สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
…อืมมม ขอชวนคุยเรื่องบาริสต้านะครับ ผมเองก็เป็นลูกจ้างเขามาเป็นสิบปี เข้าร้านนั้นออกร้านนี้
ส่วนหนึ่งที่ผมเจอก็มีประมาณนี้เหมือนกันครับ อยากชงกาแฟ คิดว่าเป็นอาชีพที่ดีมีความสุข ซึ่งผมก็ไม่เถียงนะ ผมรักช่วงเวลาที่เคยยืนอยู่หลังเครื่องจริง ๆ
แต่"ภาพฝัน"กับ"ความจริง"มันไม่ได้ไปในทางเดียวกันซะทีเดียวนี่น่ะสิครับ และหลายคนก็ทนไม่ไหวและ"รับไม่ได้"จนทยอยหายไปก็หลายคนแล้ว
หลายคนเวลาเข้าร้านกาแฟ เห็นบาริสต้ายืนหล่อ ๆ เท่ ๆ บรรจงประดิษฐ์กาแฟแต่ละแก้ว แอร์เย็น เพลงเพราะ หอมกลิ่นกาแฟอบอวลทั่วร้าน
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง เลยรู้สึกว่ามันน่าหลงใหล ดูมีเสน่ห์
แต่ความเป็นจริงคือออเดอร์ยาวหางจุกก้น
ยิ่งร้านไหนมีกาแฟหลายแบบ ทั้งเอสเปรสโซ่บาร์ สโลว์บาร์ ชงชา ค็อกเทล ฯลฯ แล้วเกิดพายุเข้า ลูกค้ามาเต็มร้าน บาริสต้าไม่พอ
คนที่อยู่นี่หมุนซ้ายขวาหน้าหลังยิ่งกว่าเล่นระนาดสองรางอีกครับ หมุนเป็นลูกข่างเลย ใบออเดอร์เด้งทุกวิ ลูกค้าก็รอ น้องพนักงานเสิร์ฟก็เร่ง อ่าวมี Take Away แทรกมาอีก บางร้านมีแกร๊บมีฟู้ดแพนด้าก็ต้องจัดคิว แพคใส่ถุงใส่ลังให้ทันอีก คือในหัวนี่วิ่งตึ๊ด ๆ ๆ วิต่อวิว่าต้องทำอะไรต่อ
จะมายิ้มอ่อนต๊ะต่อนยอนค่อย ๆ ทำทีละแก้วเหมือนบาริสต้าในหนังในละครนี่โดนแน่ครับ โดนเพื่อนในบาร์นี่แหละฆ่า555😅
แล้วปัญหาเฉพาะหน้าอีก…น้ำแข็งหมด นมหมด ท่อตันส้วมเต็ม ลูกค้าขอเปลี่ยน รีเควส หรือเกิดไม่พอใจจะคอมเพลน ฯลฯ
ผมเคยเจอมาหลายกรณีเลยครับ เครื่องรวนตอนออเดอร์กำลังพีค ๆ ระบบไฟระบบน้ำ มีอยู่ร้านนึงที่ผมทำ ร้านอยู่ชั้นสองบนตึก แล้วปั๊มน้ำที่อยู่ชั้นล่างเสียน้ำไม่ไหล แบกน้ำใส่ถังขึ้นลงสองชั้นเพื่อล้างแก้วก็โดนมาแล้วครับ ทำความสะอาดกวาดถูพื้นตักบ่อดัก เช็คสต็อค เคลียร์บาร์ตอนปิด
แบกแกลลอนนม แบกลังน้ำแข็ง
ต้องทำได้หลายตำแหน่ง ถ้าหน้างานเกิดขาดตรงไหนก็ต้องสไลด์มาแทนได้ แก้วมาไม่ทันก็วิ่งไปล้างไปอบ วิ่งไปยืนแคชเชียร์
บางทีพนักงานเสิร์ฟติดลูกค้ากันหมดแต่กาแฟก็ออกแล้ว จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ กาแฟเย็นจะละลายหมด กาแฟร้อนทิ้งไว้นานก็อุณหภูมิไม่ได้ โฟมยุบลายหายบ้าง ก็ต้องแบกถาดวิ่งไปเสิร์ฟเอง เก็บโต๊ะรับออเดอร์ บางทีลูกค้าทำแก้วแตกเครื่องดื่มหกกระเด็นเปื้อนไปหมด คนอื่นก็กำลังยุ่ง พี่คลีนเนอร์ก็ล้างจานมือเป็นระวิง เราจะรอเรียกใช้คนนั้นคนนี้มันก็ไม่ได้อ่ะก็ถือม็อบวิ่งไปเคลียร์เอง
คือก็ต้องเรียนรู้อย่างอื่นในร้านด้วยน่ะครับ ยิ่งถ้าขายอาหารด้วยก็ต้องศึกษาเมนูอาหารเผื่อต้องรับออเดอร์เองจะได้อธิบายถูก เมนูแอลกอฮอล์ ไปยืนเปิดไวน์ กดเบียร์ ฯลฯ
คือไม่ใช่ว่าร้านไม่มีระบบนะครับ แต่หน้างานอะไรก็เกิดขึ้นได้ เราก็ต้องรับผิดชอบให้ทุกอย่างมัน flow และลูกค้าได้รับความพอใจสูงสุดเท่าที่จะทำได้น่ะครับ ลองนึกภาพร้านกำลังพีค ๆ พนักงานวิ่งวุ่นกันไปมาทำไม่ทัน หน้าร้านลูกค้ามายืนรอเข้าโต๊ะ อ่าวโต๊ะนั้นลูกค้าเรียก เราจะมายืนนิ่ง…ฉันเป็นบาริสต้า แล้วก็มองเมินปล่อยให้ลูกค้าชะเง้อคอยก็ไม่ได้น่ะครับ
เพราะในมุมมองลูกค้า…ทุกคนคือพนักงานของร้าน เขาไม่ทราบหรอกว่านี่บาร์นะ นี่เซอร์วิสนะ ถ้าเกิดปัญหาแล้วไม่มีใครมาเทคแคร์เขาก็ไม่พอใจ
อาจจะไม่ต้องเต็มรูปแบบแต่ก็ต้องสามารถไปแทนได้ชั่วขณะหนึ่งน่ะฮะ ถ้าน้องเซอร์วิสเริ่มซาแล้วก็ค่อยแตะมือต่อ เราก็ค่อยกลับเข้าบาร์
แต่ก็ต้องประเมินด้วยนะครับว่าในบาร์เราโอเคแล้วรึยังไม่ใช่ทิ้งงานหลักตัวเอง ก็ต้องจัดการหน้างานให้ได้น่ะครับเรียงลำดับ ต้องประสานงานได้
หรือถ้าที่ร้านมีเมล็ดหลายแบบ มี Single Origin นั่นนี่หลากวิธีการ ลูกค้าเลือกไม่ถูก เราก็ต้องพร้อมออกไปรับหน้าอธิบายให้ลูกค้าฟัง ต้องคอยอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับสายงาน ข้อมูลเกี่ยวกับร้านว่าตอนนี้ได้เมล็ดของที่ไหนเป็นยังไง เพราะ Single Origin
แต่ละล็อตที่ได้มา ต่อให้เมล็ดเดียวกันแต่มันไม่เหมือนกันทุกครั้งหรอกครับ ต้องมาเทสก่อน เกิดแนะนำลูกค้าไปแล้วได้ไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการก็ไม่ดีน่ะครับ แสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่โปรด้วย มันหยุมหยิมนะ
ที่ผมเล่ามาไม่ใช่ว่าจะยกหางหรือข่มขวัญว่างานบาริสต้าหนักสุดสำคัญสุดอะไรนะฮะ ทุกงานทุกตำแหน่งสำคัญหมดแม้กระทั่งพี่ ๆ คลีนเนอร์
แค่อยากให้เห็นภาพคร่าว ๆ ว่าบางทีภาพที่เห็นที่คิดไว้กับความเป็นจริงมันไม่ได้สวยหรูน่ะครับ ต้องถามตัวเองว่าเราชอบบรรยากาศในร้านกาแฟหรือชอบทำกาแฟจริง ๆ บางทียุ่งจนไม่ได้ยินเสียงเพลงเพราะที่เปิดในร้าน ไม่ได้รับรู้ถึงความเย็นสบายของแอร์เลย
พาร์ทของลูกค้าที่นั่งกินแล้วมองเข้ามา ไม่ต้องรับรู้ปัญหา กับพาร์ทคนทำงานที่ต้องทำทุกอย่างข้างหลังเพื่อให้กาแฟนั้นออกเสิร์ฟมันคนละเรื่องเลยครับ ร้านกาแฟต้องเปิดเช้ารับลูกค้า บาริสต้าก็ต้องมาก่อนหน้านั้น มาเตรียมบาร์มาเปิดเครื่อง เช็ควัตถุดิบ กว่าจะกลับมาบางทีถึงบ้านแล้วหัวดิ่งเลย นอนเอาขาพาดให้เลือดไหลกลับเพราะยืนทั้งวัน บางวันเพื่อนลากะทันหันหรือไม่มาโทรติดต่อไม่ได้เราก็ต้องเสียบแทน เพราะมันไม่ใช่งานที่จะเรียกไหว้วานใครมายืนชงให้ก็ได้อ่ะครับ
หยุดหนึ่งวันคือนอนร่างพังไปแล้วค่อนวันแล้วค่อยตื่นมาซักผ้ารีดผ้าขัดรองเท้า เวลาการกินการนอนคือรวนหมดครับ มีแต่เอ็มร้อยแช่แอบอยู่ในตู้เย็นบาร์😂 มือถือก็ปิดเสียงใครโทรมาไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพื่อนผมยังเคยแซวเลยว่าตอนผมทำงานนี่คือหายเข้ากลีบเมฆไปเลย
แต่ผมอาจจะเจอร้านที่วุ่นวายเองก็ได้ แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันน่ะครับ บาริสต้าบางท่านอ่านเจอตรงนี้ก็อาจจะแย้งว่าไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยก็ได้
แต่ไม่ว่ายังไง…ถ้าคุณรักมันจริง ๆ ความลำบากความอิหยังวะทั้งหลายทั้งปวงที่เจอมามันก็จะกลายเป็นความทรงจำดี ๆ ที่ทำให้คุณหัวเราะได้เมื่อนึกถึงก็ได้นะฮะ อย่างผมเองถึงตอนนี้จะออกจากสายงานนั้นมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังจำความสนุกทุกครั้งเวลาเข้าบาร์ได้อยู่เลย ทะเลาะกันคือเรื่องปกติครับ เลิกงานค่อยตบบ่าไหว้ขอโทษกันทีหลัง ไปจิบเบียร์ไปกินข้าวกันต่อก่อนแยกย้าย เข้างานค่อยฆ่ากันใหม่5555
สนุกมากจริง ๆ 🙂
ส่วนหนึ่งที่ผมเจอก็มีประมาณนี้เหมือนกันครับ อยากชงกาแฟ คิดว่าเป็นอาชีพที่ดีมีความสุข ซึ่งผมก็ไม่เถียงนะ ผมรักช่วงเวลาที่เคยยืนอยู่หลังเครื่องจริง ๆ
แต่"ภาพฝัน"กับ"ความจริง"มันไม่ได้ไปในทางเดียวกันซะทีเดียวนี่น่ะสิครับ และหลายคนก็ทนไม่ไหวและ"รับไม่ได้"จนทยอยหายไปก็หลายคนแล้ว
หลายคนเวลาเข้าร้านกาแฟ เห็นบาริสต้ายืนหล่อ ๆ เท่ ๆ บรรจงประดิษฐ์กาแฟแต่ละแก้ว แอร์เย็น เพลงเพราะ หอมกลิ่นกาแฟอบอวลทั่วร้าน
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง เลยรู้สึกว่ามันน่าหลงใหล ดูมีเสน่ห์
แต่ความเป็นจริงคือออเดอร์ยาวหางจุกก้น
ยิ่งร้านไหนมีกาแฟหลายแบบ ทั้งเอสเปรสโซ่บาร์ สโลว์บาร์ ชงชา ค็อกเทล ฯลฯ แล้วเกิดพายุเข้า ลูกค้ามาเต็มร้าน บาริสต้าไม่พอ
คนที่อยู่นี่หมุนซ้ายขวาหน้าหลังยิ่งกว่าเล่นระนาดสองรางอีกครับ หมุนเป็นลูกข่างเลย ใบออเดอร์เด้งทุกวิ ลูกค้าก็รอ น้องพนักงานเสิร์ฟก็เร่ง อ่าวมี Take Away แทรกมาอีก บางร้านมีแกร๊บมีฟู้ดแพนด้าก็ต้องจัดคิว แพคใส่ถุงใส่ลังให้ทันอีก คือในหัวนี่วิ่งตึ๊ด ๆ ๆ วิต่อวิว่าต้องทำอะไรต่อ
จะมายิ้มอ่อนต๊ะต่อนยอนค่อย ๆ ทำทีละแก้วเหมือนบาริสต้าในหนังในละครนี่โดนแน่ครับ โดนเพื่อนในบาร์นี่แหละฆ่า555😅
แล้วปัญหาเฉพาะหน้าอีก…น้ำแข็งหมด นมหมด ท่อตันส้วมเต็ม ลูกค้าขอเปลี่ยน รีเควส หรือเกิดไม่พอใจจะคอมเพลน ฯลฯ
ผมเคยเจอมาหลายกรณีเลยครับ เครื่องรวนตอนออเดอร์กำลังพีค ๆ ระบบไฟระบบน้ำ มีอยู่ร้านนึงที่ผมทำ ร้านอยู่ชั้นสองบนตึก แล้วปั๊มน้ำที่อยู่ชั้นล่างเสียน้ำไม่ไหล แบกน้ำใส่ถังขึ้นลงสองชั้นเพื่อล้างแก้วก็โดนมาแล้วครับ ทำความสะอาดกวาดถูพื้นตักบ่อดัก เช็คสต็อค เคลียร์บาร์ตอนปิด
แบกแกลลอนนม แบกลังน้ำแข็ง
ต้องทำได้หลายตำแหน่ง ถ้าหน้างานเกิดขาดตรงไหนก็ต้องสไลด์มาแทนได้ แก้วมาไม่ทันก็วิ่งไปล้างไปอบ วิ่งไปยืนแคชเชียร์
บางทีพนักงานเสิร์ฟติดลูกค้ากันหมดแต่กาแฟก็ออกแล้ว จะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ กาแฟเย็นจะละลายหมด กาแฟร้อนทิ้งไว้นานก็อุณหภูมิไม่ได้ โฟมยุบลายหายบ้าง ก็ต้องแบกถาดวิ่งไปเสิร์ฟเอง เก็บโต๊ะรับออเดอร์ บางทีลูกค้าทำแก้วแตกเครื่องดื่มหกกระเด็นเปื้อนไปหมด คนอื่นก็กำลังยุ่ง พี่คลีนเนอร์ก็ล้างจานมือเป็นระวิง เราจะรอเรียกใช้คนนั้นคนนี้มันก็ไม่ได้อ่ะก็ถือม็อบวิ่งไปเคลียร์เอง
คือก็ต้องเรียนรู้อย่างอื่นในร้านด้วยน่ะครับ ยิ่งถ้าขายอาหารด้วยก็ต้องศึกษาเมนูอาหารเผื่อต้องรับออเดอร์เองจะได้อธิบายถูก เมนูแอลกอฮอล์ ไปยืนเปิดไวน์ กดเบียร์ ฯลฯ
คือไม่ใช่ว่าร้านไม่มีระบบนะครับ แต่หน้างานอะไรก็เกิดขึ้นได้ เราก็ต้องรับผิดชอบให้ทุกอย่างมัน flow และลูกค้าได้รับความพอใจสูงสุดเท่าที่จะทำได้น่ะครับ ลองนึกภาพร้านกำลังพีค ๆ พนักงานวิ่งวุ่นกันไปมาทำไม่ทัน หน้าร้านลูกค้ามายืนรอเข้าโต๊ะ อ่าวโต๊ะนั้นลูกค้าเรียก เราจะมายืนนิ่ง…ฉันเป็นบาริสต้า แล้วก็มองเมินปล่อยให้ลูกค้าชะเง้อคอยก็ไม่ได้น่ะครับ
เพราะในมุมมองลูกค้า…ทุกคนคือพนักงานของร้าน เขาไม่ทราบหรอกว่านี่บาร์นะ นี่เซอร์วิสนะ ถ้าเกิดปัญหาแล้วไม่มีใครมาเทคแคร์เขาก็ไม่พอใจ
อาจจะไม่ต้องเต็มรูปแบบแต่ก็ต้องสามารถไปแทนได้ชั่วขณะหนึ่งน่ะฮะ ถ้าน้องเซอร์วิสเริ่มซาแล้วก็ค่อยแตะมือต่อ เราก็ค่อยกลับเข้าบาร์
แต่ก็ต้องประเมินด้วยนะครับว่าในบาร์เราโอเคแล้วรึยังไม่ใช่ทิ้งงานหลักตัวเอง ก็ต้องจัดการหน้างานให้ได้น่ะครับเรียงลำดับ ต้องประสานงานได้
หรือถ้าที่ร้านมีเมล็ดหลายแบบ มี Single Origin นั่นนี่หลากวิธีการ ลูกค้าเลือกไม่ถูก เราก็ต้องพร้อมออกไปรับหน้าอธิบายให้ลูกค้าฟัง ต้องคอยอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับสายงาน ข้อมูลเกี่ยวกับร้านว่าตอนนี้ได้เมล็ดของที่ไหนเป็นยังไง เพราะ Single Origin
แต่ละล็อตที่ได้มา ต่อให้เมล็ดเดียวกันแต่มันไม่เหมือนกันทุกครั้งหรอกครับ ต้องมาเทสก่อน เกิดแนะนำลูกค้าไปแล้วได้ไม่ตรงตามที่ลูกค้าต้องการก็ไม่ดีน่ะครับ แสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่โปรด้วย มันหยุมหยิมนะ
ที่ผมเล่ามาไม่ใช่ว่าจะยกหางหรือข่มขวัญว่างานบาริสต้าหนักสุดสำคัญสุดอะไรนะฮะ ทุกงานทุกตำแหน่งสำคัญหมดแม้กระทั่งพี่ ๆ คลีนเนอร์
แค่อยากให้เห็นภาพคร่าว ๆ ว่าบางทีภาพที่เห็นที่คิดไว้กับความเป็นจริงมันไม่ได้สวยหรูน่ะครับ ต้องถามตัวเองว่าเราชอบบรรยากาศในร้านกาแฟหรือชอบทำกาแฟจริง ๆ บางทียุ่งจนไม่ได้ยินเสียงเพลงเพราะที่เปิดในร้าน ไม่ได้รับรู้ถึงความเย็นสบายของแอร์เลย
พาร์ทของลูกค้าที่นั่งกินแล้วมองเข้ามา ไม่ต้องรับรู้ปัญหา กับพาร์ทคนทำงานที่ต้องทำทุกอย่างข้างหลังเพื่อให้กาแฟนั้นออกเสิร์ฟมันคนละเรื่องเลยครับ ร้านกาแฟต้องเปิดเช้ารับลูกค้า บาริสต้าก็ต้องมาก่อนหน้านั้น มาเตรียมบาร์มาเปิดเครื่อง เช็ควัตถุดิบ กว่าจะกลับมาบางทีถึงบ้านแล้วหัวดิ่งเลย นอนเอาขาพาดให้เลือดไหลกลับเพราะยืนทั้งวัน บางวันเพื่อนลากะทันหันหรือไม่มาโทรติดต่อไม่ได้เราก็ต้องเสียบแทน เพราะมันไม่ใช่งานที่จะเรียกไหว้วานใครมายืนชงให้ก็ได้อ่ะครับ
หยุดหนึ่งวันคือนอนร่างพังไปแล้วค่อนวันแล้วค่อยตื่นมาซักผ้ารีดผ้าขัดรองเท้า เวลาการกินการนอนคือรวนหมดครับ มีแต่เอ็มร้อยแช่แอบอยู่ในตู้เย็นบาร์😂 มือถือก็ปิดเสียงใครโทรมาไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพื่อนผมยังเคยแซวเลยว่าตอนผมทำงานนี่คือหายเข้ากลีบเมฆไปเลย
แต่ผมอาจจะเจอร้านที่วุ่นวายเองก็ได้ แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันน่ะครับ บาริสต้าบางท่านอ่านเจอตรงนี้ก็อาจจะแย้งว่าไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยก็ได้
แต่ไม่ว่ายังไง…ถ้าคุณรักมันจริง ๆ ความลำบากความอิหยังวะทั้งหลายทั้งปวงที่เจอมามันก็จะกลายเป็นความทรงจำดี ๆ ที่ทำให้คุณหัวเราะได้เมื่อนึกถึงก็ได้นะฮะ อย่างผมเองถึงตอนนี้จะออกจากสายงานนั้นมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังจำความสนุกทุกครั้งเวลาเข้าบาร์ได้อยู่เลย ทะเลาะกันคือเรื่องปกติครับ เลิกงานค่อยตบบ่าไหว้ขอโทษกันทีหลัง ไปจิบเบียร์ไปกินข้าวกันต่อก่อนแยกย้าย เข้างานค่อยฆ่ากันใหม่5555
สนุกมากจริง ๆ 🙂
ความคิดเห็นที่ 12
แนะนำด้วยความเป็นห่วง..
1. เปลี่ยนงานใหม่ดูก่อนว่าจะเป็นอย่างไร แปลกใหม่กับสถานที่และผู้ร่วมงาน สนุกกับงานไหม
2. ไปฝึกงานสำหรับเรียนรู้การชงกาแฟเท่าที่ต้องการในวันหยุด แต่ยังทำงานประจำไปด้วย
3. เมื่ออยากลองมีร้าน หาหุ้นส่วนเพื่อผลัดเปลี่ยนกันมาคุมร้าน เพราะร้านต้องเปิดทุกวัน สั่งของเข้าร้าน แค่แก้ว น้ำแข็ง กาแฟ นม เนย น้ำตาล เช็คสต็อก ฯลฯ
3. เมื่อรู้จักงานร้านกาแฟจริงจังแล้ว หาเช่าสถานที่ร้าน จัดการขายกาแฟเลย จ้างพนักงานชงและเก็บเงิน เจ้าของคุม จัดกลยุทธบริหารการขาย
ลูกสาวทำร้านแบบนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ไปเปิดร้านให้ ขายวันแรกประเดิมได้หนึ่งหมื่น มีหุ้นส่วนผลัดกันไปดูแลในวันหยุดและทุกเย็นหลังเลิกงาน วิธีเช็คยอดขายนับแก้ว แต่มีขนม เบเกอรี่ ไอศกรีมด้วย การสั่งของถือเป็นสิ่งสำคัญ ห้ามขาด
ทำมาสัก3-4 ปีต้องไปทำงานตปท. เลยขายร้านไปแล้ว อิ่มตัวแล้ว หายอยากครบทุกประการ
นั่นสมัยกาแฟเพิ่งเริ่มบูม จังหวะกำลังดี จึงประสบความสำเร็จ งานประจำก็ยังทำด้วยดี
สมัยนี้ร้านกาแฟมีทุกหัวมุมซอย ต้องค่อยๆแหย่มือเท้าลงไป อย่าเพิ่งโดดลงไปทั้งตัว ลงทุนเป็นล้าน ผิดพลาดจะทุกข์และเสียความมั่นใจในตนเอง เสียฟอร์ม เสียเส้นทางอนาคตด้วย
ย้ายงานก่อนดีที่สุด แล้วไปหาร้านกาแฟที่ชอบดูการขายว่าชม. หนึ่งขายได้กี่แก้ว เฉลี่ยวันละกี่แก้ว กำไรหักค่าลูกจ้าง ต้นทุน เอามาคิดคำนวนดู ดับความอยากให้ลดลงได้เรื่อยๆค่ะ
หวังดีจริงๆนะ!
1. เปลี่ยนงานใหม่ดูก่อนว่าจะเป็นอย่างไร แปลกใหม่กับสถานที่และผู้ร่วมงาน สนุกกับงานไหม
2. ไปฝึกงานสำหรับเรียนรู้การชงกาแฟเท่าที่ต้องการในวันหยุด แต่ยังทำงานประจำไปด้วย
3. เมื่ออยากลองมีร้าน หาหุ้นส่วนเพื่อผลัดเปลี่ยนกันมาคุมร้าน เพราะร้านต้องเปิดทุกวัน สั่งของเข้าร้าน แค่แก้ว น้ำแข็ง กาแฟ นม เนย น้ำตาล เช็คสต็อก ฯลฯ
3. เมื่อรู้จักงานร้านกาแฟจริงจังแล้ว หาเช่าสถานที่ร้าน จัดการขายกาแฟเลย จ้างพนักงานชงและเก็บเงิน เจ้าของคุม จัดกลยุทธบริหารการขาย
ลูกสาวทำร้านแบบนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ไปเปิดร้านให้ ขายวันแรกประเดิมได้หนึ่งหมื่น มีหุ้นส่วนผลัดกันไปดูแลในวันหยุดและทุกเย็นหลังเลิกงาน วิธีเช็คยอดขายนับแก้ว แต่มีขนม เบเกอรี่ ไอศกรีมด้วย การสั่งของถือเป็นสิ่งสำคัญ ห้ามขาด
ทำมาสัก3-4 ปีต้องไปทำงานตปท. เลยขายร้านไปแล้ว อิ่มตัวแล้ว หายอยากครบทุกประการ
นั่นสมัยกาแฟเพิ่งเริ่มบูม จังหวะกำลังดี จึงประสบความสำเร็จ งานประจำก็ยังทำด้วยดี
สมัยนี้ร้านกาแฟมีทุกหัวมุมซอย ต้องค่อยๆแหย่มือเท้าลงไป อย่าเพิ่งโดดลงไปทั้งตัว ลงทุนเป็นล้าน ผิดพลาดจะทุกข์และเสียความมั่นใจในตนเอง เสียฟอร์ม เสียเส้นทางอนาคตด้วย
ย้ายงานก่อนดีที่สุด แล้วไปหาร้านกาแฟที่ชอบดูการขายว่าชม. หนึ่งขายได้กี่แก้ว เฉลี่ยวันละกี่แก้ว กำไรหักค่าลูกจ้าง ต้นทุน เอามาคิดคำนวนดู ดับความอยากให้ลดลงได้เรื่อยๆค่ะ
หวังดีจริงๆนะ!
แสดงความคิดเห็น
เราตัดสินใจผิดมั้ย ที่จะลาออกจากงานประจำเงินเดือนรายรับ4หมื่น เพื่อเรียนรู้การเป็น barista แค่ได้ชงกาแฟอร่อยๆก็พอใจแล้ว