เรื่องสั้น : ความรัก (2)

กระทู้สนทนา
ความรัก

เครดิตภาพ
https://twitter.com/payabannahuk/status/1001793400935362560/photo/1
https://www.dek-d.com/board/view/3934534/



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



เสียงการแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น
หน้าจอขึ้นข้อความ
 
คำร้องขอเป็นเพื่อนเด้งขึ้นมา
สักพัก............................
 
กำลังจะเดินมาดูข้อความ
วันนี้

ชีวิตปกติของเธอ คือการต้องตื่นมาทุกเช้า แต่งตัว ไปทำงาน

ตั้งแต่เรียนจบมา เป็นเภสัชกรของโรงพยาลประจำอำเภอแห่งหนึ่ง

ใครๆมากมายก็เข้ามาจีบ

แต่หัวใจเธอถูกปิดไป

ตั้งแต่วันที่เรียนจบมัธยมปลายจากชายคนหนึ่งซึ่งคงเป็นคนที่เธอยังคิดถึงเสมอ
 

ที่จริงเขาก็เป็นแค่ผู้ชายในเพื่อนเรียนห้องเดียวกัน 
คงไม่รู้สึกว่าเธอรู้สึกอย่างไร

คุยกันในห้องธรรมดา 

แต่เขาเป็นคนที่ทำกิจกรรมทุกอย่าง 
เล่นกีฬา เรียนเก่ง เล่นดนตรีไทย แต่งกลอนเก่ง ถือว่าครบเครื่องทุกอย่าง

คงไม่รู้ว่าเธอคิดกับเขาแบบไหน ด้วยคนห้อมล้อมมากกมาย

ตัวเธอเองแก่นแก้วแนวม้าดีดกะโหลก 
จนคิดว่าไม่มีใครจะมาสนใจเธอหรอก
 
 
ช่วงที่ต้องแยกกันไปตอนจบมัธยมปลาย

ก็ไม่ได้แสดงออกว่า
 
มีความรู้สึกที่ดีต่อกันใดใดออกมา

 
จนเธอเข้าศึกษาต่อที่คณะเภสัชศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยภาคตะวันออก 
 
ส่วนเขาสอบติดวิศวะที่ภาคอิสาน

ด้วยความที่อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เธอตัดสินใจเขียนจดหมายไปหา
เขาก็ตอบกลับมาทุกครั้ง 

คุยกัน ในยุคที่โทรศัพท์ตั้งโต๊ะจับเวลาเป็นนาทีตามหน้าหอ
ช่างเหมือนชีวิตในฝันที่คิดอยากจะพบเจอเสียจริง

 
จนมาวันหนึ่งขณะที่เธอไม่กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกใดๆได้อีก

ตัดสินใจเขียนจดหมายเพื่ออยากลองใจแกล้งสร้างเรื่องว่า 

เธอได้ไปแอบชอบรุ่นพี่ที่ทำงานที่เธอฝึกงานอยู่ก่อนจบการศึกษา

แต่ไม่กล้าจะบอกพี่เขา เธอจึงปรึกษาเพื่อนคนนี้ว่าจะทำอย่างไร
 

สุดท้าย 

นี่เลยเป็นจดหมายฉบับสุดท้าย 

ที่ได้รับคำตอบกลับมาเพียงว่า

ขอให้เธอทำตามหัวใจเธอ เพราะเพื่อนคนนี้ยินดีเสมอที่เธอมีความสุข

ถ้อยคำเรียบง่าย

แต่ไม่อยากจะคิดว่ามันแฝงด้วยความรู้สึกใดเจือปนมาอีกหรือเปล่า?
 

เรื่องราวต่างๆ ผ่านเข้ามาอีกครั้ง 

ตั้งแต่ จดหมายฉบับแรก 

หมวกไหมพรม 

เสื้อกันหนาวที่ถักให้

ภาพที่ต้องไปอัดรูปที่ร้านเพื่อที่จะได้ส่งไปให้ดูว่าไปไหนทำอะไรมาบ้าง 

ไม่เคยรู้เลยเหรอ ว่าอยากจะบอกว่าอะไร?

ทำไมผู้ชายเป็นพวกติดเพื่อนฝูงขนาดนี้เลยเหรอ?

ไม่เคยรับรู้ใส่ใจอะไรเลย
 
ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยเหรอ ?
 
 

อีกด้านหนึ่งเวลานั้น

ชายนุ่มในชุดเสื้อช็อป ปักชื่อและตรามหาวิทยาลัย
 
เดินเข้ามานั่งอยู่ในวงเหล้ากับเพื่อนสาขาวิศวกรรมด้วยกันไม่พูดจา
 

“เป็นอะไรว่ะ ถึงอยากกินเหล้า ปกติไม่เคยเห็นกินนี่นา” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น

“ไม่มีอะไร อยากลองกินดูเฉยๆ ทำไมคนชอบกินกันจัง” ไม่ปฏิเสธ 
แต่ก็ไม่อยากจะคิดอย่างอื่น

ยกขึ้นมาทั้งแก้วที่รินลงไปเกือบเต็ม กรอกลงคอไป
ทำหน้าเหมือนยากที่กลืนลงไปแต่ก็ดื่มจนหมด
 
“เฮ้ย ทำไมกินแบบนี้ ไม่ผสมหน่อยเหรอ กินแบบนี้จะไปแข่งชิงแชมป์กะใคร?”
พูดเหมือนหยอกเล่น 

แต่ในใจรู้ได้เลยว่า ต้องมีอะไรแน่ๆ 
 
จับขวดที่เพื่อนกำลังจะรินใหม่วางลงแล้วมองหน้าถามด้วยความรู้ใจ 

“นายมีอะไรจะบอกเราไหม?”

เรียนกันมาสี่ปีจนจะจบในไม่กี่วัน 
กินนอนหอเดียวกัน  
ห้องเดียวกัน 
ไปเรียนด้วยกันทุกวัน
ไปออกค่ายทำอะไรบ้าๆบอๆเท่าที่ชีวิตนักศึกษาวิศวะจะทำด้วยกันได้

ก็ผ่านมาด้วยกันหมด 

เรื่องแค่นี้ 

ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่เพื่อนรักกันหรอก
 

นิ่งก่อนตอบว่า “คนที่เราชอบเขากำลังจะมีแฟน”
 

รู้ได้ทันที 
 

ที่หน้าหอ 
ตรงที่วางจดหมาย พัสดุ ของแต่ละหอ

 
ทุกสัปดาห์ จะมีจดหมายมาถึงเพื่อนไม่เคยขาด 
ลายมือเป็นผู้หญิงแน่นอน
ที่อยู่จากมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกแห่งหนึ่ง
 
จ่าหน้าถึงเพื่อนเราคนนี้ 

บ่อยครั้งที่แอบแกล้งหยิบไปก่อนแล้วซ่อนไว้

เมื่อเพื่อนถามหาก็ต้องให้ซื้อข้าวเลี้ยงถึงจะเอาออกมาให้ 

ยังอิจฉามันอยู่เลย

แต่วันนี้สงสัยว่ามันเป็นไปได้ยังไง
 

“อะไรวะ ? ไหนว่าติดต่อกันตลอดเขียนหากันทุกสัปดาห์ ยังไม่ตกลงคบกันเหรอ ?”
 
“เราเองก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขาเพิ่งเขียนมาบอกวันนี้เอง” เสียงไม่ค่อยดี
 
“เออ!! ช่างแมร่ง “ 

ไม่รู้จะตัดบทยังไง 
พูดออกมาโดยไม่รู้จะพูดปลอบใจอะไรได้ 
นึกอะไรไม่ออกด้วยในนาทีนั้น
 

“อยากกินเดี๋ยวกินด้วย แต่อย่ากินแบบนี้ มันเปลือง” เฉไฉไม่ให้เพื่อนคิดมาก
 
ตบไหล่ยกแก้วมานั่งข้างๆ 

วันนี้จะคงเห็นเพื่อนคนนี้เสียใจแน่นอน
ทำได้แค่นั่งอยู่ 

ดูเพื่อนจมความเศร้าลงไป

เสียใจให้มันสุดเถอะ

แล้วมันจะดีขึ้น
 
เหล้ามันไม่แก้ปัญหาให้หรอก
 
แต่อย่างน้อยก็ทำให้ลืมปัญหาและความทุกข์ได้บางเวลาก็ยังดี
 
 
ไม่กี่ชั่วโมง
ก็พยุงร่างเพื่อนที่ไม่รู้ตัวแต่น้ำตาซึมเอ่อออกมาตลอดเวลา
 

โทรเรียกเพื่อนที่อยู่หอนอก 
ให้มาช่วยรับไปนอนด้วยสักคืนเพราะเลยเวลาเข้าหอในไปมากแล้ว
 
หวังว่า มันคงจะดีขึ้นเร็วๆนะ 

 
 

สิบกว่าปีผ่านไป
 
ได้ข่าวจากเพื่อนเก่าๆว่าเภสัชกรสาวได้ไปบบรจุในภาคอิสานแต่ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย

เขาเองจบมาทำงานและแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน 

พยายามใช้ชีวิตให้เรียบง่าย

แต่ด้วยเหตุผลหรือเวรกรรมอะไรก็ตามแต่

แฟนสาวก็มาขอเลิกด้วยเหตุผลว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว

พอจะรู้เลาๆว่า 
ไปแอบคบหากับคนที่ทำงานเดียวกัน

 
 
ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จมในความทุกข์

แต่คราวนี้เก็บตัว 
 
จนไม่อยากจะทำอะไรกับชีวิตที่เหลือ
 
ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย

 กริ๊งงงงงงง เสียงเรียกสายแบบโบราณดังขึ้น
 
ชื่อบนโทรศัพท์แสดงขึ้นมา
 

เป็นเพื่อนคนเดิมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยโทรมา
 
“มืงจะจมกับทุกข์และความหลังไปอีกนานแค่ไหนว่ะ
เอาเบอร์กูแอดไปแล้วสมัครไลน์สมัครเฟซ
เพื่อนๆจะได้ติดต่อได้ 
ไม่งั้นเขาคงคิดว่ามืงตาย5ไปแล้ว” 

เพื่อนคนเดิมที่ยังเป็นเพื่อนกันมาตลอดใส่ใจไม่เคยเปลี่ยน
เหลือแต่จะตายจากกันไปแล้วนั่นแหละถึงจะเลิกความเป็นเพื่อนกันได้
 
รับปากอย่างเสียไม่ได้ 

แต่เพราะไม่เคยใส่ใจเรื่องสังคมโซเชียลเท่าไร 

วันๆทำแต่งานคงไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีกหรอกชีวิต

ชีวิตที่ไร้รสชาตแบบนี้ละมั้งคนอื่นๆถึงทิ้งเขาไปจนหมด
 

“อย่าลืมนะมืง เดี๋ยวกรูเลิกคบมืงน่ะ” สำทับแกมบังคับ 

ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ
 
หลังจากวางสาย
 
แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเนต

สมัครแอปที่เพื่อนบังเกิดเกล้าสั่ง

 
คนที่เคยอุ้มเราไปวางยังที่นอนเหม็นๆของบ้านเพื่อน
เพราะเมาเหล้าไม่ได้สติ 

รู้สึกตัวขึ้นมา
ยังงงๆว่ามานอนที่นี่ได้ยังไง?

 
บ้านพักที่นักศึกษาชอบอิสระมาเช่าอยู่เพราะไม่มีเวลาบังคับเข้าออก
 
ภาพวันนั้นจำได้เลือนรางแค่ว่า 

รู้สึกตัวมาใกล้เช้า ติดกับประตูทางเข้าในตัวบ้าน เสื้อที่รีดเรียบร้อยดูสะอาดมาตลอด

แม้จะเก่าจากการใช้งานตามสภาพ 

แต่วันนั้นมีรอยคราบเต็มไปด้วยอ้วกจนเป็นลายใหม่

 
ใกล้ๆกันมีหมาเจ้าของบ้านมาซุกรับไออุ่นจากตัวเขาอีกที 
ที่จริงคงเป็นที่นอนของมันนั่นแหละ
แต่เรามายืมใช้ชั่วคราว เอ๊ย ค้างคืน 

 
ที่เข้าไปในห้องภายในไม่ได้เพราะมีเพียงทางเดินเล็กๆกว้างประมาณ 1 ฟุต 
รายรอบไปด้วยขวดเบียร์ขวดเหล้าที่ใช้แล้ว
เรียงอยู่จนเต็มไปหมด 
ราวกับว่าเป็นค่ายกล เสือ(ลีโอ) สิงห์ ช้าง  แสงโสม มังกร แสงทิพย์ 
 
จอมยุทธ์ใหม่อย่างเราเจอแค่ทางเข้าสำนัก
วิทยายุทธ์อ่อนหัด
ก็ไม่สามารถล่วงล้ำไปประมือได้ถึงลานประลองเพื่อต่อกรกับประมุขเจ้าของบ้านได้เลย
 
เคยมีรุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเมื่อจบการศึกษา
บ้านเช่าแถบนี้
จะมีรถของเก่าเข้ามาขนค่ายกลพวกนี้ถึงหลายคันกว่าจะหมด
สร้างมูลค่าสินทรัพย์แก่เจ้าสำนักพอที่จะไปเปิดสำนักอื่นอยู่ได้อีกหลายปี
 (เพราะเรียนวิศวะ ตามหลักสูตร 4 ปี แต่ส่วนใหญ่กลัววิชาไม่แน่นเลยเรียนกัน ห้าหกเจ็ดปีก็มี)
 
ไม่ทันจะสาย 

เพื่อนตัวดีก็มาบีบแตรยืนคร่อมรถมอเตอร์ไซค์
มารับเราที่หมดสภาพไปอาบน้ำเตรียมไปเรียนต่อ

บอกกับเราว่าเข้าใจหรือยังว่าสำนวน
เมาเหมือน(นอนกอด)หมามันเป็นยังไง 
เข้าใจวันนั้นนั่นเอง

 
นึกถึงแล้วหัวใจเบาบางลง
เพิ่งยิ้มออกมาได้ในครั้งแรกในรอบหลายปี 

ความรู้สึกดีๆก็คงมีแค่มิตรภาพของเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้นี่เอง
 
ทำต่ออย่างขัดไม่ได้ วางมือถือลงแล้ว

ลุกไปทำงานต่อ
 

ติ๊งต่อง 

เสียงแจ้งเตือนมาตรฐานในโทรศัพท์ดังขึ้น

ชื่อเพื่อนมหาวิทยาลัยและมัธยมขึ้นมาเป็นพรืด

จนแทบจะต้องสไลด์ไปจนหลายครั้งกว่าจะอ่านครบ
 

ทันใดนั้น
 
ชื่อหนึ่ง แว้บ ขึ้นมาในสายตา
 
ชื่อที่อยู่หน้าซองจดหมายหลายร้อยฉบับที่เคยจ่าหน้าถึง

ชื่อที่เป็นชื่อที่ยังฝังลึกลงไปในใจจนไม่กล้าจะคิดถึง
เพราะกลัวความผิดหวังจะรุมเร้ากลับมา

ชื่อที่อย่างน้อย 
เวลาคิดถึงแล้วมีความสุข
เพราะยังไงก็จะเป็นชื่อแรกที่คิดจะรัก 
และยากที่จะลืม
 
 
ยกขึ้นมาดูใกล้ๆ 

ภาพโปรไฟล์รอยยิ้มที่อยู่ในหัวใจตลอดเวลายังเหมือนเดิม
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

เธอยังคงสวยงามสดใสเสมอสำหรับเขาตลอดมา
 
กดส่งคำขอเป็นเพื่อน โดยไม่ต้องคิด 

เหมือนสมองไม่ได้สั่งการ 
แต่หัวใจสั่งออกมาให้ทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ
 

หวังในใจเพียงเล็กๆว่า
 
สิ่งเล็กๆน้อยๆที่ธรรมดานี้

ข้อความธรรมดา
เพียงอาจจะบังเอิญเกิดในเดือนแห่งความรักนี้

จะพอทำให้หัวใจเขากลับมาได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
 
ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง
ต่อไปจะเป็นแบบไหน
 
แต่ว่าวันนี้

ถ้าเขามีโอกาส
ก็อยากจะบอกสิ่งที่อยู่ในใจตลอดมาให้ฟังสักครั้ง
 
ทำใจรับได้ทุกอย่าง

ด้วยผ่านชีวิตมาครบเกือบทุกรูปแบบแล้ว 
รับได้ทุกความผิดหวัง ทำใจไว้รอเลย

 
ไม่รู้หรอกว่าคำตอบข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
 
แต่ยังอยากจะขอบอกสักคำถ้ายังมีโอกาสที่จะพูด
 
ก่อนจะไม่มีเวลาที่เหลือของชีวิตให้พูดออกไป

 
ยังจำคำลงท้ายในจดหมายหลายร้อยฉบับทุกครั้งที่เคยเขียนให้ว่า
 
“คิดถึงเสมอ”
 
แต่วันนี้มันจะเปลี่ยนไปจากข้อความเดิมมาเป็น
 
“รัก และคิดถึงเสมอนะ” 
ขอแค่ได้รักเธอก็พอ
 
ยิ้มออกมาอีกครั้ง
 
 
เสร็จแล้ว
 
 
 
 
กดปุ่ม 
 
 
ยกเลิกคำร้องขอเป็นเพื่อน ซ้ำลงไป
 
 
เพราะมีเธอเป็นที่รักอยู่ใจแบบนี้แหละดีแล้ว

เป็นแบบที่รักอย่างไม่หวังสิ่งใด

เป็นรักที่บริสุทธิ์ใจ

ที่เขาจะมอบให้แก่เธอคนเดียว

คงจะไม่ยืนยาว

คงจะไม่ตลอดไป

แต่จนกว่าลมหายใจเขาจะหมดลงแค่นั้นพอ
 
 
 
ขอให้ทุกคนมีความสุข
และมีความรักอย่างมีสติ
ในเดือนแห่งความรักนี้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่