๑๐
ด้วยความหิวที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ปาณฑราจึงเก็บภาพอาหารตรงหน้าแค่ไม่กี่ภาพ จากนั้นก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าทันที โดยไม่เสียเวลาเซลฟี่อย่างที่เคยทำ
ท่าทางกินอย่างเอร็ดอร่อยของเธอ ทำให้คนที่ลอบมองอยู่ระบายยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพเหล่านั้นไว้
เสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังมีความสุขกับการได้กินของโปรดชะงัก ปาณฑราหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องใหญ่ขึ้นมาเปิดดู ตากลมโตเบิกโพลงเมื่อเห็นแจ้งเตือน
PITPONG SEESURAJ ได้แท็กคุณในโพสต์ : “คุณเขาอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
หญิงสาวรีบไล่ดูรูปในโพสต์ ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปของเธอที่เขาแอบถ่ายตอนเธอเผลอ
“คุณโพสต์ไม่ปรึกษาฉันเลย แต่ละรูปมันดูได้ซะที่ไหน ตลกชะมัด” ปาณฑราโวยขึ้น ใบหน้าสวยงอง้ำอย่างแสนงอน จะอัปรูปเธอก็ไม่ว่าหรอก แต่ช่วยเลือกรูปที่มันสวยๆ ให้เธอหน่อยเถอะ
“ไม่เห็นตลกเลย แบบนี้เป็นธรรมชาติดีนะผมว่า” พิชญ์พงศ์แย้ง ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ธรรมชาติลงโทษละไม่ว่า” หญิงสาวว่าเสียงสะบัด ก่อนจะขู่เขาเสียงเข้ม เมื่อเห็นเขายกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพหน้าตูมๆ ของเธอ
“ห้ามเอารูปเมื่อกี้ไปลงนะ ไม่งั้นฉันโกรธคุณจริงๆ ด้วย”
“ครับ ไม่ลง แต่จะเก็บไว้ดูคนเดียว” ชายหนุ่มรับคำยิ้มๆ ก่อนลงมือจัดการกับอาหารของตัวเองบ้าง
ปาณฑราค้อนปะหลับปะเหลือกให้กับคำพูดของเขา แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ โดยไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก
“คุณแป้งมีอะไรหรือเปล่าครับ” พิชญ์พงศ์เอ่ยถาม เมื่อสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าเทียวเงยหน้ามองเขาอยู่หลายรอบ เหมือนมีอะไรจะพูดด้วย แต่ก็ไม่เห็นพูดอะไรออกมาสักที
“คือฉัน...”
ปาณฑราอึกอัก ทั้งที่คิดว่าพร้อมจะพูดแล้ว แต่พอเห็นใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เป็นนิจเครียดขึงขึ้นเล็กน้อย เธอก็เกิดอาการลังเลอีกจนได้
“มีอะไรคุณแป้งก็พูดมาตามตรงเลยครับ” พิชญ์พงศ์บอกและรอฟังด้วยใจที่จดจ่อ
หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อยและยืดตัวนั่งหลังตรง จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นงานเป็นการกว่าปกติ “ฉันว่าเราหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้ดีกว่านะคะ” พูดออกมาได้ในที่สุด
“ทำไมล่ะครับ” พิชญ์พงศ์ถามเสียงเรียบ
“ที่จริงแล้ววันนั้นฉันให้เพื่อนไปขอเบอร์ผู้ชายอีกคน แต่เพื่อนฉันดันไปขอเบอร์คุณมา ซึ่งไม่ใช่คนที่ฉันอยากสานสัมพันธ์ด้วย ฉันเลยคิดว่า...” ปาณฑราพยายามคิดหาคำพูด เพื่อให้เขาเข้าใจได้ง่ายๆ
“พอมาเจอผม แล้วผมไม่ใช่คนที่คุณคิด คุณก็เลยต้องบอกเลิกผม เพื่อที่จะไปสานต่อกับผู้ชายคนนั้น คนที่คุณถูกใจ ผมเข้าใจถูกไหมครับ” คนถูกตัดความสัมพันธ์สรุปให้
ปาณฑราสะดุดกับคำว่า ‘บอกเลิก’ ของเขา คิดว่าเขาคงจะเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ จึงแย้งออกไป
“ฉันกับคุณยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย จะใช้คำว่าบอกเลิกได้ยังไงคะ”
“คุณแป้งขอผมเป็นแฟนแล้วนี่ครับ คุณจำไม่ได้เหรอ”
“อย่ามามั่วนะ ฉันไม่เห็นจะจำได้เลย” หญิงสาวสวนกลับเสียงอ่อยอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ตัวดีว่าตนนั้นค่อนข้างขี้ลืม บ่อยครั้งที่เธอพูดอะไรกับใครไว้แล้วมักจะจำไม่ได้
“คืนวันที่ ๒๕ เดือนที่แล้วไงครับ” พิชญ์พงศ์ทวนความจำให้คนขี้ลืม
ได้ยินอย่างนั้นปาณฑราก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันไลน์ แล้วย้อนกลับไปดูข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับเขา ตามวันที่และเวลาที่เขาบอก แล้วก็ต้องอ้าปากค้า ตาเบิกโพลงเมื่อได้อ่านข้อความของตัวเอง
พฤ. ๒๕ มี.ค.
P.PITPONG : ที่เราคุยกันอยู่ทุกวันนี้ คุยกันในสถานะอะไรหรือครับคุณแป้ง
PONGPANG : ถ้าจะบอกว่าสถานะแฟน คุณปราชญ์ยินดีจะรับไว้ไหมล่ะคะ อิอิ
ปาณฑราตอบติดตลก ให้ดูเหมือนพูดทีเล่นทีจริง ทั้งที่ในใจนั้นก็แอบหวังว่าหากเขาตอบตกลง เธอก็จะตีขลุมไปเลยว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันแล้ว แม้ใครจะว่าเธอบ้าที่ชอบพอคนที่คุยกันผ่านโลกออนไลน์ แต่เธอก็ไม่สน เพราะถ้าจะพูดตามความจริง เธอกับเขาถือว่าเคยเจอเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วในงานแต่งงานของเพื่อน เพียงแค่ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าไปคุยกันอย่างเป็นทางการก็แค่นั้นเอง
P.PITPONG : ถ้าเป็นความต้องการของคุณแป้ง ผมก็ยินดีรับสถานะนี้ไว้ครับ
PONGPANG : ตกลงแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะคะ
P.PITPONG : ผมไม่เปลี่ยนใจแน่นอนครับ กลัวแต่คุณแป้งนั่นแหละครับที่จะเปลี่ยนใจไปจากผม เพราะสวยๆ อย่างคุณแป้งคงจะมีหนุ่มๆ เข้าหาเยอะ
PONGPANG : มีที่ไหนกันล่ะคะ ถ้ามีอย่างคุณว่าจริงๆ ฉันคงไม่โสดมาจนป่านนี้ จนได้มาคุยกับคุณหรอกค่ะ
อ่านบทสนทนาของคืนนั้นจบ ปาณฑราก็ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ไม่คิดว่าสิ่งที่เธอเคยคิดเล่นๆ ว่าจะใช้มันผูกมัดเขา มันจะย้อนกลับมามัดตัวเธอไว้เสียเอง
“ตอนนั้นฉันแค่พูดเล่นๆ เอง คุณอย่าได้เก็บมาคิดจริงจังเลยนะคะ อีกอย่างที่ฉันพูดไปแบบนั้นเพราะฉันคิดว่าคุณคืออีกคนที่ฉันตั้งใจจะจีบน่ะค่ะ” ปาณฑราสารภาพออกไปตามตรง ก่อนจะยิ้มแหยๆ ส่งไปให้
“ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเนี่ยนะครับ มันไม่น่ารักเลยรู้ไหมครับ” น้ำเสียงเขายังคงนิ่งเรียบ ความผิดหวังฉายชัดในแววตา
“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่คะ ถ้าฉันรู้ว่าเบอร์ที่ได้มาเป็นเบอร์คุณฉันก็คงไม่ทักคุณไปหรอก และคงไม่พิมพ์อะไรแบบนั้นออกไป”
“คนที่คุณอยากคุยด้วยคือคนไหนผมไม่รู้ แต่คนที่คุณขอเป็นแฟนคือผมคนนี้ ฉะนั้นคุณต้องรับผิดชอบความรู้สึกผม”
“คุณก็พูดอย่างกับฉันฟันคุณแล้วทิ้งอย่างนั้นแหละ คุณก็คิดซะว่าเหมือนคู่อื่นๆ ที่เขาคุยกันผ่านพวกแอปหาคู่ แล้วใช้รูปโพรไฟล์สวยหล่อเกินจริง พอนัดเจอกันแล้วรูปมันไม่ตรงปก ก็เลยต้องแยกย้าย ไม่มีการสานต่อแบบนั้นสิคะ” ปาณฑราพยายามยกตัวอย่างให้เขาได้เข้าใจง่ายๆ
“ผมไม่ใช่คนมักง่าย ที่จะคบใครเล่นๆ มาทำให้ผมรู้สึกดีด้วยแล้วคุณต้องรับผิดชอบ”
“เดี๋ยวนะคุณ ฉันไม่ได้ฟันคุณแล้วทิ้งสักหน่อย ทำไมฉันต้องรับผิดชอบคุณด้วย”
พิชญ์พงศ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แขนทั้งสองยกขึ้นมากอดอก ดวงตาที่ปกติจะทอประกายระยิบระยับ ตอนนี้กลับไร้แววล้อเลียนเหมือนอย่างเคย
“ผมมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณแป้งถึงไม่อยากคบกับผมต่อ” เสียงห้าวเจือแววกระด้าง จนคนฟังที่คุ้นชินกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาชักจะใจเสีย
“ฉันไม่เคยคิดรังเกียจคุณเลยนะคะ” ปาณฑรารีบลนลานปฏิเสธ กลัวเขาจะคิดแบบนั้นจริงๆ
“งั้นคุณแป้งลองบอกผมหน่อยสิครับ ว่ามีเหตุผลอะไรที่เราต้องเลิกกัน ทั้งที่เราสองคนก็ดูจะเข้ากันได้ดี” ถามพลางเท้าศอกลงกับโต๊ะ ส่วนมือทั้งสองสอดประสานกัน ดวงตาเรียบนิ่งจ้องมองคนตรงหน้าอย่างรอคอยคำตอบ
“คือ...”
หญิงสาวอึกอัก รู้ดีว่าเหตุผลของตัวเองนั้นฟังไม่ขึ้นแค่ไหน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อเธอชอบหล่อเข้มแบบพี่เกรท วรินทร ไม่ได้ชอบหล่อตี๋แบบเกรท สพล สักหน่อย ต่อให้คุยกันถูกคอแค่ไหนก็เถอะ
“ผมหล่อสู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้งั้นเหรอครับ คุณแป้งถึงไม่อยากสานต่อกับผม” เขาตอบแทน เมื่อเธอไม่ยอมพูดมันออกมาสักที
“...”
เมื่ออาการหลุบตาลงไม่กล้าสู้หน้า และความเงียบของเธอคือคำตอบ พิชญ์พงศ์จึงสรุปให้หญิงสาวเสร็จสรรพ “สุดท้ายก็เลือกคบกันที่หน้าตา”
ปาณฑราหน้าเสียเมื่อได้ฟังน้ำเสียงหยันๆ ของเขา อยากจะแย้งความเข้าใจของเขา แต่ก็ไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาอ้าง ในเมื่อเธอก็ไม่ต่างจากที่เขาพูดสักเท่าไร สิ่งที่นึกออกในตอนนี้จึงมีเพียงคำว่า
“ฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อย ใบหน้าสวยสลดลงอย่างสำนึกผิด “ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลาและเสียความรู้สึก”
ตากลมโตเงยขึ้นสบประสานกับดวงตาเรียวเล็กของเขา เพื่อให้เขาเห็นว่าคำนี้เธอเอ่ยออกมาจากใจจริงๆ แต่สิ่งที่ปาณฑราได้รับกลับมามีเพียงแววตาตัดพ้อและน้อยใจ ที่ทำเอาเธอรู้สึกหน่วงหนึบในหัวใจ
จากที่ตั้งใจว่าพูดจบจะลุกออกไปทันที แต่พอได้สบกับนัยน์ตาเศร้าสร้อยบวกกับสีหน้าราวคนสิ้นหวังของเขา คนขี้ใจอ่อนก็เหมือนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม้แต่แรงจะพยุงกายให้ลุกขึ้นยืนยังไม่มี แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมรอบกาย พร้อมกับความอึดอัดที่เกิดขึ้นในใจของปาณฑรา
สุดท้ายความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจหนักๆ ตามด้วยเสียงแหบห้าว
“เอาเป็นว่าเรื่องที่คุณแป้งพูดออกมาวันนี้ ผมจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกันนะครับ” พูดจบร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วก้าวยาวๆ ออกจากร้านไป โดยไม่หันกลับมามองอีกคนที่ยังนั่งอึ้งอีกเลย
พิชญ์พงศ์เดินจากไปได้สักพักแล้ว แต่ปาณฑรายังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม หญิงสาวคิดตามคำพูดทิ้งท้ายของเขา ความสับสนแล่นเข้าจู่โจมหัวใจเธออย่างหนัก ภายใต้ใบหน้าที่เรียบตึงของเขานั้น ปาณฑราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกยังไงกันแน่ แล้วเธอต้องทำยังไงต่อไปกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 10
ท่าทางกินอย่างเอร็ดอร่อยของเธอ ทำให้คนที่ลอบมองอยู่ระบายยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพเหล่านั้นไว้
เสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กที่ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังมีความสุขกับการได้กินของโปรดชะงัก ปาณฑราหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องใหญ่ขึ้นมาเปิดดู ตากลมโตเบิกโพลงเมื่อเห็นแจ้งเตือน
PITPONG SEESURAJ ได้แท็กคุณในโพสต์ : “คุณเขาอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
หญิงสาวรีบไล่ดูรูปในโพสต์ ซึ่งล้วนแต่เป็นรูปของเธอที่เขาแอบถ่ายตอนเธอเผลอ
“คุณโพสต์ไม่ปรึกษาฉันเลย แต่ละรูปมันดูได้ซะที่ไหน ตลกชะมัด” ปาณฑราโวยขึ้น ใบหน้าสวยงอง้ำอย่างแสนงอน จะอัปรูปเธอก็ไม่ว่าหรอก แต่ช่วยเลือกรูปที่มันสวยๆ ให้เธอหน่อยเถอะ
“ไม่เห็นตลกเลย แบบนี้เป็นธรรมชาติดีนะผมว่า” พิชญ์พงศ์แย้ง ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ธรรมชาติลงโทษละไม่ว่า” หญิงสาวว่าเสียงสะบัด ก่อนจะขู่เขาเสียงเข้ม เมื่อเห็นเขายกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพหน้าตูมๆ ของเธอ
“ห้ามเอารูปเมื่อกี้ไปลงนะ ไม่งั้นฉันโกรธคุณจริงๆ ด้วย”
“ครับ ไม่ลง แต่จะเก็บไว้ดูคนเดียว” ชายหนุ่มรับคำยิ้มๆ ก่อนลงมือจัดการกับอาหารของตัวเองบ้าง
ปาณฑราค้อนปะหลับปะเหลือกให้กับคำพูดของเขา แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ โดยไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก
“คุณแป้งมีอะไรหรือเปล่าครับ” พิชญ์พงศ์เอ่ยถาม เมื่อสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าเทียวเงยหน้ามองเขาอยู่หลายรอบ เหมือนมีอะไรจะพูดด้วย แต่ก็ไม่เห็นพูดอะไรออกมาสักที
“คือฉัน...”
ปาณฑราอึกอัก ทั้งที่คิดว่าพร้อมจะพูดแล้ว แต่พอเห็นใบหน้าที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่เป็นนิจเครียดขึงขึ้นเล็กน้อย เธอก็เกิดอาการลังเลอีกจนได้
“มีอะไรคุณแป้งก็พูดมาตามตรงเลยครับ” พิชญ์พงศ์บอกและรอฟังด้วยใจที่จดจ่อ
หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อยและยืดตัวนั่งหลังตรง จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นงานเป็นการกว่าปกติ “ฉันว่าเราหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้ดีกว่านะคะ” พูดออกมาได้ในที่สุด
“ทำไมล่ะครับ” พิชญ์พงศ์ถามเสียงเรียบ
“ที่จริงแล้ววันนั้นฉันให้เพื่อนไปขอเบอร์ผู้ชายอีกคน แต่เพื่อนฉันดันไปขอเบอร์คุณมา ซึ่งไม่ใช่คนที่ฉันอยากสานสัมพันธ์ด้วย ฉันเลยคิดว่า...” ปาณฑราพยายามคิดหาคำพูด เพื่อให้เขาเข้าใจได้ง่ายๆ
“พอมาเจอผม แล้วผมไม่ใช่คนที่คุณคิด คุณก็เลยต้องบอกเลิกผม เพื่อที่จะไปสานต่อกับผู้ชายคนนั้น คนที่คุณถูกใจ ผมเข้าใจถูกไหมครับ” คนถูกตัดความสัมพันธ์สรุปให้
ปาณฑราสะดุดกับคำว่า ‘บอกเลิก’ ของเขา คิดว่าเขาคงจะเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ จึงแย้งออกไป
“ฉันกับคุณยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย จะใช้คำว่าบอกเลิกได้ยังไงคะ”
“คุณแป้งขอผมเป็นแฟนแล้วนี่ครับ คุณจำไม่ได้เหรอ”
“อย่ามามั่วนะ ฉันไม่เห็นจะจำได้เลย” หญิงสาวสวนกลับเสียงอ่อยอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะรู้ตัวดีว่าตนนั้นค่อนข้างขี้ลืม บ่อยครั้งที่เธอพูดอะไรกับใครไว้แล้วมักจะจำไม่ได้
“คืนวันที่ ๒๕ เดือนที่แล้วไงครับ” พิชญ์พงศ์ทวนความจำให้คนขี้ลืม
ได้ยินอย่างนั้นปาณฑราก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันไลน์ แล้วย้อนกลับไปดูข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับเขา ตามวันที่และเวลาที่เขาบอก แล้วก็ต้องอ้าปากค้า ตาเบิกโพลงเมื่อได้อ่านข้อความของตัวเอง
PONGPANG : ถ้าจะบอกว่าสถานะแฟน คุณปราชญ์ยินดีจะรับไว้ไหมล่ะคะ อิอิ
ปาณฑราตอบติดตลก ให้ดูเหมือนพูดทีเล่นทีจริง ทั้งที่ในใจนั้นก็แอบหวังว่าหากเขาตอบตกลง เธอก็จะตีขลุมไปเลยว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันแล้ว แม้ใครจะว่าเธอบ้าที่ชอบพอคนที่คุยกันผ่านโลกออนไลน์ แต่เธอก็ไม่สน เพราะถ้าจะพูดตามความจริง เธอกับเขาถือว่าเคยเจอเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วในงานแต่งงานของเพื่อน เพียงแค่ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าไปคุยกันอย่างเป็นทางการก็แค่นั้นเอง
P.PITPONG : ถ้าเป็นความต้องการของคุณแป้ง ผมก็ยินดีรับสถานะนี้ไว้ครับ
PONGPANG : ตกลงแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะคะ
P.PITPONG : ผมไม่เปลี่ยนใจแน่นอนครับ กลัวแต่คุณแป้งนั่นแหละครับที่จะเปลี่ยนใจไปจากผม เพราะสวยๆ อย่างคุณแป้งคงจะมีหนุ่มๆ เข้าหาเยอะ
PONGPANG : มีที่ไหนกันล่ะคะ ถ้ามีอย่างคุณว่าจริงๆ ฉันคงไม่โสดมาจนป่านนี้ จนได้มาคุยกับคุณหรอกค่ะ
อ่านบทสนทนาของคืนนั้นจบ ปาณฑราก็ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ไม่คิดว่าสิ่งที่เธอเคยคิดเล่นๆ ว่าจะใช้มันผูกมัดเขา มันจะย้อนกลับมามัดตัวเธอไว้เสียเอง
“ตอนนั้นฉันแค่พูดเล่นๆ เอง คุณอย่าได้เก็บมาคิดจริงจังเลยนะคะ อีกอย่างที่ฉันพูดไปแบบนั้นเพราะฉันคิดว่าคุณคืออีกคนที่ฉันตั้งใจจะจีบน่ะค่ะ” ปาณฑราสารภาพออกไปตามตรง ก่อนจะยิ้มแหยๆ ส่งไปให้
“ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเนี่ยนะครับ มันไม่น่ารักเลยรู้ไหมครับ” น้ำเสียงเขายังคงนิ่งเรียบ ความผิดหวังฉายชัดในแววตา
“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่คะ ถ้าฉันรู้ว่าเบอร์ที่ได้มาเป็นเบอร์คุณฉันก็คงไม่ทักคุณไปหรอก และคงไม่พิมพ์อะไรแบบนั้นออกไป”
“คนที่คุณอยากคุยด้วยคือคนไหนผมไม่รู้ แต่คนที่คุณขอเป็นแฟนคือผมคนนี้ ฉะนั้นคุณต้องรับผิดชอบความรู้สึกผม”
“คุณก็พูดอย่างกับฉันฟันคุณแล้วทิ้งอย่างนั้นแหละ คุณก็คิดซะว่าเหมือนคู่อื่นๆ ที่เขาคุยกันผ่านพวกแอปหาคู่ แล้วใช้รูปโพรไฟล์สวยหล่อเกินจริง พอนัดเจอกันแล้วรูปมันไม่ตรงปก ก็เลยต้องแยกย้าย ไม่มีการสานต่อแบบนั้นสิคะ” ปาณฑราพยายามยกตัวอย่างให้เขาได้เข้าใจง่ายๆ
“ผมไม่ใช่คนมักง่าย ที่จะคบใครเล่นๆ มาทำให้ผมรู้สึกดีด้วยแล้วคุณต้องรับผิดชอบ”
“เดี๋ยวนะคุณ ฉันไม่ได้ฟันคุณแล้วทิ้งสักหน่อย ทำไมฉันต้องรับผิดชอบคุณด้วย”
พิชญ์พงศ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แขนทั้งสองยกขึ้นมากอดอก ดวงตาที่ปกติจะทอประกายระยิบระยับ ตอนนี้กลับไร้แววล้อเลียนเหมือนอย่างเคย
“ผมมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณแป้งถึงไม่อยากคบกับผมต่อ” เสียงห้าวเจือแววกระด้าง จนคนฟังที่คุ้นชินกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาชักจะใจเสีย
“ฉันไม่เคยคิดรังเกียจคุณเลยนะคะ” ปาณฑรารีบลนลานปฏิเสธ กลัวเขาจะคิดแบบนั้นจริงๆ
“งั้นคุณแป้งลองบอกผมหน่อยสิครับ ว่ามีเหตุผลอะไรที่เราต้องเลิกกัน ทั้งที่เราสองคนก็ดูจะเข้ากันได้ดี” ถามพลางเท้าศอกลงกับโต๊ะ ส่วนมือทั้งสองสอดประสานกัน ดวงตาเรียบนิ่งจ้องมองคนตรงหน้าอย่างรอคอยคำตอบ
“คือ...”
หญิงสาวอึกอัก รู้ดีว่าเหตุผลของตัวเองนั้นฟังไม่ขึ้นแค่ไหน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อเธอชอบหล่อเข้มแบบพี่เกรท วรินทร ไม่ได้ชอบหล่อตี๋แบบเกรท สพล สักหน่อย ต่อให้คุยกันถูกคอแค่ไหนก็เถอะ
“ผมหล่อสู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้งั้นเหรอครับ คุณแป้งถึงไม่อยากสานต่อกับผม” เขาตอบแทน เมื่อเธอไม่ยอมพูดมันออกมาสักที
“...”
เมื่ออาการหลุบตาลงไม่กล้าสู้หน้า และความเงียบของเธอคือคำตอบ พิชญ์พงศ์จึงสรุปให้หญิงสาวเสร็จสรรพ “สุดท้ายก็เลือกคบกันที่หน้าตา”
ปาณฑราหน้าเสียเมื่อได้ฟังน้ำเสียงหยันๆ ของเขา อยากจะแย้งความเข้าใจของเขา แต่ก็ไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาอ้าง ในเมื่อเธอก็ไม่ต่างจากที่เขาพูดสักเท่าไร สิ่งที่นึกออกในตอนนี้จึงมีเพียงคำว่า
“ฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อย ใบหน้าสวยสลดลงอย่างสำนึกผิด “ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลาและเสียความรู้สึก”
ตากลมโตเงยขึ้นสบประสานกับดวงตาเรียวเล็กของเขา เพื่อให้เขาเห็นว่าคำนี้เธอเอ่ยออกมาจากใจจริงๆ แต่สิ่งที่ปาณฑราได้รับกลับมามีเพียงแววตาตัดพ้อและน้อยใจ ที่ทำเอาเธอรู้สึกหน่วงหนึบในหัวใจ
จากที่ตั้งใจว่าพูดจบจะลุกออกไปทันที แต่พอได้สบกับนัยน์ตาเศร้าสร้อยบวกกับสีหน้าราวคนสิ้นหวังของเขา คนขี้ใจอ่อนก็เหมือนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม้แต่แรงจะพยุงกายให้ลุกขึ้นยืนยังไม่มี แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมรอบกาย พร้อมกับความอึดอัดที่เกิดขึ้นในใจของปาณฑรา
สุดท้ายความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจหนักๆ ตามด้วยเสียงแหบห้าว
“เอาเป็นว่าเรื่องที่คุณแป้งพูดออกมาวันนี้ ผมจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกันนะครับ” พูดจบร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วก้าวยาวๆ ออกจากร้านไป โดยไม่หันกลับมามองอีกคนที่ยังนั่งอึ้งอีกเลย
พิชญ์พงศ์เดินจากไปได้สักพักแล้ว แต่ปาณฑรายังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม หญิงสาวคิดตามคำพูดทิ้งท้ายของเขา ความสับสนแล่นเข้าจู่โจมหัวใจเธออย่างหนัก ภายใต้ใบหน้าที่เรียบตึงของเขานั้น ปาณฑราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกยังไงกันแน่ แล้วเธอต้องทำยังไงต่อไปกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่