเสียงดังอึกอักอย่างทรมาน

ริเวอร์ยังมีชีวิตอยู่ --

“แต่คุณทุบเขา--” แมรี่โกลด์กระซิบ รู้สึกมึนงง และยินดีในเวลาเดียวกัน “ฉันเห็นคุณทุบเขาจนตาย --”

ไม่สิ -- แมรี่โกลด์นึก -- เธอหมดสติไปก่อนหน้านั้น

“ไม่” เคเลบกระซิบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ผมไม่ได้ฆ่าเขา --”

แมรี่โกลด์จ้องมองไปยังใบหน้าอันขาวซีดตรงหน้า ดวงตาสีขาวที่เบิกโพลงจ้องมองตอบกลับมา -- ริมฝีปากเล็กๆนั้นขยับเล็กน้อย กระซิบออกมาว่า “แม่ --” เสียงนั้นดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ช่วยผมด้วย --”

“ลูกของเรายังไม่ตาย” แมรี่โกลด์พูดออกมา “ริเวอร์ยังมีชีวิตอยู่ -- ในร่างนั้น --”

 เคเลบหอบหายใจ มือหนาข้างหนึ่งจับหน้าเธอให้หันมามองเขา

“เราต้องหนี” เขาบอกเธอ “ผมเจอเจคอบในป่า -- และเกิดเรื่องขึ้น --”  ถึงตรงนี้คำพูดของเคเลบดังขาดห้วงไป ใบหน้านิ่งไปเล็กน้อย ราวกับพยายามรวบรวมคำพูดของตนเอง  “การไล่ล่าเกิดขึ้นแล้ว และมันกำลังเริ่มที่หมู่บ้าน”

ผู้คนที่ติดเชื้อกำลังกลายร่าง -- และนั่นหมายความว่าหมู่บ้านกำลังเกิดการไล่ล่าครั้งใหญ่

ผู้คนกำลังกลายร่างเป็นอมนุษย์

“ผมเตรียมเรือเอาไว้เมื่อตอนค่ำแล้ว” เคเลบบอกเธอ

ถึงตรงนี้ แมรี่โกลด์ฟังเขาอย่างเงียบเชียบ โดยไม่พูดแทรกใดๆแม้สักนิด เธอเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว --

สำนึกถัดมาของแมรี่โกลด์อยู่ที่ป่าลึกอันมืดสลัว

เสียงกรีดร้องคำราม กลิ่นสาบสางอันเหม็นเน่า และกลิ่นเลือดคลุ้งไปทั่วบริเวณ -- แมรี่โกลด์พยายามขับไล่ความทรงจำนี้ไป หากแต่ไม่เป็นผล

เธอพบว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงความทรงจำแห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง

และในความทรงจำนั้น เธอไม่เห็นริเวอร์ -- เธอไม่เห็นลูกชายของเธอ!

ท่ามกลางความรู้สึกอันร้อนรน และสับสนนั้น เธอพบว่าเธอได้อยู่ในเรือเล็กๆลำหนึ่ง

มันคือเรือของเคเลบ -- เธอนึกขึ้นได้ในวินาทีถัดมา -- เรือที่เขาเตรียมไว้หลบหนี หลังจากได้ยินข่าวลือว่าคนในหมู่บ้านต้องการทำร้ายครอบครัวเธอ

ครอบครัวที่สันโดษ และถูกตราหน้าว่านอกรีตมาโดยตลอด

ครอบครัวที่ลือกันว่าเป็นต้นตอของเรื่องราวหายนะทั้งหมดนี่

แมรี่โกลด์จำได้ว่าออกแรงฟาดท่อนไม้ใส่ร่างของปิศาจร้ายที่ไขว่คว้าเรือของเธอเอาไว้

เธอจำได้ว่าเธอกรีดร้องออกมาดังลั่น ในขณะที่จับศีรษะอันเหม็นเน่าของปิศาจที่โผล่เข้ามาในเรือนั่นไว้แน่น และออกแรงหักมันไปอีกทาง จนเสียงกระดูกดังลั่นไปทั่วห้องเรือเล็กๆแห่งนี้!

เธอผลักร่างไร้วิญญาณนั่นออกไป ปล่อยมันล้มกระแทกเข้ากับบรรดาร่างปิศาจร้ายทั้งหลายที่เอื้อมมือมาทางเรือ แล้วรีบปิดหน้าต่างทันที!

เรือลำเล็กโคลงเคลงไปมา และเริ่มแล่นไปตามกระแสน้ำอย่างทุลักทุเล

จนกระทั่งมันค่อยๆนิ่งสงบ แล้วแล่นห่างออกมาจากริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยเหล่าปิศาจร้ายได้สำเร็จ --

แมรี่โกลด์หอบหายใจ รีบหันมาทางมุมห้อง จ้องมองไปยังร่างที่อยู่ห่างจากตนไปไม่กี่คืบ

เคเลบนั่งอยู่ตรงนั้นในสภาพเปียกปอน เรือนผมสีดำเปียกโชกไปด้วยหยดน้ำ เช่นเดียวกันกับใบหน้าที่นิ่งสนิท และเสื้อผ้าที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉาน

“เคเลบ --” แมรี่โกลด์ค่อยๆกระซิบขึ้นท่ามกลางความมืดสลัว “เขาอยู่ที่ไหน” ดวงตาสีเขียวที่เบิกโพลงชำเลืองมองไปยังด้านหลังสามีตนเอง “ริเวอร์อยู่ที่ไหน --”

ทำไมถึงมีแค่เขาคนเดียว ที่ว่ายน้ำกลับมาที่เรือ --

หากแต่เคเลบไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นอกจากเงยหน้าขึ้น สบตามองเธอผ่านความเงียบ

วินาทีนั้นแมรี่โกลด์ไม่กล้าแม้แต่ขยับหายใจ -- ไม่กล้าแม้แต่คิดอะไรออกมา

เธอห้ามความคิดตนเองทุกอย่าง หากแต่เสียงกระซิบของเคเลบที่ดังขึ้น กลับก้องกังวานไปทั่วโสตประสาทของเธอ

“เขาไม่รอด” เคเลบพูดช้าๆ “เขาจมน้ำ -- เขาบาดเจ็บเกินไป และเป็นเหมือนพวกมันมากเกินไป -- ผมช่วยเขาไม่ได้ --”

คำตอบนั้นราวกับทำให้จิตวิญญาณของเธอแตกสลายไปในพริบตา -- ดวงตาที่เบิกโพลงนั้นนองไปด้วยน้ำตา และริมฝีปากอิ่มก็สั่นระริก หากแต่ไม่มีเสียงร้องใดๆเปล่งออกมา

วินาทีนั้น แมรี่โกลด์ไม่ต่างอะไรจากร่างที่ปราศจากวิญญาณ --

แมรี่โกลด์เซไปทางด้านหนึ่ง ร่างอันอ่อนแรงเกือบจะทรุดลงไปบนพื้นเรือ -- ใบหน้าอันขาวซีดนั่นเงยขึ้นมองสามีตนเอง

ดวงตาสีเขียวสบมองเข้ากับดวงตาสีดำเข้มอยู่เนิ่นนาน -- สองสามีภรรยาต่างจ้องมองกันท่ามกลางความเงียบสงัด ไม่มีเสียงอะไรอื่นอีกนอกจากเสียงกระแสน้ำ และเสียงร้องของปิศาจที่แว่วดังมาจากข้างนอก --

จนในที่สุดเคเลบก็เป็นฝ่ายขยับตัว

มือหนาข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมที่เปียกปอน ควานหาอะไรบางอย่าง แล้ววางมันลงบนพื้นไม้อย่างช้าๆ

แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างเรือเข้ามา เผยให้เห็นปืนกระบอกหนึ่ง --

แมรี่โกลด์มองปืนกระบอกนั้น ก่อนที่จะละสายตากลับมามองสามีตนเอง

และแววตาคู่นั้นของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธ และความเคียดแค้นสุดหัวใจ

เคเลบจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว เขาขยับตัวมาตามพื้นไม้ เคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดเธอมากขึ้น ริมฝีปากหยักเม้มแน่น ก่อนที่จะค่อยๆเผยอออก แล้วพูดออกมาสั้นๆว่า “ฆ่าผมเสีย”

แมรี่โกลด์มองเขาทั้งน้ำตา

เคเลบเองไม่ได้พูดอะไรออกมามากกว่านั้น คำพูดทั้งหมดราวกับจะถูกกลืนหายไปในลำคอของตนเอง -- 

วินาทีนั้นเอง ที่พวกเขาทั้งสองราวกับกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันและกัน ระยะห่างเพียงแค่ปลายนิ้ว กลับกลายเป็นห่างไกลกันพันปีแสงก็ไม่ปาน

“ไม่” แมรี่โกลด์พูดออกมา เสียงไม่ดังเกินไปกว่าเสียงกระซิบ

มือบางเอื้อมออกมาจากเสื้อคลุมที่เปื้อนไปด้วยเศษดิน และรอยเลือด จากนั้นจึงวางลงบนหน้าท้องของตนเอง

“ฉันท้อง เคเลบ” แมรี่โกลด์บอกเขาเพียงแค่นั้น

แวบหนึ่งเคเลบเกือบจะเอื้อมมือไปโอบกอดแมรี่โกลด์ หากแต่ท่าทีห่างเหิน และถอยห่างที่เธอแสดงออกมา กลับทำให้เขาหยุดความคิดนั้นเอาไว้

 “ฉันกับคุณจะยังตายไม่ได้เด็ดขาด ตราบใดที่ลูกคนนี้ของเรายังไม่ปลอดภัย” แมรี่โกลด์บอก ก่อนจะถอยกลับไปยังมุมเรือฝั่งตรงข้าม แล้วไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย

และนั่นคือบทสนทนาสุดท้ายที่เธอกับเขาได้พูดกันไปอีกตลอดหกเดือน บนเรือลำเล็กที่ทรุดโทรม และแล่นไปตามกระแสน้ำอย่างทุลักทุเล

พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย นอกจากเสียงกรีดร้องของเหล่าปิศาจที่คำรามมาจากบนฝั่งริมแม่น้ำ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่