น้องสาวมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า แต่ที่บ้านไม่ยอมพาไปหาหมอ

ทางนี้มีน้องสาวที่อยู่คนละจังหวัดกันค่ะ เราโตมากับพ่อแม่ ส่วนน้องโตมากับตายาย (ด้วยเหตุผลในครอบครัวเลยโดนแยกกันเลี้ยงค่ะ) แต่พักหลังมานี้ตอนน้องเริ่มเรียนม.2 น้องเริ่มเครียดหนัก ร้องไห้ เริ่มเฟดตัวจากคนรอบข้าง ทำร้ายตัวเอง พูดถึงเรื่องที่อยากจะตายด้วย เราเครียดมากๆ อยากน้องไปพบจิตแพทย์มากๆค่ะ เวลาคุณแม่ไปหาก็จะทะเลาะกันกับแม่บ่อยๆ แล้วสองคนก็จะไม่คุยกัน พอกลับมาบ้านแม่ก็จะให้เรากับพ่อโทรไปคุย เรียกว่าคะยั้นคะยอเลยก็ได้ เพื่อนเราที่มีประสบการณ์เรื่องนี้กับคนในครอบครัวก็บอกเหมือนกันว่าควรพาไปหาหมอก่อนน้องสุขภาพน้องจะแย่กว่านี้ เอาจริงๆอย่างน้อยมีประวัติรักษาและหายแล้ว ยังดีกว่าน้องมีอาการในที่ทำงานแล้วคนรอบข้างไม่เข้าใจ หรือเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คุณพ่อเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน แต่คุณแม่เค้าบอกประมาณว่า "เออน่า น้องไม่เป็นอะไรหรอก น้องไม่เอาใครแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว น้องแค่เครียดแหละ เด็กวัยนี้ ปกติ" แต่เรารู้สึกไม่โอเคสุดๆเลยค่ะ เราเป็นห่วงน้องมากๆแล้วก็โกรธมากๆ ไม่เข้าใจเลยว่าแม่คิดอะไรอยู่ จะคุยกี่รอบเค้าก็บ่ายเบี่ยงอยู่แบบนี้ทุกรอบเลย ก่อนหน้านี้แม่ก็ปล่อยให้พ่อเราป่วยโดยไม่พาไปหาหมอมาเกือบปีจนเจอว่าพ่อเป็นเบาหวาน กับอีกครั้งที่พ่อเราต้องทำงานดับไฟป่า หลังจากนั้นพ่อก็ป่วยหนักมากๆจนต้องนอนพักอยู่ในบ้าน แต่แม่เราก็บอกว่า "มัวแต่นอนอยู่ในบ้าน ไม่เห็นออกมาช่วยงาน" ใช้พ่อเราทำงานตลอดจนพ่อเราต้องลงไปหาหมอเองแล้วตรวจเจอวัณโรคเพราะสูดควันไฟเข้าไปเยอะ หรือไม่อาจจะได้รับเชื้อมาก่อน พอร่างกายทรุดก็เลยกำเริบขึ้นมาค่ะ เราไม่อยากให้เคสของน้องเป็นเหมือนเคสของพ่อ ล่าสุดที่คุยเมื่อกี้เค้าบอกว่า "แม่ประเมินแล้ว เค้าแค่ตามเพื่อนเฉยๆแหละ เพื่อนที่นั่นดูแรงๆอยู่ด้วย" เราไม่อยากเห็นน้องเป็นแบบพ่อจริงๆค่ะ ตอนนี้พยายามฮีลน้องเท่าที่ตัวเองทำได้จริงๆ ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงเรื่องนี้ดี ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.คุณแม่น่าจะกังวลเรื่องประวัติการรักษาด้วยค่ะ เหมือนไม่อยากให้น้องมีประวัติการรักษาโรคซึมเศร้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องสุขภาพไม่ว่าของใคร เล็กหรือใหญ่ เมื่อคิดว่าป่วยแล้ว พ่อแม่และคนในครอบครัว ไม่ควรคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเอาเข้าจริง ในกรณีของครอบครัวของ จขกท การจัดการของแม่ในกรณีของพ่อ ก็ไม่ใช่ดี และเกิดขึ้นแล้ว เบาหวานกับวัณโรค ย่อมทำให้ร่างกายและจิตใจของพ่อ ไม่มากก็น้อย อ่อนแอลง

แปลกอยู่นะคะ ที่แม่กลับไม่คิดว่า หากเป็นแม่บ้าง ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ไม่มีความสุข แม่จะคิดว่าเล็กน้อย เหมือนกับที่ท่านคิดกับสามีและลูกของท่านหรือไม่

จะว่าไป น้องน่าจะมีปัญหาอยู่ทั้งที่บ้านและโรงเรียน เพราะอยู่กับตายาย ไม่รู้เลยว่าน้องเข้ากับตายายได้ดีมากน้อยแค่ไหน และยังที่โรงเรียนอีก เด็กวัยนี้ ต้องการคนที่ให้คำปรึกษา เพื่อการปรับตัวเข้ากับสิ่งที่พบเจอในแต่ละวัน -- มีทั้งที่เป็นเรื่องน่ายินดี และอีกมากที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นความรู้สึกอึดอัดใจ เป็นปัญหาที่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ฯลฯ -- ให้ได้อย่างเหมาะสม

โรคซึมเศร้า เท่าที่สังเกต โดยมากแล้ว ทริกเกอร์จากปัญหาระดับจิตวิทยาและชีวิตประจำวันส่งผลให้ความผิดปกติของร่างกายที่อาจมีเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อตัวเป็นโรคขึ้นมา และเมื่อเสี่ยงจะเป็นโรคแล้ว พาไปพบจิตแพทย์เป็นเรื่องจำเป็น จนกระทั่งรักษาตัวไปสักพัก อาการสงบลง ผู้ป่วยต้องตระหนักว่าตนเองนั้น เป็นคนที่จะเยียวยารักษาตนให้หายจากโรคและไม่ให้เกิดซ้ำได้ดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่