๑๕
ปาณฑราตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาสายของอีกวัน หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ที่สาดเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่าน ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว
ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องดนตรีแขวนไล่ระดับตามผนัง ซึ่งมีทั้งกีตาร์โปร่ง กีตาร์ไฟฟ้าและอูคูเลเล่ พร้อมกันนั้นก็พยายามเค้นความทรงจำในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือ เธอยืนคุยกับพิชญ์พงศ์ที่หน้าห้องน้ำ จากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย หรือว่า...
หญิงสาวรีบก้มสำรวจตามร่างกายของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าเธอยังคงอยู่ในชุดเดิมของเมื่อคืน และตามร่างกายไม่มีร่องรอยความเสียหายอะไร
ขณะกำลังมองหาเจ้าของห้อง กลิ่นหอมของอาหารก็โชยมาเตะจมูกของปาณฑรา แล้วมันก็สามารถเรียกน้ำย่อยของคนเมาค้างได้เป็นอย่างดี หญิงสาวรีบก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ทำให้ร่างบางเซเล็กน้อย หญิงสาวจึงยืนนิ่งๆ และสะบัดศีรษะเพื่อไล่อาการมึนงง
เมื่ออาการเริ่มทุเลาก็เปิดประตูออกไป เพื่อตามหาเจ้าของห้อง ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นพิชญ์พงศ์ เพราะดูจากการตกแต่งห้องแล้วคงจะเป็นใครไปไม่ได้ อีกอย่างเธอจำได้รางๆ ว่าเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ
“จะไปส่ง แล้วทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่ห้องเขาล่ะ”
ปาณฑราเดินผ่านโซนรับแขกไปยังส่วนที่เป็นโซนห้องครัว ก็เจอคนตัวสูงสวมผ้ากันเปื้อนสีกรมท่ากำลังสาละวนอยู่ที่หน้าเตา
เมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง พิชญ์พงศ์จึงเหลียวไปมองแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ไหนคุณบอกว่าจะไปส่งฉันไงคะ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ห้องคุณได้ล่ะ” หญิงสาวไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่กลับเปิดฉากต่อว่าทันทีที่เจอหน้าเขา
“ก็คุณแป้งหลับไปก่อนนี่ครับ ผมเลยไม่รู้ว่าจะไปส่งคุณได้ที่ไหน ก็เลยพามาพักที่ห้องผมก่อน” ชายหนุ่มอธิบาย
แม้เหตุผลของเขาจะฟังขึ้น แต่ปาณฑราก็ยังไม่วายหาเรื่องมาต่อว่าเขาอยู่ดี “เพื่อนฉันก็อยู่ตั้งหลายคน ทำไมไม่ให้เพื่อนฉันพาฉันกลับล่ะค่ะ พาฉันมาห้องตัวเองแบบนี้ คุณหวังจะทำมิดีมิร้ายฉันหรือเปล่า” หญิงสาวยกแขนขึ้นมากอดอกตัวเองไว้แน่น ทั้งยังมองเจ้าของห้องอย่างระแวดระวัง
เห็นท่าทางหวาดระแวงจนเกินเหตุของอีกฝ่ายแล้ว พิชญ์พงศ์ก็ได้แต่นึกขำอยู่ในใจ “หน้าตาผมเหมือนพวกหื่นกามขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณแป้งถึงได้คิดไปแบบนั้น”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ด้วย คุณไม่เคยได้ยินหรือไง รู้หน้าไม่รู้ใจน่ะ”
“คุณแป้งเองก็รู้นี่ครับว่าทุกวันนี้ไว้ใจใครไม่ค่อยได้ แล้วทำไมยังกล้าดื่มจนเมาแอ๋แบบนั้นล่ะครับ ดีนะที่เป็นผม ถ้าเป็นคนอื่นคุณแป้งอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” เขาถือโอกาสสอนไปด้วย
ปาณฑราที่กำลังจะโต้กลับว่าเป็นเพราะเขา เป็นอันต้องหุบปากฉับ และทำได้เพียงมองค้อนเขาจนตาคว่ำ เธอจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าที่เธอต้องลืมตัวซดเหล้ารัวๆ ราวกับน้ำเปล่าแบบนั้น มันมีสาเหตุมาจากเขาทั้งนั้น เดี๋ยวเขาจะเผลอคิดเข้าข้างตัวเองอีกว่าตัวเขามีอิทธิพลต่อชีวิตเธอ
เมื่อเห็นหน้าตูมๆ ของหญิงสาว พิชญ์พงศ์ก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูเล็กว่า
“ที่จริงแล้วคนที่ควรกลัวโดนทำมิดีมิร้ายควรเป็นผมมากกว่านะครับ เพราะเมื่อคืนคุณแป้งจ้องจะปล้ำผมท่าเดียวเลย คนอะไรเมาแล้วหื่นชะมัด”
“ฉันนี่นะจะไปปล้ำคนอย่างคุณ” ปาณฑราชี้นิ้วมาที่อกตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อที่เขาพูด ก่อนจะสั่นหน้าปฏิเสธเสียงหนักแน่น
“ไม่มีทาง”
“คุณแป้งลองนึกดูดีๆ สิครับ ว่าเมื่อคืนได้ทำอะไรกับผมไว้บ้าง ถ้าผมใจไม่แข็งพอ ป่านนี้คงเสียความบริสุทธิ์ให้คุณแป้งไปแล้วแน่ๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาพราวระยับจับจ้องที่อีกฝ่ายไม่วางตา
หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด พยายามนึกว่าระหว่างที่เมา ตัวเองได้ทำอะไรน่าอายออกไปบ้าง แต่ก็จำได้แค่เหตุการณ์ที่หน้าห้องน้ำ ที่เธอไปต่อปากต่อคำกับสาวสวยที่มาติดพันเขา ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติที่สติสตังยังอยู่ครบ เธอคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นออกไปแน่
ปาณฑราครุ่นคิดจนใบหน้าสวยยับยุ่ง ชักจะลังเลกับสิ่งที่เขาบอก เพราะหลายครั้งที่เธอเมาแล้วชอบทำตัวเพี้ยนๆ ออกไปโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ว่าตัวเองทำเรื่องน่าอายแค่ไหน ก็ตอนที่ได้เห็นคลิปที่เพื่อนๆ ถ่ายไว้โน่นแหละ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็ไม่กล้าดื่มจนเมามายอีกเลย กระทั่งเมื่อคืนที่เธอลืมตัว เพราะหมั่นไส้ในความเจ้าเสน่ห์ของเขา แต่จะให้เธอยอมรับออกไปก็ใช่เรื่อง
“ถ้านึกไม่ออก เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังก็ได้ว่าคุณแป้งน่ะ...” ยังไม่ทันที่พิชญ์พงศ์จะได้เริ่มร่ายอะไรออกมา หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“คุณทำอะไรคะนั่น” ไม่ถามเปล่า ยังทำทีชะเง้อมองดูสิ่งที่เขากำลังทำ
ด้านพิชญ์พงศ์ได้ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับอาการตีมึน เปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ ของหญิงสาว ในเมื่อเธอต้องการอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไหลไปตามน้ำกับเธอ
“ข้าวต้มปลาครับ” เขาตอบก่อนหันกลับไปตักข้าวต้มปลาหอมฉุยใส่ถ้วย
“เสร็จยังคะ ฉันเริ่มจะหิวแล้ว” ปาณฑราถามพลางยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองป้อยๆ
“เสร็จพอดีเลยครับ ผมว่าคุณแป้งไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนดีกว่านะครับ แปรงสีฟันอันใหม่ผมเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำแล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะตอนนี้ท้องเธอเริ่มจะส่งเสียงโครกครากเพราะความอยากอาหารขึ้นมาแล้ว
หลังจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ปาณฑราก็รีบเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นจังหวะที่พิชญ์พงศ์จัดโต๊ะอาหารเสร็จพอดี
“คุณทำเองเหรอคะ” ถามขณะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเจ้าของห้องที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ใช่ครับ”
“เก่งจัง” หญิงสาวเอ่ยชมตามประสาคนทำกับข้าวไม่เก่ง อาจจะพอทำได้แค่ให้ตัวเองกิน แต่ถ้าจะทำให้คนอื่นกินด้วย เธอคงไม่กล้า
“ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ มันก็แค่เมนูง่ายๆ”
“ง่ายสำหรับคุณ แต่ไม่ได้ง่ายสำหรับฉันค่ะ” ปาณฑราย่นจมูกใส่คนที่ถ่อมตัวจนน่าหมั่นไส้ ก่อนจะหันมาสนใจกับข้าวต้มปลาหน้าตาน่ากินตรงหน้า
“ฉันกินเลยนะคะ”
“ลงมือได้เลยครับ”
สิ้นคำของเขาปาณฑราก็ไม่รอช้า หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้าราวกับคนหิวโซ เจ้าของห้องเห็นอย่างนั้นก็ลงมือจัดการในส่วนของตัวเองบ้าง
หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 15
ปาณฑราตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาสายของอีกวัน หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ที่สาดเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่าน ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว
ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องดนตรีแขวนไล่ระดับตามผนัง ซึ่งมีทั้งกีตาร์โปร่ง กีตาร์ไฟฟ้าและอูคูเลเล่ พร้อมกันนั้นก็พยายามเค้นความทรงจำในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือ เธอยืนคุยกับพิชญ์พงศ์ที่หน้าห้องน้ำ จากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย หรือว่า...
หญิงสาวรีบก้มสำรวจตามร่างกายของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อพบว่าเธอยังคงอยู่ในชุดเดิมของเมื่อคืน และตามร่างกายไม่มีร่องรอยความเสียหายอะไร
ขณะกำลังมองหาเจ้าของห้อง กลิ่นหอมของอาหารก็โชยมาเตะจมูกของปาณฑรา แล้วมันก็สามารถเรียกน้ำย่อยของคนเมาค้างได้เป็นอย่างดี หญิงสาวรีบก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ทำให้ร่างบางเซเล็กน้อย หญิงสาวจึงยืนนิ่งๆ และสะบัดศีรษะเพื่อไล่อาการมึนงง
เมื่ออาการเริ่มทุเลาก็เปิดประตูออกไป เพื่อตามหาเจ้าของห้อง ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นพิชญ์พงศ์ เพราะดูจากการตกแต่งห้องแล้วคงจะเป็นใครไปไม่ได้ อีกอย่างเธอจำได้รางๆ ว่าเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ
“จะไปส่ง แล้วทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่ห้องเขาล่ะ”
ปาณฑราเดินผ่านโซนรับแขกไปยังส่วนที่เป็นโซนห้องครัว ก็เจอคนตัวสูงสวมผ้ากันเปื้อนสีกรมท่ากำลังสาละวนอยู่ที่หน้าเตา
เมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง พิชญ์พงศ์จึงเหลียวไปมองแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ไหนคุณบอกว่าจะไปส่งฉันไงคะ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่ห้องคุณได้ล่ะ” หญิงสาวไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่กลับเปิดฉากต่อว่าทันทีที่เจอหน้าเขา
“ก็คุณแป้งหลับไปก่อนนี่ครับ ผมเลยไม่รู้ว่าจะไปส่งคุณได้ที่ไหน ก็เลยพามาพักที่ห้องผมก่อน” ชายหนุ่มอธิบาย
แม้เหตุผลของเขาจะฟังขึ้น แต่ปาณฑราก็ยังไม่วายหาเรื่องมาต่อว่าเขาอยู่ดี “เพื่อนฉันก็อยู่ตั้งหลายคน ทำไมไม่ให้เพื่อนฉันพาฉันกลับล่ะค่ะ พาฉันมาห้องตัวเองแบบนี้ คุณหวังจะทำมิดีมิร้ายฉันหรือเปล่า” หญิงสาวยกแขนขึ้นมากอดอกตัวเองไว้แน่น ทั้งยังมองเจ้าของห้องอย่างระแวดระวัง
เห็นท่าทางหวาดระแวงจนเกินเหตุของอีกฝ่ายแล้ว พิชญ์พงศ์ก็ได้แต่นึกขำอยู่ในใจ “หน้าตาผมเหมือนพวกหื่นกามขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณแป้งถึงได้คิดไปแบบนั้น”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ด้วย คุณไม่เคยได้ยินหรือไง รู้หน้าไม่รู้ใจน่ะ”
“คุณแป้งเองก็รู้นี่ครับว่าทุกวันนี้ไว้ใจใครไม่ค่อยได้ แล้วทำไมยังกล้าดื่มจนเมาแอ๋แบบนั้นล่ะครับ ดีนะที่เป็นผม ถ้าเป็นคนอื่นคุณแป้งอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” เขาถือโอกาสสอนไปด้วย
ปาณฑราที่กำลังจะโต้กลับว่าเป็นเพราะเขา เป็นอันต้องหุบปากฉับ และทำได้เพียงมองค้อนเขาจนตาคว่ำ เธอจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าที่เธอต้องลืมตัวซดเหล้ารัวๆ ราวกับน้ำเปล่าแบบนั้น มันมีสาเหตุมาจากเขาทั้งนั้น เดี๋ยวเขาจะเผลอคิดเข้าข้างตัวเองอีกว่าตัวเขามีอิทธิพลต่อชีวิตเธอ
เมื่อเห็นหน้าตูมๆ ของหญิงสาว พิชญ์พงศ์ก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหูเล็กว่า
“ที่จริงแล้วคนที่ควรกลัวโดนทำมิดีมิร้ายควรเป็นผมมากกว่านะครับ เพราะเมื่อคืนคุณแป้งจ้องจะปล้ำผมท่าเดียวเลย คนอะไรเมาแล้วหื่นชะมัด”
“ฉันนี่นะจะไปปล้ำคนอย่างคุณ” ปาณฑราชี้นิ้วมาที่อกตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อที่เขาพูด ก่อนจะสั่นหน้าปฏิเสธเสียงหนักแน่น
“ไม่มีทาง”
“คุณแป้งลองนึกดูดีๆ สิครับ ว่าเมื่อคืนได้ทำอะไรกับผมไว้บ้าง ถ้าผมใจไม่แข็งพอ ป่านนี้คงเสียความบริสุทธิ์ให้คุณแป้งไปแล้วแน่ๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาพราวระยับจับจ้องที่อีกฝ่ายไม่วางตา
หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด พยายามนึกว่าระหว่างที่เมา ตัวเองได้ทำอะไรน่าอายออกไปบ้าง แต่ก็จำได้แค่เหตุการณ์ที่หน้าห้องน้ำ ที่เธอไปต่อปากต่อคำกับสาวสวยที่มาติดพันเขา ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติที่สติสตังยังอยู่ครบ เธอคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นออกไปแน่
ปาณฑราครุ่นคิดจนใบหน้าสวยยับยุ่ง ชักจะลังเลกับสิ่งที่เขาบอก เพราะหลายครั้งที่เธอเมาแล้วชอบทำตัวเพี้ยนๆ ออกไปโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ว่าตัวเองทำเรื่องน่าอายแค่ไหน ก็ตอนที่ได้เห็นคลิปที่เพื่อนๆ ถ่ายไว้โน่นแหละ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็ไม่กล้าดื่มจนเมามายอีกเลย กระทั่งเมื่อคืนที่เธอลืมตัว เพราะหมั่นไส้ในความเจ้าเสน่ห์ของเขา แต่จะให้เธอยอมรับออกไปก็ใช่เรื่อง
“ถ้านึกไม่ออก เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังก็ได้ว่าคุณแป้งน่ะ...” ยังไม่ทันที่พิชญ์พงศ์จะได้เริ่มร่ายอะไรออกมา หญิงสาวก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“คุณทำอะไรคะนั่น” ไม่ถามเปล่า ยังทำทีชะเง้อมองดูสิ่งที่เขากำลังทำ
ด้านพิชญ์พงศ์ได้ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับอาการตีมึน เปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ ของหญิงสาว ในเมื่อเธอต้องการอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไหลไปตามน้ำกับเธอ
“ข้าวต้มปลาครับ” เขาตอบก่อนหันกลับไปตักข้าวต้มปลาหอมฉุยใส่ถ้วย
“เสร็จยังคะ ฉันเริ่มจะหิวแล้ว” ปาณฑราถามพลางยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองป้อยๆ
“เสร็จพอดีเลยครับ ผมว่าคุณแป้งไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนดีกว่านะครับ แปรงสีฟันอันใหม่ผมเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำแล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวยอมทำตามอย่างว่าง่าย เพราะตอนนี้ท้องเธอเริ่มจะส่งเสียงโครกครากเพราะความอยากอาหารขึ้นมาแล้ว
หลังจัดการกับตัวเองเรียบร้อย ปาณฑราก็รีบเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นจังหวะที่พิชญ์พงศ์จัดโต๊ะอาหารเสร็จพอดี
“คุณทำเองเหรอคะ” ถามขณะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเจ้าของห้องที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ใช่ครับ”
“เก่งจัง” หญิงสาวเอ่ยชมตามประสาคนทำกับข้าวไม่เก่ง อาจจะพอทำได้แค่ให้ตัวเองกิน แต่ถ้าจะทำให้คนอื่นกินด้วย เธอคงไม่กล้า
“ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ มันก็แค่เมนูง่ายๆ”
“ง่ายสำหรับคุณ แต่ไม่ได้ง่ายสำหรับฉันค่ะ” ปาณฑราย่นจมูกใส่คนที่ถ่อมตัวจนน่าหมั่นไส้ ก่อนจะหันมาสนใจกับข้าวต้มปลาหน้าตาน่ากินตรงหน้า
“ฉันกินเลยนะคะ”
“ลงมือได้เลยครับ”
สิ้นคำของเขาปาณฑราก็ไม่รอช้า หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้าราวกับคนหิวโซ เจ้าของห้องเห็นอย่างนั้นก็ลงมือจัดการในส่วนของตัวเองบ้าง