.
ไดอารี่ความคิดถึง
“บอสพรุ่งนี้ไปโรงเรียนกับกูมั้ย” แพรวถามขณะเล่นกับเธอที่บ้านเย็นวันศุกร์
“พรุ่งนี้เหรอ ไปยังไงอ่ะ” ใจหนึ่งก็สนใจ อีกใจก็ไม่อยากไปเพราะขี้เกียจ “ไปทำอะไร อี่สวยไปด้วยมั้ย”
“ก็ไปทำโครงงานแหละ งานกลุ่ม อี่สวยก็ไป กูเลยมาชวนมืงด้วยหนิ ไปเล่นบ้านเพื่อนกุด้วย ไปมั้ย ” แพรวตอบ
“ไปก็ไป กลับค่ำมั้ยอ่ะ เดี๋ยวยายก็บ่นขี้เกียจฟัง” พูดจบก็ทำหน้าซังกะตายให้
“บ่าย ๆ ก็กลับแล้ว ออกมาเก้าโมงนะถ้าจะไป”
พอตกลงกันได้แพรวก็ขอตัวกลับ สรุปแล้วเธอตกลงไปกับพี่สาวด้วย...
สาย ๆ ของวันเสาร์บอสอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า วันนี้มีนัดเข้าในตัวเมืองอีกแล้ว ไปโรงเรียนของแพรวกับพิมพ์ ขอยายเรียบร้อยยายก็ไม่ห้าม มีเงินก็ไป แค่อย่าเถลไถลก็พอ ถึงเวลากลับต้องกลับ ส่วนใหญ่ถ้าไปไหนมาไหนกับสองฝาแฝดยายของเธอจะไม่ค่อยห้ามเท่าไหร่
“พี่บอสจะไปไหนอ่ะ” น้องบีมถาม ตื่นมาแต่เช้าหน้าตายังไม่ล้างเลย นอนดูทีวีเฉย หายป่วยหลายวันละ กลับมาดื้อชอบตามก้นเหมือนเดิม และคงจะอยากตามไปด้วยล่ะมั้งถึงได้ถาม รอบนี้อดไม่ให้ไปด้วยหรอก
“ไปเมือง ไม่ให้เด็กไปด้วย” ตอบน้องสาวพร้อมพูดดักทางไว้ก่อน
“กี่นาทีกลับอ่ะ ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ”
“ห้าชั่วโมงกลับ ได้เดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝาก เอาขนมอะไร เอาผลไม้ดีกว่าน้อ เอาส้มเขียวหวานมั้ย”
“เอา!” พร้อมพยักหน้าให้ ก่อนจะหันไปสนใจรายการทีวีต่อ บอสมองน้องสาวนึกว่าจะขอตามไปด้วยซะอีก
ยืนคุยกับน้องสาวหน้าตู้กระจก ส่องตัวเองไปมา ส่องแล้วส่องอีก หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่อย่างนั้น การแต่งตัวก็แฟร์ชั่นเดิม ๆ เสื้อยืดกางเกงวอร์มกับกระเป๋าสะพายข้างใบกะทัดรัดสีชมพูลายคิตตี้ ที่ซื้อมาจากห้างพลาซ่าเมื่อเดือนก่อน
แปดโมงครึ่งเป็นเวลาที่สมควรแก่การออกไปหาสองสาวแล้ว “ยายบอสไปก่อนนะ เอาอะไรมั้ยอ่ะ”
“รีบไปรีบกลับล่ะ ตามเขาไปทำไมก็ไม่รู้ “ ยายบ่นนิดหน่อย ทว่าก็อนุญาตให้ไปอยู่ดี “ไม่เอารีบไปรีบมา”
“จ้า บอสไปแล้ว พามันไปโรงเรียนมันเฉย ๆ แป๊บเดียวก็มาแล้ว”
“ยายมันไปเลาะนะนั่น แป๊บอี่บอสไม่มีอยู่จริง” พี่บอลเสี้ยมยาย เธอมองพี่ชายตาเขียว สาระแn จริง ๆ เลย แต่ก็ไม่ต่อปากต่อคำด้วย รีบเดินไปบ้านสองฝาแฝดทันที
มาถึงสองสาวฝาแฝดก็แต่งตัวจวนจะเสร็จแล้วเช่นกัน พวกเธอแต่งตัวสไตล์เดียวกัน ดูดีในแบบฉบับของพวกเธอเอง เข้าในเมืองครั้งนี้แพรวพาขับมอเตอร์ไซค์ไป ค่อย ๆ ขับตามไล่ทางไปเรื่อย ๆ เกือบ ๆ ถึงตัวเมืองแพรวก็พาเข้าซอยไปทางลัด หนีตำรวจเพราะยังไม่มีใบขับขี่กันเลย
ในที่สุดก็มาถึงโรงเรียนของแพรวโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยจากตำรวจโดยสิ้นเชิง พวกเธอซ้อนสามนั่งในตำแหน่งประจำของแต่ละคน โดยมีแพรวเป็นคนขับเหมือนเดิม
แพรวขับเข้ามาในเขตโรงเรียน ถึงจะอยู่ในตัวจังหวัดมันก็ร่มรื่นตามแบบฉบับของโรงเรียนนั่นแหละ แต่ทำไมเธอต้องตื่นเต้นด้วย หัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ แปลก ๆ เพื่อน ๆ ของแพรวเธอก็รู้จักหมด เล่นด้วยกันก็บ่อย มาถึงขนาดนี้จะเขินอะไรอีก
พอมาถึงเพื่อน ๆ ของแพรวมากันครบหมดแล้ว เป็นกลุ่มเดิม หน้าเดิม มีมาเพิ่มไม่กี่คน ทุกคนยิ้มให้พวกเธอและเป็นกันเองมาก ๆ อีกอย่างเพราะเคยเจอรู้จักกันมาแล้ว พวกเธอทั้งสามคนลงจากรถ แพรวเดินไปหากลุ่มเพื่อน ส่วนเธอเองอยู่กับพิมพ์ ทว่าก็ไม่ได้ทำตัวแปลกแยก แต่ก็คุยกันอยู่สองคน พิมพ์เองก็คุ้นเคยกับเพื่อนกลุ่มนี้ น่าจะมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มดอกเฟื่องฟ้า ที่ทางโรงเรียนของแพรวปลูกเอาไว้ ดู ๆ ไปก็สวยดี โรงเรียนของเธอน่าจะทำแบบนี้บ้างคงจะดี พวกแพรวและเพื่อน ๆ นั่งคุยสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย เธอเองก็นั่งมองเพื่อน ๆ แอบพิจารณาเพื่อน ๆ ของแพรวแต่ละคนเล่น ๆ ไป มีแต่คนดูดีหน้าตาดีทั้งนั้น ขาว ๆ ใส ๆ กันทุกคน จัดฟันเกือบทุกคนด้วย ต่างกับบุคลิกนักเรียนบ้านนอกเสียจริง
บอสแอบนั่งฟังแพรวกับเพื่อน ๆ คุยกัน นี่มันนัดกันมาเล่นนี่ ไม่ได้มาคุยงานเลยสักนิด ไหนว่านัดกันมาทำโครงงาน นี่มาเล่นชัด ๆ แต่ก็ไม่แปลกหรอก พวกเธอก็เป็น ถ้านัดกันแบบนี้ไม่ได้ทำหรอก ส่วนคนทำไม่ได้นัด คนทำมีไม่กี่คนนอกนั้นเกาะเอาคะแนน
“พิมพ์ ๆ “ บอสขยับเข้าไปใกล้ ๆ พิมพ์ กระซิบเบา ๆ “ไหนบอกมาทำงานกูว่ามาเล่นนะหนิ”
“แบบนี้แหละมืง ไม่ได้ทำหรอก สุดท้ายคนทำจริง ๆ เป็นอี่แพรว ฮา” พวกเธอสองคนกระซิบกระซาบกัน ทำให้เพื่อนแพรวมอง พวกเธอจึงหยุดพูด ยิ้มให้และมองไปทางอื่น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะนี้แพรวและเพื่อน ๆ คุยกันเสียงดัง หัวเราะเสียงดังแค่ไหนก็ได้ เพราะวันเสาร์โรงเรียนหยุด เพลินไปกับการโม้เรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ตกลงกันไม่ได้สักทีว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ จะเริ่มต้นที่ตรงไหน ทำอะไรบ้าง บางคนก็ไม่สนใจมัวคุยโทรศัพท์กับแฟน
นั่งคุยกันไปคุยกันมามันก็เที่ยง พอเที่ยงก็ต้องหาอะไรทาน เมื่อตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปร้านไหนดี เป้าหมายถัดไปก็คือบ้านของคนที่อยู่ในเมือง
“บอสไปบ้านเพื่อนกูมั้ย ไปกินข้าวที่นั่น ซื้อของเข้าไปทำ” แพรวถามพวกเธอพร้อมมองหน้าเธอกับพิมพ์ เหมือนว่าหากพวกเธอสองคนปฏิเสธ แพรวก็จะไม่ไป ไม่พอเพื่อน ๆ ของแพรวยังหันมามองกดดันพวกเธออีก หากบอกว่าไม่ไปคงเป็นที่ติฉินนินทาในกลุ่มเพื่อน ๆ ของแพรวแน่นอน
“เอ้า ไปก็ไป” รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักที่แพรวต้องถามเธอ อยากไปก็ไปจะถามเธอทำไม เพราะรู้สึกว่าการตัดสินใจมันขึ้นอยู่ที่เธอยังไงยังงั้น รู้สึกเกรงใจเพื่อน ๆ ของแพรวแปลก ๆ ที่จะพาแพรวไปไหนทีต้องขออนุญาตเธอกับพิมพ์ “จะถามทำไมเนี่ย” พูดเบา ๆ
“น้อตัวเอง จะถามทำไม!” เพื่อนของแพรวหนึ่งในกลุ่มนั้นหันมาคุยกับเธอ “แพรว บอสบอกว่าอย่าถาม ไปไหนไปกันเนอะ พากูไปเล่นน้ำคลองกูก็ไปมาแล้ว ฮา” โดนเพื่อนของแพรวแซวเข้าให้ เธอคุ้นเคยกับเพื่อน ๆ ของแพรว ทว่าก็ยังเกร็ง ๆ อยู่ดีเมื่อเจอกัน
“บอสบอก เค้าไม่เล่น ๆ ตู้ม! เสียงกระโดษน้ำ ฮา” เพื่อนผู้ชายของแพรวล้อเธอ เป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย ง่ายจนบางครั้งเธออยากถีบมาก ๆ
บอสทำได้แค่อมยิ้มและหัวเราะ เพื่อน ๆ พูดอะไรมาก็ยิ้มให้เป็นคำตอบอย่างเดียว ออกไปในทางถามคำตอบคำเสียมากกว่า โดนเพื่อน ๆ แซวแกล้งทั้งวัน เพราะเธอเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ของกลุ่มแพรว เนื่องจากเรียนคนละที่นาน ๆ ทีพวกเขาถึงจะได้เจอเธอ ถ้าแพรวไม่พามาด้วย
“ตกลงไปบ้านใครหนิแพรว” เธอถามพี่สาวทว่ากลับเป็นเพื่อนของพี่สาวตอบแทน
“บ้านเค้า” เพื่อนของแพรวตอบ บอสพยักหน้า ทุกคนนัดแนะหาซื้ออาหารเข้าไปทาน จะทานอะไรกันบ้างจดใส่กระดาษไว้ สองคนไปซื้อ ที่เหลือไปบ้านเพื่อนของแพรวที่อยู่ในเมืองใกล้ ๆ โรงเรียน
มาถึงบ้านเพื่อนไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อแม่ไม่อยู่สักคน ทางสะดวก พวกเธอจึงเปลี่ยนแผนจากที่จะกลับไปโรงเรียน เปลี่ยนมาปรึกษาหาลือกันที่บ้านเพื่อนคนนี้แทน
เที่ยงนี้พวกเธอได้เมนูส้มตำ ยำวุ้นเส้นถาดใหญ่เบ้อเริ่มทานกันหกเจ็ดคน น้ำอัดลม พวกเธอไม่ต้องการแอลกอฮอล์เพราะต้องขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านกัน ห่วงเรื่องอุบัติเหตุมากกว่า
บอสเขินนิดหน่อยทว่าก็ไม่ใช่ปัญหา ตัวติดพิมพ์ตลอดทั้งวัน ชนิดที่ว่าพิมพ์ไปไหนเธอไปด้วย ปล่อยให้แพรวอยู่กับเพื่อน ๆ ของตนเองไป
หลังทานข้าวเที่ยงเรียบร้อย พวกเธอก็ผ่อนคายโดยการนำไพ่มาเล่นในบ้าน เสนอโดยเพื่อน ๆ ของแพรวนั่นแหละ ไม่มีใครคัดค้านเห็นพ้องต้องกันเพื่อนของแพรวจึงขับรถไปซื้อไพ่ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ บ้านมาเล่น เล่นไพ่เพลินจนลืมเรื่องรายงานกันเลยทีเดียว
“ตัวเอง! ตัวเองมีเบ็ดก็ทิ้งลงมาเลยมา อย่าถือไว้นาน เค้าจะตาม” เพื่อนของแพรวสั่งเธอแบบตลก พูดทีเพื่อน ๆ ก็หัวเราะขำกันทั้งวง เบ็ดที่ว่าก็คือตัวเจนั่นเอง หรืออีกชื่อก็คือแจ็ค
“สายตายาวน้อ อ่ะก็ได้ ไปอุ่ม” แล้วบอสก็ทิ้งไพ่แหม่มหรือคิวให้ เพื่อนของแพรวทำหน้าเสียดายติดตลก ทำอะไรเล่นอะไรนิดหน่อย ๆ พวกเธอก็พากันขำไปซะหมด เป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด บอสยังนึกเสียดายตนเองน่าจะเข้ามาเรียนในเมืองกับพี่สาวฝาแฝดด้วย ไม่อย่างนั้นก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแน่ แค่นี้เธอก็นับว่าสนิทกับเพื่อน ๆ แพรวมากแล้ว
“เบ็ดบ้านตัวเองเหรอ อุ่มใช่มั้ย ก็มีสิครับ อุ่มตาม ไป! ฮา ก๊ากโดนหลอก” บอสมองเพื่อนแพรวแบบหมั่นไส้มาก ๆ “บักหา ตั๋วกู!” มองหน้าเพื่อนและแอบด่าในใจ
“เอ๋าเค้าก็เป็นเชื่อคนง่ายน้อ” พูดต่อหน้าอีกอย่าง ในใจอีกอย่างพร้อมยิ้มให้
พวกเธอนั่งเล่นไพ่อยู่นานจนลืมว่ากี่ชั่วโมงแล้ว ในความรู้สึกเหมือนมันพึ่งผ่านไปไม่กี่นาทีหลังทานมื้อเที่ยงไป จนกระทั่งได้ยินเสียงล้อรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดในบ้าน
“เฮ้ย! เก็บ ๆ พ่อกับแม่กลับมาแล้ว” เจ้าของบ้านรีบวิ่งเข้ามาบอกหลังเดินออกมาดูว่าใครมาพวกเธอต่างพากันเก็บไพ่ซ่อนไว้ให้เพื่อน ก่อนจะพากันออกไปสวัสดีเจ้าของบ้านที่พึ่งมาถึง ดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว พวกเธอสามคนและเพื่อนคนอื่น ๆ จึงขอตัวกลับ
ก่อนกลับพวกเธอก็มิวายเข้ามาไหว้ลาพ่อกับแม่เพื่อนอีกครั้ง แล้วแพรวก็พาขับรถกลับบ้าน ก่อนจะออกจากตัวเมืองบอสขอให้แพรวพาแวะตลาดสดสักหน่อย ขอซื้อของฝากน้องสาวและกับข้าวตอนเย็นด้วย
พวกเธอทั้งสามคนขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของตลาด เดินเลือกซื้อของที่ต้องการ บอสไม่ลืมที่จะซื้อส้มเขียวหวานสายน้ำผึ้งให้น้องสาวสองกิโลด้วย และของโปรดคนทั้งบ้านคือ หอยแครงนั่นเอง
บอสซื้อหอยแครงไปสามโลเนื่องจากสมาชิกในบ้านมีเยอะ เมี่ยงหอยแครงอร่อยที่สุด ตามด้วยเดินเลือกซื้อผักกาดขาว ผักที่ใช้ห่อเมี่ยงต้องเป็นผักกาดขาวถึงจะอร่อย จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมจีนมาด้วย เป็นวัตถุดิบสำคัญจะขาดไม่ได้เลย เมื่อได้ทุกอย่างครบพวกเธอก็เดินทางกลับกัน
มาถึงบ้านยายก็ไม่ได้บ่นเธอ มาถึงบอสก็จัดแจงนำหอยแครงไปแช่น้ำไว้ก่อน น้องบีมเห็นเธอถือส้มมาก็ดีใจ เพราะชอบกินและปลอกกินทันทีที่เห็น พี่ปาวสอยมะละกอที่ส่วนมาทำส้มตำแทนน้ำจิ้ม ที่บ้านของเธอทานเมี่ยงแบบไม่มีน้ำจิ้ม ชอบใช้ส้มตำแทนน้ำจิ้ม มันก็อร่อยเช่นกัน ได้รสชาติคนละแบบ...
คิดถึง 2 บทที่ 33
.
ไดอารี่ความคิดถึง
“บอสพรุ่งนี้ไปโรงเรียนกับกูมั้ย” แพรวถามขณะเล่นกับเธอที่บ้านเย็นวันศุกร์
“พรุ่งนี้เหรอ ไปยังไงอ่ะ” ใจหนึ่งก็สนใจ อีกใจก็ไม่อยากไปเพราะขี้เกียจ “ไปทำอะไร อี่สวยไปด้วยมั้ย”
“ก็ไปทำโครงงานแหละ งานกลุ่ม อี่สวยก็ไป กูเลยมาชวนมืงด้วยหนิ ไปเล่นบ้านเพื่อนกุด้วย ไปมั้ย ” แพรวตอบ
“ไปก็ไป กลับค่ำมั้ยอ่ะ เดี๋ยวยายก็บ่นขี้เกียจฟัง” พูดจบก็ทำหน้าซังกะตายให้
“บ่าย ๆ ก็กลับแล้ว ออกมาเก้าโมงนะถ้าจะไป”
พอตกลงกันได้แพรวก็ขอตัวกลับ สรุปแล้วเธอตกลงไปกับพี่สาวด้วย...
สาย ๆ ของวันเสาร์บอสอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า วันนี้มีนัดเข้าในตัวเมืองอีกแล้ว ไปโรงเรียนของแพรวกับพิมพ์ ขอยายเรียบร้อยยายก็ไม่ห้าม มีเงินก็ไป แค่อย่าเถลไถลก็พอ ถึงเวลากลับต้องกลับ ส่วนใหญ่ถ้าไปไหนมาไหนกับสองฝาแฝดยายของเธอจะไม่ค่อยห้ามเท่าไหร่
“พี่บอสจะไปไหนอ่ะ” น้องบีมถาม ตื่นมาแต่เช้าหน้าตายังไม่ล้างเลย นอนดูทีวีเฉย หายป่วยหลายวันละ กลับมาดื้อชอบตามก้นเหมือนเดิม และคงจะอยากตามไปด้วยล่ะมั้งถึงได้ถาม รอบนี้อดไม่ให้ไปด้วยหรอก
“ไปเมือง ไม่ให้เด็กไปด้วย” ตอบน้องสาวพร้อมพูดดักทางไว้ก่อน
“กี่นาทีกลับอ่ะ ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ”
“ห้าชั่วโมงกลับ ได้เดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝาก เอาขนมอะไร เอาผลไม้ดีกว่าน้อ เอาส้มเขียวหวานมั้ย”
“เอา!” พร้อมพยักหน้าให้ ก่อนจะหันไปสนใจรายการทีวีต่อ บอสมองน้องสาวนึกว่าจะขอตามไปด้วยซะอีก
ยืนคุยกับน้องสาวหน้าตู้กระจก ส่องตัวเองไปมา ส่องแล้วส่องอีก หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่อย่างนั้น การแต่งตัวก็แฟร์ชั่นเดิม ๆ เสื้อยืดกางเกงวอร์มกับกระเป๋าสะพายข้างใบกะทัดรัดสีชมพูลายคิตตี้ ที่ซื้อมาจากห้างพลาซ่าเมื่อเดือนก่อน
แปดโมงครึ่งเป็นเวลาที่สมควรแก่การออกไปหาสองสาวแล้ว “ยายบอสไปก่อนนะ เอาอะไรมั้ยอ่ะ”
“รีบไปรีบกลับล่ะ ตามเขาไปทำไมก็ไม่รู้ “ ยายบ่นนิดหน่อย ทว่าก็อนุญาตให้ไปอยู่ดี “ไม่เอารีบไปรีบมา”
“จ้า บอสไปแล้ว พามันไปโรงเรียนมันเฉย ๆ แป๊บเดียวก็มาแล้ว”
“ยายมันไปเลาะนะนั่น แป๊บอี่บอสไม่มีอยู่จริง” พี่บอลเสี้ยมยาย เธอมองพี่ชายตาเขียว สาระแn จริง ๆ เลย แต่ก็ไม่ต่อปากต่อคำด้วย รีบเดินไปบ้านสองฝาแฝดทันที
มาถึงสองสาวฝาแฝดก็แต่งตัวจวนจะเสร็จแล้วเช่นกัน พวกเธอแต่งตัวสไตล์เดียวกัน ดูดีในแบบฉบับของพวกเธอเอง เข้าในเมืองครั้งนี้แพรวพาขับมอเตอร์ไซค์ไป ค่อย ๆ ขับตามไล่ทางไปเรื่อย ๆ เกือบ ๆ ถึงตัวเมืองแพรวก็พาเข้าซอยไปทางลัด หนีตำรวจเพราะยังไม่มีใบขับขี่กันเลย
ในที่สุดก็มาถึงโรงเรียนของแพรวโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยจากตำรวจโดยสิ้นเชิง พวกเธอซ้อนสามนั่งในตำแหน่งประจำของแต่ละคน โดยมีแพรวเป็นคนขับเหมือนเดิม
แพรวขับเข้ามาในเขตโรงเรียน ถึงจะอยู่ในตัวจังหวัดมันก็ร่มรื่นตามแบบฉบับของโรงเรียนนั่นแหละ แต่ทำไมเธอต้องตื่นเต้นด้วย หัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ แปลก ๆ เพื่อน ๆ ของแพรวเธอก็รู้จักหมด เล่นด้วยกันก็บ่อย มาถึงขนาดนี้จะเขินอะไรอีก
พอมาถึงเพื่อน ๆ ของแพรวมากันครบหมดแล้ว เป็นกลุ่มเดิม หน้าเดิม มีมาเพิ่มไม่กี่คน ทุกคนยิ้มให้พวกเธอและเป็นกันเองมาก ๆ อีกอย่างเพราะเคยเจอรู้จักกันมาแล้ว พวกเธอทั้งสามคนลงจากรถ แพรวเดินไปหากลุ่มเพื่อน ส่วนเธอเองอยู่กับพิมพ์ ทว่าก็ไม่ได้ทำตัวแปลกแยก แต่ก็คุยกันอยู่สองคน พิมพ์เองก็คุ้นเคยกับเพื่อนกลุ่มนี้ น่าจะมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มดอกเฟื่องฟ้า ที่ทางโรงเรียนของแพรวปลูกเอาไว้ ดู ๆ ไปก็สวยดี โรงเรียนของเธอน่าจะทำแบบนี้บ้างคงจะดี พวกแพรวและเพื่อน ๆ นั่งคุยสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย เธอเองก็นั่งมองเพื่อน ๆ แอบพิจารณาเพื่อน ๆ ของแพรวแต่ละคนเล่น ๆ ไป มีแต่คนดูดีหน้าตาดีทั้งนั้น ขาว ๆ ใส ๆ กันทุกคน จัดฟันเกือบทุกคนด้วย ต่างกับบุคลิกนักเรียนบ้านนอกเสียจริง
บอสแอบนั่งฟังแพรวกับเพื่อน ๆ คุยกัน นี่มันนัดกันมาเล่นนี่ ไม่ได้มาคุยงานเลยสักนิด ไหนว่านัดกันมาทำโครงงาน นี่มาเล่นชัด ๆ แต่ก็ไม่แปลกหรอก พวกเธอก็เป็น ถ้านัดกันแบบนี้ไม่ได้ทำหรอก ส่วนคนทำไม่ได้นัด คนทำมีไม่กี่คนนอกนั้นเกาะเอาคะแนน
“พิมพ์ ๆ “ บอสขยับเข้าไปใกล้ ๆ พิมพ์ กระซิบเบา ๆ “ไหนบอกมาทำงานกูว่ามาเล่นนะหนิ”
“แบบนี้แหละมืง ไม่ได้ทำหรอก สุดท้ายคนทำจริง ๆ เป็นอี่แพรว ฮา” พวกเธอสองคนกระซิบกระซาบกัน ทำให้เพื่อนแพรวมอง พวกเธอจึงหยุดพูด ยิ้มให้และมองไปทางอื่น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะนี้แพรวและเพื่อน ๆ คุยกันเสียงดัง หัวเราะเสียงดังแค่ไหนก็ได้ เพราะวันเสาร์โรงเรียนหยุด เพลินไปกับการโม้เรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ตกลงกันไม่ได้สักทีว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ จะเริ่มต้นที่ตรงไหน ทำอะไรบ้าง บางคนก็ไม่สนใจมัวคุยโทรศัพท์กับแฟน
นั่งคุยกันไปคุยกันมามันก็เที่ยง พอเที่ยงก็ต้องหาอะไรทาน เมื่อตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปร้านไหนดี เป้าหมายถัดไปก็คือบ้านของคนที่อยู่ในเมือง
“บอสไปบ้านเพื่อนกูมั้ย ไปกินข้าวที่นั่น ซื้อของเข้าไปทำ” แพรวถามพวกเธอพร้อมมองหน้าเธอกับพิมพ์ เหมือนว่าหากพวกเธอสองคนปฏิเสธ แพรวก็จะไม่ไป ไม่พอเพื่อน ๆ ของแพรวยังหันมามองกดดันพวกเธออีก หากบอกว่าไม่ไปคงเป็นที่ติฉินนินทาในกลุ่มเพื่อน ๆ ของแพรวแน่นอน
“เอ้า ไปก็ไป” รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักที่แพรวต้องถามเธอ อยากไปก็ไปจะถามเธอทำไม เพราะรู้สึกว่าการตัดสินใจมันขึ้นอยู่ที่เธอยังไงยังงั้น รู้สึกเกรงใจเพื่อน ๆ ของแพรวแปลก ๆ ที่จะพาแพรวไปไหนทีต้องขออนุญาตเธอกับพิมพ์ “จะถามทำไมเนี่ย” พูดเบา ๆ
“น้อตัวเอง จะถามทำไม!” เพื่อนของแพรวหนึ่งในกลุ่มนั้นหันมาคุยกับเธอ “แพรว บอสบอกว่าอย่าถาม ไปไหนไปกันเนอะ พากูไปเล่นน้ำคลองกูก็ไปมาแล้ว ฮา” โดนเพื่อนของแพรวแซวเข้าให้ เธอคุ้นเคยกับเพื่อน ๆ ของแพรว ทว่าก็ยังเกร็ง ๆ อยู่ดีเมื่อเจอกัน
“บอสบอก เค้าไม่เล่น ๆ ตู้ม! เสียงกระโดษน้ำ ฮา” เพื่อนผู้ชายของแพรวล้อเธอ เป็นคนอัธยาศัยดี เข้ากับคนง่าย ง่ายจนบางครั้งเธออยากถีบมาก ๆ
บอสทำได้แค่อมยิ้มและหัวเราะ เพื่อน ๆ พูดอะไรมาก็ยิ้มให้เป็นคำตอบอย่างเดียว ออกไปในทางถามคำตอบคำเสียมากกว่า โดนเพื่อน ๆ แซวแกล้งทั้งวัน เพราะเธอเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ของกลุ่มแพรว เนื่องจากเรียนคนละที่นาน ๆ ทีพวกเขาถึงจะได้เจอเธอ ถ้าแพรวไม่พามาด้วย
“ตกลงไปบ้านใครหนิแพรว” เธอถามพี่สาวทว่ากลับเป็นเพื่อนของพี่สาวตอบแทน
“บ้านเค้า” เพื่อนของแพรวตอบ บอสพยักหน้า ทุกคนนัดแนะหาซื้ออาหารเข้าไปทาน จะทานอะไรกันบ้างจดใส่กระดาษไว้ สองคนไปซื้อ ที่เหลือไปบ้านเพื่อนของแพรวที่อยู่ในเมืองใกล้ ๆ โรงเรียน
มาถึงบ้านเพื่อนไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อแม่ไม่อยู่สักคน ทางสะดวก พวกเธอจึงเปลี่ยนแผนจากที่จะกลับไปโรงเรียน เปลี่ยนมาปรึกษาหาลือกันที่บ้านเพื่อนคนนี้แทน
เที่ยงนี้พวกเธอได้เมนูส้มตำ ยำวุ้นเส้นถาดใหญ่เบ้อเริ่มทานกันหกเจ็ดคน น้ำอัดลม พวกเธอไม่ต้องการแอลกอฮอล์เพราะต้องขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านกัน ห่วงเรื่องอุบัติเหตุมากกว่า
บอสเขินนิดหน่อยทว่าก็ไม่ใช่ปัญหา ตัวติดพิมพ์ตลอดทั้งวัน ชนิดที่ว่าพิมพ์ไปไหนเธอไปด้วย ปล่อยให้แพรวอยู่กับเพื่อน ๆ ของตนเองไป
หลังทานข้าวเที่ยงเรียบร้อย พวกเธอก็ผ่อนคายโดยการนำไพ่มาเล่นในบ้าน เสนอโดยเพื่อน ๆ ของแพรวนั่นแหละ ไม่มีใครคัดค้านเห็นพ้องต้องกันเพื่อนของแพรวจึงขับรถไปซื้อไพ่ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ บ้านมาเล่น เล่นไพ่เพลินจนลืมเรื่องรายงานกันเลยทีเดียว
“ตัวเอง! ตัวเองมีเบ็ดก็ทิ้งลงมาเลยมา อย่าถือไว้นาน เค้าจะตาม” เพื่อนของแพรวสั่งเธอแบบตลก พูดทีเพื่อน ๆ ก็หัวเราะขำกันทั้งวง เบ็ดที่ว่าก็คือตัวเจนั่นเอง หรืออีกชื่อก็คือแจ็ค
“สายตายาวน้อ อ่ะก็ได้ ไปอุ่ม” แล้วบอสก็ทิ้งไพ่แหม่มหรือคิวให้ เพื่อนของแพรวทำหน้าเสียดายติดตลก ทำอะไรเล่นอะไรนิดหน่อย ๆ พวกเธอก็พากันขำไปซะหมด เป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด บอสยังนึกเสียดายตนเองน่าจะเข้ามาเรียนในเมืองกับพี่สาวฝาแฝดด้วย ไม่อย่างนั้นก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแน่ แค่นี้เธอก็นับว่าสนิทกับเพื่อน ๆ แพรวมากแล้ว
“เบ็ดบ้านตัวเองเหรอ อุ่มใช่มั้ย ก็มีสิครับ อุ่มตาม ไป! ฮา ก๊ากโดนหลอก” บอสมองเพื่อนแพรวแบบหมั่นไส้มาก ๆ “บักหา ตั๋วกู!” มองหน้าเพื่อนและแอบด่าในใจ
“เอ๋าเค้าก็เป็นเชื่อคนง่ายน้อ” พูดต่อหน้าอีกอย่าง ในใจอีกอย่างพร้อมยิ้มให้
พวกเธอนั่งเล่นไพ่อยู่นานจนลืมว่ากี่ชั่วโมงแล้ว ในความรู้สึกเหมือนมันพึ่งผ่านไปไม่กี่นาทีหลังทานมื้อเที่ยงไป จนกระทั่งได้ยินเสียงล้อรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดในบ้าน
“เฮ้ย! เก็บ ๆ พ่อกับแม่กลับมาแล้ว” เจ้าของบ้านรีบวิ่งเข้ามาบอกหลังเดินออกมาดูว่าใครมาพวกเธอต่างพากันเก็บไพ่ซ่อนไว้ให้เพื่อน ก่อนจะพากันออกไปสวัสดีเจ้าของบ้านที่พึ่งมาถึง ดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว พวกเธอสามคนและเพื่อนคนอื่น ๆ จึงขอตัวกลับ
ก่อนกลับพวกเธอก็มิวายเข้ามาไหว้ลาพ่อกับแม่เพื่อนอีกครั้ง แล้วแพรวก็พาขับรถกลับบ้าน ก่อนจะออกจากตัวเมืองบอสขอให้แพรวพาแวะตลาดสดสักหน่อย ขอซื้อของฝากน้องสาวและกับข้าวตอนเย็นด้วย
พวกเธอทั้งสามคนขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของตลาด เดินเลือกซื้อของที่ต้องการ บอสไม่ลืมที่จะซื้อส้มเขียวหวานสายน้ำผึ้งให้น้องสาวสองกิโลด้วย และของโปรดคนทั้งบ้านคือ หอยแครงนั่นเอง
บอสซื้อหอยแครงไปสามโลเนื่องจากสมาชิกในบ้านมีเยอะ เมี่ยงหอยแครงอร่อยที่สุด ตามด้วยเดินเลือกซื้อผักกาดขาว ผักที่ใช้ห่อเมี่ยงต้องเป็นผักกาดขาวถึงจะอร่อย จากนั้นก็ไม่ลืมที่จะซื้อขนมจีนมาด้วย เป็นวัตถุดิบสำคัญจะขาดไม่ได้เลย เมื่อได้ทุกอย่างครบพวกเธอก็เดินทางกลับกัน
มาถึงบ้านยายก็ไม่ได้บ่นเธอ มาถึงบอสก็จัดแจงนำหอยแครงไปแช่น้ำไว้ก่อน น้องบีมเห็นเธอถือส้มมาก็ดีใจ เพราะชอบกินและปลอกกินทันทีที่เห็น พี่ปาวสอยมะละกอที่ส่วนมาทำส้มตำแทนน้ำจิ้ม ที่บ้านของเธอทานเมี่ยงแบบไม่มีน้ำจิ้ม ชอบใช้ส้มตำแทนน้ำจิ้ม มันก็อร่อยเช่นกัน ได้รสชาติคนละแบบ...