พิชิต”ดอยม่อนจอง” ทุ่งหญ้าสีทอง

สวัสดีค่ะ!!!!!! วันนี้จะมีแชร์ประสบการณ์เดินเล่นๆ ณ.ดอยม่อนจอง 2วัน 1 คืน แบบฉบับไปคนเดียว ก็ไม่เลวน้า

ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่ที่ อ.อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ โดยอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ดอยม่อนจอง ติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยจุดสูงสุดของ ดอยม่อนจอง เรียกว่า หัวสิงห์ เพราะมีลักษณะคล้ายหัวสิงโต สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร ดอยม่อนจองไม่ได้เปิดใช้เที่ยวชมกันตลอดทั้งปี โดยปกติแล้วจะเปิดให้ขึ้นประมาณวันที่ 1 พฤศจิกายน - 28 กุมภาพันธ์

     สำหรับที่มาของคำว่า ม่อนจอง นั้น คำว่า ม่อน เป็นภาษาคำเมืองที่แปลว่า ดอยหรือเนินเขา ส่วนคำว่า จอง ก็เป็นภาษาคำเมือง แต่จะออกเสียงว่า จ๋อง หมายถึง ลักษณะจั่ว สามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด

      ก่อนอื่นติดต่อสอบถาม รายละเอียด การขึ้นดอยม่อนจองที่เบอร์ 0925597201 เพื่อทำการจองคิวขึ้นดอยม่อนจองก่อนค่ะ



       เราออกเดินทาง วันที่10/12/63 ช่วงเย็นโดยเครื่องบิน ไปเตรียมตัวนอนที่ในเมืองเชียงใหม่ก่อน 1 คืน แนะนำให้ เดินทางไปก่อนล่วงหน้าก็ดีค่ะ ไม่แนะนำให้นั่งรถไฟไปถึงเช้าแล้วไปเลยอาจไม่ทันได้ หรือนั่งรถทัวร์ไปลงที่อ.ฮอดก็ได้ค่ะ มีหลายวิธีการเดินทาง



วันที่ 12/11/63 เริ่มเดินทางไปดอย
       เราจองรถตู้ไว้เพื่อเดินทางไปศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง บ้านมูเซอ เค้าจะทำการล็อคคิวทั้งไปแล้วกลับให้เรา หรือใครอยากขับรถไปเองก็ได้ค่ะ แต่เราแนะนำนั่งรถไปดีกว่า ขึ้นรถที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ เวลา ตี5 ใช้เวลาเดินทางไปถึงประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถึงศูนย์
เบอร์โทรรถตู้: 081-027-0581 (ป้าแป๋ว) จองล่วงหน้าสักหน่อยนะคะ

      เมื่อถึงศูนย์หมูบ้านมูเซอ เราก็หาเพื่อนเพื่อหารค่ารถ 4WD ด้วยร่วมจอย กับเพื่อนๆ ส่วนกระเป๋าเราแบกเอง มีแค่เต๊นท์ กับ ถุงนอนเราเช่า ที่นี่มีบริการให้เช่า หากใครไม่อยากแบกเองก็สามารถจ้างลูกหาบได้




      เราจะต้องนั่งรถ 4WD ประมาณ 16 กิโล ถึงจุดเริ่มเดิน ใช้เวลาเดินจากจุดเริ่มจนถึงยอด ประมาณ 3-4 ชั่วโมง เดินไปถ่ายรูปไป เพลินๆ ทางจะมีราบมีชัน มีขึ้นมีลงบ้าง โดยรวมเดินไม่ค่อยยากค่ะ นี่เป็นจุดแรกที่เราพัก





        เราจะพักทานข้าว ที่ภูหินช่อ ถ้ามาถึงตรงนี้คือครึ่งทางแล้วค่ะ ด้านบนสามารถปีนขึ้นไปถ้ายรูปได้ สวยมากเลยทีเดียวเห็นวิวแบบ 180องศา





เมื่อทานข้าวเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อจะไปเจอ ที่คนเรียกว่า เนินหมาหอบ แต่ชาวมูเซอ เรียกว่าเนินตอแห.. ค่ะ  ช่วงนี้จะชันมาก



เมื่อเดินไปอีกพัก ก็จะถึงจุดกลางเต๊นท์ เมื่อถึงเก็บของเสร็จ ก็เดินต่อไปที่จุดชมวิวเพื่อดูพระอาทิตย์ตก ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 กิโล ถึงหัวสิงห์ แอบสารภาพเลยไม่ได้เดินถึงหัวสิงห์ เพราะขี้เกียจ







พอพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแสงกระทบกับต้นหญ้าเป็นสีทองที่สวยงามมาก




           พอตกดึกทานข้าวเสร็จ เปลี่ยนชุด เราก็ไปดูดาวกัน วันที่ไปดาวสวยมากเลยค่ะ เต็มท้องฟ้าเลย อุณหภูมิวันนั้นอยู่ที่เลขตัวเดียว ด้านบนส่วนมากสัญญาณทรูมูฟจะมีค่ะ ดีแทคไม่ต้องพูดถึงไม่มีตั้งแต่อยู่ศูนย์แล้ว



       ใครอยากกินหมูกะทะซื้อไปได้นะคะ ที่ศูนย์มีชาวบ้านมูเซอขายจ้า หารกับเพื่อนๆได้ค่ะ

วันที่13/12/63
        ตอนเช้าไม่ได้ตื่นดูพระอาทิตย์ขึ้นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยค่ะ มันหนาวมาก แต่เพื่อนส่งภาพมาให้ค่ะมีทะเลหมอกด้วย



       ตอนกลับเราก็เริ่มออกเดินทางลงมาตอน 9 โมง ลงถึงด้านล่าง 11 โมง มีรถมารอรับเรากลับไปที่ศูนย์ พอถึงศูนย์รถตู้ก็มารอรับค่ะ ไม่ต้องห่วงเลยพี่ที่บริการรถตู้ใจดีมาก โทรติดต่อเราตลอดค่ะ ไม่ตกรถแน่นอน ทั้งไปและกลับ

       อากาศข้างบนค่อนข้างหนาวมาก เตรียมเสื้อหนาวไปด้วยนะคะ ด้านบนมีน้ำจากลำธารธรรมชาติ ใช้ล้างหน้าแปรงฟัน และยังดื่มได้ด้วยนะคะ อยากให้ทุกคนได้ลองมาค่ะ ในภาพไม่สวยเท่าตาเราเห็นเอง นอกจากการเที่ยวที่ได้ภาพสวยๆแล้ว มิตรภาพที่เจอเพื่อนๆก็ไม่มีวันลืมค่ะ ❤️

ค่าใช้จ่าย🏕
1. ค่าเครื่องบิน 1,257฿
2. ค่า Grab ทั้งหมด 159฿
3. Hostel คืนแรก 250฿
4. ค่ารถตู้ไปม่อนจองไป-กลับ 500฿
5. ค่า 4WD หารกัน 7 คนละ 420฿
6. ค่าลูกหาบ +เต๊นท์ +ทิป+ค่าเข้า  270฿
7. ค่าของกิน 234฿
8. ค่ารถไฟกลับ 941฿
รวม 4,031฿
*หากใครอยากไปแบบประหยัดกว่านี้ก็สามารถไปจอยกลับเพื่อนตั้งแต่กรุงเทพได้เลยจ้า ส่วนเรามีเที่ยวต่อ แล้วเป็นทริปแบบไม่ได้เตรียมไรมาก หมดค่าเดินทางเยอะหน่อย


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ความเที่ยวคนเดียวแบบเอ๋อๆ จ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่