สวัสดีค่ะ จขกท. ชื่อ เมษ์ อายุ 20 ปี เป็นเด็กวัยรุ่นคนนึงที่คลั่งไคล้การลดน้ำหนักมาตั้งแต่ ม.2 เส้นทางการลดน้ำหนักของเมษ์ ก็ผ่านมาหลายวิธีที่เรียกว่าผิดหลักมากๆ จนกลายเป็นวงจร คุมอาหาร ผอม ตะบะแตก กินเยอะ อ้วนใหม่ ---> คุมอาหารใหม่ ผอม ตะบะแตก อ้วน เป็นวงจรอย่างนี้มาเรื่อยๆ
ทีนี้วันนี้เมษ์จะมาเล่าเรื่องราวที่เมษ์เคยประสบอาการ Eating disorder ที่พบมากในตปท.มีคนพูดถึงเรื่องนี้จำนวนมาก แต่ในไทยก็มีคนเป็นเยอะ แต่ไม่เป็นที่พูดถึง ทำให้คนที่เป็นอาการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น ไม่รู้จะหันหาใคร เนื่องจากพ่อแม่ก็ไม่มีใครเชื่อ แถมจะซ้ำเติม ว่าเราคิดไปเอง
ตอนนี้เมษ์จะเริ่มเล่าเส้นทางการลดน้ำหนักของเมษ์ตั้งแต่สมัยแรก 6ปีที่แล้ว คือเมษ์เริ่มมาจากการกินน้อย อ่านบทความต่างๆเรื่องแคลอรี่ ว่าวันนึงเราไม่ควรจะกินอะไร ไม่ควรกินเกินแคลอรี่ที่เราจะเผาพลาญ โดยเมษ์ก็ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียอะไร ต่อการกินน้อย หรือคุมแคลอรี่ ไม่เกิน 1200 แคล รู้สึกแค่ว่าดีใจเมื่อนํ้าหนักลด ตอนนั้นเมษ์ชั่งนํ้าหนักทุกวัน เช้าเย็น กินน้อยมากๆ ตัวพ่อแม่เริ่มไม่โอเคที่เราเป็นอย่างนี้ จนถึงขั้นเอาที่ชั่งนํ้าหนักไปทิ้ง เมษ์โกแม่ไปนานมากๆ เมษ์ลดน้ำหนักตอนนั้น จนเหลือประมาณ36kg ลืมบอกไปว่า เมษ์สูงแค่150 ซม เท่านั้น
พอเข้าม.ปลาย เราก็เริ่มเรียนพิเศษเยอะขึ้น เปลี่ยนโรงเรียน ทำให้เราก็นํ้าหนักขึ้นมาบ้างแต่ยังผอมเหมือนเดิม ยังนับแคลเหมือนเดิม บวกกับอยู่รร หญิงล้วน สภาพแวดล้อมของรร ไม่เอื้อมอำนวยต่อการกินอาหารกลางวัน ดังนั้นการกินน้อย ไม่แปลกเลยค่าา สำหรับสภาพสังคม
จนถึงเวลาที่เรากำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่อิตาลี่ (ลองย้อนกระทู้ของเมษ์ได้น้า เคยรีวิวไว้) จริงๆกลัวการนน.ขึ้นมากๆ ตั้งใจมากๆว่าจะเป็น เด็กแลกเปลี่ยนที่กลับมาแล้วนน.ไม่ขึ้น ประสาทมากๆ ไม่รู้คิดแบบนั้นได้ยังไง ก็เลยทำให้ชีวิตประจำวันที่ไปแลกเปลี่ยน ก็คือกินไม่ได้เยอะมาก แต่มันมีแต่ของอ้วนๆ แรกๆก็นน ไม่ค่อยขึ้น+ ตัวเราออกกำลังทุกวันเลยค่า5วันต่ออาทิตย์ได้เพราะว่างด้วย แต่สุดท้ายก็กลับมาด้วยนน ที่เพิ่มขึ้น5โล อยู่ที่ 43kg ตอนนั้นก็อ้วนขึ้นมาแต่ไม่แย่นะ เเต่เรารู้เลยว่าเราเริ่มเป็นโรค eating disorderตั้งแต่อยู่อิตาลี่แล้ว เพราะมีบางครั้งที่เมษ์ชอบเอาชอคโกแลตไว้ในห้องนอน แล้วแอบขึ้นไปกินตอนหลังข้าวเย็น เพราะกลัวโฮสจะว่าเราว่าเราว่าเรากินเยอะเกินไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือเรากินแล้วก็อ้วกด้วยในบางที แต่โฮสไม่รู้ คือมันอัตโนมัติอ้วกเอง ในความรู้สึกเรา ก็รู้สึกที่ดีอ้วกออกมา แล้วก็กินใหม่ แต่ตอนนั้นไม่ได้เป็นทุกวัน เป็นนานๆที ไม่ได้สังเกตุตัวเองว่าเราเป็นโรค eating disorder
พอกลับมาจากตปท เค้าเริ่มกลับมาตั้งใจเรียน ช่วง ม. 6 เพื่อสอบเข้ามหาลัย ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่กินเยอะมากๆ เพิ่งเริ่มมาอ้วนช่วงใกล้สอบ แต่คือใจรู้อยู่แล้ววันฉันจะไม่ยอมอ้วน สอบได้เมื่อไหร่ จะลดนํ้าหนักอย่างแน่นอน
พอสอบติดเราก็เริ่มนํ้าหนักจริงๆ อย่างบ้าคลั่ง เข้าฟิตเนสประมาณ 5-7วัน อยู่ตั้งแต่ 8โมงถึงเที่ยง ทุกวันคือบวกกับช่วงนั้นว่างมากๆ เลยออกหนักมาก เเล้วก็คุมอาหารหนักมากๆ การทำตามนี้คือมันผอมอยู่แล้ว จนช่วงที่เราเริ่มเปิดเทอมปี1 เราเริ่มไม่ว่างออกกำลังกายแล้ว และคณะเราเรียนหนักมากๆ บอกตรงๆว่าเราเซมาก ปกติเราจะออกกำลังหายตลอด ไม่ได้ออกกำลังกายแล้วรู้สึกแย่มากๆ ช่วงนั้นเราก็บีบบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายจนได้ แม้จะเหนื่อยหรือไม่มีเวลา ก็ต้องอกลอย่างหนัก เพราะกลัวอ้วนขึ้น เช่น เรียนเสร็จก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็ต้องไปฟิตเนสอีกสองชั่วโมง ซึ่งไกลจากมหาลัยประมาณ 1 ชั่วโมงได้ เพราะรถติด(คือพยายามมาก เพื่อนหรือสังคมคือไม่คบหาเลย จะไปอกล.ประการเดียว)
******เริ่มวงจรแล้วงับ
จนสุดท้ายการออกกำลังกายเราเริ่มไม่เป็นเวลา เราเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เราเริ่มตะบะแตก อาการตอนแลกเปลี่ยนมันเหมือนทวีคูนเอาตอนนี้ ตอนที่เราไม่สามารถจัดแพลนไดเอทตัวเองได้ หรือรู้สึกว่าตัวเองแย่ ตัวเองอ้วน เพราะตอนนั้นเราก็เริ่มอ้วนขึ้นแล้ว ยอมรับว่าตอนนั้นเรามีอาการเครียดด้วยเรื่องครอบครัวและเพื่อน ทำให้เราตะบะแตกหนักมากกกกก แล้วกลายเป็นวงจรบ้าๆ กินทั้งวัน กินไม่หยุด ไม่หมดกระปุก ไม่เลิก แล้วก็อ้วก แล้วก็กินใหม่ ยิ่งบอกว่าตัวเองจะเลิกกินแล้วยิ่งอยากกิน ตอนนั้นเราก็เริ่มอ้วนยิ่งเข้าไปอีก ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ทำให้ยิ่งอยากกินทุกอย่าง ตอนแรกตะบะแตก กินไม่หยุด เป็นแค่ตอนกลางคืนบางวัน สักพักเป็น วันเว้นวัน ต่อมาเราเป็นทุกวัน แล้วมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ หัวเราไม่สามารถเปลี่ยนความสนใจออกจากการกินได้เลยยยย เราคิดเรื่องกินตลอดเวลา ตอนแรกอย่างที่บอกว่าร่างกายเราอ้วกอาหารที่กินออกมาเอง สักพักร่างกายมันอ้วกออกมาไม่หมด เราไม่พอใจจึงพยายามล้วงคอตัวเองออก จนหลังๆก็คือเราล้วงคอเองเลย คือตัวอ้วกที่ออกมาได้ประมาณเป็นโลๆได้ ฮือออ บอกตรงๆตอนอ้วกแรกๆรู้สึกดี ในใจเราคือตลอดว่ากินแล้วไปอ้วกดีกว่า ทำให้เราพยายามกินเยอะกว่าเดิมเพราะตั้งใจว่าจะไปอ้วก คิดว่าร่างกายคงไม่ได้รับอาหารที่ทานเข้าไป ทำให้หลังๆคือมันกินเยอะจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วอ้วกไม่ออกแล้ว เลยหันไปพึ่งยาถ่าย แต่ถ่ายแบบมีแต่น้ำ ทำให้ร่ายกายเรารวยไปหมด ช่วงหลังๆเราอ้วกไม่ออกแล้ว ยาถ่ายกฟ้ไม่มีผล ทำให้เรากินหนักกว่าเดิมไปอีกจนบางทีเราก็กินจนสลบไปเลย เหมือนกินนํ้าตาลเยอะเกินไป มีบางทีที่อยากจะตัดเนื้อตัวเอง จับเนื้อตัวเองแล้วอยากเอามีดมาตัด เรานั่งร้องไห้ในห้องนํ้าบ่อยมากๆ อาการมันชอบกำเริบที่คนที่บ้านไม่อยู่ เพราะเราจะรีบกินทุกอย่างเคลียตู้เย็นแล้วรีบไปอ้วกคนจะได้ไม่เห็น
อาหารตอนตะบะแตกในแต่ละวัน ไม่นับมื้อเช้ากลางวันเย็น
เราพยายามกินทุกอย่างที่อ้วน
อาหารในแต่ละวันเป็นประมานนี้ คือนี้ยังไม่หมดใน1วัน นี้อาจจะบอกได้ว่ามันคืออาหารที่กินเข้าไปแล้วอ้วกมาอีกรอบนึง ปกติเราอ้วกวันสามสี่รอบต่อวัน
ที่บ้านเรารู้เรื่องทุกอย่าง ก็เอือมกับตัวเราแล้วทะเลาะทุกวันเรื่องกิน ห้ามไม่ให้เรากิน เรายิ่งอยากกิน เราเริ่มทนกับสภาพตัวเองไม่ไหว ขอพ่อแม่ไปหาหมอ พอไปหาหมอ หมอตรวจ นนเราบอกว่าเราไม่เป็นอะไรเพราะนนไม่เกิน คือเราไม่ได้อ้วนขนาดนั้น แต่คือบวมๆ เราอยากบอกหมอว่าหมอโคตรไม่เข้าใจเราเลยอะ คือเราอยากไปหาหมอเพื่อให้หมอเข้าใจเราแล้วไปอธิบายให้พ่อแม่ฟัง จะได้ให้กำลังใจเราบ้าง คือหมอไม่เข้าใจอาการเราเลย บอกว่าเราไม่อ้วน นนไม่เกิน สุดท้ายกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมโดนพ่อแม่ซํ้าเติมว่า เห็นมั้ย ไม่เป็นไรนิ ก็แค่หยุดกิน ..... คืออยากพ่อแม่ว่า จริงๆก็คืออยากหยุดกินได้เหมือนกัน แต่คือโรคนี้มันเป็นโรคทางจิตนิดนึง เราไม่สามารถควบคุมการกินเราได้ เราไม่รู้จะฮีลตัวเองทางไหนเลย ลืมบอกว่าเรายังคงออกกำลังกายมาโดยตลอดด เพราะคิดว่าออกกำลังกายจะทำให้ผอม
รูปตอนอ้วนบิ้นจ์ ไม่มีรูปเยอะ เพราะไม่กล้าถ่าย
สุดท้ายเราก็ปล่อยตัวเองกินไม่หยุดเป็นอย่างนั้น แต่บวกกับตอนนั้นความเครียดเริ่มลดลง อาการกินไม่หยุดเราน้อยลงเยอะเพราะเหมือนปล่อยให้ตัวเองกินมานานพอควร ร่างกายเริ่มพอใจ แต่คือเราก้ยังกินเยอะอยู่เหมือนเดิม+ยังออกกำลังกายเหมือนเดิม
ถึงขั้นหายจากอาการแล้วทุกคน ในที่ประสบปัญหานี้ลองทำตามดู
1. ช่วงที่เราเริ่มหายเนื่องจากเราเราเริ่มมีความสนใจอื่นๆ ทำให้เราเลิกออกกำลังกายไป แล้วเมษ์ก็เริ่มออกไปทานข้าวกับเพื่อนมากขึ้น อยู่กับคนอื่นมากขึ้น ทำให้รู้เรื่องว่าจริงๆอาการที่เราเป็นอยู่ชอบกำเริบตอนเราอยู่คนเดียว ใช่ค่ะ กินข้าวกับคนอื่นมันอ้วนขึ้นจริงๆ แต่อาการกินอ้วกเราลดลง
2. เมษ์ทานอาหารนอกบ้าน อาหารปกติไม่ใช่อาหารคลีนมากขึ้น แต่ก่อนเมษ์เข้าแต่ร้านอาหารคลีนตลอด เพราะสังคมเดิมที่เมษ์เป็นเป็นสัวคมฟิตเรส พากันกินคลีนค่ะ ไม่ได้เข้าร้านอาการปกติเลย พอเปลี่ยนคนอยู่ด้วย เป็นคนที่ไม่กินคลีน ไม่สนใจการออกกำลังกาย การดูแลหุ่นมากๆ ทำให้เราก็เลิกคิดเรื่องพวกนั้นไปด้วย อ้อ อีกอย่างคือเมษ์เลิกขนมคลีนแล้วกินอาหารปกติเยอะขึ้นมากๆ อาจจะมีอาหารคลีนหลังมื้อบ้าง แต่น้อยลงเยอะ แต่ก่อนกินขนมคลีนแทนมื้ออาหารไปเลย แย่ๆมาก เคยคิดว่ามันดี จริงๆกินขนมคลีนเยอะๆทำให้มีอากาติดขนมนะคะ
3. เมษ์เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ทำให้เมษ์ได้พักผ่อน นอนเยอะมากขึ้น ความอยากอาหารลดลง คือมันไม่อยากกินเอง มันมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคะ ไม่คิดว่าเกิดมาจะมีความรู้สึกแบบนี้ เพราะตั้งแต่ลดนํ้าหนักก็รู้สึกอยากกินนู้นนี้ไปหมด จริงๆจะบอกว่าให้ตัดตัวเองจากวงจรทั้งหมด ทั้งออกกำลังกาย ทั้งการกินอาหารคลีน เลิกสนใจไปสักพักนะ ฮีลตัวเองให้ได้ก่อน การไดเอทที่ดีอยู่ที่จิตใจด้วยค่ะ สำคัญมากๆ
4.เมษ์เลิกชั่งนํ้าหนักไปเลยค่ะ ไม่ดูหุ่นด้วย มันทำให้เราไม่เครียดนะ คือจะบอกว่ายิ่งเครียด ยิ่งมองตัวเองยิ่งทำให้มีอาการบินจ์
ปัจจุบันเมษ์เชื่อว่าตัวเองหายขาดจากอาการนี้เเล้วเลยมาแชร์กัน พอเราลดเลิกอาการ eating disorder นี้ได้แล้ว มันทำให้เราสามารถลดความอ้วนได้อย่างยั่งยืนเเล้วนะคะ เพราะเหมือนเราผ่านจุดที่เลวร้ายมาก่อน การลดนํ้าหนักในขั้นต่อไปเราจะมีสติ ไม่บังคับตัวเอง ดูแลจิตใจตัวเอง และฟังเสียงร่างกายตัวเองมากขึ้น
หุ่นตอนหายเป็นโรคdisorderแล้วแล้ว กลับมาคุมอาหาร กลับมาออกกำลังกายแบบเดิม แต่น้อยลงเยอะเลย
ตอนนี้เมษ์เริ่มหายจากอาการ Eating Disorder มา1ปีแล้วค่ะ นน. ลดเอง 5 โล ไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนักนะคะ แต่เหมือนพอเลิกบินจ๋ กลับมากินปกติ ตัวก็บางลงเองค่ะ (คือจะบอกว่าคนเป็นeating disorder ควรตัดเรื่องลดน้ำหนักพวกนี้ออกไปเลยค่ะ ตัดตัวเองจากวงจรทั้งหมดแล้วนํ้าหนักมันจะลดตามการกินที่น้อยลงของเราเองค่ะ)ตอนนี้ออกกำลังกายเพียง 1-2 วัน กินอาหารนอกบ้านบ่อยมากๆค่ะ ไม่ยึดติดหารกินคลีนทุกวัน/ขนมคลีนอีกต่อไปปปป~
ถึงแม้ตอนนี้หุ่นเมษ์จะดีขึ้นแต่เมษ์ยังขอยืนยันว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ให้ทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้แน่นอนค่ะ โรคนี้มันทำให้เราพลาดเรื่องดีบางอย่างตอนเด็กไปเลยค่ะ
ใครสนใจเรื่องพวกนี้ติดตามเมษ์ได้ที่ >>
https://instagram.com/bitchycooking?igshid=1ithqb7eu64p9 (เมษ์พยายามพูดถึงเรื่องพวกนี้อยู่ให้เป็นที่ระวังสำหรับเด็กวัยรุ่น คือจริงๆคนเป็นเยอะแต่ไม่รู้ตัว)
IG : Bitchycooking
ขออณุญาติแปะลิ้งค์
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=eatingdisorder&month=17-08-2015&group=1&gblog=1 <<เผื่อว่าไม่เข้าใจว่าeating disorderคือะไรนะคะ
รีวิว คนเคยเป็น Eating Disorder โรคผิกปกติทางการกิน กินไม่หยุด ตะบะแตก ผลเสียของการลดนํ้าหนัก
ทีนี้วันนี้เมษ์จะมาเล่าเรื่องราวที่เมษ์เคยประสบอาการ Eating disorder ที่พบมากในตปท.มีคนพูดถึงเรื่องนี้จำนวนมาก แต่ในไทยก็มีคนเป็นเยอะ แต่ไม่เป็นที่พูดถึง ทำให้คนที่เป็นอาการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น ไม่รู้จะหันหาใคร เนื่องจากพ่อแม่ก็ไม่มีใครเชื่อ แถมจะซ้ำเติม ว่าเราคิดไปเอง
ตอนนี้เมษ์จะเริ่มเล่าเส้นทางการลดน้ำหนักของเมษ์ตั้งแต่สมัยแรก 6ปีที่แล้ว คือเมษ์เริ่มมาจากการกินน้อย อ่านบทความต่างๆเรื่องแคลอรี่ ว่าวันนึงเราไม่ควรจะกินอะไร ไม่ควรกินเกินแคลอรี่ที่เราจะเผาพลาญ โดยเมษ์ก็ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียอะไร ต่อการกินน้อย หรือคุมแคลอรี่ ไม่เกิน 1200 แคล รู้สึกแค่ว่าดีใจเมื่อนํ้าหนักลด ตอนนั้นเมษ์ชั่งนํ้าหนักทุกวัน เช้าเย็น กินน้อยมากๆ ตัวพ่อแม่เริ่มไม่โอเคที่เราเป็นอย่างนี้ จนถึงขั้นเอาที่ชั่งนํ้าหนักไปทิ้ง เมษ์โกแม่ไปนานมากๆ เมษ์ลดน้ำหนักตอนนั้น จนเหลือประมาณ36kg ลืมบอกไปว่า เมษ์สูงแค่150 ซม เท่านั้น
จนถึงเวลาที่เรากำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่อิตาลี่ (ลองย้อนกระทู้ของเมษ์ได้น้า เคยรีวิวไว้) จริงๆกลัวการนน.ขึ้นมากๆ ตั้งใจมากๆว่าจะเป็น เด็กแลกเปลี่ยนที่กลับมาแล้วนน.ไม่ขึ้น ประสาทมากๆ ไม่รู้คิดแบบนั้นได้ยังไง ก็เลยทำให้ชีวิตประจำวันที่ไปแลกเปลี่ยน ก็คือกินไม่ได้เยอะมาก แต่มันมีแต่ของอ้วนๆ แรกๆก็นน ไม่ค่อยขึ้น+ ตัวเราออกกำลังทุกวันเลยค่า5วันต่ออาทิตย์ได้เพราะว่างด้วย แต่สุดท้ายก็กลับมาด้วยนน ที่เพิ่มขึ้น5โล อยู่ที่ 43kg ตอนนั้นก็อ้วนขึ้นมาแต่ไม่แย่นะ เเต่เรารู้เลยว่าเราเริ่มเป็นโรค eating disorderตั้งแต่อยู่อิตาลี่แล้ว เพราะมีบางครั้งที่เมษ์ชอบเอาชอคโกแลตไว้ในห้องนอน แล้วแอบขึ้นไปกินตอนหลังข้าวเย็น เพราะกลัวโฮสจะว่าเราว่าเราว่าเรากินเยอะเกินไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือเรากินแล้วก็อ้วกด้วยในบางที แต่โฮสไม่รู้ คือมันอัตโนมัติอ้วกเอง ในความรู้สึกเรา ก็รู้สึกที่ดีอ้วกออกมา แล้วก็กินใหม่ แต่ตอนนั้นไม่ได้เป็นทุกวัน เป็นนานๆที ไม่ได้สังเกตุตัวเองว่าเราเป็นโรค eating disorder
พอกลับมาจากตปท เค้าเริ่มกลับมาตั้งใจเรียน ช่วง ม. 6 เพื่อสอบเข้ามหาลัย ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่กินเยอะมากๆ เพิ่งเริ่มมาอ้วนช่วงใกล้สอบ แต่คือใจรู้อยู่แล้ววันฉันจะไม่ยอมอ้วน สอบได้เมื่อไหร่ จะลดนํ้าหนักอย่างแน่นอน
พอสอบติดเราก็เริ่มนํ้าหนักจริงๆ อย่างบ้าคลั่ง เข้าฟิตเนสประมาณ 5-7วัน อยู่ตั้งแต่ 8โมงถึงเที่ยง ทุกวันคือบวกกับช่วงนั้นว่างมากๆ เลยออกหนักมาก เเล้วก็คุมอาหารหนักมากๆ การทำตามนี้คือมันผอมอยู่แล้ว จนช่วงที่เราเริ่มเปิดเทอมปี1 เราเริ่มไม่ว่างออกกำลังกายแล้ว และคณะเราเรียนหนักมากๆ บอกตรงๆว่าเราเซมาก ปกติเราจะออกกำลังหายตลอด ไม่ได้ออกกำลังกายแล้วรู้สึกแย่มากๆ ช่วงนั้นเราก็บีบบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายจนได้ แม้จะเหนื่อยหรือไม่มีเวลา ก็ต้องอกลอย่างหนัก เพราะกลัวอ้วนขึ้น เช่น เรียนเสร็จก็เหนื่อยแล้ว แต่ก็ต้องไปฟิตเนสอีกสองชั่วโมง ซึ่งไกลจากมหาลัยประมาณ 1 ชั่วโมงได้ เพราะรถติด(คือพยายามมาก เพื่อนหรือสังคมคือไม่คบหาเลย จะไปอกล.ประการเดียว)
******เริ่มวงจรแล้วงับ
จนสุดท้ายการออกกำลังกายเราเริ่มไม่เป็นเวลา เราเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เราเริ่มตะบะแตก อาการตอนแลกเปลี่ยนมันเหมือนทวีคูนเอาตอนนี้ ตอนที่เราไม่สามารถจัดแพลนไดเอทตัวเองได้ หรือรู้สึกว่าตัวเองแย่ ตัวเองอ้วน เพราะตอนนั้นเราก็เริ่มอ้วนขึ้นแล้ว ยอมรับว่าตอนนั้นเรามีอาการเครียดด้วยเรื่องครอบครัวและเพื่อน ทำให้เราตะบะแตกหนักมากกกกก แล้วกลายเป็นวงจรบ้าๆ กินทั้งวัน กินไม่หยุด ไม่หมดกระปุก ไม่เลิก แล้วก็อ้วก แล้วก็กินใหม่ ยิ่งบอกว่าตัวเองจะเลิกกินแล้วยิ่งอยากกิน ตอนนั้นเราก็เริ่มอ้วนยิ่งเข้าไปอีก ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ทำให้ยิ่งอยากกินทุกอย่าง ตอนแรกตะบะแตก กินไม่หยุด เป็นแค่ตอนกลางคืนบางวัน สักพักเป็น วันเว้นวัน ต่อมาเราเป็นทุกวัน แล้วมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ หัวเราไม่สามารถเปลี่ยนความสนใจออกจากการกินได้เลยยยย เราคิดเรื่องกินตลอดเวลา ตอนแรกอย่างที่บอกว่าร่างกายเราอ้วกอาหารที่กินออกมาเอง สักพักร่างกายมันอ้วกออกมาไม่หมด เราไม่พอใจจึงพยายามล้วงคอตัวเองออก จนหลังๆก็คือเราล้วงคอเองเลย คือตัวอ้วกที่ออกมาได้ประมาณเป็นโลๆได้ ฮือออ บอกตรงๆตอนอ้วกแรกๆรู้สึกดี ในใจเราคือตลอดว่ากินแล้วไปอ้วกดีกว่า ทำให้เราพยายามกินเยอะกว่าเดิมเพราะตั้งใจว่าจะไปอ้วก คิดว่าร่างกายคงไม่ได้รับอาหารที่ทานเข้าไป ทำให้หลังๆคือมันกินเยอะจนควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วอ้วกไม่ออกแล้ว เลยหันไปพึ่งยาถ่าย แต่ถ่ายแบบมีแต่น้ำ ทำให้ร่ายกายเรารวยไปหมด ช่วงหลังๆเราอ้วกไม่ออกแล้ว ยาถ่ายกฟ้ไม่มีผล ทำให้เรากินหนักกว่าเดิมไปอีกจนบางทีเราก็กินจนสลบไปเลย เหมือนกินนํ้าตาลเยอะเกินไป มีบางทีที่อยากจะตัดเนื้อตัวเอง จับเนื้อตัวเองแล้วอยากเอามีดมาตัด เรานั่งร้องไห้ในห้องนํ้าบ่อยมากๆ อาการมันชอบกำเริบที่คนที่บ้านไม่อยู่ เพราะเราจะรีบกินทุกอย่างเคลียตู้เย็นแล้วรีบไปอ้วกคนจะได้ไม่เห็น
ถึงขั้นหายจากอาการแล้วทุกคน ในที่ประสบปัญหานี้ลองทำตามดู
1. ช่วงที่เราเริ่มหายเนื่องจากเราเราเริ่มมีความสนใจอื่นๆ ทำให้เราเลิกออกกำลังกายไป แล้วเมษ์ก็เริ่มออกไปทานข้าวกับเพื่อนมากขึ้น อยู่กับคนอื่นมากขึ้น ทำให้รู้เรื่องว่าจริงๆอาการที่เราเป็นอยู่ชอบกำเริบตอนเราอยู่คนเดียว ใช่ค่ะ กินข้าวกับคนอื่นมันอ้วนขึ้นจริงๆ แต่อาการกินอ้วกเราลดลง
2. เมษ์ทานอาหารนอกบ้าน อาหารปกติไม่ใช่อาหารคลีนมากขึ้น แต่ก่อนเมษ์เข้าแต่ร้านอาหารคลีนตลอด เพราะสังคมเดิมที่เมษ์เป็นเป็นสัวคมฟิตเรส พากันกินคลีนค่ะ ไม่ได้เข้าร้านอาการปกติเลย พอเปลี่ยนคนอยู่ด้วย เป็นคนที่ไม่กินคลีน ไม่สนใจการออกกำลังกาย การดูแลหุ่นมากๆ ทำให้เราก็เลิกคิดเรื่องพวกนั้นไปด้วย อ้อ อีกอย่างคือเมษ์เลิกขนมคลีนแล้วกินอาหารปกติเยอะขึ้นมากๆ อาจจะมีอาหารคลีนหลังมื้อบ้าง แต่น้อยลงเยอะ แต่ก่อนกินขนมคลีนแทนมื้ออาหารไปเลย แย่ๆมาก เคยคิดว่ามันดี จริงๆกินขนมคลีนเยอะๆทำให้มีอากาติดขนมนะคะ
3. เมษ์เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ทำให้เมษ์ได้พักผ่อน นอนเยอะมากขึ้น ความอยากอาหารลดลง คือมันไม่อยากกินเอง มันมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะคะ ไม่คิดว่าเกิดมาจะมีความรู้สึกแบบนี้ เพราะตั้งแต่ลดนํ้าหนักก็รู้สึกอยากกินนู้นนี้ไปหมด จริงๆจะบอกว่าให้ตัดตัวเองจากวงจรทั้งหมด ทั้งออกกำลังกาย ทั้งการกินอาหารคลีน เลิกสนใจไปสักพักนะ ฮีลตัวเองให้ได้ก่อน การไดเอทที่ดีอยู่ที่จิตใจด้วยค่ะ สำคัญมากๆ
4.เมษ์เลิกชั่งนํ้าหนักไปเลยค่ะ ไม่ดูหุ่นด้วย มันทำให้เราไม่เครียดนะ คือจะบอกว่ายิ่งเครียด ยิ่งมองตัวเองยิ่งทำให้มีอาการบินจ์
ปัจจุบันเมษ์เชื่อว่าตัวเองหายขาดจากอาการนี้เเล้วเลยมาแชร์กัน พอเราลดเลิกอาการ eating disorder นี้ได้แล้ว มันทำให้เราสามารถลดความอ้วนได้อย่างยั่งยืนเเล้วนะคะ เพราะเหมือนเราผ่านจุดที่เลวร้ายมาก่อน การลดนํ้าหนักในขั้นต่อไปเราจะมีสติ ไม่บังคับตัวเอง ดูแลจิตใจตัวเอง และฟังเสียงร่างกายตัวเองมากขึ้น
ถึงแม้ตอนนี้หุ่นเมษ์จะดีขึ้นแต่เมษ์ยังขอยืนยันว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ให้ทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้แน่นอนค่ะ โรคนี้มันทำให้เราพลาดเรื่องดีบางอย่างตอนเด็กไปเลยค่ะ
ใครสนใจเรื่องพวกนี้ติดตามเมษ์ได้ที่ >> https://instagram.com/bitchycooking?igshid=1ithqb7eu64p9 (เมษ์พยายามพูดถึงเรื่องพวกนี้อยู่ให้เป็นที่ระวังสำหรับเด็กวัยรุ่น คือจริงๆคนเป็นเยอะแต่ไม่รู้ตัว)
IG : Bitchycooking
ขออณุญาติแปะลิ้งค์ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=eatingdisorder&month=17-08-2015&group=1&gblog=1 <<เผื่อว่าไม่เข้าใจว่าeating disorderคือะไรนะคะ