เป็นซึมเศร้าเพราะโดนมิจฉาชีพหลอก อยากผูกคอตายให้มันจบ เราไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว

เราอายุ 27 ปีแล้วยังเรียนไม่จบมหาลัย เรามีอาการซึมเศร้าตั้งแต่ม.4 ค่ะ อาจจะเริ่มมาตั้งแต่ครอบครัวเรา เราเป็นลูกคนเดียว พ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว แม่เป็นแม่บ้าน เวลาพ่อกินเหล้าเมาก็จะพูดจาดูถูกเหยียดหยามและตบตีแม่ให้เราเห็นอยู่เป็นประจำตั้งแต่เด็ก บางครั้งก็ตีเราด้วย พอเราเริ่มเข้าชั้นประถม พ่อเราก็เริ่มโมโหร้ายขึ้น จำได้เลยว่าตอน ป.2-ป.3 ก่อนเราจะไปโรงเรียน พ่อไม่ได้เมานะ เขาทะเลาะกับแม่ แล้วก็จิกหัวตบแม่จนเลือดกลบปากต่อหน้าต่อตาเรา แม่บอกให้เราหันหน้าหนี เรานั่งอยู่ในชุดนักเรียนช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลย ได้แค่นั่งร้องไห้ดูอยู่ตรงนั้น 

       พอเราเข้ามัธยม เราเริ่มกลายเป็นคนเก็บกด ไม่สุงสิงกับใคร คบเพื่อนแค่คนสองคน จนเพื่อนส่วนใหญ่ไม่เอาเรา เรากลายเป็นแกะดำ แต่เราก็ไม่สนใจ เรามีหน้าที่เรียนก็เรียน จนทุกอย่างมันหนักขึ้นตอนเราเรียนม.ปลาย โดนเพื่อนแกล้ง โดนอาจารย์พูดใส่ว่าเราเป็นหมาหัวเน่า เรามีอาการซึมเศร้าชัดเจนมาก พ่อแม่ก็ไม่ได้สนใจเราเท่าไหร่ แต่เราก็เรียนจบ ม.6 มาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.6 

     ช่วงก่อนเข้ามหาลัยเราอยากเป็นนักสร้างอนิเมชั่นมาก เราโหลดโปรแกรมต่างๆ มาฝึกวาดภาพ มาปั้นโมเดล แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย เขากลัวว่าถ้าเราเรียนจบจะหางานดีๆ ทำไม่ได้ เขาพาเราไปติวกลับบ้านสี่ทุ่มทุกวัน เขาพาไปสอบแพทย์ ไปสอบครู แต่เราสอบไม่ผ่าน ช่วงนั้นเราท้อมาก จนคิดอยากฆ่าตัวตาย สุดท้ายเราสอบได้คณะวิทยาศาสตร์ที่ม.ชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม. แต่รู้ไหม เราไม่เคยได้รับคำชมจากพ่อแม่เลย มีแต่คำพูดว่าลูกคนนั้นสอบติดหมอ ลูกคนนี้สอบติดพยาบาล ทำไมเราถึงทำไม่ได้

     ช่วงเรียนมหาลัยเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตเราเลย ถึงเราจะย้ายออกมาจากบ้านมาอยู่หอพัก ช่วงแรกทุกอย่างมันดีมาก รู้สึกว่าตัวเองมีอิสระ แต่การเรียนในสิ่งที่เราไม่ถนัดมันทำให้เราเครียด อาการซึมเศร้ากำเริ่ม เพื่อนสนิทที่เคยเรียนมัธยมด้วยกันก็เรียนคนละมหาลัย การที่จะไปผูกมิตรกับคนใหม่มันยากมากสำหรับเรา เราเข้ากับใครไม่ได้เหมือนเดิม จนปี 2 เราตัดสินใจด้วยตัวเองครั้งแรกว่าเราเรียนคณะวิทย์ไม่ไหวแล้ว เราเขียนใบลาออก ขนของกลับไปอยู่บ้าน จำได้เลยว่าวันนั้นน่ะบ้านแตก พ่อทั้งด่าทั้งตีแม่เรา ว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้โตมาเป็นแบบนี้ หลังจากนั้นเราพยายามไม่พึ่งพ่อ ขอเงินเก็บจากแม่ส่วนหนึ่งไปขายของออนไลน์ ทำได้ 2 ปี เราตั้งใจอ่านหนังสือไปสอบคณะที่เราคิดว่าเราอยากเรียนที่สุดรองลงมาจากสร้างอนิเมชั่น และเป็นคณะที่เราคิดว่าพ่อแม่จะไม่ขัดขวางเรา เราสอบติดคณะบัญชี

       การเริ่มต้นอีกครั้งกับมหาลัยใหม่ คณะใหม่ ทำให้เราพยายามเปลี่ยนตัวเอง ไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ มากขึ้น ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ในมหาลัยมากขึ้น เรามีความสุขขึ้นมาก อาจเป็นเพราะตอนนั้นย้ายออกมาอยู่หอพักอีกครั้ง และไม่ได้คุยกับพ่อเลย จนปี 4 เราไปฝึกงานและได้ offer ให้จบมาก็ได้ทำงานต่อเป็นพนักงานประจำของบริษัทบัญชีระดับรอง Big 4 แห่งหนึ่ง ช่วงนั้นโควิดผ่านไปแล้ว สิ่งที่ระบาดต่อจากนั้นคือมิจฉาชีพ สแกมเมอร์ ช่วงนั้นเรากำลังติวสอบ อีกแค่เทอมเดียวเองเราก็จะเรียนจบปริญญาตรีอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะเรากำลังเครียดมาก พวกมันโทรมาหาเรา หลอกเราว่าไปพัวพันกับคดีฟอกเงิน เราก็โง่หลงเชื่อมัน มันเอาตัวเลขมาขู่เราเป็นหลักล้าน ดีที่เรามีเงินเก็บแค่หลักหมื่น เราก็โอนให้มันหมด ตอนที่เราตาสว่างคือตอนที่เราโทรคุยกับแม่เพื่อขอเงินเพิ่ม หลังจากนั้นเราก็ไปแจ้งความ ตำรวจทำแค่สั่งให้ธนาคารอายัดบัญชีม้า ส่วนไอ้พวกที่หลอกเราจริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่โดนจับ หรือตำรวจอาจไม่ได้พยายามจะจับพวกมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือเราไปสอบไม่ไหว เราเลยดรอปเรียนไว้

     เราเศร้ามากจนร้องไห้ออกมาไม่มีเสียง ไม่มีน้ำตา ไม่กินข้าว ไม่นอน สองอาทิตย์ สภาพเรามันแย่มาก จนแม่กับพ่อต้องพาเราไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า เราได้รับการรักษามาเกือบครึ่งปีแล้ว ระหว่างที่อยู่บ้านเราทำขนมเบเกอรี่ขายเล็กๆ น้อยๆ ตามแอปสั่งอาหาร จุดที่ทำให้เรามาเขียนกระทู้นี้คือ คำพูดของแม่ เราขอแม่ว่าอยากไปขายขนมที่ตลาดนัด เขาไม่อนุญาต ฐานะครอบครัวเราดีอยู่ระดับหนึ่ง เขาคงอายถ้าเราไปเป็นแม่ค้า แต่เราอยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เราทะเลาะกับพ่อหนักมาก และพ่อยื่นคำขาดแล้วว่าจะไม่ส่งเสียเราเรียนอีก ให้เราหาเงินไปเรียนเอง นอกจากพ่อที่พูดกลอกหูเราทุกวันว่าเราทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้แม่ก็พูดประโยคเดียวกัน เราท้อมาก ไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีกแล้ว เราควรทำยังไงดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่