.
ไดอารี่ความคิดถึง
“ตอนเด็กๆเห็นชอบเขียนอะไรพวกนี้ นี่ก็มองเฉยๆไม่ได้สนใจ มันคงเป็นความและเป็นสิ่งที่มืงอยากจะทำ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
แจ้งเตือนบนเฟซบุ๊กเด้ง มีคนกดถูกใจนิยายในเพจที่เธอสร้างเอาไว้แน่นอน จึงลองกดเข้าไปดู ต้องหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว เมื่อคน ๆ นั้นคือน้องบีมเอง
น้องบีมแชร์เรื่องสั้นในเพจนิยายของเธอ พร้อมข้อความที่ระบุเอาไว้ อ่านแล้วทำให้ยิ้มตาม ทำให้อดนึกถึงตอนเด็ก ๆ ไม่ได้! เด็กมาก! ต้องย้อนกันไปถึงประถมกันเลยสำหรับเหตุการณ์นี้เรื่อย ๆ จนมาถึงมัธยมและก็หยุดไปช่วงเรียนมหาวิทยาลัย...
“พี่บอสเขียนอะไรหรอ” น้องบีมถามเมื่อเห็นเธอกำลังเขียนอะไรบางอย่างลงไปในสมุด ภายในมุ้งในห้องนอนของแม่ บอสใช้ห้องนอนของแม่บนชั้นสองของบ้านเป็นห้องนอนของตนแทน ถัดไปเป็นห้องพี่ชายสองคน และเป็นห้องพระ บางวันน้องบีมก็มานอนด้วย บางวันก็นอนข้างล่างกับยาย ส่วนพี่สาวสองคนนอนห้องข้างล่าง
“ป่าวพี่เขียนอะไรไปเรื่อยเล่น ๆ เฉย ๆ “ เธอไม่ต้องการที่จะบอกความจริงกับน้องว่าแท้จริงแล้วเขียนอะไร บอกไปก็ไม่เข้าใจ
พอเธอไม่อธิบายน้องบีมก็ไม่สนใจเอาคำตอบเช่นกัน เพราะได้เล่นเกมในโทรศัพท์ของเธอ บอสปล่อยให้น้องเล่นโทรศัพท์ได้ตามสบาย เนื่องจากตนกำลังเขียนนิยายอยู่
มันมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นในหัวของเธอมากมาย มันประติดประต่อกันไม่ได้ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องราวของอะไร เรื่องอะไร บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอติดละครหลังข่าวมากเกินไปก็ได้ จึงทำให้เกิดภาพในหัวตลอดเวลา บางครั้งก็พูดคนเดียวตามจินตภาพในหัวของตน ท่าจะบ้า!
“พ่อไปทำงานก่อนนะคะ อยู่กับคุณแม่แล้วห้ามซนนะลูก”
เธอเขียนข้อความลงไปในสมุด ตามสมองที่มองเห็นภาพในหัว มีพ่อคนหนึ่งกำลังจะออกไปทำงาน และก้มลงลูบผมลูกสาวอย่างเอ็นดูที่โซฟาห้องนั่งเล่น พร้อมภรรยาก่อนจะเอ่ยลาจากไปทำงาน เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหัวไปเรื่อย ๆ จนเมื่อยมือจึงเลิกเขียน
วันถัดมามีเรื่องราวและภาพเกิดขึ้นในหัวของบอสอีกแล้ว บอสเก็บจินตนาการและภาพเหล่านั่นเอาไว้ แช่มันไว้ในหัว ให้มันฉายวนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ตอนกลางคืนเธอจะระบายมันลงสมุด สมุดเขียนนิยายของเธอ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหัวทุกวัน มันดันไม่ซ้ำกับเรื่องที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้าทุกที เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ แต่ละเรื่องไม่เคยซ้ำกันเลย
ก่อนนอนคืนนี้เธอหยิบสมุดกับปากกาเล่มเดิมออกมาจากชั้นวางหนังสือ มีน้องบีมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ น้องบีมชอบมานอนกับเธอเพราะได้เล่นโทรศัพท์ วันไหนที่เธอไม่ได้เขียนนิยาย น้องบีมจะไปนอนกับยาย เพราะเธอไม่วางโทรศัพท์ให้น้องได้แตะเลย
“กานต์ดากับอำพลพวกเธอสองคนเป็นแฟนกัน พวกเธอรักกันมานานแล้ว พวกเธอกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้ แต่ว่าพ่อแม่ของอำพลไม่ชอบ...”
“ไม่! ไม่เขียนแบบนี้ แบบนี้มันคล้ายในละครมากเกินไป เขาจะหาว่าเราเลียนแบบละครช่องเจ็ดนะ เอาใหม่!” บอสเขียนไปได้หลายบรรทัดแล้วต้องลบออก เพียงคิดว่ามันดันไปคล้ายละครที่เธอดู บางครั้งภาพในหัวมันอาจจะจำมาจากละครเรื่องนั้นก็ได้
“ฉันอยู่กับยายกับตากับน้องสาวและพี่ ๆ ฉันมีแมวห้าตัว มียายแมวหนึ่งตัว แม่แมวหนึ่งตัว และลูกแมวสามตัว ฉันอายุ... “
สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนเรื่องเขียนใหม่จนได้ และเขียนไปได้ครึ่งหน้าสมุดก็เลิกเขียน เพราะเมื่อยมือ วันพรุ่งนี้ค่อยมาเขียนต่อ รู้สึกง่วงแล้วด้วย ก่อนจะนำสมุดปากกาไปเก็บเธอพลิกกลับมาหน้าที่เขียนนิยายเอาไว้ มอง ๆ ดูแล้วก็จินตนาการต่อไม่ได้ เอาไว้ก่อน คิดออกเมื่อไหร่ค่อยมาต่อให้จบก็แล้วกัน
เธอเขียนนิยายไม่เคยมีชื่อนิยายสักครั้ง นึกประโยคที่จะบรรยายได้ ทว่านึกชื่อนิยายไม่ได้สักเรื่อง เรื่องราวทั้งหมดที่เธอเขียนก็ไม่เคยซ้ำกันสักที และก็ไม่สามารถต่อให้จบได้สักเรื่อง
“พี่บอสเขียนอะไรอ่ะ” น้องบีมถามพร้อมเดินมาหาเธอที่นอนหมอบหนุนหมอนเขียนหนังสืออยู่พื้นไม้ สาย ๆ ของวันเสาร์บอสไม่ได้ไปเล่นที่ไหน เธออยู่บ้านและขึ้นมาเล่นที่ชั้นสองของบ้าน ไม่ยอมลงไปดูทีวีกับพี่ ๆ ข้างล่าง ทว่าน้องบีมก็ตามขึ้นมาด้วย เธอรู้ว่าน้องบีมตามขึ้นมาทำไม เพราะอยากเล่นโทรศัพท์ของเธออย่างไรล่ะ
เช้าวันเสาร์อากาศหนาวเย็นสบาย ไม่หนาวมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ถึงจะแดดแต่อากาศก็ยังเย็นพอให้ได้สมเสื้อแขนยาว เดือนมกราคมยังไม่หมดหน้าหนาว พวกเธอยังต้องสวมเสื้อแขนยาวกันอยู่ แสงแดดส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในตัวบ้าน ทำให้ชั้นสองของบ้านสว่าง ไม่มืด ไม่อุดอู้
บอสเงยหน้าหันไปมองน้องสาวแต่ไม่ได้ตอบคำถามอะไร หันมาใส่ใจเขียนนิยายของตนเองต่อ น้องบีมเดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ มองสมุดที่เธอกำลังเขียน น้องบีมอ่านหนังสือออกแล้ว เพราะอยู่ชั้นประถม คำง่าย ๆ อ่านได้ ส่วนคำยาก ๆ ก็ยังต้องถามเธออยู่
“อ่อ พี่แต่งเพลง!” นอกจากเธอจะมีภาพเกิดขึ้นในหัวแล้ว บางครั้งเธอก็มีคำบางคำที่คล้ายกลอนผุดขึ้นในหัวอีกด้วย อารมณ์อยากแต่งเพลงก็มี พอนึกได้เธอก็ลองเขียนมันใส่ในสมุดลงไป ได้เป็นบทเพลงหนึ่งบทเพลงขึ้นมา ดูโคลงสร้างตามหนังสือเพลงที่เธอชอบซื้อมาร้อง มีจุดดอกจันทน์ร้องซ้ำ จะซ้ำวรรคนี้กี่ครั้ง วรรคนี้กี่ครั้งตามแบบฉบับหนังสือเพลงเลย ทำนองก็เลียนแบบทำนองเพลงที่เธอชอบ ส่วนเนื้อเพลงเป็นเนื้อที่เธอเขียนขึ้นมาเอง
เธอสามารถแต่งเพลงจนจบเพลงได้ ใส่ทำนองเพลงได้ แต่นิยายเธอไม่สามารถเขียนให้มันจบเรื่องได้ พอวันถัดมามันก็เป็นภาพอื่น ๆ ผุดขึ้นมาแทน ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไม ส่วนในการเขียนเพลงเธอเขียนจบไปตั้งหลายเพลงแล้ว
“บีมฟังเพลงที่พี่แต่งขึ้นมานะ พี่จะร้องให้ฟัง” พูดจบบอสก็ร้องเพลงที่ตัวเองแต่งให้น้องสาวฟัง สองคนพี่น้องพูดคุยเล่นกันอยู่บนชั้นสองของบ้าน ไม่สนใจลงไปดูทีวีกับพวกพี่ ๆ กันเลย
“เพราะมั้ย!” เมื่อร้องเพลงจบ
“เพราะมากเลยพี่บอส ฮา ” น้องบีมก็อยู่เป็นแฮะ ก็มืงลองบอกไม่เพราะสิ กูจะเอาโทรศัพท์คืน บอสมองหน้าน้องสาวพร้อมนึกในใจ ดีที่น้องบีมบอกว่าเพราะ พร้อมหัวเราะให้กัน
“พี่ลองเขียนอีกเพลงดีกว่า” แล้วเธอก็พยายามนึกประโยคที่จะเขียน มันก็วนอยู่กับเนื้อเพลงอันเดิมที่เธอเขียนไปแล้ว ทำนองก็ทำนองเดิม เธอใช้ทำนองเพลงของพี่ “พั้นช์ วรการ” ใช้ทำนองเพลงที่ชื่อว่า “ไม่ถือสาแต่ว่ารู้สึก” เธอชอบเพลงนี้ แล้วจึงแต่งเนื้อเพลงขึ้นมาโดยร้องเป็นทำนองเพลงนี้ ก็สนุกอีกแบบ
พอนึกเนื้อเพลงไม่ออกแล้ว ก็เปลี่ยนมาเขียนนิยายต่อ มีภาพในหัวเกิดขึ้นอีกแล้ว เขียน ๆ ไปจนกว่าภาพที่มันผุดขึ้นจะเลือนหายไป จึงหยุดเขียน ทว่าไม่ใช่เรื่องเดิมที่เธอเขียนค้างไว้อีกแล้ว เขียนไปได้สองหน้ากระดาษก็หยุดพัก เพราะเมื่อยมือ และภาพในหัวมันจางหายไปแล้ว
นอกจากนิยายที่เธอลองเขียน ยังมีอีกเล่มที่เธอเขียนประจำ นั่นก็คือไดอารี่ชีวิตประจำวันของตนเอง วันนี้ไปที่ไหนบ้าง ทำอะไร เรียนวิชาอะไรบ้าง เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง รักใคร ชอบใคร ไม่พอใจใคร คุยกับใคร เธอเขียนลงไปในไดอารี่ส่วนตัวทุก ๆ วัน
ที่เธอเริ่มเขียนไดอารี่ เพราะชอบดูการ์ตูนแฮมทาโร่ นางเอกของเรื่องชอบเขียนไดอารี่ก่อนนอนทุกวัน เธอจึงทำตามบ้างก็สนุกดี เขียนเก็บไว้เปิดอ่านเมื่อเวลามันผ่านไป
บอสกับน้องบีมเล่นกันอยู่สองคนบนชั้นสองของบ้าน จู่ ๆ สองฝาแฝดก็โผล่หน้ามาเล่นด้วย
“บอสมืงอยู่ไหน” เสียงแพรวตะโกนเรียกหาเธออยู่ชั้นล่างของบ้าน ได้ยินพี่แป้งตอบว่าเธออยู่ข้างบนบ้าน
“อยู่บนบ้านขึ้นมาเลย” บอสขี้เกียจเดินมารับ จึงตะโกนตอบกลับไป พิมพ์กับแพรวเดินขึ้นบันไดมาหาเธอกับน้องบีม พอเพื่อน ๆ มาบอสจึงเก็บสมุดนิยายเอาไว้ ไม่อยากให้ทั้งสองคนรู้ความลับของเธอ ไม่อยากให้พิมพ์กับแพรวรู้ ถ้ารู้คงหัวเราะเยาะและเอาเธอไปล้อแน่
“สองพี่น้องทำอะไรกัน” พิมพ์เดินมานั่งลงข้าง ๆ เธอพร้อมแพรว
“ร้องเพลงเล่น” เพราะเธอกางหนังสือเพลงเอาไว้อยู่แล้ว ส่วนสมุดนิยายเอาไปซ้อนเก็บไว้เรียบร้อย“ไปไหนมาหนิ”
“มาหามืงนี่แหละ ทำไมไม่ลงไปเล่นข้างล่างอ่ะ” แพรวถาม
“ขี้เกียจ เอ่อแพรวเล่นไพ่มั้ย กูมีไพ่นะของพี่บอม” จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีคนพอดีครบขา รวมน้องบีมด้วย เล่นไม่เป็นเดี๋ยวสอนเอง
“เล่น! ไปเอามา” พิมพ์ตกลงทันที
“น้องบีมไม่เล่น น้องบีมเล่นไม่เป็น”
“ได้! อยากเล่นโทรศัพท์ก็บอกเถอะบีม” บอสประชดน้องสาวไปที ทว่าก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเธอเล่นสามคนกันก็ได้
บอสเดินไปหยิบผ้าห่มผืนบาง ๆ ในห้องนอนของตนออกมา และเข้าไปในห้องนอนพี่ชายหยิบไพ่ออกมา อุปกรณ์พร้อมเตรียมเล่น สามคนก็เล่นได้ บอสพับผ้าให้เป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดี นั่งกันคนละมุม มีน้องบีมนั่งเล่นโทรศัพท์ข้าง ๆ
“เล่นอะไรกันดีเรา”
“ผ่องดีกว่า หรือป๊อกเด้ง หรือ แคง ผสมสิบ เก้าเก กูว่าผ่องดีกว่า” บอสพูดไปพร้อมใช้มือสลับไพ่ไปด้วย กรีดไพ่เสียงดังไพเราะมากเมื่อไพ่กระทบกัน ลีลากรีดไพ่ของเธอธรรมดามาก
“สามคนก็ผ่องได้น่า เล่นผ่องนั่นแหละ ตาละห้าบาท”
“ได้! ผ่องก็ผ่อง จุ ๆ อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวยายขึ้นมาด่า”
บอสเป็นคนสับไพ่แจกพิมพ์กับแพรว แจกคนละห้าใบ ที่เหลือวางไว้กองกลางเอาไว้จั่ว รอบแรกบอสเป็นคนเริ่มก่อน เพราะเป็นคนสับไพ่ รอบต่อ ๆ ไปใครชนะค่อยเป็นคนเริ่มก่อน
ไพ่ในมือของบอสมี แจ็ค แหม่ม เก้าสองตัว และห้า เธอขอเก้าอีกตัวจะดีมาก ทว่าเธอจั่วได้ห้า! ห้าก็เอาเข้าคู่อยู่ พอจั่วได้ห้าเข้าคู่ห้าที่มีอยู่ก็เลือกตัวใดตัวหนึ่งทิ้ง จะทิ้งเก้าก็ไม่กล้า เข้าคู่แล้วเหลือแค่อีกใบก็จะได้ผ่อง บอสจึงเลือกทิ้งแจ็คก็ได้วะ!
“ห้าเอา ไปแจ็ค!” บอสจั่วเข้าคู่ห้าพอดี เลือกทิ้งแจ็คไปทางแพรว แพรวมีความลังเลว่าจะเอาแจ็คต่อจากเธอหรือไม่ สุดท้ายก็ไม่เอา จั่วไพ่ใบใหม่ขึ้นมา
“เก้า! “ แพรวพูดเมื่อหยิบไพ่ใบใหม่จากกองกลาง
“เก้ากูผ่อง! เอามาเลย” บอสที่มีไพ่คู่เก้าสองใบอยู่เดิมแล้ว รีบพูดด้วยความดีใจทันทีที่แพรวจั่วได้เก้า พร้อมทิ้งไผ่คู่เก้าลงไป “ไปแหม่ม!”
พอผ่องเก้าสามใบแล้ว เธอก็ทิ้งแหม่ม(อุ่ม)ลงไปอีก เหลือไพ่ในมือสองใบ นั่นคือคู่ห้า ถ้าเธอจั่วได้เลขห้าชนะได้กินคนละสิบบาท แต่ถ้าเป็นคนอื่นจั่วได้ ก็ชนะเช่นกันแต่ได้กินเงินคนละห้าบาท
“โห่! กูยังไม่ได้เล่นกะเค้าเลย อี่บอสมืงจะรีบผ่องไปไหน” เมื่อบอสผ่องเก้า เกมก็ต้องวนมาเริ่มที่แพรวอีกรอบ แพรวจั่วไพ่ใบใหม่อีกครั้ง
“เอาล่ะเว้ย ๆ อี่แพรวมืงจั่วดี ๆ นะ จั่วไม่ดีได้ห้ามากูกินเรียบ!” บอสพูดยั่วยวนด้วยความดีใจ ทว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีมีไพ่เข้าคู่ในมือแต่ไม่ชนะก็มีถมไป
“สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหารน้องสาว” แพรวตอบพร้อมจั่วไพ่ขึ้นมา “เอด! เอา ไปสิบ” แพรวทิ้งไพ่ไปทางพิมพ์ และต่อด้วยพิมพ์จั่วไพ่คนต่อไป
“ห้า!”/ บอสพูดแทรกพิมพ์ ทำให้ให้พิมพ์ตกใจลุ้นไปด้วย
“งัว! ห้าบ้านมืงบ่ แหม่มบ่เอา อะเอาไป” พิมพ์ตอบ ทิ้งแหม่มให้เธอ บอสจั่วไพ่ขึ้นมา หงายไพ่คู่ห้าสองใบให้พิมพ์กับแพรวเห็นเลย รอแค่ใครจั่วใบที่ห้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ
“ห้า! โห่” บอสจั่วไพ่ได้เคหรือคิง ทำหน้าผิดหวังแล้วทิ้งไพ่ไปทางแพรว วนเป็นวงกลมเรื่อย ๆ มีน้องบีมนั่งดูและหัวเราะท่าทางของพวกเธออย่างตลก “คิงไปอี่แพรว”
คิดถึง 2 บทที่ 30
.
ไดอารี่ความคิดถึง
“ตอนเด็กๆเห็นชอบเขียนอะไรพวกนี้ นี่ก็มองเฉยๆไม่ได้สนใจ มันคงเป็นความและเป็นสิ่งที่มืงอยากจะทำ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
แจ้งเตือนบนเฟซบุ๊กเด้ง มีคนกดถูกใจนิยายในเพจที่เธอสร้างเอาไว้แน่นอน จึงลองกดเข้าไปดู ต้องหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว เมื่อคน ๆ นั้นคือน้องบีมเอง
น้องบีมแชร์เรื่องสั้นในเพจนิยายของเธอ พร้อมข้อความที่ระบุเอาไว้ อ่านแล้วทำให้ยิ้มตาม ทำให้อดนึกถึงตอนเด็ก ๆ ไม่ได้! เด็กมาก! ต้องย้อนกันไปถึงประถมกันเลยสำหรับเหตุการณ์นี้เรื่อย ๆ จนมาถึงมัธยมและก็หยุดไปช่วงเรียนมหาวิทยาลัย...
“พี่บอสเขียนอะไรหรอ” น้องบีมถามเมื่อเห็นเธอกำลังเขียนอะไรบางอย่างลงไปในสมุด ภายในมุ้งในห้องนอนของแม่ บอสใช้ห้องนอนของแม่บนชั้นสองของบ้านเป็นห้องนอนของตนแทน ถัดไปเป็นห้องพี่ชายสองคน และเป็นห้องพระ บางวันน้องบีมก็มานอนด้วย บางวันก็นอนข้างล่างกับยาย ส่วนพี่สาวสองคนนอนห้องข้างล่าง
“ป่าวพี่เขียนอะไรไปเรื่อยเล่น ๆ เฉย ๆ “ เธอไม่ต้องการที่จะบอกความจริงกับน้องว่าแท้จริงแล้วเขียนอะไร บอกไปก็ไม่เข้าใจ
พอเธอไม่อธิบายน้องบีมก็ไม่สนใจเอาคำตอบเช่นกัน เพราะได้เล่นเกมในโทรศัพท์ของเธอ บอสปล่อยให้น้องเล่นโทรศัพท์ได้ตามสบาย เนื่องจากตนกำลังเขียนนิยายอยู่
มันมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นในหัวของเธอมากมาย มันประติดประต่อกันไม่ได้ ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องราวของอะไร เรื่องอะไร บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอติดละครหลังข่าวมากเกินไปก็ได้ จึงทำให้เกิดภาพในหัวตลอดเวลา บางครั้งก็พูดคนเดียวตามจินตภาพในหัวของตน ท่าจะบ้า!
“พ่อไปทำงานก่อนนะคะ อยู่กับคุณแม่แล้วห้ามซนนะลูก”
เธอเขียนข้อความลงไปในสมุด ตามสมองที่มองเห็นภาพในหัว มีพ่อคนหนึ่งกำลังจะออกไปทำงาน และก้มลงลูบผมลูกสาวอย่างเอ็นดูที่โซฟาห้องนั่งเล่น พร้อมภรรยาก่อนจะเอ่ยลาจากไปทำงาน เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหัวไปเรื่อย ๆ จนเมื่อยมือจึงเลิกเขียน
วันถัดมามีเรื่องราวและภาพเกิดขึ้นในหัวของบอสอีกแล้ว บอสเก็บจินตนาการและภาพเหล่านั่นเอาไว้ แช่มันไว้ในหัว ให้มันฉายวนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ตอนกลางคืนเธอจะระบายมันลงสมุด สมุดเขียนนิยายของเธอ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหัวทุกวัน มันดันไม่ซ้ำกับเรื่องที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้าทุกที เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ แต่ละเรื่องไม่เคยซ้ำกันเลย
ก่อนนอนคืนนี้เธอหยิบสมุดกับปากกาเล่มเดิมออกมาจากชั้นวางหนังสือ มีน้องบีมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ น้องบีมชอบมานอนกับเธอเพราะได้เล่นโทรศัพท์ วันไหนที่เธอไม่ได้เขียนนิยาย น้องบีมจะไปนอนกับยาย เพราะเธอไม่วางโทรศัพท์ให้น้องได้แตะเลย
“กานต์ดากับอำพลพวกเธอสองคนเป็นแฟนกัน พวกเธอรักกันมานานแล้ว พวกเธอกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้ แต่ว่าพ่อแม่ของอำพลไม่ชอบ...”
“ไม่! ไม่เขียนแบบนี้ แบบนี้มันคล้ายในละครมากเกินไป เขาจะหาว่าเราเลียนแบบละครช่องเจ็ดนะ เอาใหม่!” บอสเขียนไปได้หลายบรรทัดแล้วต้องลบออก เพียงคิดว่ามันดันไปคล้ายละครที่เธอดู บางครั้งภาพในหัวมันอาจจะจำมาจากละครเรื่องนั้นก็ได้
“ฉันอยู่กับยายกับตากับน้องสาวและพี่ ๆ ฉันมีแมวห้าตัว มียายแมวหนึ่งตัว แม่แมวหนึ่งตัว และลูกแมวสามตัว ฉันอายุ... “
สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนเรื่องเขียนใหม่จนได้ และเขียนไปได้ครึ่งหน้าสมุดก็เลิกเขียน เพราะเมื่อยมือ วันพรุ่งนี้ค่อยมาเขียนต่อ รู้สึกง่วงแล้วด้วย ก่อนจะนำสมุดปากกาไปเก็บเธอพลิกกลับมาหน้าที่เขียนนิยายเอาไว้ มอง ๆ ดูแล้วก็จินตนาการต่อไม่ได้ เอาไว้ก่อน คิดออกเมื่อไหร่ค่อยมาต่อให้จบก็แล้วกัน
เธอเขียนนิยายไม่เคยมีชื่อนิยายสักครั้ง นึกประโยคที่จะบรรยายได้ ทว่านึกชื่อนิยายไม่ได้สักเรื่อง เรื่องราวทั้งหมดที่เธอเขียนก็ไม่เคยซ้ำกันสักที และก็ไม่สามารถต่อให้จบได้สักเรื่อง
“พี่บอสเขียนอะไรอ่ะ” น้องบีมถามพร้อมเดินมาหาเธอที่นอนหมอบหนุนหมอนเขียนหนังสืออยู่พื้นไม้ สาย ๆ ของวันเสาร์บอสไม่ได้ไปเล่นที่ไหน เธออยู่บ้านและขึ้นมาเล่นที่ชั้นสองของบ้าน ไม่ยอมลงไปดูทีวีกับพี่ ๆ ข้างล่าง ทว่าน้องบีมก็ตามขึ้นมาด้วย เธอรู้ว่าน้องบีมตามขึ้นมาทำไม เพราะอยากเล่นโทรศัพท์ของเธออย่างไรล่ะ
เช้าวันเสาร์อากาศหนาวเย็นสบาย ไม่หนาวมาก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ถึงจะแดดแต่อากาศก็ยังเย็นพอให้ได้สมเสื้อแขนยาว เดือนมกราคมยังไม่หมดหน้าหนาว พวกเธอยังต้องสวมเสื้อแขนยาวกันอยู่ แสงแดดส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในตัวบ้าน ทำให้ชั้นสองของบ้านสว่าง ไม่มืด ไม่อุดอู้
บอสเงยหน้าหันไปมองน้องสาวแต่ไม่ได้ตอบคำถามอะไร หันมาใส่ใจเขียนนิยายของตนเองต่อ น้องบีมเดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ มองสมุดที่เธอกำลังเขียน น้องบีมอ่านหนังสือออกแล้ว เพราะอยู่ชั้นประถม คำง่าย ๆ อ่านได้ ส่วนคำยาก ๆ ก็ยังต้องถามเธออยู่
“อ่อ พี่แต่งเพลง!” นอกจากเธอจะมีภาพเกิดขึ้นในหัวแล้ว บางครั้งเธอก็มีคำบางคำที่คล้ายกลอนผุดขึ้นในหัวอีกด้วย อารมณ์อยากแต่งเพลงก็มี พอนึกได้เธอก็ลองเขียนมันใส่ในสมุดลงไป ได้เป็นบทเพลงหนึ่งบทเพลงขึ้นมา ดูโคลงสร้างตามหนังสือเพลงที่เธอชอบซื้อมาร้อง มีจุดดอกจันทน์ร้องซ้ำ จะซ้ำวรรคนี้กี่ครั้ง วรรคนี้กี่ครั้งตามแบบฉบับหนังสือเพลงเลย ทำนองก็เลียนแบบทำนองเพลงที่เธอชอบ ส่วนเนื้อเพลงเป็นเนื้อที่เธอเขียนขึ้นมาเอง
เธอสามารถแต่งเพลงจนจบเพลงได้ ใส่ทำนองเพลงได้ แต่นิยายเธอไม่สามารถเขียนให้มันจบเรื่องได้ พอวันถัดมามันก็เป็นภาพอื่น ๆ ผุดขึ้นมาแทน ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไม ส่วนในการเขียนเพลงเธอเขียนจบไปตั้งหลายเพลงแล้ว
“บีมฟังเพลงที่พี่แต่งขึ้นมานะ พี่จะร้องให้ฟัง” พูดจบบอสก็ร้องเพลงที่ตัวเองแต่งให้น้องสาวฟัง สองคนพี่น้องพูดคุยเล่นกันอยู่บนชั้นสองของบ้าน ไม่สนใจลงไปดูทีวีกับพวกพี่ ๆ กันเลย
“เพราะมั้ย!” เมื่อร้องเพลงจบ
“เพราะมากเลยพี่บอส ฮา ” น้องบีมก็อยู่เป็นแฮะ ก็มืงลองบอกไม่เพราะสิ กูจะเอาโทรศัพท์คืน บอสมองหน้าน้องสาวพร้อมนึกในใจ ดีที่น้องบีมบอกว่าเพราะ พร้อมหัวเราะให้กัน
“พี่ลองเขียนอีกเพลงดีกว่า” แล้วเธอก็พยายามนึกประโยคที่จะเขียน มันก็วนอยู่กับเนื้อเพลงอันเดิมที่เธอเขียนไปแล้ว ทำนองก็ทำนองเดิม เธอใช้ทำนองเพลงของพี่ “พั้นช์ วรการ” ใช้ทำนองเพลงที่ชื่อว่า “ไม่ถือสาแต่ว่ารู้สึก” เธอชอบเพลงนี้ แล้วจึงแต่งเนื้อเพลงขึ้นมาโดยร้องเป็นทำนองเพลงนี้ ก็สนุกอีกแบบ
พอนึกเนื้อเพลงไม่ออกแล้ว ก็เปลี่ยนมาเขียนนิยายต่อ มีภาพในหัวเกิดขึ้นอีกแล้ว เขียน ๆ ไปจนกว่าภาพที่มันผุดขึ้นจะเลือนหายไป จึงหยุดเขียน ทว่าไม่ใช่เรื่องเดิมที่เธอเขียนค้างไว้อีกแล้ว เขียนไปได้สองหน้ากระดาษก็หยุดพัก เพราะเมื่อยมือ และภาพในหัวมันจางหายไปแล้ว
นอกจากนิยายที่เธอลองเขียน ยังมีอีกเล่มที่เธอเขียนประจำ นั่นก็คือไดอารี่ชีวิตประจำวันของตนเอง วันนี้ไปที่ไหนบ้าง ทำอะไร เรียนวิชาอะไรบ้าง เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง รักใคร ชอบใคร ไม่พอใจใคร คุยกับใคร เธอเขียนลงไปในไดอารี่ส่วนตัวทุก ๆ วัน
ที่เธอเริ่มเขียนไดอารี่ เพราะชอบดูการ์ตูนแฮมทาโร่ นางเอกของเรื่องชอบเขียนไดอารี่ก่อนนอนทุกวัน เธอจึงทำตามบ้างก็สนุกดี เขียนเก็บไว้เปิดอ่านเมื่อเวลามันผ่านไป
บอสกับน้องบีมเล่นกันอยู่สองคนบนชั้นสองของบ้าน จู่ ๆ สองฝาแฝดก็โผล่หน้ามาเล่นด้วย
“บอสมืงอยู่ไหน” เสียงแพรวตะโกนเรียกหาเธออยู่ชั้นล่างของบ้าน ได้ยินพี่แป้งตอบว่าเธออยู่ข้างบนบ้าน
“อยู่บนบ้านขึ้นมาเลย” บอสขี้เกียจเดินมารับ จึงตะโกนตอบกลับไป พิมพ์กับแพรวเดินขึ้นบันไดมาหาเธอกับน้องบีม พอเพื่อน ๆ มาบอสจึงเก็บสมุดนิยายเอาไว้ ไม่อยากให้ทั้งสองคนรู้ความลับของเธอ ไม่อยากให้พิมพ์กับแพรวรู้ ถ้ารู้คงหัวเราะเยาะและเอาเธอไปล้อแน่
“สองพี่น้องทำอะไรกัน” พิมพ์เดินมานั่งลงข้าง ๆ เธอพร้อมแพรว
“ร้องเพลงเล่น” เพราะเธอกางหนังสือเพลงเอาไว้อยู่แล้ว ส่วนสมุดนิยายเอาไปซ้อนเก็บไว้เรียบร้อย“ไปไหนมาหนิ”
“มาหามืงนี่แหละ ทำไมไม่ลงไปเล่นข้างล่างอ่ะ” แพรวถาม
“ขี้เกียจ เอ่อแพรวเล่นไพ่มั้ย กูมีไพ่นะของพี่บอม” จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีคนพอดีครบขา รวมน้องบีมด้วย เล่นไม่เป็นเดี๋ยวสอนเอง
“เล่น! ไปเอามา” พิมพ์ตกลงทันที
“น้องบีมไม่เล่น น้องบีมเล่นไม่เป็น”
“ได้! อยากเล่นโทรศัพท์ก็บอกเถอะบีม” บอสประชดน้องสาวไปที ทว่าก็ไม่ได้ว่าอะไร พวกเธอเล่นสามคนกันก็ได้
บอสเดินไปหยิบผ้าห่มผืนบาง ๆ ในห้องนอนของตนออกมา และเข้าไปในห้องนอนพี่ชายหยิบไพ่ออกมา อุปกรณ์พร้อมเตรียมเล่น สามคนก็เล่นได้ บอสพับผ้าให้เป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดี นั่งกันคนละมุม มีน้องบีมนั่งเล่นโทรศัพท์ข้าง ๆ
“เล่นอะไรกันดีเรา”
“ผ่องดีกว่า หรือป๊อกเด้ง หรือ แคง ผสมสิบ เก้าเก กูว่าผ่องดีกว่า” บอสพูดไปพร้อมใช้มือสลับไพ่ไปด้วย กรีดไพ่เสียงดังไพเราะมากเมื่อไพ่กระทบกัน ลีลากรีดไพ่ของเธอธรรมดามาก
“สามคนก็ผ่องได้น่า เล่นผ่องนั่นแหละ ตาละห้าบาท”
“ได้! ผ่องก็ผ่อง จุ ๆ อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวยายขึ้นมาด่า”
บอสเป็นคนสับไพ่แจกพิมพ์กับแพรว แจกคนละห้าใบ ที่เหลือวางไว้กองกลางเอาไว้จั่ว รอบแรกบอสเป็นคนเริ่มก่อน เพราะเป็นคนสับไพ่ รอบต่อ ๆ ไปใครชนะค่อยเป็นคนเริ่มก่อน
ไพ่ในมือของบอสมี แจ็ค แหม่ม เก้าสองตัว และห้า เธอขอเก้าอีกตัวจะดีมาก ทว่าเธอจั่วได้ห้า! ห้าก็เอาเข้าคู่อยู่ พอจั่วได้ห้าเข้าคู่ห้าที่มีอยู่ก็เลือกตัวใดตัวหนึ่งทิ้ง จะทิ้งเก้าก็ไม่กล้า เข้าคู่แล้วเหลือแค่อีกใบก็จะได้ผ่อง บอสจึงเลือกทิ้งแจ็คก็ได้วะ!
“ห้าเอา ไปแจ็ค!” บอสจั่วเข้าคู่ห้าพอดี เลือกทิ้งแจ็คไปทางแพรว แพรวมีความลังเลว่าจะเอาแจ็คต่อจากเธอหรือไม่ สุดท้ายก็ไม่เอา จั่วไพ่ใบใหม่ขึ้นมา
“เก้า! “ แพรวพูดเมื่อหยิบไพ่ใบใหม่จากกองกลาง
“เก้ากูผ่อง! เอามาเลย” บอสที่มีไพ่คู่เก้าสองใบอยู่เดิมแล้ว รีบพูดด้วยความดีใจทันทีที่แพรวจั่วได้เก้า พร้อมทิ้งไผ่คู่เก้าลงไป “ไปแหม่ม!”
พอผ่องเก้าสามใบแล้ว เธอก็ทิ้งแหม่ม(อุ่ม)ลงไปอีก เหลือไพ่ในมือสองใบ นั่นคือคู่ห้า ถ้าเธอจั่วได้เลขห้าชนะได้กินคนละสิบบาท แต่ถ้าเป็นคนอื่นจั่วได้ ก็ชนะเช่นกันแต่ได้กินเงินคนละห้าบาท
“โห่! กูยังไม่ได้เล่นกะเค้าเลย อี่บอสมืงจะรีบผ่องไปไหน” เมื่อบอสผ่องเก้า เกมก็ต้องวนมาเริ่มที่แพรวอีกรอบ แพรวจั่วไพ่ใบใหม่อีกครั้ง
“เอาล่ะเว้ย ๆ อี่แพรวมืงจั่วดี ๆ นะ จั่วไม่ดีได้ห้ามากูกินเรียบ!” บอสพูดยั่วยวนด้วยความดีใจ ทว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีมีไพ่เข้าคู่ในมือแต่ไม่ชนะก็มีถมไป
“สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหารน้องสาว” แพรวตอบพร้อมจั่วไพ่ขึ้นมา “เอด! เอา ไปสิบ” แพรวทิ้งไพ่ไปทางพิมพ์ และต่อด้วยพิมพ์จั่วไพ่คนต่อไป
“ห้า!”/ บอสพูดแทรกพิมพ์ ทำให้ให้พิมพ์ตกใจลุ้นไปด้วย
“งัว! ห้าบ้านมืงบ่ แหม่มบ่เอา อะเอาไป” พิมพ์ตอบ ทิ้งแหม่มให้เธอ บอสจั่วไพ่ขึ้นมา หงายไพ่คู่ห้าสองใบให้พิมพ์กับแพรวเห็นเลย รอแค่ใครจั่วใบที่ห้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ
“ห้า! โห่” บอสจั่วไพ่ได้เคหรือคิง ทำหน้าผิดหวังแล้วทิ้งไพ่ไปทางแพรว วนเป็นวงกลมเรื่อย ๆ มีน้องบีมนั่งดูและหัวเราะท่าทางของพวกเธออย่างตลก “คิงไปอี่แพรว”