บทบาทของกระทรวงบัวแก้วในช่วงเริ่มเปิดประเทศ  โดย ณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงฯ

บทบาทของกระทรวงบัวแก้วในช่วงเริ่มเปิดประเทศ 
 
     โดย ณัฐภาณุ นพคุณ 
           รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ 
           ทวิตเตอร์ @NatapanuN
 
กระทรวงการต่างประเทศ โดยปลัดกระทรวงฯ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการด้านต่างประเทศ (ศปก.กต) และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ได้ร่วมหารือมาตรการกับศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค).ชุดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และหารือรายกรณีเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดกับทาง ศบค.ชุดเล็ก ซึ่งจัดขึ้นทุกวันช่วง 0830 น. อย่างต่อเนื่อง เพราะในการควบคุมการแพร่ระบาด มิติด้านต่างประเทศมีความสำคัญมาก เกี่ยวโยงและสร้างผลกระทบในหลายด้านที่อาจนึกไม่ถึง เกี่ยวโยงกับการสร้างความสมดุลด้านการป้องกันและการดำเนินต่อของเศรษฐกิจ ความรู้สึกของคนที่พลัดพรากครอบครัว การดูแลคนไทยและเยาวชนที่ติดอยู่ห่างไกลจากบ้าน ประเด็นแรงงานที่ติดอยู่ตามชายแดน รวมทั้งความละเอียดอ่อนอื่นๆ 

ในช่วงที่ไทยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เป็นระยะๆ ทางสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยที่มีอยู่ประมาณ 80 แห่งทั่วโลกก็ดำเนินการในทางที่สอดคล้อง ภารกิจในการรับมือโควิด-19 โดยเฉพาะสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่  ไทย ตั้งแต่การแจกถุงยังชีพ ดูแลคนไทยที่ติดโควิด-19 และช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ฯ นักเรียน แรงงานไทยที่ต้องการกลับ ปัจจุบัน ได้ช่วยให้คนไทยกลับบ้านกว่าแสนคน เกือบ 700 เที่ยวบิน และพัฒนาระบบ COE ให้เป็นระบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทย และไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เราขยายเปิดรับคนต่างชาติกลุ่มต่างๆ เพิ่มขึ้น กลุ่มผู้มีใบอนุญาตทำงาน กลุ่มที่มีครอบครัวคนไทย และกลุ่มครูและนักเรียนต่างชาติ เป็นต้น ทางสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ก็ดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย 

ในช่วง 1 ต.ค.ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงฯ ได้หารือกับหน่วยงานต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือเรื่องรายละเอียดของ Special Tourist Visa (STV) และกระทรวงฯ โดยกรมการกงสุลได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่เตรียมความพร้อมการตรวจลงตราประเภท STV ซึ่งอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวให้ดำเนินการอย่างรัดกุม 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ที่มีมาตรการผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจลงตราให้กลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มผู้พำนักระยะยาว (Long Stay) กลุ่มผู้นักธุรกิจต่างชาติที่ถือบัตรเอเปก (APEC Business Travel Card) จาก 10 เขตเศรษฐกิจที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราต่ำ กลุ่มผู้ที่มาติดต่อธุรกิจระยะสั้นและลงทุน กลุ่มผู้ที่มาพำนักระยะสั้น-ยาว ที่มีหลักทรัพย์แสดงไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท และ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขอรับการตรวจลงตราประเภทพิเศษ STV โดยชาวต่างชาติที่มีความจำเป็นด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ ได้เข้าประเทศไทยแล้วกว่า 23,000 คน 

ล่าสุดได้จัดทำระบบ COE ออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการออกหนังสือรับรองเข้าราชอาณาจักรไทย และมีการประสานงานกันทั่วโลก ซึ่งได้เริ่มใช้นำร่องไปแล้วในสหราชอาณาจักร ฮ่องกง และเนเธอร์แลนด์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่