ถ้าหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังหาเงินหรือทำธุรกิจอยู่  โดยปกติแล้วคุณจะต้องมีการวางแผนว่าต้องมีรายได้เข้ามาเท่าไหร่ใช่ไหมครับ?! ไม่ว่าจะเป็นรายได้ต่อเดือนหรือต่อปีจนไปถึงเป้าหมายที่คุณวางไว้ แต่!! ในอีกมุมหนึ่งถ้าแผนที่คุณวางไว้ไม่สามารถเป็นไปตามที่คุณวางไว้ล่ะ?! เราจะเรียกสถานการณ์นี้ว่าอะไร?! แล้วเราจะแก้ไขหรือพาธุรกิจไปต่อได้ยังไงดี… 

       คุณเคยได้ยินคำว่า “Worst case scenario” มากันบ้างแล้วใช่ไหมครับ ที่มีความหมายว่า การคาดการณ์สถานการณ์ที่แย่ที่สุด ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นมา เป็นการวางแผนสำหรับธุรกิจ เพื่อเตรียมการรับมือไว้ใช้ในกรณีที่เกิดขึ้นจริง ๆ และ เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจต่าง ๆ ทว่าสำหรับตัวผมแล้วผมคิดว่าสถานการณ์นี้เป็นแค่ทฤษฎีเพียงเท่านั้น เพราะถ้าตัวคุณเองสามารถยอมรับความเป็นจริงได้ธุรกิจของคุณก็จะสามารถไปต่อได้ แล้วทีนี้สถานการณ์ความจริงของ “Worst case scenario” จะเป็นอย่างไรสามารถใช้กับธุรกิจของคุณได้หรือไม่มาดูกันเลยครับ 

       ความจริงของ “Worst case scenario” ซึ่งคำว่า scenario ย่อมาจากคำศัพท์ที่มีความหมายว่าบทภาพยนตร์ ฉะนั้น ความหมายตรงตัวของคำว่า “Worst case scenario” บทบาทสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่สามารถนำไปใช้กับกับธุรกิจหรือชีวิตประจำวันได้กับบางคนเพียงเท่านั้น 

       ยกตัวอย่าง  สมมุติว่าคุณเริ่มทำธุรกิจขายของออนไลน์เป็น accessories มือถือ โดยที่คุณจะตั้งเป้าหมายและวางแผนในปีนั้นให้เป็น Best case (เหตุการณที่ดี) และ Worst case (เหตุการณ์ที่เลวร้าย) โดยจะใช้ยอดเป็นตัวกำหนด อาทิ Best case ในปี 2564 จะต้องได้กำไรสุทธิ 3,000,000 บาท ส่วน Worst case ที่เป็นสถานการณ์ที่คาดเดาว่าในปี 2564 ยอดที่ต่ำที่สุดจะต้องได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะตั้งการคาดเดาของ Worst case ไว้ในระดับที่เขายังสามารถมีกำไรได้อยู่ เช่น ในขณะนั้นคุณเพิ่งเริ่มทำธุรกิจขายของออนไลน์เป็น accessories มือถือ พอผ่านไป 1 ปีสถานการณ์มันตกอยู่ที่ Worst case ยอดต่ำสุดที่คุณกำหนดไว้อยู่ที่กำไรสุทธิ 300,000 บาท ฉะนั้นแสดงว่าคุณยังมีกำไรที่เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 25,000 ต่อเดือน เพียงแต่ว่าเป็นกำไรที่ไม่ได้เป็นไปตามที่คุณวางแผนไว้เท่านั้นเอง

       แต่ความเป็นจริงของ Worst case scenario  ที่คุณไม่เคยรู้และควรจะคำนึงถึง นั่นก็คือ การคาดเดาสถานการณ์ที่แย่ที่สุดในชีวิตจริงว่า ทุกครั้งก่อนที่คุณจะเริ่มทำธุรกิจคุณควร คาดเดาสถานการณ์ของ Worst case ให้เป็น 0 บาทก่อน ซึ่งเป็นการคาดเดาสถานการณ์ที่ “ไม่ใช้ทฤษฎี” เนื่องจากในทฤษฎีหลาย ๆ คนที่กล่าวถึงมักจะบอกว่าสิ่งนี้ต้องได้กำไรบ้างถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แต่สำหรับ Worst case ในชีวิตจริงไม่ใช่เลย เพราะถ้าหากคุณนำเงินไปลงทุน ในธุรกิจโดยที่ไม่ได้ทำการตลาดให้ดี ความเป็นไปได้ของ Worst case ที่จะเป็น 0 บาทก็สามารถที่จะเป็นไปได้สูง ทีนี้คุณจะทำอย่างไร…นี่แหละครับคือความจริงของ Worst case ฉะนั้น สิ่งที่ผมอยากจะให้คุณสังเกตในขณะที่คุณกำลังจะเริ่มทำธุรกิจ ให้คุณดูว่าคนส่วนใหญ่ที่เขาช่ำชองในการทำธุรกิจสิ่งที่เขาจะทำก็คือ เขาจะเริ่มธุรกิจทำอย่างไรก็ได้ให้ลงทุนน้อยที่สุด แต่คนทั่วไปที่เริ่มทำธุรกิจเมื่อเจอปัญหานี้เขาจะอยู่ได้หรือไม่ วันนี้ผมจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

       กรณีที่ 1 สำหรับนักธุรกิจที่มี เงินสด เพียงพอต่อการลงทุนและมั่นใจในการลงทุน ถ้าเกิด Worst case ในชีวิตจริงกลายเป็น 0 คุณต้องอยู่ให้ได้ เช่น คุณมีทุนอยู่ 5,000,000 คุณก็อาจจะลงทุนเพียง 500,000 บาท นี่แหละครับถ้า Worst case คุณเป็น 0 อย่างน้อยคุณก็อยู่ได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่เคยจะเป็นแบบนี้เพราะมักจะลงทุนแบบสุดตัวกันเสียมากกว่า ฉะนั้น เวลาที่เกิด Worst case เป็น 0 บาท ก็มักจะอยู่ไม่ได้หรือล้มทั้งยืนนั่นเอง

       กรณีที่ 2 สำหรับนักธุรกิจที่ ไม่มีเงินสด เพียงพอ เมื่อมีเงินสดไม่เพียงพอแล้วคุณกู้แล้วเกิดสถานการณ์ Worst case เป็น 0 คุณก็จะมีโอกาสเป็นหนี้ไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรที่พอจะช่วยให้หนี้สินของคุณเบาบางลงหรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนกำลังเจอกับเหตุการณ์นี้อยู่ เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากจะบอกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมากถ้าหากคุณยังไม่มีเงินสดคุณก็อย่าด่วนสรุปไปกู้เงินตามที่ต่าง ๆ ให้คุณลองคิดลองทำธุรกิจที่ยังไม่ต้องลงทุน หรือถ้าอยากลงทุนก็ให้เลือกทำธุรกิจที่คนสามารถมัดจำ หรือเซ็นสัญญากับคุณก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณสามารถไปต่อได้

       ดังนั้น หากคุณอยากจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม แล้วธุรกิจของคุณมีการกำหนด Worst case ขึ้นมาให้คุณคำนึงถึงการตั้งรับสถานการณ์ในความเป็นจริงมาก่อน เพราะคุณไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณบ้าง ฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้หากคุณคิดที่อยากจะมีรายได้หรือธุรกิจในช่วงแรกแล้วไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ Worst case สิ่งสำคัญคือคุณอย่าพึ่งลงทุนกับสิ่งนั้นมากจนเกินไปให้หาวิธีที่ลงทุนน้อยแล้วได้กำไรไม่มากในช่วงแรกไปก่อน เมื่อทำสักระยะและมั่นใจในธุรกิจนั้นแล้วคุณก็ค่อย ๆ ขยายธุรกิจ 

       เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับความจริงของ สถานการณ์ที่แย่ที่สุด Worst Case Scenario คุณคิดว่าสถานการณ์เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับธุรกิจของคุณหรือบริษัทคุณได้หรือไม่ เพราะอะไรสามารถแสดงความคิดเห็นมาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ

==========================================================

สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ