๑๗
“คุณรอฉันแป๊บหนึ่งนะคะ ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่เกินครึ่งชั่วโมง” ปาณฑราหันไปบอกสารถีหนุ่ม หลังรถจอดนิ่งสนิทที่อาคารจอดรถของคอนโดมิเนียมที่เธออาศัยอยู่
“ใจคอคุณแป้งจะไม่ให้ผมขึ้นไปดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้วหน่อยเหรอครับ เผื่อวันหลังคุณแป้งเมาแอ๋แบบเมื่อคืนอีก ผมจะได้มาส่งถูกห้อง” พูดจบพิชญ์พงศ์ก็ได้รับรางวัลเป็นฝ่ามือน้อยๆ ที่ฟาดลงบนต้นแขนกำยำ
“เอ๊ะ คุณนี่” ปาณฑราขึงตาดุใส่คนที่นั่งยิ้มหน้าเป็นอยู่หลังพวงมาลัย
“ขนาดเพิ่งเริ่มจีบยังลงไม้ลงมือกับผมขนาดนี้ หลังแต่งงานผมไม่อยากจะคิดเลย ผมคงโดนซ้อมจนน่วมไปทั้งตัวแน่ๆ” ไม่ว่าเปล่า แถมยังทำหน้าขยาดไปด้วย
“ใครเขาจะแต่งงานกับคุณกัน” หญิงสาวอุบอิบถามแล้วรีบเบือนหน้าหลบสายตาของเขา ที่เผลอสบเข้าทีไรหัวใจเธอเป็นต้องเต้นผิดจังหวะทุกครั้งไป
“ผมจีบใครอยู่ก็คนนั้นแหละครับ”
“ฉันไม่หลงคารมคุณง่ายๆ หรอก” พูดจบก็เปิดประตูและรีบก้าวลงจากรถทันที
ด้านพิชญ์พงศ์ได้แต่ยกยิ้มด้วยความพอใจ เมื่อเห็นแก้มเนียนใสไร้เครื่องสำอางเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ แล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้
“แก้มแดงขนาดนี้ เริ่มหวั่นไหวไปกับผมแล้วล่ะสิ”
“สรุปว่าคุณจะรออยู่ที่รถใช่ไหมคะ” ปาณฑราก้มลงไปถามคนที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเบาะคนขับ และทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดเมื่อครู่ของเขา
“ผมไปด้วยครับ” พูดจบก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนก้าวลงจากรถ และรีบสาวเท้าตามคนที่เดินเร็วๆ ไปยังลิฟต์
ปาณฑราเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในห้องและให้เขานั่งรอที่โซฟาในห้องรับแขก จากนั้นก็นำน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟให้เขา
“คุณดูทีวีรอฉันไปพลางๆ ก่อนละกันนะคะ ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวเดียว” เจ้าของห้องเปิดทีวีให้แขกแล้วก็ผลุบหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว
ลับร่างของปาณฑรา พิชญ์พงศ์ก็มองสำรวจไปรอบๆ ห้องขนาดกะทัดรัดของหญิงสาว ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล เน้นโทนสีอ่อน มองแล้วดูอบอุ่นสบายตา
ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปดูรูปในกรอบไม้เล็กๆ ที่แขวนไว้บนผนังหลังทีวี ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปของเจ้าของห้องในอิริยาบถต่างๆ ชายหนุ่มไล่ดูไปทีละรูป ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่รูปสวมชุดครุยของหญิงสาว มุมปากหยักยกยิ้มน้อยๆ เมื่อได้รู้ว่าเธอเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันของเขา และเมื่อดูจนครบทุกรูปแขกก็กลับมานั่งลงที่เดิม
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของห้องในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวผูกเอวกับกางเกงยีนขายาวสีเข้ม ก็เปิดประตูห้องนอนออกมา
“ไปกันเลย...อ้าวคุณ”
ปาณฑราหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อเห็นร่างสูงกอดอกนอนเหยียดอยู่บนโซฟา เปลือกตาทั้งสองข้างของเขาปิดสนิท จังหวะหายใจก็สม่ำเสมอราวคนหลับสนิท
“อะไรจะหลับง่ายขนาดนั้น” หญิงสาวนึกสงสัย
“นี่ คุณ”
ปาณฑราก้มลงไปสะกิดที่ต้นแขนกำยำเบาๆ เพื่อเป็นการปลุก แต่เขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง จนเธอต้องเปลี่ยนจากสะกิดเป็นเขย่าด้วยแรงและเสียงที่มากกว่าเดิม
“คุณ ตื่น”
รอบนี้เหมือนจะได้ผล เมื่อคนตัวสูงลืมตาโพลงและเด้งตัวขึ้นจากโซฟาราวติดสปริง เป็นเหตุให้จมูกโด่งๆ ฝังลงไปบนแก้มนุ่มอย่างพอเหมาะพอเจาะ
“อุ๊ย” หญิงสาวทำหน้าเหวออย่างตกใจ มือบางยกขึ้นมากุมที่แก้มแดงๆ ของตัวเองพร้อมหันไปมองจอมฉวยโอกาสตาเขียว
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงขอโทษขอโพย แต่สีหน้ากลับเบ่งบานราวดอกไม้ต้องแสงตะวัน “ก็คุณแป้งเรียกผมซะเสียงดัง ผมตกใจก็เลยรีบลุกขึ้นมา”
พิชญ์พงศ์อธิบาย แล้วเขาก็ได้รับค้อนวงใหญ่จากหญิงสาวเป็นสิ่งตอบแทน
“ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว จะไปกันเลยไหมคะ”
“ไปเลยครับ” พูดจบร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินตามหญิงสาวออกจากห้องไป
เมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้า ทั้งสองก็ตรงดิ่งไปที่ศูนย์จำหน่ายโทรศัพท์มือถือทันที
“คุณแป้งว่ารุ่นนี้เป็นไงครับ” พิชญ์พงศ์หยิบสมาร์ตโฟนรุ่นที่เล็งไว้ขึ้นมาทดลองเล่นดู แล้วหันมาถามความเห็นของหญิงสาว
ปาณฑราก้มลงอ่านสเปกรุ่นที่เขาสนใจคร่าวๆ “ก็โอเคนะคะ”
“แล้วรุ่นที่คุณแป้งใช้อยู่เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีค่ะ กล้องสวยดี พอดีฉันเน้นรุ่นที่ถ่ายรูปสวย” หญิงสาวตอบพลางยิ้มแหย และจังหวะนั้นเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นพอดี หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูรายชื่อคนโทร.เข้า
“ฉันออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวมา”
“ครับ”
ปาณฑราเดินปลีกตัวออกมาที่หน้าร้าน แล้วรีบกดรับสายอย่างไว “ค่ะพ่อ”
“สงกรานต์กลับบ้านไหมลูก” ผู้เป็นพ่อถามมาตามสาย
“กลับค่ะ”
“แล้วแฟนมาด้วยไหม”
ปาณฑราชะงักไปกับคำถามของบิดา ก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆ เมื่อเริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายบางอย่าง
หลังพ่อกับแม่เห็นรูปที่พิชญ์พงศ์อัปลงเฟซบุ๊ก แล้วแท็กมาหาเธอในวันที่นัดเจอกัน ท่านทั้งสองก็โทร.มาซักฟอกเธอเสียยกใหญ่ เพราะเข้าใจว่าเขาคือแฟนของเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดของพวกท่าน เพราะคิดว่าให้เข้าใจไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน จะได้เลิกล้มความคิดที่จะจับคู่เธอกับลูกชายของเพื่อนท่านเสียที โดยลืมนึกไปว่าท่านอาจจะอยากเจอแฟนสมอ้างของเธอขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 17
“คุณรอฉันแป๊บหนึ่งนะคะ ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่เกินครึ่งชั่วโมง” ปาณฑราหันไปบอกสารถีหนุ่ม หลังรถจอดนิ่งสนิทที่อาคารจอดรถของคอนโดมิเนียมที่เธออาศัยอยู่
“ใจคอคุณแป้งจะไม่ให้ผมขึ้นไปดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้วหน่อยเหรอครับ เผื่อวันหลังคุณแป้งเมาแอ๋แบบเมื่อคืนอีก ผมจะได้มาส่งถูกห้อง” พูดจบพิชญ์พงศ์ก็ได้รับรางวัลเป็นฝ่ามือน้อยๆ ที่ฟาดลงบนต้นแขนกำยำ
“เอ๊ะ คุณนี่” ปาณฑราขึงตาดุใส่คนที่นั่งยิ้มหน้าเป็นอยู่หลังพวงมาลัย
“ขนาดเพิ่งเริ่มจีบยังลงไม้ลงมือกับผมขนาดนี้ หลังแต่งงานผมไม่อยากจะคิดเลย ผมคงโดนซ้อมจนน่วมไปทั้งตัวแน่ๆ” ไม่ว่าเปล่า แถมยังทำหน้าขยาดไปด้วย
“ใครเขาจะแต่งงานกับคุณกัน” หญิงสาวอุบอิบถามแล้วรีบเบือนหน้าหลบสายตาของเขา ที่เผลอสบเข้าทีไรหัวใจเธอเป็นต้องเต้นผิดจังหวะทุกครั้งไป
“ผมจีบใครอยู่ก็คนนั้นแหละครับ”
“ฉันไม่หลงคารมคุณง่ายๆ หรอก” พูดจบก็เปิดประตูและรีบก้าวลงจากรถทันที
ด้านพิชญ์พงศ์ได้แต่ยกยิ้มด้วยความพอใจ เมื่อเห็นแก้มเนียนใสไร้เครื่องสำอางเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ แล้วก็อดที่จะแซวไม่ได้
“แก้มแดงขนาดนี้ เริ่มหวั่นไหวไปกับผมแล้วล่ะสิ”
“สรุปว่าคุณจะรออยู่ที่รถใช่ไหมคะ” ปาณฑราก้มลงไปถามคนที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเบาะคนขับ และทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดเมื่อครู่ของเขา
“ผมไปด้วยครับ” พูดจบก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนก้าวลงจากรถ และรีบสาวเท้าตามคนที่เดินเร็วๆ ไปยังลิฟต์
ปาณฑราเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในห้องและให้เขานั่งรอที่โซฟาในห้องรับแขก จากนั้นก็นำน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟให้เขา
“คุณดูทีวีรอฉันไปพลางๆ ก่อนละกันนะคะ ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวเดียว” เจ้าของห้องเปิดทีวีให้แขกแล้วก็ผลุบหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว
ลับร่างของปาณฑรา พิชญ์พงศ์ก็มองสำรวจไปรอบๆ ห้องขนาดกะทัดรัดของหญิงสาว ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล เน้นโทนสีอ่อน มองแล้วดูอบอุ่นสบายตา
ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปดูรูปในกรอบไม้เล็กๆ ที่แขวนไว้บนผนังหลังทีวี ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปของเจ้าของห้องในอิริยาบถต่างๆ ชายหนุ่มไล่ดูไปทีละรูป ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่รูปสวมชุดครุยของหญิงสาว มุมปากหยักยกยิ้มน้อยๆ เมื่อได้รู้ว่าเธอเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันของเขา และเมื่อดูจนครบทุกรูปแขกก็กลับมานั่งลงที่เดิม
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของห้องในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวผูกเอวกับกางเกงยีนขายาวสีเข้ม ก็เปิดประตูห้องนอนออกมา
“ไปกันเลย...อ้าวคุณ”
ปาณฑราหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อเห็นร่างสูงกอดอกนอนเหยียดอยู่บนโซฟา เปลือกตาทั้งสองข้างของเขาปิดสนิท จังหวะหายใจก็สม่ำเสมอราวคนหลับสนิท
“อะไรจะหลับง่ายขนาดนั้น” หญิงสาวนึกสงสัย
“นี่ คุณ”
ปาณฑราก้มลงไปสะกิดที่ต้นแขนกำยำเบาๆ เพื่อเป็นการปลุก แต่เขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง จนเธอต้องเปลี่ยนจากสะกิดเป็นเขย่าด้วยแรงและเสียงที่มากกว่าเดิม
“คุณ ตื่น”
รอบนี้เหมือนจะได้ผล เมื่อคนตัวสูงลืมตาโพลงและเด้งตัวขึ้นจากโซฟาราวติดสปริง เป็นเหตุให้จมูกโด่งๆ ฝังลงไปบนแก้มนุ่มอย่างพอเหมาะพอเจาะ
“อุ๊ย” หญิงสาวทำหน้าเหวออย่างตกใจ มือบางยกขึ้นมากุมที่แก้มแดงๆ ของตัวเองพร้อมหันไปมองจอมฉวยโอกาสตาเขียว
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงขอโทษขอโพย แต่สีหน้ากลับเบ่งบานราวดอกไม้ต้องแสงตะวัน “ก็คุณแป้งเรียกผมซะเสียงดัง ผมตกใจก็เลยรีบลุกขึ้นมา”
พิชญ์พงศ์อธิบาย แล้วเขาก็ได้รับค้อนวงใหญ่จากหญิงสาวเป็นสิ่งตอบแทน
“ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว จะไปกันเลยไหมคะ”
“ไปเลยครับ” พูดจบร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินตามหญิงสาวออกจากห้องไป
เมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้า ทั้งสองก็ตรงดิ่งไปที่ศูนย์จำหน่ายโทรศัพท์มือถือทันที
“คุณแป้งว่ารุ่นนี้เป็นไงครับ” พิชญ์พงศ์หยิบสมาร์ตโฟนรุ่นที่เล็งไว้ขึ้นมาทดลองเล่นดู แล้วหันมาถามความเห็นของหญิงสาว
ปาณฑราก้มลงอ่านสเปกรุ่นที่เขาสนใจคร่าวๆ “ก็โอเคนะคะ”
“แล้วรุ่นที่คุณแป้งใช้อยู่เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีค่ะ กล้องสวยดี พอดีฉันเน้นรุ่นที่ถ่ายรูปสวย” หญิงสาวตอบพลางยิ้มแหย และจังหวะนั้นเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นพอดี หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูรายชื่อคนโทร.เข้า
“ฉันออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวมา”
“ครับ”
ปาณฑราเดินปลีกตัวออกมาที่หน้าร้าน แล้วรีบกดรับสายอย่างไว “ค่ะพ่อ”
“สงกรานต์กลับบ้านไหมลูก” ผู้เป็นพ่อถามมาตามสาย
“กลับค่ะ”
“แล้วแฟนมาด้วยไหม”
ปาณฑราชะงักไปกับคำถามของบิดา ก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆ เมื่อเริ่มมองเห็นเค้าลางความวุ่นวายบางอย่าง
หลังพ่อกับแม่เห็นรูปที่พิชญ์พงศ์อัปลงเฟซบุ๊ก แล้วแท็กมาหาเธอในวันที่นัดเจอกัน ท่านทั้งสองก็โทร.มาซักฟอกเธอเสียยกใหญ่ เพราะเข้าใจว่าเขาคือแฟนของเธอ ซึ่งเธอก็ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดของพวกท่าน เพราะคิดว่าให้เข้าใจไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน จะได้เลิกล้มความคิดที่จะจับคู่เธอกับลูกชายของเพื่อนท่านเสียที โดยลืมนึกไปว่าท่านอาจจะอยากเจอแฟนสมอ้างของเธอขึ้นมาบ้างเหมือนกัน