✅ติดตามเรื่องราวทั้งหมด
ขั้นตอนการเตรียมตัว
ตอนที่ 1 : เริ่มฝัน :
https://ppantip.com/topic/40525297. จากเด็กเอกภาษาสู่เส้นทางของบริหาร
ตอนที่ 2 : RESET :
https://ppantip.com/topic/40532059 เรียนปริญญาตรีอีกหนึ่งใบ เพื่อให้เข้าใกล้ฝัน มีการเปรียบเทียบการเรียนของสองมหาลัยเปิดที่มีชื่อเสียง
ตอนที่ 3 : BEGIN AGAIN :
https://ppantip.com/topic/40542959 พูดถึงการเรียนที่รามคำแหง เคล็ดลับสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เข้าห้องเรียน
ตอนที่ 4 : ATTEMPT :
https://ppantip.com/topic/40549335 พูดถึงการเตรียมตัวสอบภาษาเยอรมัน และ IELTS
ตอนที่ 5 : DOCUMENT :
https://ppantip.com/topic/40562186 พูดถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมยื่นมหาวิทยาลัย
ตอนที่ 6 : INTERVIEW :
https://ppantip.com/topic/41073147 พูดถึงการสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยในเยอรมัน
ตอนที่ 7 : PREPARATION :
https://ppantip.com/topic/41374177 พูดถึงการได้รับ admission letter
ตอนที่ 8 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนโอนเงินจ่ายค่าแรกเข้าไปยังมหาลัยเยอร :
https://ppantip.com/topic/41384045
ตอนที่ 9 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเปิด blocked account + ซื้อประกัน
https://ppantip.com/topic/41402617
ตอนที่ 10 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเตรียมเอกสารทำวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ
https://ppantip.com/topic/41473301
ตอนที่ 11 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนกรอกแบบฟอร์ม VIDEX เพื่อยื่นวีซ่าเพื่อการศึกษา
https://ppantip.com/topic/41494161
ตอนที่ 12 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ได้รับอนุมัติวีซ่า+ ส่งท้ายขั้นตอนการเตรียมตัว
https://ppantip.com/topic/41522029
ตอนที่ 13 [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 1/2) : บ้าน เปิดซิม เปิดบัญชี
https://ppantip.com/topic/41644063
ตอนที่ 14: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 2/2) : Anmeldung เปิดบัญชีและอื่นๆ
https://ppantip.com/topic/41660274
ตอนที่ 15: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: Residence permit (Aufenthaltstitel)
https://ppantip.com/topic/41956848
ตอนที่ 16: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: เปิดบัญชีธนาคาร Berliner Sparkasse
https://ppantip.com/topic/41971413
ตอนที่ 17: [CR] รีวิว Review [Not just A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 เรียนจบแล้วววววว พร้อมเปลี่ยน Visa แล้ว
https://ppantip.com/profile/4534242#topics
ตอนที่ 18: [CR] รีวิว Review [Not just A Dreamer] เหลาชีวิตนักเรียนปริญญาโทที่ 🇩🇪
https://ppantip.com/profile/4534242#topics
แอบเสริมนิดนึงนะคะ ก่อนที่จะสอบผ่าน IELTS 6.5 เราได้ทำการลองยื่นโทที่อื่นไปก่อนด้วยค่ะ เอาคะแนนยื่นไปที่มหาวิทยาลัยในสเปน ในอเมริกา และ อังกฤษ (สาเหตุหลักๆคืออยากลองยื่นแถวๆยุโรปดูค่ะ ว่าโปรไฟล์ประมาณนี้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยในยุโรปได้ไหม)
สรุปคือติดทั้ง 3 ที่ค่ะ แต่ ณ เวลานั้นปฏิเสธไปหมดเลย 🤣
รวมถึงลองยื่นมหาวิทยาลัยในเยอรมันไปที่รับคะแนน IELTS 6.0 ก็ยังโดนปฏิเสธอยู่ค่ะ เขาให้เหตุผลว่าเราbackgroundไม่แน่นพอ ทั้งด้านการศึกษา โปรไฟล์การทำงานและทุกอย่าง ทำให้ตอนนั้นเราเล็ง 2 ประเด็น คือเริ่มต้นงาน กับ สอบIELTS ให้ได้มากกว่านี้
ยังไม่ยอมแพ้เหมือนเดิมค่ะ 💪
ขอย้อนไปอีกนิดนึงค่ะ
ช่วงที่เราสอบ IELTS ผ่าน เป็นช่วงที่ Covid-19 กำลังหนักเลยค่ะ แพลนที่เตรียมเอาไว้ เลยดีเลนิดนึงค่ะ บางมหาวิทยาลัยประกาศเลื่อนช่วงเวลาการรับสมัคร รวมถึงบางมหาวิทยาลัยยกเลิกภาคการศึกษาไปเลย ช่วงนั้นเราแอบเซงๆค่ะ นอยๆคือทุกที่ไม่สามารถให้ dateline เราได้ รวมถึงกังวลว่าไม่รู้จะได้ไปเรียนปีไหน
🤓ช่วงนั้นเป็นอีกช่วงที่เราค่อนข้างในเวลาอยู่กับกิจกรรม 2 อย่าง
1) เริ่มเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมยื่น
2) เริ่มการเรียนออนไลน์ที่ชื่อว่า MOOC จากเว็บไซต์ www.edx.org
เอาจริงตอนนั้นคือเราก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเราจะทำยังไงค่ะ ในเมื่อภาคการศึกษาโดนยกเลิกไปโดยไม่มีกำหนด ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือหาอะไรเรียนไปเรื่อยเลย เพื่อเอา certificate ไปใส่ใน Resume
ตัดมาที่ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร
📍หลังจากที่เราหาคณะ และ มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อคือ นั่งลิสเอกสารที่มหาวิทยาลัยต้องการค่ะ
ส่วนใหญ่นะ ที่เราเจอ มหาวิทยาลัยเขาจะขอ
1) Transcript และ ใบปริญญา ภาษาอังกฤษ
2) ใบรับรองการทำงาน ภาษาอังกฤษ
3) Letter Of Recommendation (โดยหัวหน้างาน) ภาษาอังกฤษ
4) ผลสอบ IELTS
5) Motivation Letter ภาษาอังกฤษ
6) Additional Document เช่น ประกาศนียบัตรเคยเข้าร่วมการแข่งขัน เคยเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ รวมถึงสอบวัดระดับภาษาต่างประเทศอื่นๆ อันนี้คือเราใส่ภาษาต่างประเทศนั้นๆไปเลยค่ะ ไม่ได้แปลนะคะ
7) CV
อันนี้คือเอกสารที่เราเจอบางมหาวิทยาลัยขอ
8) Letter Of Recommendation (จากอาจารย์ที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัย)
9) ใบอธิบายรายวิชาที่ปรากฎใน Transcript รวมถึงใบอธิบายระบบเกรด
10) ตราประทับรับรองจากสถานทูตเยอรมัน
เดี๋ยวเราจะค่อยๆแนะนำวิธีการเตรียมเอกสารแต่ละอย่างเลยนะคะ
🌟🌟🌟🌟 สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ อ่านให้ละเอียดเลยค่ะ ว่า
✅ช่วงเวลาการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัย (จากประสบการณ์คือไม่เหมือนกันสักที่เลยค่ะ)
✅เอกสารที่มหาวิทยาลัยต้องการ (แนะนำให้ทำ check list)
✅วิธีการสมัคร : บางที่คือให้ส่ง Hard Copy ไป (โดยฉบับถ่ายเอกสาร จะต้องมีตราปั๊มรับรองของสถานทูตเยอรมัน)/ บางที่ให้เราเอาเอกสารตัวจริงสแกนไปแล้วอัพโหลดเข้าระบบ
📍ขั้นตอนคร่าวๆ พูดง่ายๆคือ เตรียมเอกสารให้ครบ และ ยื่นสมัครตามเงื่อนไขและช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด
มาค่ะ เริ่มได้
📍เมื่อได้ข้อมูลแล้ว เราก็พร้อมลุย💪
1) Transcript และ ใบปริญญา : อันนี้ตามชื่อเลยค่ะ Transcript คือใบที่โชว์ว่าเราเรียนอะไรไปบ้างแล้วได้เกรดเท่าไหร่ส่วนใบปริญญาคือใบที่รับรองว่าเราจบอะไร (ใบที่เราได้รับในวันรับปริญญาค่ะ)
2) ใบรับรองการทำงาน อันนี้ขอจาก HR บริษัทได้เลยค่ะ ข้อนี้อย่างแนะนำให้กะเวลาดีๆนะคะ เนื่องจากว่าใบรับรองการทำงานโดยบริษัททั่วไปจะอยู่ได้แค่ 3 เดือน สำหรับเราใบรับรองการทำงาน เราขอเป็นอย่าง(เกือบ)สุดท้ายเลยค่ะ
แนะนำนิดนึง โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นเยอรมัน เขาจะไม่ชอบใบรับรองที่ทำกิจการที่บ้านนะคะ เพราะเขามองว่า มันไม่ professional ค่ะ
3) Letter Of Recommendation : ต้วนี้คือใบแนะนำตัวเราจากหัวหน้าเราค่ะ โดยส่วนมากจะเป็นการที่หัวหน้าเขียนชมเรานะคะ ว่าเรามีทักษะด้านไหนบ้าง มีจุดเด่นอย่างไร พูดให้เห็นภาพชัดๆ มันคืออารมณ์ว่าผู้ขาย(หัวหน้า)กำลังเขียนแนะนำสินค้า(ตัวเรา)ให้กับผู้ซื้อ(มหาวิทยาลัย)อยู่ ประมาณว่า ถ้าลูกค้าซื้อสินค้านี้ไป ลูกค้าจะไม่ผิดหวัง เพราะอะไรขั้นตอนนี้จึงสำคัญมากค่ะ เพราะเป็นการที่ว่า คนอื่นมองเราอย่างไร
(ขั้นตอนนี้เราโชคดีมาก หัวหน้าเราให้เราเขียนเองค่ะ แล้วหัวหน้าเซ็นต์อย่างเดียวผลสอบ
4) IELTS : อันนี้คือใบผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ.
5) Motivation Letter :ใบนี้เป็นอีก1 ไฮไลท์ค่ะ มันคือเรียงความฉบับย่อๆ (โดยปกติความยาวจะอยู่ที่ 1-2 หน้าค่ะ บางมหาวิทยาลัยเขาจะกำหนดไว้เลยอีกอย่างคือเช็คดีๆด้วยค่ะ บางมหาวิทยาลัยเขาจะมี Template มาให้เลย) แนะนำเพิ่มเติม สำหรับการเขียนจดหมายอันนี้นะคะ ตัวเราเอง เราPrintคอร์สออกมาดูเลยค่ะ ว่ามีเรียนอะไรบ้าง ต่อยอดถึงอะไรได้บ้าง แล้วเขียนตัวจดหมายนี้ให้ลิ้งค์กับวิชาที่เขาสอน รวมถึงเราใส่พวกสกิลตัวเองเข้าไปด้วยค่ะ เช่น มีวิชา Leadership เราก็จะเขียนไปเลยว่า เราเคยรองประธานรุ่นนะ อะไรแบบนี้ ดังนั้นเอกสารฉบับนี้ของที่ยื่นแต่ละมหาวิทยาลัยของเราไม่เหมือนกันสักฉบับเลยค่ะT^T โปรเจ็กของเราในอนาคตต้องจับต้องไ้ด้ด้วยนะคะ เยอรมันค่อนข้างซีเรียสค่ะ เราอยากทำอะไรเราต้องเขียนให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่า เรียนเพราะว่าอยากได้ความรู้ประมาณนี้ค่ะ
6) Additional Document : เอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมค่ะ แนะนำใส่ไปให้หมดเลย ตั้งแต่ประกาศนียบัตรเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ใบสอบวัดระดับภาษาต่างประเทศอื่น(ถ้ามี) รวมถึงประกาศนียบัตรด้านการอบรมหรือการเรียนต่างๆ (ตัวเราเองใส่ยันประกาศนียบัตรเรียนออนไลน์เลยค่ะ)
7) CV ใบรวบรวมประวัติตัวเอง อันนี้ระวังนิดนึงด้วยค่ะ บางที่มีการกำหนด Template โดยส่วนมากมหาวิทยาลัยในยุโรปจะใช้เทมจากเว็บนี้ค่ะ
https://europa.eu/europass/en/create-europass-cv ซึ่งตัวเราแค่กรอกข้อมูลค่ะ โปรแกรมจะจัดการวางเทมให้หมดเลย ถือว่าสะดวกและประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ
📍เพิ่มเติมสำหรับเอกสารที่เราโดนขอเพิ่มเติมนะคะ
8) Letter Of Recommendation ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย : ส่วนตัวเรารบกวนอาจารย์ที่ปรึกษานะคะ คล้ายๆกับใบแนะนำของหัวหน้างานค่ะ แต่ตัวนี้จะเน้นพฤติกรรมเราตอนเรียนหนังสือมากกว่า มีภาวะผู้นำไหม ตอนเรียนเป็นอย่างไร ยิ่งถ้าได้ทำกิจกรรมด้วยนะคะ ถือว่าเลิศมาก
9) ใบอธิบายรายวิชาที่ปรากฎใน Transcript : ตัวนี้ตอนเราได้มา เรางงนิดนึงค่ะ เอกสารตัวนี้ สุดท้ายคือไปลงเอยที่กองกิจการนิสิตค่ะ เราเดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่เลย อธิบายให้เขาเข้าใจ ลักษณะของใบนี้คือการอธิบาย Overview สิ่งที่สอนในแต่ละรายวิชา แล้วเอามารวมกันในเอกสารเดียว (ของเราประมาณ 4-5 หน้าค่ะ ในเอกสารมีทั้งชื่อเรา รหัสนิสิต คณะที่เราเรียน รวมถึงตราปั๊มคณะและลายเซ็นต์ค่ะ) ส่วนใบอธิบายระบบเกรด มันคือข้างหลัง Transcript ค่ะ ที่บอกว่า A แปลว่า 4.00 คือ excellent
10) ตราประทับรับรองสถานทูตเยอรมัน ตัวนี้ต้องเข้าไปที่สถานฑูตเยอรมันนะคะ
แนะนำวิธีการ : ไปจองคิวกับสถานทูตก่อนนะคะ ทางเว็บนี้
https://service2.diplo.de/rktermin/extern/choose_categoryList.do?locationCode=bangk&realmId=1017
เราจะได้อีเมลล์ยืนยันมา จากนั้นเราก็ไปตามเวลาที่กำหนด
📍สิ่งที่ตัองเตรียมไป :
✅ ใบนัดหมาย (แนะนำให้Printออกมา เราต้องโชว์ที่หน้าสถานทูตก่อนเข้าไปข้างในค่ะ)
✅เอกสารทางวิชาการทุกอย่างเป็นฉบับจริง และ สำเนาเอกสารทุกอย่างค่ะ (ที่สถานทูตจะเปิดเช็ครายแผ่นเลย) : ถ่ายเอกสารทั้งหน้าและหลังเลยนะคะ
✅Passport or บัตรประชาชน (ตัวจริงเท่านั้น)
✅หลักฐาน Referrence ว่าเราต้องใช้ (เช่น หน้าเว็บไซต์ของโปรแกรมที่สมัครเรียนมีเขียนไว้ว่าเอกสารทุกฉบับต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตเยอรมัน)
❌หลักฐาน Referrence ถ้ามีโชว์เขา จะไม่เสียค่าบริการปั๊มค่ะ เพราะเขาถือว่าเราไปเรียน แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีจะมีค่าบริการคิดเป็นรายหน้านะคะ ตามนี้เลยค่ะ
‘คิดค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 10 ยูโร หน้าต่อไปหน้าละ 1 ยูโร หากเอกสารที่ไม่ใช่ตัวอักษรลาตินจำนวนไม่เกิน 10 หน้าค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 15 ยูโร หน้าต่อไปเป็นเงินหน้าละ 1,50 ยูโร โดยให้ชำระค่าธรรมเนียมเป็นเงินสดและเงินบาทตามอัตราการแลกเปลี่ยนของสถานทูต’
เราลืมเอาไปค่ะ เราเสียไป 2000 กว่าบาททั้งหมดจำขึ้นใจเลย T^T (จ่ายเป็นเงินสดเท่านั้นด้วยนะคะ ในกรณีไม่มีเงินสด ออกไปกดค่ะ แล้วเข้ามาใหม่)
❌ Remark ขั้นตอนการปั๊มเอกสารไม่ถึง 5 นาทีค่ะ แต่แนะนำอีกอย่างนึง เอกสารทุกอย่างก็เป็นแบบ Hard Copy นะคะ Print ออกมาให้หมด เพราะว่าก่อนเข้าสถานฑูตเราต้องฝากอุปกรณ์Eletronicทุกอย่างไว้ เราไม่สามารถโชว์ผ่านทางมือถือได้ค่ะ
ตัวอย่างรอยตราประทับจากสถานทูตเยอรมัน
📍สิ่งที่ต้องคำนึงเกี่ยวกับการเตรียมเอกสาร
‼️กำหนดเวลาขอเอกสารดีๆนะคะ อย่างที่บอกว่าเอกสารบางฉบับมีกำหนดวันหมดอายุ
‼️เอกสารเกี่ยวกับวิชาการที่จะยื่นมหาวิทยาลัยในเยอรมัน จะต้องมีตราประทับขององค์กรนั้นๆ และลายเซ็นต์ ตัวจริงเท่านั้นนะคะ
‼️อ่านเงื่อนไขการสมัค
[A Dreamer :กระทู้ให้กำลังใจคนมีฝัน ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ฉบับคนถึก ตอนที่ 5 : DOCUMENT
ขั้นตอนการเตรียมตัว
ตอนที่ 1 : เริ่มฝัน : https://ppantip.com/topic/40525297. จากเด็กเอกภาษาสู่เส้นทางของบริหาร
ตอนที่ 2 : RESET : https://ppantip.com/topic/40532059 เรียนปริญญาตรีอีกหนึ่งใบ เพื่อให้เข้าใกล้ฝัน มีการเปรียบเทียบการเรียนของสองมหาลัยเปิดที่มีชื่อเสียง
ตอนที่ 3 : BEGIN AGAIN : https://ppantip.com/topic/40542959 พูดถึงการเรียนที่รามคำแหง เคล็ดลับสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เข้าห้องเรียน
ตอนที่ 4 : ATTEMPT : https://ppantip.com/topic/40549335 พูดถึงการเตรียมตัวสอบภาษาเยอรมัน และ IELTS
ตอนที่ 5 : DOCUMENT : https://ppantip.com/topic/40562186 พูดถึงขั้นตอนการเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมยื่นมหาวิทยาลัย
ตอนที่ 6 : INTERVIEW : https://ppantip.com/topic/41073147 พูดถึงการสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยในเยอรมัน
ตอนที่ 7 : PREPARATION : https://ppantip.com/topic/41374177 พูดถึงการได้รับ admission letter
ตอนที่ 8 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนโอนเงินจ่ายค่าแรกเข้าไปยังมหาลัยเยอร : https://ppantip.com/topic/41384045
ตอนที่ 9 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer ] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเปิด blocked account + ซื้อประกัน
https://ppantip.com/topic/41402617
ตอนที่ 10 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] รีวิวการเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนเตรียมเอกสารทำวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ
https://ppantip.com/topic/41473301
ตอนที่ 11 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ตอนกรอกแบบฟอร์ม VIDEX เพื่อยื่นวีซ่าเพื่อการศึกษา
https://ppantip.com/topic/41494161
ตอนที่ 12 : [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เตรียมตัวไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 ได้รับอนุมัติวีซ่า+ ส่งท้ายขั้นตอนการเตรียมตัว
https://ppantip.com/topic/41522029
ตอนที่ 13 [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 1/2) : บ้าน เปิดซิม เปิดบัญชี
https://ppantip.com/topic/41644063
ตอนที่ 14: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ (ตอนที่ 2/2) : Anmeldung เปิดบัญชีและอื่นๆ
https://ppantip.com/topic/41660274
ตอนที่ 15: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: Residence permit (Aufenthaltstitel)
https://ppantip.com/topic/41956848
ตอนที่ 16: [CR] รีวิว Review [A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 กับ check-list ที่ต้องทำ: เปิดบัญชีธนาคาร Berliner Sparkasse
https://ppantip.com/topic/41971413
ตอนที่ 17: [CR] รีวิว Review [Not just A Dreamer] เมื่อมาถึงเยอรมัน 🇩🇪 เรียนจบแล้วววววว พร้อมเปลี่ยน Visa แล้ว
https://ppantip.com/profile/4534242#topics
ตอนที่ 18: [CR] รีวิว Review [Not just A Dreamer] เหลาชีวิตนักเรียนปริญญาโทที่ 🇩🇪
https://ppantip.com/profile/4534242#topics
แอบเสริมนิดนึงนะคะ ก่อนที่จะสอบผ่าน IELTS 6.5 เราได้ทำการลองยื่นโทที่อื่นไปก่อนด้วยค่ะ เอาคะแนนยื่นไปที่มหาวิทยาลัยในสเปน ในอเมริกา และ อังกฤษ (สาเหตุหลักๆคืออยากลองยื่นแถวๆยุโรปดูค่ะ ว่าโปรไฟล์ประมาณนี้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยในยุโรปได้ไหม)
สรุปคือติดทั้ง 3 ที่ค่ะ แต่ ณ เวลานั้นปฏิเสธไปหมดเลย 🤣
รวมถึงลองยื่นมหาวิทยาลัยในเยอรมันไปที่รับคะแนน IELTS 6.0 ก็ยังโดนปฏิเสธอยู่ค่ะ เขาให้เหตุผลว่าเราbackgroundไม่แน่นพอ ทั้งด้านการศึกษา โปรไฟล์การทำงานและทุกอย่าง ทำให้ตอนนั้นเราเล็ง 2 ประเด็น คือเริ่มต้นงาน กับ สอบIELTS ให้ได้มากกว่านี้
ยังไม่ยอมแพ้เหมือนเดิมค่ะ 💪
ขอย้อนไปอีกนิดนึงค่ะ
ช่วงที่เราสอบ IELTS ผ่าน เป็นช่วงที่ Covid-19 กำลังหนักเลยค่ะ แพลนที่เตรียมเอาไว้ เลยดีเลนิดนึงค่ะ บางมหาวิทยาลัยประกาศเลื่อนช่วงเวลาการรับสมัคร รวมถึงบางมหาวิทยาลัยยกเลิกภาคการศึกษาไปเลย ช่วงนั้นเราแอบเซงๆค่ะ นอยๆคือทุกที่ไม่สามารถให้ dateline เราได้ รวมถึงกังวลว่าไม่รู้จะได้ไปเรียนปีไหน
🤓ช่วงนั้นเป็นอีกช่วงที่เราค่อนข้างในเวลาอยู่กับกิจกรรม 2 อย่าง
1) เริ่มเตรียมเอกสารเพื่อเตรียมยื่น
2) เริ่มการเรียนออนไลน์ที่ชื่อว่า MOOC จากเว็บไซต์ www.edx.org
เอาจริงตอนนั้นคือเราก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเราจะทำยังไงค่ะ ในเมื่อภาคการศึกษาโดนยกเลิกไปโดยไม่มีกำหนด ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือหาอะไรเรียนไปเรื่อยเลย เพื่อเอา certificate ไปใส่ใน Resume
ตัดมาที่ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร
📍หลังจากที่เราหาคณะ และ มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อคือ นั่งลิสเอกสารที่มหาวิทยาลัยต้องการค่ะ
ส่วนใหญ่นะ ที่เราเจอ มหาวิทยาลัยเขาจะขอ
1) Transcript และ ใบปริญญา ภาษาอังกฤษ
2) ใบรับรองการทำงาน ภาษาอังกฤษ
3) Letter Of Recommendation (โดยหัวหน้างาน) ภาษาอังกฤษ
4) ผลสอบ IELTS
5) Motivation Letter ภาษาอังกฤษ
6) Additional Document เช่น ประกาศนียบัตรเคยเข้าร่วมการแข่งขัน เคยเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ รวมถึงสอบวัดระดับภาษาต่างประเทศอื่นๆ อันนี้คือเราใส่ภาษาต่างประเทศนั้นๆไปเลยค่ะ ไม่ได้แปลนะคะ
7) CV
อันนี้คือเอกสารที่เราเจอบางมหาวิทยาลัยขอ
8) Letter Of Recommendation (จากอาจารย์ที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัย)
9) ใบอธิบายรายวิชาที่ปรากฎใน Transcript รวมถึงใบอธิบายระบบเกรด
10) ตราประทับรับรองจากสถานทูตเยอรมัน
เดี๋ยวเราจะค่อยๆแนะนำวิธีการเตรียมเอกสารแต่ละอย่างเลยนะคะ
🌟🌟🌟🌟 สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ อ่านให้ละเอียดเลยค่ะ ว่า
✅ช่วงเวลาการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัย (จากประสบการณ์คือไม่เหมือนกันสักที่เลยค่ะ)
✅เอกสารที่มหาวิทยาลัยต้องการ (แนะนำให้ทำ check list)
✅วิธีการสมัคร : บางที่คือให้ส่ง Hard Copy ไป (โดยฉบับถ่ายเอกสาร จะต้องมีตราปั๊มรับรองของสถานทูตเยอรมัน)/ บางที่ให้เราเอาเอกสารตัวจริงสแกนไปแล้วอัพโหลดเข้าระบบ
📍ขั้นตอนคร่าวๆ พูดง่ายๆคือ เตรียมเอกสารให้ครบ และ ยื่นสมัครตามเงื่อนไขและช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด
มาค่ะ เริ่มได้
📍เมื่อได้ข้อมูลแล้ว เราก็พร้อมลุย💪
1) Transcript และ ใบปริญญา : อันนี้ตามชื่อเลยค่ะ Transcript คือใบที่โชว์ว่าเราเรียนอะไรไปบ้างแล้วได้เกรดเท่าไหร่ส่วนใบปริญญาคือใบที่รับรองว่าเราจบอะไร (ใบที่เราได้รับในวันรับปริญญาค่ะ)
2) ใบรับรองการทำงาน อันนี้ขอจาก HR บริษัทได้เลยค่ะ ข้อนี้อย่างแนะนำให้กะเวลาดีๆนะคะ เนื่องจากว่าใบรับรองการทำงานโดยบริษัททั่วไปจะอยู่ได้แค่ 3 เดือน สำหรับเราใบรับรองการทำงาน เราขอเป็นอย่าง(เกือบ)สุดท้ายเลยค่ะ
แนะนำนิดนึง โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นเยอรมัน เขาจะไม่ชอบใบรับรองที่ทำกิจการที่บ้านนะคะ เพราะเขามองว่า มันไม่ professional ค่ะ
3) Letter Of Recommendation : ต้วนี้คือใบแนะนำตัวเราจากหัวหน้าเราค่ะ โดยส่วนมากจะเป็นการที่หัวหน้าเขียนชมเรานะคะ ว่าเรามีทักษะด้านไหนบ้าง มีจุดเด่นอย่างไร พูดให้เห็นภาพชัดๆ มันคืออารมณ์ว่าผู้ขาย(หัวหน้า)กำลังเขียนแนะนำสินค้า(ตัวเรา)ให้กับผู้ซื้อ(มหาวิทยาลัย)อยู่ ประมาณว่า ถ้าลูกค้าซื้อสินค้านี้ไป ลูกค้าจะไม่ผิดหวัง เพราะอะไรขั้นตอนนี้จึงสำคัญมากค่ะ เพราะเป็นการที่ว่า คนอื่นมองเราอย่างไร
(ขั้นตอนนี้เราโชคดีมาก หัวหน้าเราให้เราเขียนเองค่ะ แล้วหัวหน้าเซ็นต์อย่างเดียวผลสอบ
4) IELTS : อันนี้คือใบผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ.
5) Motivation Letter :ใบนี้เป็นอีก1 ไฮไลท์ค่ะ มันคือเรียงความฉบับย่อๆ (โดยปกติความยาวจะอยู่ที่ 1-2 หน้าค่ะ บางมหาวิทยาลัยเขาจะกำหนดไว้เลยอีกอย่างคือเช็คดีๆด้วยค่ะ บางมหาวิทยาลัยเขาจะมี Template มาให้เลย) แนะนำเพิ่มเติม สำหรับการเขียนจดหมายอันนี้นะคะ ตัวเราเอง เราPrintคอร์สออกมาดูเลยค่ะ ว่ามีเรียนอะไรบ้าง ต่อยอดถึงอะไรได้บ้าง แล้วเขียนตัวจดหมายนี้ให้ลิ้งค์กับวิชาที่เขาสอน รวมถึงเราใส่พวกสกิลตัวเองเข้าไปด้วยค่ะ เช่น มีวิชา Leadership เราก็จะเขียนไปเลยว่า เราเคยรองประธานรุ่นนะ อะไรแบบนี้ ดังนั้นเอกสารฉบับนี้ของที่ยื่นแต่ละมหาวิทยาลัยของเราไม่เหมือนกันสักฉบับเลยค่ะT^T โปรเจ็กของเราในอนาคตต้องจับต้องไ้ด้ด้วยนะคะ เยอรมันค่อนข้างซีเรียสค่ะ เราอยากทำอะไรเราต้องเขียนให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่า เรียนเพราะว่าอยากได้ความรู้ประมาณนี้ค่ะ
6) Additional Document : เอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมค่ะ แนะนำใส่ไปให้หมดเลย ตั้งแต่ประกาศนียบัตรเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ใบสอบวัดระดับภาษาต่างประเทศอื่น(ถ้ามี) รวมถึงประกาศนียบัตรด้านการอบรมหรือการเรียนต่างๆ (ตัวเราเองใส่ยันประกาศนียบัตรเรียนออนไลน์เลยค่ะ)
7) CV ใบรวบรวมประวัติตัวเอง อันนี้ระวังนิดนึงด้วยค่ะ บางที่มีการกำหนด Template โดยส่วนมากมหาวิทยาลัยในยุโรปจะใช้เทมจากเว็บนี้ค่ะ https://europa.eu/europass/en/create-europass-cv ซึ่งตัวเราแค่กรอกข้อมูลค่ะ โปรแกรมจะจัดการวางเทมให้หมดเลย ถือว่าสะดวกและประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยค่ะ
📍เพิ่มเติมสำหรับเอกสารที่เราโดนขอเพิ่มเติมนะคะ
8) Letter Of Recommendation ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย : ส่วนตัวเรารบกวนอาจารย์ที่ปรึกษานะคะ คล้ายๆกับใบแนะนำของหัวหน้างานค่ะ แต่ตัวนี้จะเน้นพฤติกรรมเราตอนเรียนหนังสือมากกว่า มีภาวะผู้นำไหม ตอนเรียนเป็นอย่างไร ยิ่งถ้าได้ทำกิจกรรมด้วยนะคะ ถือว่าเลิศมาก
9) ใบอธิบายรายวิชาที่ปรากฎใน Transcript : ตัวนี้ตอนเราได้มา เรางงนิดนึงค่ะ เอกสารตัวนี้ สุดท้ายคือไปลงเอยที่กองกิจการนิสิตค่ะ เราเดินเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่เลย อธิบายให้เขาเข้าใจ ลักษณะของใบนี้คือการอธิบาย Overview สิ่งที่สอนในแต่ละรายวิชา แล้วเอามารวมกันในเอกสารเดียว (ของเราประมาณ 4-5 หน้าค่ะ ในเอกสารมีทั้งชื่อเรา รหัสนิสิต คณะที่เราเรียน รวมถึงตราปั๊มคณะและลายเซ็นต์ค่ะ) ส่วนใบอธิบายระบบเกรด มันคือข้างหลัง Transcript ค่ะ ที่บอกว่า A แปลว่า 4.00 คือ excellent
10) ตราประทับรับรองสถานทูตเยอรมัน ตัวนี้ต้องเข้าไปที่สถานฑูตเยอรมันนะคะ
แนะนำวิธีการ : ไปจองคิวกับสถานทูตก่อนนะคะ ทางเว็บนี้https://service2.diplo.de/rktermin/extern/choose_categoryList.do?locationCode=bangk&realmId=1017
เราจะได้อีเมลล์ยืนยันมา จากนั้นเราก็ไปตามเวลาที่กำหนด
📍สิ่งที่ตัองเตรียมไป :
✅ ใบนัดหมาย (แนะนำให้Printออกมา เราต้องโชว์ที่หน้าสถานทูตก่อนเข้าไปข้างในค่ะ)
✅เอกสารทางวิชาการทุกอย่างเป็นฉบับจริง และ สำเนาเอกสารทุกอย่างค่ะ (ที่สถานทูตจะเปิดเช็ครายแผ่นเลย) : ถ่ายเอกสารทั้งหน้าและหลังเลยนะคะ
✅Passport or บัตรประชาชน (ตัวจริงเท่านั้น)
✅หลักฐาน Referrence ว่าเราต้องใช้ (เช่น หน้าเว็บไซต์ของโปรแกรมที่สมัครเรียนมีเขียนไว้ว่าเอกสารทุกฉบับต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตเยอรมัน)
❌หลักฐาน Referrence ถ้ามีโชว์เขา จะไม่เสียค่าบริการปั๊มค่ะ เพราะเขาถือว่าเราไปเรียน แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีจะมีค่าบริการคิดเป็นรายหน้านะคะ ตามนี้เลยค่ะ
‘คิดค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 10 ยูโร หน้าต่อไปหน้าละ 1 ยูโร หากเอกสารที่ไม่ใช่ตัวอักษรลาตินจำนวนไม่เกิน 10 หน้าค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 15 ยูโร หน้าต่อไปเป็นเงินหน้าละ 1,50 ยูโร โดยให้ชำระค่าธรรมเนียมเป็นเงินสดและเงินบาทตามอัตราการแลกเปลี่ยนของสถานทูต’
เราลืมเอาไปค่ะ เราเสียไป 2000 กว่าบาททั้งหมดจำขึ้นใจเลย T^T (จ่ายเป็นเงินสดเท่านั้นด้วยนะคะ ในกรณีไม่มีเงินสด ออกไปกดค่ะ แล้วเข้ามาใหม่)
❌ Remark ขั้นตอนการปั๊มเอกสารไม่ถึง 5 นาทีค่ะ แต่แนะนำอีกอย่างนึง เอกสารทุกอย่างก็เป็นแบบ Hard Copy นะคะ Print ออกมาให้หมด เพราะว่าก่อนเข้าสถานฑูตเราต้องฝากอุปกรณ์Eletronicทุกอย่างไว้ เราไม่สามารถโชว์ผ่านทางมือถือได้ค่ะ
ตัวอย่างรอยตราประทับจากสถานทูตเยอรมัน
📍สิ่งที่ต้องคำนึงเกี่ยวกับการเตรียมเอกสาร
‼️กำหนดเวลาขอเอกสารดีๆนะคะ อย่างที่บอกว่าเอกสารบางฉบับมีกำหนดวันหมดอายุ
‼️เอกสารเกี่ยวกับวิชาการที่จะยื่นมหาวิทยาลัยในเยอรมัน จะต้องมีตราประทับขององค์กรนั้นๆ และลายเซ็นต์ ตัวจริงเท่านั้นนะคะ
‼️อ่านเงื่อนไขการสมัค