ฝ่ายค้านจัดหนักซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ เปิดทุจริตหลายโครงการ ‘วิสาร’ อัดยิ่งบริหารยิ่งพัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2506640
ฝ่ายค้านจัดหนักซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ เปิดทุจริตหลายโครงการ ‘วิสาร’ อัดยิ่งบริหารยิ่งพัง
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นาย
วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลบริหารประเทศ ไม่มีประสิทธิภาพตั้งงบประมาณบริหารไว้สูงแต่ไม่ดูว่าสามารถเก็บภาษีได้หรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องกู้เพื่อมาโป๊ะงบประมาณ ยิ่งรัฐบาลบริหารแบบนี้ก็ยิ่งต้องกู้เพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ยังปล่อยให้มีการทุจริตเพิ่มสูงขึ้น หลายโครงการรัฐมีข่าวการทุจริตทุกประเภท ผลที่ออกมา คือ ประเทศไทยกลายเป็นรัฐล้มเหลวและรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว
นอกจากนี้ การกู้เงินที่ผ่านมาที่รัฐบาลอ้างว่า ต้องมาใช้ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการกู้เงินฟื้นฟูประเทศจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้ อีกทั้ง เงินกู้ที่รัฐบาลอ้างว่านำไปช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด มีผู้ประกอบการกี่รายที่เข้าถึงเงินกู้ของรัฐ เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบ อ้างติดขัดข้อกฎหมายไม่สามารถ อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาได้ นอกจากนี้การให้ความช่วยเหลือนั้นก็เลือกช่วย หากผู้ประกอบการรายใดใกล้ชิดกับรัฐบาลจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
นาย
วิสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเก็บภาษีพลาดเป้า แต่วิธีการในการใช้เงินของรัฐบาลกลับไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน เพราะรัฐบาลใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย งบประมาณของรัฐที่จ่ายออกไปจึงไหลไปอยู่ในมือของนายทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาล ไม่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจเสียหาย ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงในปี 2564 พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงต้องรับศึกหนักแน่ เพราะจะได้รู้ว่าการทุจริตของรัฐบาลมีทุกกระทรวง ทุกโครงการมีการทุจริต ที่ พล.อ.
ประยุทธ์ บอกว่าถ้าพบทุจริตให้แจ้งมาพร้อมดำเนินการ ถึงเวลานั้นจะกล้าดำเนินการหรือไม่หากคนใกล้ชิดของ พล.อ.
ประยุทธ์ มีผลประโยชน์ในการโครงการของรัฐ
เสี่ยเพ้า เสนอ รบ.ปฏิรูป 4 ด้าน กู้วิกฤตศก. เชื่อจะเป็นของขวัญให้คนไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2506621
วันที่ 30 ธันวาคม นาย
จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียน และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ปี 2563 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับคนไทยหลายสิบล้านคน สาเหตุจากโรคระบาดครั้งประวัติศาสาตร์จากไวรัสโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยเลือกรับมือกับการระบาดในครั้งแรกอย่างสุดโต่ง ซึ่งแลกด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน คิดเป็นมูลค่าหลายล้านๆ บาท โดยต้องยอมรับว่าวิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่สถานการณเศรษฐกิจเหมือนครั้งใดที่เคยผ่านมา การจะใช้วิธีเดิมๆจะไม่สามารถกู้วิกฤตครั้งนี้ได้ หรือถ้าได้ก็อาจจะใช้เวลาเนิ่นนานจนความเดือดร้อนแผ่ขยายไปทั่ว รัฐบาลจึงควรคิดนอกกรอบโดยไม่ฝืนความเป็นไทย
นาย
จักรพงษ์ กล่าวว่า จึงอยากเสนอให้
1.ปฎิรูปธุรกิจภาคการท่องเที่ยวเพื่อรองรับมาตรฐานการปฏิบัติใหม่ (new normal) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติให้อยู่ในสภาพที่ดี ควบคู่ไปกับการลงทุนก่อสร้าง (man made) ให้มีซึ่งจุดดึงดูดการท่องเที่ยวแหล่งใหม่
2.ปฎิรูปภาคการเกษตรและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีประชากรกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการนำความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อสนับสนุนการผลิตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก และรัฐบาลควรสนับสนุนธุรกิจยุคใหม่ (start up) โดยสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์เข้ามารวมพัฒนา
ทั้งวิธีการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพดี และพัฒนาช่องทางการขายแทนที่จะมัวแต่คิดเพ้อฝันส่งจรวดไปดาวดวงอื่น
3.ปฎิรูปภาคธุรกิจ SME ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 90 ของบริษัทที่ประกอบการอยู่ สร้างรายได้คิดเป็นเกือบร้อยละ 50 ของ GDP ของประเทศโดยขณะนี้มี SME จำนวนมากที่ขาดสภาพคล่องรุนแรง ทั้งๆที่ หลายธุรกิจมีอนาคตและหลายธุรกิจกำลังเผชิญกับ อุบัติการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (technology disruption) ดังนั้นรัฐบาลจะต้องรีบเข้าไปช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเหล่านี้ให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ส่วนที่เป็นธุรกิจที่จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเลิกราไป (disrupt) รัฐบาลก็ควรเข้าไปชี้แนะ และพัฒนากลุ่มนี้ให้สามารถชุบชีวิตขึ้นในสภาพแวดล้อมใหม่ให้จงได้ การจะช่วย SME เพียงการพักชำระหนี้ หรือหยอดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) เพียง 20% ของยอดหนี้ย่อมไม่เพียงพอ แต่รัฐบาลควรตั้งกองทุนเป็นการเฉพาะแก่ธุรกิจ SME ที่มีขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มช่องทางให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเพียงพอ
และ 4.ปฎิรูปภาคแรงงาน การเพิ่มความรู้ ความคิด และทักษะฝีมือแรงงานไทยเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของทุกภาคส่วนที่กล่าวมาข้างต้น รัฐบาลควรเร่งเพิ่มคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยว การเกษตร และ การผลิตและการค้าของ ธุรกิจ SME มิฉะนั้นจะเปรียบเสมือนสภาวะที่มีรถยนต์ดีที่ปราศจากผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการปฏิรูปทั้ง 4 ด้านนี้จะเป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับคนไทยทั้งประเทศ
JJNY : ซักฟอกตู่เปิดทุจริตหลายโครงการ/เสี่ยเพ้าเสนอปฏิรูป4ด้านกู้ศก./โตโต้โพสต์เปลี่ยนกรุงเทพเป็นย่างกุ้ง/ศรีปูดบ่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2506640
ฝ่ายค้านจัดหนักซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ เปิดทุจริตหลายโครงการ ‘วิสาร’ อัดยิ่งบริหารยิ่งพัง
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลบริหารประเทศ ไม่มีประสิทธิภาพตั้งงบประมาณบริหารไว้สูงแต่ไม่ดูว่าสามารถเก็บภาษีได้หรือไม่ ดังนั้นรัฐบาลต้องกู้เพื่อมาโป๊ะงบประมาณ ยิ่งรัฐบาลบริหารแบบนี้ก็ยิ่งต้องกู้เพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ยังปล่อยให้มีการทุจริตเพิ่มสูงขึ้น หลายโครงการรัฐมีข่าวการทุจริตทุกประเภท ผลที่ออกมา คือ ประเทศไทยกลายเป็นรัฐล้มเหลวและรัฐบาลบริหารงานล้มเหลว
นอกจากนี้ การกู้เงินที่ผ่านมาที่รัฐบาลอ้างว่า ต้องมาใช้ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการกู้เงินฟื้นฟูประเทศจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้ อีกทั้ง เงินกู้ที่รัฐบาลอ้างว่านำไปช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด มีผู้ประกอบการกี่รายที่เข้าถึงเงินกู้ของรัฐ เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบ อ้างติดขัดข้อกฎหมายไม่สามารถ อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาได้ นอกจากนี้การให้ความช่วยเหลือนั้นก็เลือกช่วย หากผู้ประกอบการรายใดใกล้ชิดกับรัฐบาลจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
นายวิสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลเก็บภาษีพลาดเป้า แต่วิธีการในการใช้เงินของรัฐบาลกลับไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน เพราะรัฐบาลใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย งบประมาณของรัฐที่จ่ายออกไปจึงไหลไปอยู่ในมือของนายทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาล ไม่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจเสียหาย ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงในปี 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงต้องรับศึกหนักแน่ เพราะจะได้รู้ว่าการทุจริตของรัฐบาลมีทุกกระทรวง ทุกโครงการมีการทุจริต ที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าถ้าพบทุจริตให้แจ้งมาพร้อมดำเนินการ ถึงเวลานั้นจะกล้าดำเนินการหรือไม่หากคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลประโยชน์ในการโครงการของรัฐ
เสี่ยเพ้า เสนอ รบ.ปฏิรูป 4 ด้าน กู้วิกฤตศก. เชื่อจะเป็นของขวัญให้คนไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2506621
วันที่ 30 ธันวาคม นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียน และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ปี 2563 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับคนไทยหลายสิบล้านคน สาเหตุจากโรคระบาดครั้งประวัติศาสาตร์จากไวรัสโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยเลือกรับมือกับการระบาดในครั้งแรกอย่างสุดโต่ง ซึ่งแลกด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน คิดเป็นมูลค่าหลายล้านๆ บาท โดยต้องยอมรับว่าวิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่สถานการณเศรษฐกิจเหมือนครั้งใดที่เคยผ่านมา การจะใช้วิธีเดิมๆจะไม่สามารถกู้วิกฤตครั้งนี้ได้ หรือถ้าได้ก็อาจจะใช้เวลาเนิ่นนานจนความเดือดร้อนแผ่ขยายไปทั่ว รัฐบาลจึงควรคิดนอกกรอบโดยไม่ฝืนความเป็นไทย
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า จึงอยากเสนอให้
1.ปฎิรูปธุรกิจภาคการท่องเที่ยวเพื่อรองรับมาตรฐานการปฏิบัติใหม่ (new normal) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติให้อยู่ในสภาพที่ดี ควบคู่ไปกับการลงทุนก่อสร้าง (man made) ให้มีซึ่งจุดดึงดูดการท่องเที่ยวแหล่งใหม่
2.ปฎิรูปภาคการเกษตรและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีประชากรกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการนำความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อสนับสนุนการผลิตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก และรัฐบาลควรสนับสนุนธุรกิจยุคใหม่ (start up) โดยสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์เข้ามารวมพัฒนา
ทั้งวิธีการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพดี และพัฒนาช่องทางการขายแทนที่จะมัวแต่คิดเพ้อฝันส่งจรวดไปดาวดวงอื่น
3.ปฎิรูปภาคธุรกิจ SME ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 90 ของบริษัทที่ประกอบการอยู่ สร้างรายได้คิดเป็นเกือบร้อยละ 50 ของ GDP ของประเทศโดยขณะนี้มี SME จำนวนมากที่ขาดสภาพคล่องรุนแรง ทั้งๆที่ หลายธุรกิจมีอนาคตและหลายธุรกิจกำลังเผชิญกับ อุบัติการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (technology disruption) ดังนั้นรัฐบาลจะต้องรีบเข้าไปช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเหล่านี้ให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ส่วนที่เป็นธุรกิจที่จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเลิกราไป (disrupt) รัฐบาลก็ควรเข้าไปชี้แนะ และพัฒนากลุ่มนี้ให้สามารถชุบชีวิตขึ้นในสภาพแวดล้อมใหม่ให้จงได้ การจะช่วย SME เพียงการพักชำระหนี้ หรือหยอดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) เพียง 20% ของยอดหนี้ย่อมไม่เพียงพอ แต่รัฐบาลควรตั้งกองทุนเป็นการเฉพาะแก่ธุรกิจ SME ที่มีขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มช่องทางให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเพียงพอ
และ 4.ปฎิรูปภาคแรงงาน การเพิ่มความรู้ ความคิด และทักษะฝีมือแรงงานไทยเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของทุกภาคส่วนที่กล่าวมาข้างต้น รัฐบาลควรเร่งเพิ่มคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยว การเกษตร และ การผลิตและการค้าของ ธุรกิจ SME มิฉะนั้นจะเปรียบเสมือนสภาวะที่มีรถยนต์ดีที่ปราศจากผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการปฏิรูปทั้ง 4 ด้านนี้จะเป็นของขวัญที่มีค่าสำหรับคนไทยทั้งประเทศ