ปัญหาต่อไป - ไทยจะขาดแรงงานขับเคลื่อนประเทศ
https://www.voicetv.co.th/read/t5VXfekrf
ธนาคารโลกชี้ อีก 20 ปี แรงงานไทยจะหายไปราว 4 ล้านคน ส่งผลกระทบอย่างหนักกับการขับเคลื่อนประเทศ
รายงานฉบับล่าสุดจากธนาคารโลกประจำเดือนแรกของปี 2564 ประเมินอัตราการเติบโตที่แท้จริงเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ประจำปีที่ผ่านมาติดลบ 6.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะแนวโน้มการเติบโตประจำปีนี้อยู่ที่ 4% ก่อนจะขยับขึ้นไปเป็น 4.7% ในปี 2565
ทั้งนี้หนี้สาธารณะของไทยมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 42% ของจีดีพีในปี 2561 ขึ้นมาเป็น 49.4% ในปีที่ผ่านมา ก่อนขยับขึ้นมาเป็น 54.4% ในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในปีหน้าที่ระดับ 55.4%
ดร.
เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ชี้ประเด็นบั่นทอนสำคัญของเศรษฐกิจไทยยังคงมาจากผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 จากส่วนที่ไทยพึ่งพาอุปสงค์ภายนอก อาทิ การส่งออก และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แม้โลกจะมีความหวังเรื่องวัคซีน แต่กระบวนการแจกจ่ายและเข้าถึงวัคซีนของประชากรทั่วโลกยังเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งยังอาจไม่ทั่วถึงในเวลาอันสั้น ขณะที่บางพื้นที่ต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เคร่งครัดอีกครั้งเพื่อลดระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ไทยยังเผชิญความเสี่ยงเรื่องความไม่สงบทางการเมืองไปควบคู่กับประเด็นโรคระบาด
จากตัวเลขเศรษฐกิจข้างต้นสะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริงง่ายๆ คือ ตัวเลขผู้ยากจน (ประชากรที่อยู่ภายใต้เส้นความยากจน หรือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 165 บาท) ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นฉับพลันจากระดับ 6.2% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2562 ขึ้นมาเป็น 8.8% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารโลกประเมินว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในปี 2565 หรือระดับผู้อยู่ภายใต้เส้นความยากจนลดลงเพียง 0.4% จากปี 2564
เมื่อพิจารณาในเชิงตัวเลข ประชากรไทยที่อยู่ภายใต้เส้นความยากจนที่ลดลงมาจากระดับ 5 ล้านคนในปี 2561 ลงมาเหลือ 3.7 ล้านคนในปี 2562 ปรับพุ่งขึ้นอยู่ในระดับ 5.2 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันงานไม่มี-อนาคตคนไม่พอ
นอกจากประเด็นคนจนเพิ่มขึ้น ช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงรอบแรกในไตรมาส 2/2563 ยังส่งให้มีงานหายไปจากระบบถึง 340,000 ตำแหน่ง อีกทั้งชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ของแรงงานยังลดลงราว 2-3 ชั่วโมง ซึ่งจะไปส่งผลกระทบโดยตรงกับรายได้ของแรงงาน
ทั้งนี้ แม้อัตราการจ้างงานจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่ 3-4 ของปีที่ผ่านมา ทว่าจุดอ่อนของแรงงานไทยยังอยู่ที่ชั่วโมงการทำงานน้อยลง อีกทั้งค่าจ้างในภาคเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2562
สิ่งที่ธนาคารโลกแสดงความเป็นห่วงอย่างมากต่อตลาดแรงงานไทยคืออัตราการเติบโตในฝั่งการจ้างงานของไทยอ่อนตัวมาตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดด้วยซ้ำ หากย้อนกลับไปตั้งแต่ 2556 อัตราการจ้างเงินไม่เติบโตขึ้นเลยแถมยังติดลบในบางปี ยกเว้นเฉพาะปี 2561 เท่านั้นยังไม่พองานจำนวนมากของไทยยังจัดอยู่ในกลุ่มงานคุณภาพต่ำหรือใช้ทักษะต่ำ
เมื่อมองต่อในอนาคต ตลาดแรงงานของไทยยังมีอีกปัญหาสำคัญอย่างการเข้าสู่สังคมสูงวัยรออยู่ หรือหมายความว่า ประเทศจะมีจำนวนแรงงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจน้ยอลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธนาคารโลกคาดว่าตัวเลขแรงงานในตลาดจากประมาณ 39 ล้านคนในปี 2563 จะเลื่อนลงไปอยู่แค่ราว 35 ล้านคน ในอีก 20 ปีข้างหน้า
แม่ค้าส้มตำขู่ขึ้นราคาครกละ5บ. หลังพริกแดงแพงทะลุกิโล250
https://www.dailynews.co.th/economic/821501
แม่ค้าส้มตำขู่ขึ้นราคาครก5-10บาท หลังพริกแดงแพงโลละ 250 บาท หลังอากาศแปรปรวนหนัก ฝนตกน้ำท่วม หนาวเฉียบพลัน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง ส้มตำ ร้านยำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่าประสบปัญหาพริกสดราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะพริกขี้หนูแดงขยับขึ้นไปถึง กก.ละ 200-250 บาท เพิ่มจากปกติ กก. 120-150 บาท ส่งผลให้ร้านอาหารเริ่มได้รับผลกระทบด้านต้นทุน โดยเฉพาะร้านขายยำ และส้มตำที่ใช้พริกเป็นวัตถุดิบจำนวนมาก ซึ่งหากราคาพริกยังแพงขึ้นไปกว่านี้แม่ค้าส้มตำระบุว่าอาจต้องขอขึ้นราคาครกละ 5 บาท รวมถึงร้านยำก็ขอขึ้นราคาอีกเมนูละ 5-10 บาท
ทั้งนี้จากสอบถามพ่อค้าขายพริกและผักสดในตลาดพบว่า ราคาพริกขยับขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกบางแห่งโดยเฉพาะแถบจังหวัดภาคใต้ ประสบปัญหาฝนตกหนักหลายพื้นที่จนทำให้ชาวสวนไม่สามารถปลูกพริกได้ อีกทั้งผลผลิตบางส่วนก็ถูกน้ำท่วมเสียหาย ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดไม่เพียงพอ ประกอบกับมีพ่อค้าส่งบางส่งฉวยจังหวะเก็งราคาด้วยจนซ้ำเติมให้ราคาพริกสดปรับแพงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังพบว่าในจังหวัดนครราชสีมา ประสบปัญหาพริกขี้หนูในตลาดสดแพงขึ้นมาก เนื่องจากผลผลิตช่วงที่ผ่านมาลดลง จนทำให้ของขาดตลาดไม่พอขาย จึงทำให้พริกขี้หนูราคาแพงขึ้นในหลายพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะราคาการจำหน่ายพริกขี้หนูในพื้นที่อำเภอพิมายได้จำหน่ายพริกขี้หนู ในราคาเม็ดละ 1 บาท
JJNY : ไทยจะขาดแรงงานขับเคลื่อนปท./แม่ค้าส้มตำขู่ขึ้นราคาหลังพริกแดงแพง/เตรียม45ขุนพลซักฟอก/อนุมัติงบกลาง191ล.คุมม็อบ
https://www.voicetv.co.th/read/t5VXfekrf
รายงานฉบับล่าสุดจากธนาคารโลกประจำเดือนแรกของปี 2564 ประเมินอัตราการเติบโตที่แท้จริงเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ประจำปีที่ผ่านมาติดลบ 6.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะแนวโน้มการเติบโตประจำปีนี้อยู่ที่ 4% ก่อนจะขยับขึ้นไปเป็น 4.7% ในปี 2565
ทั้งนี้หนี้สาธารณะของไทยมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 42% ของจีดีพีในปี 2561 ขึ้นมาเป็น 49.4% ในปีที่ผ่านมา ก่อนขยับขึ้นมาเป็น 54.4% ในปีนี้ และจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในปีหน้าที่ระดับ 55.4%
ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ชี้ประเด็นบั่นทอนสำคัญของเศรษฐกิจไทยยังคงมาจากผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 จากส่วนที่ไทยพึ่งพาอุปสงค์ภายนอก อาทิ การส่งออก และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แม้โลกจะมีความหวังเรื่องวัคซีน แต่กระบวนการแจกจ่ายและเข้าถึงวัคซีนของประชากรทั่วโลกยังเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งยังอาจไม่ทั่วถึงในเวลาอันสั้น ขณะที่บางพื้นที่ต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เคร่งครัดอีกครั้งเพื่อลดระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ไทยยังเผชิญความเสี่ยงเรื่องความไม่สงบทางการเมืองไปควบคู่กับประเด็นโรคระบาด
จากตัวเลขเศรษฐกิจข้างต้นสะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริงง่ายๆ คือ ตัวเลขผู้ยากจน (ประชากรที่อยู่ภายใต้เส้นความยากจน หรือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 165 บาท) ในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นฉับพลันจากระดับ 6.2% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2562 ขึ้นมาเป็น 8.8% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารโลกประเมินว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในปี 2565 หรือระดับผู้อยู่ภายใต้เส้นความยากจนลดลงเพียง 0.4% จากปี 2564
เมื่อพิจารณาในเชิงตัวเลข ประชากรไทยที่อยู่ภายใต้เส้นความยากจนที่ลดลงมาจากระดับ 5 ล้านคนในปี 2561 ลงมาเหลือ 3.7 ล้านคนในปี 2562 ปรับพุ่งขึ้นอยู่ในระดับ 5.2 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันงานไม่มี-อนาคตคนไม่พอ
นอกจากประเด็นคนจนเพิ่มขึ้น ช่วงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงรอบแรกในไตรมาส 2/2563 ยังส่งให้มีงานหายไปจากระบบถึง 340,000 ตำแหน่ง อีกทั้งชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ของแรงงานยังลดลงราว 2-3 ชั่วโมง ซึ่งจะไปส่งผลกระทบโดยตรงกับรายได้ของแรงงาน
ทั้งนี้ แม้อัตราการจ้างงานจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่ 3-4 ของปีที่ผ่านมา ทว่าจุดอ่อนของแรงงานไทยยังอยู่ที่ชั่วโมงการทำงานน้อยลง อีกทั้งค่าจ้างในภาคเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2562
สิ่งที่ธนาคารโลกแสดงความเป็นห่วงอย่างมากต่อตลาดแรงงานไทยคืออัตราการเติบโตในฝั่งการจ้างงานของไทยอ่อนตัวมาตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดด้วยซ้ำ หากย้อนกลับไปตั้งแต่ 2556 อัตราการจ้างเงินไม่เติบโตขึ้นเลยแถมยังติดลบในบางปี ยกเว้นเฉพาะปี 2561 เท่านั้นยังไม่พองานจำนวนมากของไทยยังจัดอยู่ในกลุ่มงานคุณภาพต่ำหรือใช้ทักษะต่ำ
เมื่อมองต่อในอนาคต ตลาดแรงงานของไทยยังมีอีกปัญหาสำคัญอย่างการเข้าสู่สังคมสูงวัยรออยู่ หรือหมายความว่า ประเทศจะมีจำนวนแรงงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจน้ยอลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งธนาคารโลกคาดว่าตัวเลขแรงงานในตลาดจากประมาณ 39 ล้านคนในปี 2563 จะเลื่อนลงไปอยู่แค่ราว 35 ล้านคน ในอีก 20 ปีข้างหน้า
แม่ค้าส้มตำขู่ขึ้นราคาครกละ5บ. หลังพริกแดงแพงทะลุกิโล250
https://www.dailynews.co.th/economic/821501
แม่ค้าส้มตำขู่ขึ้นราคาครก5-10บาท หลังพริกแดงแพงโลละ 250 บาท หลังอากาศแปรปรวนหนัก ฝนตกน้ำท่วม หนาวเฉียบพลัน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง ส้มตำ ร้านยำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่าประสบปัญหาพริกสดราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะพริกขี้หนูแดงขยับขึ้นไปถึง กก.ละ 200-250 บาท เพิ่มจากปกติ กก. 120-150 บาท ส่งผลให้ร้านอาหารเริ่มได้รับผลกระทบด้านต้นทุน โดยเฉพาะร้านขายยำ และส้มตำที่ใช้พริกเป็นวัตถุดิบจำนวนมาก ซึ่งหากราคาพริกยังแพงขึ้นไปกว่านี้แม่ค้าส้มตำระบุว่าอาจต้องขอขึ้นราคาครกละ 5 บาท รวมถึงร้านยำก็ขอขึ้นราคาอีกเมนูละ 5-10 บาท
ทั้งนี้จากสอบถามพ่อค้าขายพริกและผักสดในตลาดพบว่า ราคาพริกขยับขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกบางแห่งโดยเฉพาะแถบจังหวัดภาคใต้ ประสบปัญหาฝนตกหนักหลายพื้นที่จนทำให้ชาวสวนไม่สามารถปลูกพริกได้ อีกทั้งผลผลิตบางส่วนก็ถูกน้ำท่วมเสียหาย ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดไม่เพียงพอ ประกอบกับมีพ่อค้าส่งบางส่งฉวยจังหวะเก็งราคาด้วยจนซ้ำเติมให้ราคาพริกสดปรับแพงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังพบว่าในจังหวัดนครราชสีมา ประสบปัญหาพริกขี้หนูในตลาดสดแพงขึ้นมาก เนื่องจากผลผลิตช่วงที่ผ่านมาลดลง จนทำให้ของขาดตลาดไม่พอขาย จึงทำให้พริกขี้หนูราคาแพงขึ้นในหลายพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะราคาการจำหน่ายพริกขี้หนูในพื้นที่อำเภอพิมายได้จำหน่ายพริกขี้หนู ในราคาเม็ดละ 1 บาท