เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2531 การต่อสู้เพื่อปกป้องเนิน3234 ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งกลายเป็นตำนานพลร่มโซเวียตแห่งสงครามอัฟกานิสถาน
ในตอนท้ายของปี 2530 ทุกอย่างมันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากองทัพโซเวียตจะถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้นำโซเวียตซึ่งนำโดยมิคาอิล กอร์บาชอฟพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกและยังมุ่งมั่นที่จะยุติสงครามอัฟกานิสถาน
ในขณะที่นักการเมืองต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยแต่ว่าทหารก็ต้องสะสางปัญหาที่กำลังเจออยู่ในสนามรบ
ในขณะนั้นนักรบมูจนับร้อยได้ระดมพลเข้ายึดครองเมืองโคสต์ ในจังหวัดปากิตาน ซึ่งมีกองทหารรัฐบาลของอัฟกานิสถานประจำการอยู่ และชาวอัฟกันไม่สามารถตั้งรับการโจมตีของมูจได้ด้วยตนเอง
จากนั้นคำสั่งของโซเวียตก็ตัดสินใจเปิดฉากยุทธการ Magistral ซึ่งมีภารกิจคือต้องฝ่าการปิดล้อมของพวกมูจในโคสต์ และเข้าควบคุมทางหลวงสายหลักในกาเดสโคสต์ ซึ่งส่งขบวนทหารที่ขนเชื้อเพลิงและอาหารอุปกรณ์ต่างๆให้กับคนในเมืองได้
เมื่อถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2530 การวางแผนเสร็จสิ้น และกองคาราวานทหารโซเวียตกำลังมุ่งหน้าที่โคสต์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหล่านักรบมูจาฮีดีนจะต้องทำทุกอย่างเพื่อทำให้ขบวนกองทหารโซเวียตบรรลัยแน่ๆ ชุดโจมตีของมูจซุ่มอยู่ข้างบนถนนซึ่งก็คือข้างบนภูเขานั่นเอง ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่นักสู้หลายยุคหลายสมัยที่อัพกานิสถานชื่นชอบที่สุด
เพื่อให้ขบวนทหาตโซเวียตปลอดภัยพวกเขาต้องเข้าควบคุมความภูเขาที่เป็นแหล่งซุ่มโจมตี ที่มองไปก็เห็นความสูงที่โดดเด่นเป็นแนว ซึ่งเป็นทางไปยังทางหลวงหลักกาเดสโคสต์ และจะไม่มีการให้นักรบมูจาฮีดีนได้ใช้ภูเขาลูกนี้ถล่มกองทหารโซเวียตเด็ดขาด
เนิน3234ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ห่างไป7-8 กิโลเมตรนั้น พื้นที่ส่วนตรงกลางระหว่างถนนต้องได้รับการคุ้มกันโดยทหารของกองร้อยพลร่มที่ 9 ของกองร้อยทหารรักษาการณ์แยกที่ 345 พลร่ม39คนนำโดยผู้บัญชาการของหมวดที่3 พลโทวิคเตอร์ กาการินได้จัดเตรียมตำแหน่งของพวกเขาอย่างระมัดระวังสำหรับการป้องกันเนินแห่งนี้ และได้มีการสร้างหลุมบุคคล ตำแหน่งยิงปืนกลทและฝังทุ่นระเบิดไว้รอบๆ
ไม่มีใครรู้ว่ามูจาฮีดีนจะเข้าตีจริงที่ไหนและตอนไหน แต่ในเวลาประมาณ 15:00 น. ของวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2531 ลูกระเบิดระเบิดและกระสุนนับพันได้ปลิวว่อนใส่ตำแหน่งพลร่มที่ระดับความสูง3234 มีผู้เสียชีวิตทันที1คนและบาดเจ็บอีก2คน
ครึ่งชั่วโมงต่อมานักรบมูจาฮิดีนได้เข้าตี โดยส่งหน่วยBlack Stork
ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของกลุ่มก่อการร้ายซึ่งได้รับการฝึกฝนโดยครูฝึกชาวอเมริกันและปากีสถาน ตามข่าวกรองของโซเวียตในวันนั้น นักรบมูจโจมตีเนิน 3234 และสมทบการเข้าตีด้วยทหารปากีสถานประจำการจากกรม Chehatwal
แต่นักรบมูจหลายคนก็ได้พบว่าทหารพลร่มของกองร้อยที่9 แวแดแว ก็ไม่ได้รบแบบไก่กาเลย หน่วยนี้ถือเป็นหนึ่งในหน่วยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในทุกหน่วยรบของกองกำลังแห่งสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถานที่ดูเหมือนจะไร้เทียมทานเลยทีเดียว
การเข้าครั้งแรกโดยนักรบมูจ ไม่ต้องเดากันเลยทีเดียว เพราะว่านักรบเล่านี้ต้องวิ่งถอยหนีอย่างทุลักทุเล นักรบมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมกันมากถึง 40 คน
นักรบทุกคนที่ยังไหวก็ถอนตัว เข้าประจำตำแหน่งจากนั้นก็หยิบกระสุนปืนครกออกมา เวลาประมาณห้าโมงครึ่งในตอนเย็นนักรบมูจการเข้าครั้งที่สองพร้อมกับการสนับสนุนด้วยปืนครก การเข้าตีของนักรบนั้นเป็นการเข้าตีแบบทุกทิศทุกทาง
หลายครั้งที่เหล่าทหารพลร่มรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ในฐานป้องกันที่มั่นคงของกองกำลังโซเวียต ซึ่งทำให้มูจาฮิดีนต้องล้มเลิกแผนการของตนไปหลายครั้ง แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้
ในตอนต้นของค่ำวันที่แปดนักรบมูจเริ่มการเข้าตีครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สาน ที่เนิน3234 ทีนี้นักรบมีปืนกลหนักมาสนะบสนุนด้วย อูเตสพลร่มซึ่งได้รับคำสั่งจากจ่าสิบเอกอเล็กซานดรอฟให้ปกป้องเนินนี้ไว้ให้ได้
เพียงสามวันก่อนหน้านี้อเล็กซานดรอฟ ในวัยอายุ 20 ปี เขาถูกปลดประจำการหลังจากสู้รบมามากกว่า10ครั้ง
การโจมตีที่สูงขึ้นครั้งที่สามต่างก็ล้มเหลวอย่างน่าอนาถ แต่ด้วยครั้งที่สี่ครั้งที่ห้า จิตวิญญาณแห่งนักรบมูจดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวเอาจริงแล้ว
แม้ว่าจะมีการสูญเสียอย่างหนักแต่ระหว่างนั้นได้มีการชี้เป้าปืนใหญ่ไปที่ตำแหน่งนักรบมูจเพื่อหวังฉีกร่างพวกเขาให้แหลก แต่ว่าตอนนั้นพวกเขาก็เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ30เมตร 25เมตร จนกระทั่งมาถึง20เมตร พลร่มยิงระยะปะทะกับนักรบในระยะเผาขน แต่มีทหารที่สู้ต่อไหวไม่ถึงสิบคน
"ไอ้พวกมอสโคว์ยอมแพ้สิโว้ย!" พวกนักรบตะโกนด้วยความโกรธ
พลทหารนายหนึ่งชื่ออังเดร เขาแตกต่างจากเพื่อนๆทุกคนในกลุ่มพลร่ม ตรงที่ว่าเขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด มีครอบครัว และตั้งใจที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ
เขามีประสบการณ์ในการปฏิบัติการทางทหารหกครั้งและในการต่อสู้ครั้งนี้เขาทำให้นักรบมูจแทบหัวหมุนจะบ้าตาย
เขาเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลาเขายับยั้งการโจมตีจนของนักรบมูจจนกระทั่งกระสุนไม่เหลือซักนัด ในที่สุดกระสุนจากนักรบมูจก็พุ่งเข้าใส่ตัวจนชิ้นส่วนกระจุย เขาเขาล้มลงและหายใจดังเสียงฮืดๆ จากนั้นไปนานเขาก็จากไป
และตามคำสั่งของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตแห่งสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531 เขาได้รับการยกย่องหลังจากที่เขาเสียชีวิตเยี่ยงวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต
เวลาประมาณตีสามการเข้าตีระลอกครั้งที่12เริ่มต้นขึ้น พลร่มห้านายยังคงอยู่ในหลุมเพลาะ กระสุนปืนเอเคหมดแล้วแต่ละคนก็ยังมีละเบิดคนละ2ลูกอยู่ "ไม่มีทางที่เราจะเอาชีวิตไปอยู่ในกำมือของพวกมูจาฮีดีน!!" ทหารคนนึงของกองร้อยที่9 กำลังเตรียมที่จะยิงหัวตัวเอง
แต่ในขณะนั้นมีหมวดลาดตระเวนภายใต้คำสั่งของร้อยโทอเล็กซี่ สเมียร์นอฟได้เข้ามาช่วยเหลือ
หน่วยสอดแนมพยายามผลักดันให้นักรบมูจถอยกลับไปอีกครั้ง จนกระทั่งไม่มีการโจมตีอีกระลอก หลังจากนับศพหารทุกนายที่ตายแล้ว พวกมูจาฮิดีนก็จากไปหลังจากนั้นไม่นาน
ทหารพลร่มโซเวียตห้าคนถูกสังหารโดยตรงในการรบ และคนที่หกเสียชีวิตในโรงพยาบาลหนึ่งวันต่อมา พลร่มเกือบ21คนได้รับบาดเจ็บอีก9คนอาการสาหัส
ไม่มีการทราบข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับการสูญเสียของนักรบมูจาฮีดีน แต่ในเวลาเดียวกันตามการคาดกา การสูญเสียของนักรบอาจจะมากถึง200 ถึง 300
ภารกิจการรบของกองร้อยพลร่มที่ 9 เสร็จสิ้นแล้ว เนิน3234 ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทหารโซเวียต และศัตรูไม่สามารถบุกเข้าไปในเส้นทางและกระหน่ำตีขบวนทหารได้
8มกรา เนิน3234 "การเข้าตี12ระลอก เพื่อเชือดพลร่มโซเวียต"
เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2531 การต่อสู้เพื่อปกป้องเนิน3234 ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งกลายเป็นตำนานพลร่มโซเวียตแห่งสงครามอัฟกานิสถาน
ในตอนท้ายของปี 2530 ทุกอย่างมันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากองทัพโซเวียตจะถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้นำโซเวียตซึ่งนำโดยมิคาอิล กอร์บาชอฟพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกและยังมุ่งมั่นที่จะยุติสงครามอัฟกานิสถาน
ในขณะที่นักการเมืองต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยแต่ว่าทหารก็ต้องสะสางปัญหาที่กำลังเจออยู่ในสนามรบ
ในขณะนั้นนักรบมูจนับร้อยได้ระดมพลเข้ายึดครองเมืองโคสต์ ในจังหวัดปากิตาน ซึ่งมีกองทหารรัฐบาลของอัฟกานิสถานประจำการอยู่ และชาวอัฟกันไม่สามารถตั้งรับการโจมตีของมูจได้ด้วยตนเอง
จากนั้นคำสั่งของโซเวียตก็ตัดสินใจเปิดฉากยุทธการ Magistral ซึ่งมีภารกิจคือต้องฝ่าการปิดล้อมของพวกมูจในโคสต์ และเข้าควบคุมทางหลวงสายหลักในกาเดสโคสต์ ซึ่งส่งขบวนทหารที่ขนเชื้อเพลิงและอาหารอุปกรณ์ต่างๆให้กับคนในเมืองได้
เมื่อถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2530 การวางแผนเสร็จสิ้น และกองคาราวานทหารโซเวียตกำลังมุ่งหน้าที่โคสต์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหล่านักรบมูจาฮีดีนจะต้องทำทุกอย่างเพื่อทำให้ขบวนกองทหารโซเวียตบรรลัยแน่ๆ ชุดโจมตีของมูจซุ่มอยู่ข้างบนถนนซึ่งก็คือข้างบนภูเขานั่นเอง ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่นักสู้หลายยุคหลายสมัยที่อัพกานิสถานชื่นชอบที่สุด
เพื่อให้ขบวนทหาตโซเวียตปลอดภัยพวกเขาต้องเข้าควบคุมความภูเขาที่เป็นแหล่งซุ่มโจมตี ที่มองไปก็เห็นความสูงที่โดดเด่นเป็นแนว ซึ่งเป็นทางไปยังทางหลวงหลักกาเดสโคสต์ และจะไม่มีการให้นักรบมูจาฮีดีนได้ใช้ภูเขาลูกนี้ถล่มกองทหารโซเวียตเด็ดขาด
เนิน3234ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ห่างไป7-8 กิโลเมตรนั้น พื้นที่ส่วนตรงกลางระหว่างถนนต้องได้รับการคุ้มกันโดยทหารของกองร้อยพลร่มที่ 9 ของกองร้อยทหารรักษาการณ์แยกที่ 345 พลร่ม39คนนำโดยผู้บัญชาการของหมวดที่3 พลโทวิคเตอร์ กาการินได้จัดเตรียมตำแหน่งของพวกเขาอย่างระมัดระวังสำหรับการป้องกันเนินแห่งนี้ และได้มีการสร้างหลุมบุคคล ตำแหน่งยิงปืนกลทและฝังทุ่นระเบิดไว้รอบๆ
ไม่มีใครรู้ว่ามูจาฮีดีนจะเข้าตีจริงที่ไหนและตอนไหน แต่ในเวลาประมาณ 15:00 น. ของวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2531 ลูกระเบิดระเบิดและกระสุนนับพันได้ปลิวว่อนใส่ตำแหน่งพลร่มที่ระดับความสูง3234 มีผู้เสียชีวิตทันที1คนและบาดเจ็บอีก2คน
ครึ่งชั่วโมงต่อมานักรบมูจาฮิดีนได้เข้าตี โดยส่งหน่วยBlack Stork
ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของกลุ่มก่อการร้ายซึ่งได้รับการฝึกฝนโดยครูฝึกชาวอเมริกันและปากีสถาน ตามข่าวกรองของโซเวียตในวันนั้น นักรบมูจโจมตีเนิน 3234 และสมทบการเข้าตีด้วยทหารปากีสถานประจำการจากกรม Chehatwal
แต่นักรบมูจหลายคนก็ได้พบว่าทหารพลร่มของกองร้อยที่9 แวแดแว ก็ไม่ได้รบแบบไก่กาเลย หน่วยนี้ถือเป็นหนึ่งในหน่วยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในทุกหน่วยรบของกองกำลังแห่งสหภาพโซเวียตในอัฟกานิสถานที่ดูเหมือนจะไร้เทียมทานเลยทีเดียว
การเข้าครั้งแรกโดยนักรบมูจ ไม่ต้องเดากันเลยทีเดียว เพราะว่านักรบเล่านี้ต้องวิ่งถอยหนีอย่างทุลักทุเล นักรบมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมกันมากถึง 40 คน
นักรบทุกคนที่ยังไหวก็ถอนตัว เข้าประจำตำแหน่งจากนั้นก็หยิบกระสุนปืนครกออกมา เวลาประมาณห้าโมงครึ่งในตอนเย็นนักรบมูจการเข้าครั้งที่สองพร้อมกับการสนับสนุนด้วยปืนครก การเข้าตีของนักรบนั้นเป็นการเข้าตีแบบทุกทิศทุกทาง
หลายครั้งที่เหล่าทหารพลร่มรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ในฐานป้องกันที่มั่นคงของกองกำลังโซเวียต ซึ่งทำให้มูจาฮิดีนต้องล้มเลิกแผนการของตนไปหลายครั้ง แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้
ในตอนต้นของค่ำวันที่แปดนักรบมูจเริ่มการเข้าตีครั้งใหญ่เป็นครั้งที่สาน ที่เนิน3234 ทีนี้นักรบมีปืนกลหนักมาสนะบสนุนด้วย อูเตสพลร่มซึ่งได้รับคำสั่งจากจ่าสิบเอกอเล็กซานดรอฟให้ปกป้องเนินนี้ไว้ให้ได้
เพียงสามวันก่อนหน้านี้อเล็กซานดรอฟ ในวัยอายุ 20 ปี เขาถูกปลดประจำการหลังจากสู้รบมามากกว่า10ครั้ง
การโจมตีที่สูงขึ้นครั้งที่สามต่างก็ล้มเหลวอย่างน่าอนาถ แต่ด้วยครั้งที่สี่ครั้งที่ห้า จิตวิญญาณแห่งนักรบมูจดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวเอาจริงแล้ว
แม้ว่าจะมีการสูญเสียอย่างหนักแต่ระหว่างนั้นได้มีการชี้เป้าปืนใหญ่ไปที่ตำแหน่งนักรบมูจเพื่อหวังฉีกร่างพวกเขาให้แหลก แต่ว่าตอนนั้นพวกเขาก็เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ30เมตร 25เมตร จนกระทั่งมาถึง20เมตร พลร่มยิงระยะปะทะกับนักรบในระยะเผาขน แต่มีทหารที่สู้ต่อไหวไม่ถึงสิบคน
"ไอ้พวกมอสโคว์ยอมแพ้สิโว้ย!" พวกนักรบตะโกนด้วยความโกรธ
พลทหารนายหนึ่งชื่ออังเดร เขาแตกต่างจากเพื่อนๆทุกคนในกลุ่มพลร่ม ตรงที่ว่าเขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด มีครอบครัว และตั้งใจที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ
เขามีประสบการณ์ในการปฏิบัติการทางทหารหกครั้งและในการต่อสู้ครั้งนี้เขาทำให้นักรบมูจแทบหัวหมุนจะบ้าตาย
เขาเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลาเขายับยั้งการโจมตีจนของนักรบมูจจนกระทั่งกระสุนไม่เหลือซักนัด ในที่สุดกระสุนจากนักรบมูจก็พุ่งเข้าใส่ตัวจนชิ้นส่วนกระจุย เขาเขาล้มลงและหายใจดังเสียงฮืดๆ จากนั้นไปนานเขาก็จากไป
และตามคำสั่งของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตแห่งสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531 เขาได้รับการยกย่องหลังจากที่เขาเสียชีวิตเยี่ยงวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต
เวลาประมาณตีสามการเข้าตีระลอกครั้งที่12เริ่มต้นขึ้น พลร่มห้านายยังคงอยู่ในหลุมเพลาะ กระสุนปืนเอเคหมดแล้วแต่ละคนก็ยังมีละเบิดคนละ2ลูกอยู่ "ไม่มีทางที่เราจะเอาชีวิตไปอยู่ในกำมือของพวกมูจาฮีดีน!!" ทหารคนนึงของกองร้อยที่9 กำลังเตรียมที่จะยิงหัวตัวเอง
แต่ในขณะนั้นมีหมวดลาดตระเวนภายใต้คำสั่งของร้อยโทอเล็กซี่ สเมียร์นอฟได้เข้ามาช่วยเหลือ
หน่วยสอดแนมพยายามผลักดันให้นักรบมูจถอยกลับไปอีกครั้ง จนกระทั่งไม่มีการโจมตีอีกระลอก หลังจากนับศพหารทุกนายที่ตายแล้ว พวกมูจาฮิดีนก็จากไปหลังจากนั้นไม่นาน
ทหารพลร่มโซเวียตห้าคนถูกสังหารโดยตรงในการรบ และคนที่หกเสียชีวิตในโรงพยาบาลหนึ่งวันต่อมา พลร่มเกือบ21คนได้รับบาดเจ็บอีก9คนอาการสาหัส
ไม่มีการทราบข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับการสูญเสียของนักรบมูจาฮีดีน แต่ในเวลาเดียวกันตามการคาดกา การสูญเสียของนักรบอาจจะมากถึง200 ถึง 300
ภารกิจการรบของกองร้อยพลร่มที่ 9 เสร็จสิ้นแล้ว เนิน3234 ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทหารโซเวียต และศัตรูไม่สามารถบุกเข้าไปในเส้นทางและกระหน่ำตีขบวนทหารได้