ความรัก
เครดิตภาพ
https://twitter.com/payabannahuk/status/1001793400935362560/photo/1
https://www.dek-d.com/board/view/3934534/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่คิดจะแต่งต่อเนื่องนะครับ
แต่ไม่รู้เป็นอย่างไรจึงอยากจะเขียนออกมาให้ได้สัมผัสความรู้สึกบางอย่าง
เผื่อเป็นการตัดสินใจใช้ในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต
ให้ได้มีโอกาสที่จะใช้หัวใจได้ตัดสิน
ในความรักและความรู้สึกในเดือนแห่งความรักนี้นะครับ
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
1) ความรักของเพื่อน ความรัก https://ppantip.com/topic/40492626
2) ความรักของฉัน(ปัจจุบัน) ความรัก(2) (เรื่องนี้) https://ppantip.com/topic/40495050
3) ความรักของฉัน(ครั้งแรก) มัธยม https://ppantip.com/topic/404976164
4) ความรักครั้งสุดท้าย ความรัก(จบ) https://ppantip.com/topic/40500179
เสียงการแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น
หน้าจอขึ้นข้อความ
คำร้องขอเป็นเพื่อนเด้งขึ้นมา
สักพัก............................
กำลังจะเดินมาดูข้อความ
วันนี้
ชีวิตปกติของเธอ คือการต้องตื่นมาทุกเช้า แต่งตัว ไปทำงาน
ตั้งแต่เรียนจบมา เป็นเภสัชกรของโรงพยาลประจำอำเภอแห่งหนึ่ง
ใครๆมากมายก็เข้ามาจีบ
แต่หัวใจเธอถูกปิดไป
ตั้งแต่วันที่เรียนจบมัธยมปลายจากชายคนหนึ่งซึ่งคงเป็นคนที่เธอยังคิดถึงเสมอ
ที่จริงเขาก็เป็นแค่ผู้ชายในเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน
คงไม่รู้สึกว่าเธอรู้สึกอย่างไร
คุยกันในห้องธรรมดา
แต่เขาเป็นคนที่ทำกิจกรรมทุกอย่าง
เล่นกีฬา เรียนเก่ง เล่นดนตรีไทย แต่งกลอนเก่ง ถือว่าครบเครื่องทุกอย่าง
คงไม่รู้ว่าเธอคิดกับเขาแบบไหน ด้วยคนห้อมล้อมมากกมาย
ตัวเธอเองแก่นแก้วแนวม้าดีดกะโหลก
จนคิดว่าไม่มีใครจะมาสนใจเธอหรอก
ช่วงที่ต้องแยกกันไปตอนจบมัธยมปลาย
ก็ไม่ได้แสดงออกว่า
มีความรู้สึกที่ดีต่อกันใดใดออกมา
จนเธอเข้าศึกษาต่อที่คณะเภสัชศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยภาคตะวันออก
ส่วนเขาสอบติดวิศวะที่ภาคอิสาน
ด้วยความที่อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เธอตัดสินใจเขียนจดหมายไปหา
เขาก็ตอบกลับมาทุกครั้ง
คุยกัน ในยุคที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะจับเวลาเป็นนาทีตามหน้าหอ
ช่างเหมือนชีวิตในฝันที่คิดอยากจะพบเจอเสียจริง
จนมาวันหนึ่งขณะที่เธอไม่กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกใดๆได้อีก
ตัดสินใจเขียนจดหมายเพื่ออยากลองใจแกล้งสร้างเรื่องว่า
เธอได้ไปแอบชอบรุ่นพี่ที่ทำงานที่เธอฝึกงานอยู่ก่อนจบการศึกษา
แต่ไม่กล้าจะบอกพี่เขา เธอจึงปรึกษาเพื่อนคนนี้ว่าจะทำอย่างไร
สุดท้าย
นี่เลยเป็นจดหมายฉบับสุดท้าย
ที่ได้รับคำตอบกลับมาเพียงว่า
ขอให้เธอทำตามหัวใจเธอ เพราะเพื่อนคนนี้ยินดีเสมอที่เธอมีความสุข
ถ้อยคำเรียบง่าย
แต่ไม่อยากจะคิดว่ามันแฝงด้วยความรู้สึกใดเจือปนมาอีกหรือเปล่า?
เรื่องราวต่างๆ ผ่านเข้ามาอีกครั้ง
ตั้งแต่ จดหมายฉบับแรก
หมวกไหมพรม
เสื้อกันหนาวที่ถักให้
ภาพที่ต้องไปอัดรูปที่ร้านเพื่อที่จะได้ส่งไปให้ดูว่าไปไหนทำอะไรมาบ้าง
ไม่เคยรู้เลยเหรอ ว่าอยากจะบอกว่าอะไร?
ทำไมผู้ชายเป็นพวกติดเพื่อนฝูงขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่เคยรับรู้ใส่ใจอะไรเลย
ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยเหรอ ?
อีกด้านหนึ่งเวลานั้น
ชายนุ่มในชุดเสื้อช็อป ปักชื่อและตรามหาวิทยาลัย
เดินเข้ามานั่งอยู่ในวงเหล้ากับเพื่อนสาขาวิศวกรรมด้วยกันไม่พูดจา
“เป็นอะไรว่ะ ถึงอยากกินเหล้า ปกติไม่เคยเห็นกินนี่นา” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่มีอะไร อยากลองกินดูเฉยๆ ทำไมคนชอบกินกันจัง” ไม่ปฏิเสธ
แต่ก็ไม่อยากจะคิดอย่างอื่น
ยกขึ้นมาทั้งแก้วที่รินลงไปเกือบเต็ม กรอกลงคอไป
ทำหน้าเหมือนยากที่กลืนลงไปแต่ก็ดื่มจนหมด
“เฮ้ย ทำไมกินแบบนี้ ไม่ผสมหน่อยเหรอ กินแบบนี้จะไปแข่งชิงแชมป์กะใคร?”
พูดเหมือนหยอกเล่น
แต่ในใจรู้ได้เลยว่า ต้องมีอะไรแน่ๆ
จับขวดที่เพื่อนกำลังจะรินใหม่วางลงแล้วมองหน้าถามด้วยความรู้ใจ
“นายมีอะไรจะบอกเราไหม?”
เรียนกันมาสี่ปีจนจะจบในไม่กี่วัน
กินนอนหอเดียวกัน
ห้องเดียวกัน
ไปเรียนด้วยกันทุกวัน
ไปออกค่ายทำอะไรบ้าๆบอๆเท่าที่ชีวิตนักศึกษาวิศวะจะทำด้วยกันได้
ก็ผ่านมาด้วยกันหมด
เรื่องแค่นี้
ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่เพื่อนรักกันหรอก
นิ่งก่อนตอบว่า “คนที่เราชอบเขากำลังจะมีแฟน”
รู้ได้ทันที
ที่หน้าหอ
ตรงที่วางจดหมาย พัสดุ ของแต่ละหอ
ทุกสัปดาห์ จะมีจดหมายมาถึงเพื่อนไม่เคยขาด
ลายมือเป็นผู้หญิงแน่นอน
ที่อยู่จากมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกแห่งหนึ่ง
จ่าหน้าถึงเพื่อนเราคนนี้
บ่อยครั้งที่แอบแกล้งหยิบไปก่อนแล้วซ่อนไว้
เมื่อเพื่อนถามหาก็ต้องให้ซื้อข้าวเลี้ยงถึงจะเอาออกมาให้
ยังอิจฉามันอยู่เลย
แต่วันนี้สงสัยว่ามันเป็นไปได้ยังไง
“อะไรวะ ? ไหนว่าติดต่อกันตลอดเขียนหากันทุกสัปดาห์ ยังไม่ตกลงคบกันเหรอ ?”
“เราเองก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขาเพิ่งเขียนมาบอกวันนี้เอง” เสียงไม่ค่อยดี
“เออ!! ช่างแมร่ง “
ไม่รู้จะตัดบทยังไง
พูดออกมาโดยไม่รู้จะพูดปลอบใจอะไรได้
นึกอะไรไม่ออกด้วยในนาทีนั้น
“อยากกินเดี๋ยวกินด้วย แต่อย่ากินแบบนี้ มันเปลือง” เฉไฉไม่ให้เพื่อนคิดมาก
ตบไหล่ยกแก้วมานั่งข้างๆ
วันนี้จะคงเห็นเพื่อนคนนี้เสียใจแน่นอน
ทำได้แค่นั่งอยู่
ดูเพื่อนจมความเศร้าลงไป
เสียใจให้มันสุดเถอะ
แล้วมันจะดีขึ้น
เหล้ามันไม่แก้ปัญหาให้หรอก
แต่อย่างน้อยก็ทำให้ลืมปัญหาและความทุกข์ได้บางเวลาก็ยังดี
ไม่กี่ชั่วโมง
ก็พยุงร่างเพื่อนที่ไม่รู้ตัวแต่น้ำตาซึมเอ่อออกมาตลอดเวลา
โทรเรียกเพื่อนที่อยู่หอนอก
ให้มาช่วยรับไปนอนด้วยสักคืนเพราะเลยเวลาเข้าหอในไปมากแล้ว
หวังว่า มันคงจะดีขึ้นเร็วๆนะ
สิบกว่าปีผ่านไป
ได้ข่าวจากเพื่อนเก่าๆว่าเภสัชกรสาวได้ไปบบรจุในภาคอิสานแต่ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย
เขาเองจบมาทำงานและแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน
พยายามใช้ชีวิตให้เรียบง่าย
แต่ด้วยเหตุผลหรือเวรกรรมอะไรก็ตามแต่
แฟนสาวก็มาขอเลิกด้วยเหตุผลว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว
พอจะรู้เลาๆว่า
ไปแอบคบหากับคนที่ทำงานเดียวกัน
ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จมในความทุกข์
แต่คราวนี้เก็บตัว
จนไม่อยากจะทำอะไรกับชีวิตที่เหลือ
ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย
กริ๊งงงงงงง เสียงเรียกสายแบบโบราณดังขึ้น
ชื่อบนโทรศัพท์แสดงขึ้นมา
เป็นเพื่อนคนเดิมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยโทรมา
“มืงจะจมกับทุกข์และความหลังไปอีกนานแค่ไหนว่ะ
เอาเบอร์กูแอดไปแล้วสมัครไลน์สมัครเฟซ
เพื่อนๆจะได้ติดต่อได้
ไม่งั้นเขาคงคิดว่ามืงตาย5ไปแล้ว”
เพื่อนคนเดิมที่ยังเป็นเพื่อนกันมาตลอดใส่ใจไม่เคยเปลี่ยน
เหลือแต่จะตายจากกันไปแล้วนั่นแหละถึงจะเลิกความเป็นเพื่อนกันได้
รับปากอย่างเสียไม่ได้
แต่เพราะไม่เคยใส่ใจเรื่องสังคมโซเชียลเท่าไร
วันๆทำแต่งานคงไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีกหรอกชีวิต
ชีวิตที่ไร้รสชาตแบบนี้ละมั้งคนอื่นๆถึงทิ้งเขาไปจนหมด
“อย่าลืมนะมืง เดี๋ยวกรูเลิกคบมืงน่ะ” สำทับแกมบังคับ
ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ
หลังจากวางสาย
แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเนต
สมัครแอปที่เพื่อนบังเกิดเกล้าสั่ง
คนที่เคยอุ้มเราไปวางยังที่นอนเหม็นๆของบ้านเพื่อน
เพราะเมาเหล้าไม่ได้สติ
รู้สึกตัวขึ้นมา
ยังงงๆว่ามานอนที่นี่ได้ยังไง?
บ้านพักที่นักศึกษาชอบอิสระมาเช่าอยู่เพราะไม่มีเวลาบังคับเข้าออก
ภาพวันนั้นจำได้เลือนรางแค่ว่า
รู้สึกตัวมาใกล้เช้า ติดกับประตูทางเข้าในตัวบ้าน เสื้อที่รีดเรียบร้อยดูสะอาดมาตลอด
แม้จะเก่าจากการใช้งานตามสภาพ
แต่วันนั้นมีรอยคราบเต็มไปด้วยอ้วกจนเป็นลายใหม่
ใกล้ๆกันมีหมาเจ้าของบ้านมาซุกรับไออุ่นจากตัวเขาอีกที
ที่จริงคงเป็นที่นอนของมันนั่นแหละ
แต่เรามายืมใช้ชั่วคราว เอ๊ย ค้างคืน
ที่เข้าไปในห้องภายในไม่ได้เพราะมีเพียงทางเดินเล็กๆกว้างประมาณ 1 ฟุต
รายรอบไปด้วยขวดเบียร์ขวดเหล้าที่ใช้แล้ว
เรียงอยู่จนเต็มไปหมด
ราวกับว่าเป็นค่ายกล เสือ(ลีโอ) สิงห์ ช้าง แสงโสม มังกร แสงทิพย์
จอมยุทธ์ใหม่อย่างเราเจอแค่ทางเข้าสำนัก
วิทยายุทธ์อ่อนหัด
ก็ไม่สามารถล่วงล้ำไปประมือได้ถึงลานประลองเพื่อต่อกรกับประมุขเจ้าของบ้านได้เลย
เคยมีรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเมื่อจบการศึกษา
บ้านเช่าแถบนี้
จะมีรถของเก่าเข้ามาขนค่ายกลพวกนี้ถึงหลายคันกว่าจะหมด
สร้างมูลค่าสินทรัพย์แก่เจ้าสำนักพอที่จะไปเปิดสำนักอื่นอยู่ได้อีกหลายปี
(เพราะเรียนวิศวะ ตามหลักสูตร 4 ปี แต่ส่วนใหญ่กลัววิชาไม่แน่นเลยเรียนกัน ห้าหกเจ็ดปีก็มี)
ไม่ทันจะสาย
เพื่อนตัวดีก็มาบีบแตรยืนคร่อมรถมอเตอร์ไซค์
มารับเราที่หมดสภาพไปอาบน้ำเตรียมไปเรียนต่อ
บอกกับเราว่าเข้าใจหรือยังว่าสำนวน
เมาเหมือน(นอนกอด)หมามันเป็นยังไง
เข้าใจวันนั้นนั่นเอง
นึกถึงแล้วหัวใจเบาบางลง
เพิ่งยิ้มออกมาได้ในครั้งแรกในรอบหลายปี
ความรู้สึกดีๆก็คงมีแค่มิตรภาพของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้นี่เอง
ทำต่ออย่างขัดไม่ได้ วางมือถือลงแล้ว
ลุกไปทำงานต่อ
ติ๊งต่อง
เสียงแจ้งเตือนมาตรฐานในโทรศัพท์ดังขึ้น
ชื่อเพื่อนมหาวิทยาลัยและมัธยมขึ้นมาเป็นพรืด
จนแทบจะต้องสไลด์ไปจนหลายครั้งกว่าจะอ่านครบ
ทันใดนั้น
ชื่อหนึ่ง แว้บ ขึ้นมาในสายตา
ชื่อที่อยู่หน้าซองจดหมายหลายร้อยฉบับที่เคยจ่าหน้าถึง
ชื่อที่เป็นชื่อที่ยังฝังลึกลงไปในใจจนไม่กล้าจะคิดถึง
เพราะกลัวความผิดหวังจะรุมเร้ากลับมา
ชื่อที่อย่างน้อย
เวลาคิดถึงแล้วมีความสุข
เพราะยังไงก็จะเป็นชื่อแรกที่คิดจะรัก
และยากที่จะลืม
ยกขึ้นมาดูใกล้ๆ
ภาพโปรไฟล์รอยยิ้มที่อยู่ในหัวใจตลอดเวลายังเหมือนเดิม
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เธอยังคงสวยงามสดใสเสมอสำหรับเขาตลอดมา
กดส่งคำขอเป็นเพื่อน โดยไม่ต้องคิด
เหมือนสมองไม่ได้สั่งการ
แต่หัวใจสั่งออกมาให้ทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ
หวังในใจเพียงเล็กๆว่า
สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ธรรมดานี้
ข้อความธรรมดา
เพียงอาจจะบังเอิญเกิดในเดือนแห่งความรักนี้
จะพอทำให้หัวใจเขากลับมาได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ต่อไปจะเป็นแบบไหน
แต่ว่าวันนี้
ถ้าเขามีโอกาส
ก็อยากจะบอกสิ่งที่อยู่ในใจตลอดมาให้ฟังสักครั้ง
ทำใจรับได้ทุกอย่าง
ด้วยผ่านชีวิตมาครบเกือบทุกรูปแบบแล้ว
รับได้ทุกความผิดหวัง ทำใจไว้รอเลย
ไม่รู้หรอกว่าคำตอบข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่ยังอยากจะขอบอกสักคำถ้ายังมีโอกาสที่จะพูด
ก่อนจะไม่มีเวลาที่เหลือของชีวิตให้พูดออกไป
ยังจำคำลงท้ายในจดหมายหลายร้อยฉบับทุกครั้งที่เคยเขียนให้ว่า
“คิดถึงเสมอ”
แต่วันนี้มันจะเปลี่ยนไปจากข้อความเดิมมาเป็น
“รัก และคิดถึงเสมอนะ”
ขอแค่ได้รักเธอก็พอ
ยิ้มออกมาอีกครั้ง
เสร็จแล้ว
กดปุ่ม
ยกเลิกคำร้องขอเป็นเพื่อน ซ้ำลงไป
เพราะมีเธอเป็นที่รักอยู่ใจแบบนี้แหละดีแล้ว
เป็นแบบที่รักอย่างไม่หวังสิ่งใด
เป็นรักที่บริสุทธิ์ใจ
ที่เขาจะมอบให้แก่เธอคนเดียว
คงจะไม่ยืนยาว
คงจะไม่ตลอดไป
แต่จนกว่าลมหายใจเขาจะหมดลงแค่นั้นพอ
ขอให้ทุกคนมีความสุข
และมีความรักอย่างมีสติ
ในเดือนแห่งความรักนี้นะครับ
เรื่องสั้น : ความรัก (2)
https://www.dek-d.com/board/view/3934534/
ชีวิตปกติของเธอ คือการต้องตื่นมาทุกเช้า แต่งตัว ไปทำงาน
ตั้งแต่เรียนจบมา เป็นเภสัชกรของโรงพยาลประจำอำเภอแห่งหนึ่ง
ใครๆมากมายก็เข้ามาจีบ
แต่หัวใจเธอถูกปิดไป
ตั้งแต่วันที่เรียนจบมัธยมปลายจากชายคนหนึ่งซึ่งคงเป็นคนที่เธอยังคิดถึงเสมอ
ที่จริงเขาก็เป็นแค่ผู้ชายในเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน
คงไม่รู้สึกว่าเธอรู้สึกอย่างไร
คุยกันในห้องธรรมดา
แต่เขาเป็นคนที่ทำกิจกรรมทุกอย่าง
เล่นกีฬา เรียนเก่ง เล่นดนตรีไทย แต่งกลอนเก่ง ถือว่าครบเครื่องทุกอย่าง
คงไม่รู้ว่าเธอคิดกับเขาแบบไหน ด้วยคนห้อมล้อมมากกมาย
ตัวเธอเองแก่นแก้วแนวม้าดีดกะโหลก
จนคิดว่าไม่มีใครจะมาสนใจเธอหรอก
ช่วงที่ต้องแยกกันไปตอนจบมัธยมปลาย
ก็ไม่ได้แสดงออกว่า
มีความรู้สึกที่ดีต่อกันใดใดออกมา
จนเธอเข้าศึกษาต่อที่คณะเภสัชศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยภาคตะวันออก
ส่วนเขาสอบติดวิศวะที่ภาคอิสาน
ด้วยความที่อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เธอตัดสินใจเขียนจดหมายไปหา
เขาก็ตอบกลับมาทุกครั้ง
คุยกัน ในยุคที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะจับเวลาเป็นนาทีตามหน้าหอ
ช่างเหมือนชีวิตในฝันที่คิดอยากจะพบเจอเสียจริง
จนมาวันหนึ่งขณะที่เธอไม่กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกใดๆได้อีก
ตัดสินใจเขียนจดหมายเพื่ออยากลองใจแกล้งสร้างเรื่องว่า
เธอได้ไปแอบชอบรุ่นพี่ที่ทำงานที่เธอฝึกงานอยู่ก่อนจบการศึกษา
แต่ไม่กล้าจะบอกพี่เขา เธอจึงปรึกษาเพื่อนคนนี้ว่าจะทำอย่างไร
สุดท้าย
นี่เลยเป็นจดหมายฉบับสุดท้าย
ที่ได้รับคำตอบกลับมาเพียงว่า
ขอให้เธอทำตามหัวใจเธอ เพราะเพื่อนคนนี้ยินดีเสมอที่เธอมีความสุข
ถ้อยคำเรียบง่าย
แต่ไม่อยากจะคิดว่ามันแฝงด้วยความรู้สึกใดเจือปนมาอีกหรือเปล่า?
เรื่องราวต่างๆ ผ่านเข้ามาอีกครั้ง
ตั้งแต่ จดหมายฉบับแรก
หมวกไหมพรม
เสื้อกันหนาวที่ถักให้
ภาพที่ต้องไปอัดรูปที่ร้านเพื่อที่จะได้ส่งไปให้ดูว่าไปไหนทำอะไรมาบ้าง
ไม่เคยรู้เลยเหรอ ว่าอยากจะบอกว่าอะไร?
ทำไมผู้ชายเป็นพวกติดเพื่อนฝูงขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่เคยรับรู้ใส่ใจอะไรเลย
ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยเหรอ ?
อีกด้านหนึ่งเวลานั้น
ชายนุ่มในชุดเสื้อช็อป ปักชื่อและตรามหาวิทยาลัย
เดินเข้ามานั่งอยู่ในวงเหล้ากับเพื่อนสาขาวิศวกรรมด้วยกันไม่พูดจา
“เป็นอะไรว่ะ ถึงอยากกินเหล้า ปกติไม่เคยเห็นกินนี่นา” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่มีอะไร อยากลองกินดูเฉยๆ ทำไมคนชอบกินกันจัง” ไม่ปฏิเสธ
แต่ก็ไม่อยากจะคิดอย่างอื่น
ยกขึ้นมาทั้งแก้วที่รินลงไปเกือบเต็ม กรอกลงคอไป
ทำหน้าเหมือนยากที่กลืนลงไปแต่ก็ดื่มจนหมด
“เฮ้ย ทำไมกินแบบนี้ ไม่ผสมหน่อยเหรอ กินแบบนี้จะไปแข่งชิงแชมป์กะใคร?”
พูดเหมือนหยอกเล่น
แต่ในใจรู้ได้เลยว่า ต้องมีอะไรแน่ๆ
จับขวดที่เพื่อนกำลังจะรินใหม่วางลงแล้วมองหน้าถามด้วยความรู้ใจ
“นายมีอะไรจะบอกเราไหม?”
เรียนกันมาสี่ปีจนจะจบในไม่กี่วัน
กินนอนหอเดียวกัน
ห้องเดียวกัน
ไปเรียนด้วยกันทุกวัน
ไปออกค่ายทำอะไรบ้าๆบอๆเท่าที่ชีวิตนักศึกษาวิศวะจะทำด้วยกันได้
ก็ผ่านมาด้วยกันหมด
เรื่องแค่นี้
ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่เพื่อนรักกันหรอก
นิ่งก่อนตอบว่า “คนที่เราชอบเขากำลังจะมีแฟน”
รู้ได้ทันที
ที่หน้าหอ
ตรงที่วางจดหมาย พัสดุ ของแต่ละหอ
ทุกสัปดาห์ จะมีจดหมายมาถึงเพื่อนไม่เคยขาด
ลายมือเป็นผู้หญิงแน่นอน
ที่อยู่จากมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกแห่งหนึ่ง
จ่าหน้าถึงเพื่อนเราคนนี้
บ่อยครั้งที่แอบแกล้งหยิบไปก่อนแล้วซ่อนไว้
เมื่อเพื่อนถามหาก็ต้องให้ซื้อข้าวเลี้ยงถึงจะเอาออกมาให้
ยังอิจฉามันอยู่เลย
แต่วันนี้สงสัยว่ามันเป็นไปได้ยังไง
“อะไรวะ ? ไหนว่าติดต่อกันตลอดเขียนหากันทุกสัปดาห์ ยังไม่ตกลงคบกันเหรอ ?”
“เราเองก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขาเพิ่งเขียนมาบอกวันนี้เอง” เสียงไม่ค่อยดี
“เออ!! ช่างแมร่ง “
ไม่รู้จะตัดบทยังไง
พูดออกมาโดยไม่รู้จะพูดปลอบใจอะไรได้
นึกอะไรไม่ออกด้วยในนาทีนั้น
“อยากกินเดี๋ยวกินด้วย แต่อย่ากินแบบนี้ มันเปลือง” เฉไฉไม่ให้เพื่อนคิดมาก
ตบไหล่ยกแก้วมานั่งข้างๆ
วันนี้จะคงเห็นเพื่อนคนนี้เสียใจแน่นอน
ทำได้แค่นั่งอยู่
ดูเพื่อนจมความเศร้าลงไป
เสียใจให้มันสุดเถอะ
แล้วมันจะดีขึ้น
เหล้ามันไม่แก้ปัญหาให้หรอก
แต่อย่างน้อยก็ทำให้ลืมปัญหาและความทุกข์ได้บางเวลาก็ยังดี
ไม่กี่ชั่วโมง
ก็พยุงร่างเพื่อนที่ไม่รู้ตัวแต่น้ำตาซึมเอ่อออกมาตลอดเวลา
โทรเรียกเพื่อนที่อยู่หอนอก
ให้มาช่วยรับไปนอนด้วยสักคืนเพราะเลยเวลาเข้าหอในไปมากแล้ว
หวังว่า มันคงจะดีขึ้นเร็วๆนะ
สิบกว่าปีผ่านไป
ได้ข่าวจากเพื่อนเก่าๆว่าเภสัชกรสาวได้ไปบบรจุในภาคอิสานแต่ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย
เขาเองจบมาทำงานและแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน
พยายามใช้ชีวิตให้เรียบง่าย
แต่ด้วยเหตุผลหรือเวรกรรมอะไรก็ตามแต่
แฟนสาวก็มาขอเลิกด้วยเหตุผลว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว
พอจะรู้เลาๆว่า
ไปแอบคบหากับคนที่ทำงานเดียวกัน
ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จมในความทุกข์
แต่คราวนี้เก็บตัว
จนไม่อยากจะทำอะไรกับชีวิตที่เหลือ
ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย
กริ๊งงงงงงง เสียงเรียกสายแบบโบราณดังขึ้น
ชื่อบนโทรศัพท์แสดงขึ้นมา
เป็นเพื่อนคนเดิมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยโทรมา
“มืงจะจมกับทุกข์และความหลังไปอีกนานแค่ไหนว่ะ
เอาเบอร์กูแอดไปแล้วสมัครไลน์สมัครเฟซ
เพื่อนๆจะได้ติดต่อได้
ไม่งั้นเขาคงคิดว่ามืงตาย5ไปแล้ว”
เพื่อนคนเดิมที่ยังเป็นเพื่อนกันมาตลอดใส่ใจไม่เคยเปลี่ยน
เหลือแต่จะตายจากกันไปแล้วนั่นแหละถึงจะเลิกความเป็นเพื่อนกันได้
รับปากอย่างเสียไม่ได้
แต่เพราะไม่เคยใส่ใจเรื่องสังคมโซเชียลเท่าไร
วันๆทำแต่งานคงไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีกหรอกชีวิต
ชีวิตที่ไร้รสชาตแบบนี้ละมั้งคนอื่นๆถึงทิ้งเขาไปจนหมด
“อย่าลืมนะมืง เดี๋ยวกรูเลิกคบมืงน่ะ” สำทับแกมบังคับ
ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ
หลังจากวางสาย
แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเนต
สมัครแอปที่เพื่อนบังเกิดเกล้าสั่ง
คนที่เคยอุ้มเราไปวางยังที่นอนเหม็นๆของบ้านเพื่อน
เพราะเมาเหล้าไม่ได้สติ
รู้สึกตัวขึ้นมา
ยังงงๆว่ามานอนที่นี่ได้ยังไง?
บ้านพักที่นักศึกษาชอบอิสระมาเช่าอยู่เพราะไม่มีเวลาบังคับเข้าออก
ภาพวันนั้นจำได้เลือนรางแค่ว่า
รู้สึกตัวมาใกล้เช้า ติดกับประตูทางเข้าในตัวบ้าน เสื้อที่รีดเรียบร้อยดูสะอาดมาตลอด
แม้จะเก่าจากการใช้งานตามสภาพ
แต่วันนั้นมีรอยคราบเต็มไปด้วยอ้วกจนเป็นลายใหม่
ใกล้ๆกันมีหมาเจ้าของบ้านมาซุกรับไออุ่นจากตัวเขาอีกที
ที่จริงคงเป็นที่นอนของมันนั่นแหละ
แต่เรามายืมใช้ชั่วคราว เอ๊ย ค้างคืน
ที่เข้าไปในห้องภายในไม่ได้เพราะมีเพียงทางเดินเล็กๆกว้างประมาณ 1 ฟุต
รายรอบไปด้วยขวดเบียร์ขวดเหล้าที่ใช้แล้ว
เรียงอยู่จนเต็มไปหมด
ราวกับว่าเป็นค่ายกล เสือ(ลีโอ) สิงห์ ช้าง แสงโสม มังกร แสงทิพย์
จอมยุทธ์ใหม่อย่างเราเจอแค่ทางเข้าสำนัก
วิทยายุทธ์อ่อนหัด
ก็ไม่สามารถล่วงล้ำไปประมือได้ถึงลานประลองเพื่อต่อกรกับประมุขเจ้าของบ้านได้เลย
เคยมีรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเมื่อจบการศึกษา
บ้านเช่าแถบนี้
จะมีรถของเก่าเข้ามาขนค่ายกลพวกนี้ถึงหลายคันกว่าจะหมด
สร้างมูลค่าสินทรัพย์แก่เจ้าสำนักพอที่จะไปเปิดสำนักอื่นอยู่ได้อีกหลายปี
(เพราะเรียนวิศวะ ตามหลักสูตร 4 ปี แต่ส่วนใหญ่กลัววิชาไม่แน่นเลยเรียนกัน ห้าหกเจ็ดปีก็มี)
ไม่ทันจะสาย
เพื่อนตัวดีก็มาบีบแตรยืนคร่อมรถมอเตอร์ไซค์
มารับเราที่หมดสภาพไปอาบน้ำเตรียมไปเรียนต่อ
บอกกับเราว่าเข้าใจหรือยังว่าสำนวน
เมาเหมือน(นอนกอด)หมามันเป็นยังไง
เข้าใจวันนั้นนั่นเอง
นึกถึงแล้วหัวใจเบาบางลง
เพิ่งยิ้มออกมาได้ในครั้งแรกในรอบหลายปี
ความรู้สึกดีๆก็คงมีแค่มิตรภาพของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้นี่เอง
ทำต่ออย่างขัดไม่ได้ วางมือถือลงแล้ว
ลุกไปทำงานต่อ
ติ๊งต่อง
เสียงแจ้งเตือนมาตรฐานในโทรศัพท์ดังขึ้น
ชื่อเพื่อนมหาวิทยาลัยและมัธยมขึ้นมาเป็นพรืด
จนแทบจะต้องสไลด์ไปจนหลายครั้งกว่าจะอ่านครบ
ทันใดนั้น
ชื่อหนึ่ง แว้บ ขึ้นมาในสายตา
ชื่อที่อยู่หน้าซองจดหมายหลายร้อยฉบับที่เคยจ่าหน้าถึง
ชื่อที่เป็นชื่อที่ยังฝังลึกลงไปในใจจนไม่กล้าจะคิดถึง
เพราะกลัวความผิดหวังจะรุมเร้ากลับมา
ชื่อที่อย่างน้อย
เวลาคิดถึงแล้วมีความสุข
เพราะยังไงก็จะเป็นชื่อแรกที่คิดจะรัก
และยากที่จะลืม
ยกขึ้นมาดูใกล้ๆ
ภาพโปรไฟล์รอยยิ้มที่อยู่ในหัวใจตลอดเวลายังเหมือนเดิม
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เธอยังคงสวยงามสดใสเสมอสำหรับเขาตลอดมา
กดส่งคำขอเป็นเพื่อน โดยไม่ต้องคิด
เหมือนสมองไม่ได้สั่งการ
แต่หัวใจสั่งออกมาให้ทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ
หวังในใจเพียงเล็กๆว่า
สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ธรรมดานี้
ข้อความธรรมดา
เพียงอาจจะบังเอิญเกิดในเดือนแห่งความรักนี้
จะพอทำให้หัวใจเขากลับมาได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ต่อไปจะเป็นแบบไหน
แต่ว่าวันนี้
ถ้าเขามีโอกาส
ก็อยากจะบอกสิ่งที่อยู่ในใจตลอดมาให้ฟังสักครั้ง
ทำใจรับได้ทุกอย่าง
ด้วยผ่านชีวิตมาครบเกือบทุกรูปแบบแล้ว
รับได้ทุกความผิดหวัง ทำใจไว้รอเลย
ไม่รู้หรอกว่าคำตอบข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่ยังอยากจะขอบอกสักคำถ้ายังมีโอกาสที่จะพูด
ก่อนจะไม่มีเวลาที่เหลือของชีวิตให้พูดออกไป
ยังจำคำลงท้ายในจดหมายหลายร้อยฉบับทุกครั้งที่เคยเขียนให้ว่า
“คิดถึงเสมอ”
แต่วันนี้มันจะเปลี่ยนไปจากข้อความเดิมมาเป็น
“รัก และคิดถึงเสมอนะ”
ขอแค่ได้รักเธอก็พอ
ยิ้มออกมาอีกครั้ง
เสร็จแล้ว
กดปุ่ม
ยกเลิกคำร้องขอเป็นเพื่อน ซ้ำลงไป
เพราะมีเธอเป็นที่รักอยู่ใจแบบนี้แหละดีแล้ว
เป็นแบบที่รักอย่างไม่หวังสิ่งใด
เป็นรักที่บริสุทธิ์ใจ
ที่เขาจะมอบให้แก่เธอคนเดียว
คงจะไม่ยืนยาว
คงจะไม่ตลอดไป
แต่จนกว่าลมหายใจเขาจะหมดลงแค่นั้นพอ
ขอให้ทุกคนมีความสุข
และมีความรักอย่างมีสติ
ในเดือนแห่งความรักนี้นะครับ