ใครไม่จอง...เราจองเอง~

สวัสดีค่า ทุกคน วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ solo trip ครั้งที่2 ค่า ซึ่งก็ยังคงเป็นที่เชียงใหม่เหมือนเดิม ทั้งๆที่จขกทคิดมาตลอดเลยว่า สำหรับจขกทแล้วการเที่ยวในเมืองไทยยากกว่าเที่ยวต่างประเทศมาก หลักๆก็เพราะการคมนาคมเลยค่า เพราะจขกทขับรถไม่เป็น 😂 แล้ว....ทริปนี้เกิดขึ้นได้ยังไง !!! 🤔
👉🏻ทริปนี้เริ่มต้นจาก....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(บ่นๆ ข้ามได้ๆ ค่ะ555)
คุณแม่จขกทต้องไปประชุมที่เชียงใหม่ เลยชวนจขกทไปนอนเป็นเพื่อน จขกทก็ว่างช่วงนั้นพอดี ตอนแรกก็ยังลังเลอยู่ เพราะครั้งล่าสุดที่ไปเชียงใหม่คนเดียว (ตอนไป walk camp )จขกทมีเวลาว่าง1วัน อยากไปเที่ยวหลายที่ แต่ก็อด เพราะขับรถไม่เป็น จะนั่งรถแดงไปก็คิดแต่ราคาเหมา ไปคนเดียวไม่คุ้ม สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ในนิมมาน ครั้งนี้คุณแม่ก็เลยบอกว่า หลังเลิกประชุมจะพาไปเที่ยว จขกทก็เลยตอบตกลงไป จองตั๋วกันเรียบร้อย แต่อยู่ดีๆก่อนบินหนึ่งอาทิตย์ คุณแม่ก็บอกว่า พาเที่ยวไม่ได้แล้วติดธุระ ถ้าจะไปเที่ยว ให้ไปซื้อทัวของโรงแรม จขกทก็แบบ...-0- เซง555+
ขณะที่จขกท กำลังเล่นเฟสอยู่ ก็เจอเพื่อนแชร์ภาพดอยสีเหลืองๆดอยนึง สวยมาก ก็เลยกดเข้าไปดู หาชื่อ หาข้อมูล แล้วก็พบว่าชื่อดอยม่อนจอง ~
หลังจากเข้าไปอ่านรีวิวจากกระทู้อื่นๆมากมาย ที่บอกว่าดอยนี้สวยมากขนาดไหน จขกทก็อยากไปมากกก ~
จขกทก็เลยเริ่มวางแผนทริป หลังจากหาข้อมูลไปประมาณนึงก็พบว่าดอยม่อนจองนี้ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นเป็นช่วงๆ โดยจะเปิดช่วง พฤศจิกายน และปิดประมาณช่วงกลางกุมภาพัน ซึ่งปีนี่ ปิดวันที่18 กพ นี้ และจขกทก็อยู่เชียงใหม่พอดี
แต่คุณแม่จขกทไม่อยากให้ไปคนเดียว เพราะกลัวอันตราย จขกทก็เลยลองหากลุ่มท่องเที่ยวไทยใน facebook ดู เจอเพจนึงมีทริปขึ้นม่อนจองว่างพอดี ก็เลยไปขอ join ทริป กับเขาด้วย : )
หลังจากดำเนินการขออนุญาตคุณแม่เรียบร้อยแล้ว จขกทก็เริ่มหาข้อมูล เพื่อยืนยันความปลอดภัยในการไปทริปครั้งนี้ให้คุณแม่
**ครั้งนี้ จขกทเลือกไปกับทาง “คลุกฝุ่นทัวร์”
👉🏻
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C-1364948366866058/
หลังจากติดต่อไป ขอข้อมูลทริป และหาข้อมูลการเดินทาง จขกทก็ค้นพบว่า
1. ทริปดอยม่อนจอง ตามเพจ facebook มักเริ่มจาก กทม-อำเภอ กมก๋อย นั่งรถตอนกลางคืน ไปถึงเช้า ขึ้นดอย นอน1คืน ลงดอย และนั่งรถกลับ
ซึ่ง ดอยม่อนจอง อยู่ไกลจากอำเภอเมืองเชียงใหม่มาก ~อยู่อำเภอ กมก๋อย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 3-4ชม และถ้ามาจาก กทม อำเภอ กมก๋อย จะถึงก่อนเชียงใหม่ ...เพราะฉะนั้น จขกทเลยต้องหาทางไปอำเภอกมก๋อยเอง
คนส่วนมากที่ไปจากเชียงใหม่คือมากันเป็นกลุ่ม และเหมารถตู้ไป หรือ อีกทางคือเช่ารถขับไปเอง ซึ่งสำหรับจขกทแล้ว 2 ช้อยนี้ตัดทิ้งได้เลย เพราะ
จขกทขับรถไม่เป็น และค่าเหมารถตู้ไปแพงมาก แค่ขาไปอย่างเดียว3000 เลยเหลือทางเลือกเดียวก็คือ การนั่งรถเมลจากเชียงใหม่ ไปกมก๋อย
รถเมล เชียงใหม่ -กมก๋อย มีแค่รอบเดียวเท่านั้น คือตอนเช้า ออกประมาณ6 โมงเช้า ถึงกมก๋อยประมาณ เที่ยงๆ บ่ายๆ ส่งที่ป้ายรถเมลกมก๋อย
และเนื่องจากทางเพจนัดจขกทให้ไปเจอที่หน่วยพิทักษ์มูเซอตอน8โมงเช้า จขกทเลยต้องไปนอนรอทุกคนที่กมก๋อยก่อนหนึ่งคืน
2. เมื่อต้องไปนอนที่กมก๋อย ก็เกิดปัญหาขึ้นเพราะกมก๋อยอยู่แทบเหนือสุด ใกล้ชายแดน คุณแม่เป็นห่วง กลัวที่พักไม่ดี ตอนแรกจขกทก็เกือบถอดใจแล้ว เพราะหาที่พักแถวกมก๋อยไม่ค่อยได้เลย หรือถ้ามีที่พัก ก็จะอยู่ในตัวเมืองซึ่งห่างจากหน่วยพิทักษ์มูเซอ (จุดที่ทางเพจนัดเจอ) ประมาณ1ชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะพักที่กมก๋อย แต่ก็หารถไปหน่วยพิทักษ์มูเซอตอนเช้า ยากอยู่ดี
จขกทก็เลยไลนไปถามพี่เจ้าของเพจดู ปรากฎว่า !!!! พี่เจ้าของเพจบอกว่ามีที่พักหน้าหน่วยพิทักษ์มูเซอเลย และพี่เขาก็รู้จักเจ้าของด้วย เลยให้เบอร์โทรติดต่อมา เย่ เริ่มมีหนทางได้ไปแล้วค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้านข้าวแกงม่อนจอง
เบอร์ติดต่อ 086-193-1399
เจ้าของชื่อป้าแดง ตอนไปเจอลูกป้าแดง ใจดีมาก ห้องพักดี ไม่มีแอร์ แต่ไม่ร้อนน้า ราคาห้องก็น่ารัก แต่ ไม่มีนำ้อุ่นให้อาบ ตอนจขกทไปพักลูกเจ้าของให้เข้าให้ไปอาบนำ้อุ่นในบ้านป้าได้ : )
ปล.ข้าวอร่อย
หลังจากติดต่อไปจองห้องพัก ก็หนทางใหม่ในการไปอมก๋อยด้วยค่ะ ป้าแดงบอกว่า มีรถตู้จากเชียงใหม่มากมก๋อย มาส่งถึงบ้านพักป้าแดงเลย ในราคาประมาณ150–200 จะจอดอยู่ที่ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ซึ่งวิธีนี้ จขกทคิดว่าเป็นวิธีไปอมก๋อยที่ดีที่สุด เพราะถ้านั่งรถเมลจะลำบากมาก (รถไม่มีแอร์ ตลอดทางฝุ่นเยอะมาก แวะรับคนตลอด ใช้ระยะเวลานานกว่ารถตู้ -รถตู้ขับแบบซิ่งมาก ออกตี5 ถึงอมก๋อย เกือบเที่ยง )
*เบอร์รถตู้จำไม่ได้ ติดต่อผ่านป้าแดงได้
หลังจากวางแผนเสร็จทั้งหมดแล้ว ก็ไปยืนยันว่าทริปนี้ปลอดภัยให้คุณแม่ฟังอีกครั้ง และในที่สุดคุณแม่ก็อนุญาตค่ะ เย่~ >__<
ม่อนจอง ดินแดนทุ่งหญ้าสีทอง
รอก่อนนะ เรากำลังจะไปหา...
สวยขนาดนี้ ไม่ไปได้ไงเนอะ
ชีวิตนี้ต้องได้ไปสักครั้ง...
ในวันที่ม่อนจองเป็นสีทอง 🙌🏻
การเดินทางครั้งนี้จะเล่าแค่ตอนม่อนจองอย่างเดียวนะค้า ตอนอยู่เที่ยวเชียงใหม่ไม่เล่าน้า
Day1 : 15/4/19 {เชียงใหม่-อมก๋อย }
ตี4 ตื่นนอน 😴 ให้โรงแรมในเชียงใหม่เรียกgrab ไปส่งที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่
(สภาพหลับในgrab)
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็มาถึงจุดจอดรถตู้
และนี่ คือรถตู้ที่จะพาเราไปอมก๋อย ในราคาย่อมเยา
หลังจากที่นั่งจนก้นแฉะ ก็มาถึงที่พักแล้วค่ะ
มาส่งถึงที่พักเลย ดีจริงๆ
ที่พักของจขกทคือร้านข้าวแกงที่อร่อยมาก ทัวที่พานักท่องเที่ยวมาม่อนจอง หรือนักเดินทางทั่วๆไป มักจะสั่งข้าวกล่องที่นี่ขึ้นไปกินเป็นมื้อเที่ยง
ตรงข้ามที่พักก็คือ หน่วยพิทักษ์มูเซอ จุดนัดพบของทัวที่จขกทจองมา
และนี่ ก็คือทางไปจุดเริ่มเดิน โดยนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นดอยม่อนจองทุกคนจะต้องเปลี่ยนรถ เป็นรถ โฟวิล เท่านั้น และควรเป็นคนของทางหน่วยพิทักขับด้วย เพราะทางหักโค้งเยอะมาก ต้องเป็นผู้ชำนาญทางเท่านั้น
หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็เที่ยงพอดี เลยสั่งข้าวแกงกินค่ะ
กะเพราไข่ดาว ให้มาเยอะมากกก อิ่มสุดๆ
หลังจากกินเสร็จแล้วก็สำรวจรอบๆกันค่ะ เป็น homestay เล็กๆ น่ารัก และร่มรื่นมากๆ มีหมูป่า ไก่ และหมา2-3ตัว กับแปลงดอกไม้เล็กๆ

ข้าวเย็นของวันนี้ ~
ข้าวไข่เจียว แกงจืด ค่า อร่อยเหมือนเดิม
นั่งกินข้าวพร้อม องครักษ์ 2ตัว
กินข้าวอาบนำ้เสร็จก็รีบเข้านอน ออมแรงไว้สำหรับการเดินทางไกลพรุ่งนี้ค่ะ
Day2 : 16/4/19 {ขึ้นดอย}
7โมง เช้าแล้ว ~ตื่นนอน อาบนำ้แปรงฟัน แพคของที่จะฝากลูกหาบหิ้วขึ้น (จริงๆค่าทริปทั้งหมดคือไม่รวมค่าลูกหาบค่ะ คนอื่นแบกขึ้นไปเอง แต่จขกทคิดว่า ไม่น่ารอด ขนาดตอนไปเทรคที่เมืองจีน เพื่อนที่ไปด้วยยังต้องช่วยแบกเป็นบางระยะ ครั้งนี้มาเดี่ยวๆ จะไปเป็นภาระคนอื่นก็กระไรอยู่ เลยจะขอฝากลูกหาบไป โดยจ่ายเงินคิดเป็นกิโลรวมกับ ของส่วนกลางไปค่ะ
แพคของใส่ถุงเรียบร้อยก็ขอถุงจากร้านปิดทับอีกที เพราะได้ข่าวมาว่าเดินขึ้นดอย ฝุ่นเยอะมาก
ข้าวเช้าวันนี้ค่ะ พักที่นี่กินข้าวเช้าฟรีนะคะ : )
ปกติจะได้เป็นข้าวต้มหมู แต่ป้าแดงใจดีมากๆ กลัวจขกทไม่มีแรงเดินขึ้นเขาเลยทำเป็น ข้าวผัดให้
หลังจากรอจนถึงประมาณ9โมง สมาชิกกลุ่มก็มาพร้อมแล้วค่า ได้ฤกษ์ขนของขึ้น โฟวิล และออกเดินทาง
**ปกติถ้ามาเอง ค่าจ้างลูกหาบจะอยู่ที่ 20โล 600฿ โดยสิ่งที่เราจะต้องเตรียมไปด้วยมีประมาณนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1.เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว
2.ถุงนอน +แผ่นปูรองนอน
**แผ่นปูสำคัญมาก มันกันความเย็นจากดิน ทางทัวมีให้ แต่จบกทว่าถ้าเอาไปเองแบบหนาหน่อยจะนอนสบายมาก เพราะตอนจขกทนอน พื้นแข็งมาก รับรู้ถึงก้อนดินก้อนหินบนพื้นได้เลย 😂
3.เต้น อันนี้ต้องเตรียมไปนา จบกทเช่ากับทางทัวไป
4.อาหารให้ลูกหาบ ส่วนนี้ทางทัวเตรียมให้
จากหน้าหน่วยพิทักษ์มูเซอขับไปประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ ถึงจะถึงจุดเริ่มเดิน (เป็นระยะทางที่ไกลและทรมานก้นมาก ขึ้นเนินลงเนินมีเรื่อยๆ ต้องคอยจับราวรถไว้ไม่ให้ไหลไปทับเพื่อนๆ ก่อนจะปวดขา เพราะเดินขึ้นดอย ก็คือปวดแขนกับก้นไปก่อนแล้วค่า 😂😂😂
ลงจากรถก็คือเหน็บกินกันเลย
ถึงจุดเริ่มเดินแล้วค่า ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกไว้หน่อย
ตอนนี้รู้จักเพื่อนใหม่ที่นั่งรถด้วยกันมาประมาณ5-6คน ...ทริปนี้ไม่เหงาแล้ว : )
หลังจากลงรถ ก็จะมีประกาศจากพี่กลุ่มผู้ดูแล ครั้งนี้ทางทัวมา2กลุ่ม กลุ่มละ10คน ทั้งหมดมี20คน พี่ดูแลมี2คนชื่อ พี่ดุ๊กดิก กับพี่เอ๋
ที่ประกาศก็คือ ให้หยิบนำ้และข้าวใส่กระเป๋า แล้วก็ออกเดินได้เลย จะไปเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวก็ได้ แล้วไปเจอกันที่จุดตั้งแคมป์ ไม่มีแผนที่ให้ แต่ไม่หลงแน่นอน ก็เดินไปตามๆกัน มีรอยเท้าคนข้างหน้านำทางให้ 😂
หลังจากที่ไปผูกมิตรกับคนบนรถมาเรียบร้อย ก็จีบพี่นุชติดมาหนึ่งคน เพราะพี่นุชก็มาคนเดียวเหมือนกัน 😂
หลังจากได้คู่หูแล้ว หาไม้เท้าเรียบร้อย ก็ออกเดินค่า

ตอนเห็นจุดเริ่มเดินที่ต้องเข้าป่าแบบนี้ ตื่นเต้นมาก เพราะนี่ถือว่าเป็นการเดินป่าครั้งแรกของจขกทเลยค่ะ (ตอนที่ไปเดินเทรคที่ย่าติง-เทรคครั้งแรก เป็นทางเลียบเขา ไม่ได้ต้องเข้าป่าขนาดนี้ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินแรกๆไม่เหนื่อยค่ะ เพราะส่วนมากเป็นทางลง หลังจากลงรอบนี้เสร็จก็คือ ขึ้นเนินรัวๆ เลยค่ะ ¥^¥
ตอนเจอทางเดินพื้นราบคือสวรรค์เลยค่ะ 🙌🏻
(ปาดเหงื่อ)
แต่ถึงแม้จะเป็นทางราบ
ลูกหาบก็เดินนำไปทีละคนๆอยู่ดี 😂
[CR] {รีวิว} ม่อนจอง...ใครไม่จอง เราจองเอง
สวัสดีค่า ทุกคน วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ solo trip ครั้งที่2 ค่า ซึ่งก็ยังคงเป็นที่เชียงใหม่เหมือนเดิม ทั้งๆที่จขกทคิดมาตลอดเลยว่า สำหรับจขกทแล้วการเที่ยวในเมืองไทยยากกว่าเที่ยวต่างประเทศมาก หลักๆก็เพราะการคมนาคมเลยค่า เพราะจขกทขับรถไม่เป็น 😂 แล้ว....ทริปนี้เกิดขึ้นได้ยังไง !!! 🤔
👉🏻ทริปนี้เริ่มต้นจาก....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขณะที่จขกท กำลังเล่นเฟสอยู่ ก็เจอเพื่อนแชร์ภาพดอยสีเหลืองๆดอยนึง สวยมาก ก็เลยกดเข้าไปดู หาชื่อ หาข้อมูล แล้วก็พบว่าชื่อดอยม่อนจอง ~
หลังจากเข้าไปอ่านรีวิวจากกระทู้อื่นๆมากมาย ที่บอกว่าดอยนี้สวยมากขนาดไหน จขกทก็อยากไปมากกก ~
จขกทก็เลยเริ่มวางแผนทริป หลังจากหาข้อมูลไปประมาณนึงก็พบว่าดอยม่อนจองนี้ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นเป็นช่วงๆ โดยจะเปิดช่วง พฤศจิกายน และปิดประมาณช่วงกลางกุมภาพัน ซึ่งปีนี่ ปิดวันที่18 กพ นี้ และจขกทก็อยู่เชียงใหม่พอดี
แต่คุณแม่จขกทไม่อยากให้ไปคนเดียว เพราะกลัวอันตราย จขกทก็เลยลองหากลุ่มท่องเที่ยวไทยใน facebook ดู เจอเพจนึงมีทริปขึ้นม่อนจองว่างพอดี ก็เลยไปขอ join ทริป กับเขาด้วย : )
หลังจากดำเนินการขออนุญาตคุณแม่เรียบร้อยแล้ว จขกทก็เริ่มหาข้อมูล เพื่อยืนยันความปลอดภัยในการไปทริปครั้งนี้ให้คุณแม่
**ครั้งนี้ จขกทเลือกไปกับทาง “คลุกฝุ่นทัวร์”
👉🏻 https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C-1364948366866058/
หลังจากติดต่อไป ขอข้อมูลทริป และหาข้อมูลการเดินทาง จขกทก็ค้นพบว่า
1. ทริปดอยม่อนจอง ตามเพจ facebook มักเริ่มจาก กทม-อำเภอ กมก๋อย นั่งรถตอนกลางคืน ไปถึงเช้า ขึ้นดอย นอน1คืน ลงดอย และนั่งรถกลับ
ซึ่ง ดอยม่อนจอง อยู่ไกลจากอำเภอเมืองเชียงใหม่มาก ~อยู่อำเภอ กมก๋อย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 3-4ชม และถ้ามาจาก กทม อำเภอ กมก๋อย จะถึงก่อนเชียงใหม่ ...เพราะฉะนั้น จขกทเลยต้องหาทางไปอำเภอกมก๋อยเอง
คนส่วนมากที่ไปจากเชียงใหม่คือมากันเป็นกลุ่ม และเหมารถตู้ไป หรือ อีกทางคือเช่ารถขับไปเอง ซึ่งสำหรับจขกทแล้ว 2 ช้อยนี้ตัดทิ้งได้เลย เพราะ
จขกทขับรถไม่เป็น และค่าเหมารถตู้ไปแพงมาก แค่ขาไปอย่างเดียว3000 เลยเหลือทางเลือกเดียวก็คือ การนั่งรถเมลจากเชียงใหม่ ไปกมก๋อย
รถเมล เชียงใหม่ -กมก๋อย มีแค่รอบเดียวเท่านั้น คือตอนเช้า ออกประมาณ6 โมงเช้า ถึงกมก๋อยประมาณ เที่ยงๆ บ่ายๆ ส่งที่ป้ายรถเมลกมก๋อย
และเนื่องจากทางเพจนัดจขกทให้ไปเจอที่หน่วยพิทักษ์มูเซอตอน8โมงเช้า จขกทเลยต้องไปนอนรอทุกคนที่กมก๋อยก่อนหนึ่งคืน
2. เมื่อต้องไปนอนที่กมก๋อย ก็เกิดปัญหาขึ้นเพราะกมก๋อยอยู่แทบเหนือสุด ใกล้ชายแดน คุณแม่เป็นห่วง กลัวที่พักไม่ดี ตอนแรกจขกทก็เกือบถอดใจแล้ว เพราะหาที่พักแถวกมก๋อยไม่ค่อยได้เลย หรือถ้ามีที่พัก ก็จะอยู่ในตัวเมืองซึ่งห่างจากหน่วยพิทักษ์มูเซอ (จุดที่ทางเพจนัดเจอ) ประมาณ1ชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะพักที่กมก๋อย แต่ก็หารถไปหน่วยพิทักษ์มูเซอตอนเช้า ยากอยู่ดี
จขกทก็เลยไลนไปถามพี่เจ้าของเพจดู ปรากฎว่า !!!! พี่เจ้าของเพจบอกว่ามีที่พักหน้าหน่วยพิทักษ์มูเซอเลย และพี่เขาก็รู้จักเจ้าของด้วย เลยให้เบอร์โทรติดต่อมา เย่ เริ่มมีหนทางได้ไปแล้วค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากติดต่อไปจองห้องพัก ก็หนทางใหม่ในการไปอมก๋อยด้วยค่ะ ป้าแดงบอกว่า มีรถตู้จากเชียงใหม่มากมก๋อย มาส่งถึงบ้านพักป้าแดงเลย ในราคาประมาณ150–200 จะจอดอยู่ที่ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ซึ่งวิธีนี้ จขกทคิดว่าเป็นวิธีไปอมก๋อยที่ดีที่สุด เพราะถ้านั่งรถเมลจะลำบากมาก (รถไม่มีแอร์ ตลอดทางฝุ่นเยอะมาก แวะรับคนตลอด ใช้ระยะเวลานานกว่ารถตู้ -รถตู้ขับแบบซิ่งมาก ออกตี5 ถึงอมก๋อย เกือบเที่ยง )
*เบอร์รถตู้จำไม่ได้ ติดต่อผ่านป้าแดงได้
หลังจากวางแผนเสร็จทั้งหมดแล้ว ก็ไปยืนยันว่าทริปนี้ปลอดภัยให้คุณแม่ฟังอีกครั้ง และในที่สุดคุณแม่ก็อนุญาตค่ะ เย่~ >__<
ม่อนจอง ดินแดนทุ่งหญ้าสีทอง
รอก่อนนะ เรากำลังจะไปหา...
สวยขนาดนี้ ไม่ไปได้ไงเนอะ
ชีวิตนี้ต้องได้ไปสักครั้ง...
ในวันที่ม่อนจองเป็นสีทอง 🙌🏻
การเดินทางครั้งนี้จะเล่าแค่ตอนม่อนจองอย่างเดียวนะค้า ตอนอยู่เที่ยวเชียงใหม่ไม่เล่าน้า
Day1 : 15/4/19 {เชียงใหม่-อมก๋อย }
ตี4 ตื่นนอน 😴 ให้โรงแรมในเชียงใหม่เรียกgrab ไปส่งที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่
(สภาพหลับในgrab)
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็มาถึงจุดจอดรถตู้
และนี่ คือรถตู้ที่จะพาเราไปอมก๋อย ในราคาย่อมเยา
หลังจากที่นั่งจนก้นแฉะ ก็มาถึงที่พักแล้วค่ะ
มาส่งถึงที่พักเลย ดีจริงๆ
ที่พักของจขกทคือร้านข้าวแกงที่อร่อยมาก ทัวที่พานักท่องเที่ยวมาม่อนจอง หรือนักเดินทางทั่วๆไป มักจะสั่งข้าวกล่องที่นี่ขึ้นไปกินเป็นมื้อเที่ยง
ตรงข้ามที่พักก็คือ หน่วยพิทักษ์มูเซอ จุดนัดพบของทัวที่จขกทจองมา
และนี่ ก็คือทางไปจุดเริ่มเดิน โดยนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นดอยม่อนจองทุกคนจะต้องเปลี่ยนรถ เป็นรถ โฟวิล เท่านั้น และควรเป็นคนของทางหน่วยพิทักขับด้วย เพราะทางหักโค้งเยอะมาก ต้องเป็นผู้ชำนาญทางเท่านั้น
หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็เที่ยงพอดี เลยสั่งข้าวแกงกินค่ะ
กะเพราไข่ดาว ให้มาเยอะมากกก อิ่มสุดๆ
หลังจากกินเสร็จแล้วก็สำรวจรอบๆกันค่ะ เป็น homestay เล็กๆ น่ารัก และร่มรื่นมากๆ มีหมูป่า ไก่ และหมา2-3ตัว กับแปลงดอกไม้เล็กๆ
ข้าวเย็นของวันนี้ ~
ข้าวไข่เจียว แกงจืด ค่า อร่อยเหมือนเดิม
นั่งกินข้าวพร้อม องครักษ์ 2ตัว
กินข้าวอาบนำ้เสร็จก็รีบเข้านอน ออมแรงไว้สำหรับการเดินทางไกลพรุ่งนี้ค่ะ
Day2 : 16/4/19 {ขึ้นดอย}
7โมง เช้าแล้ว ~ตื่นนอน อาบนำ้แปรงฟัน แพคของที่จะฝากลูกหาบหิ้วขึ้น (จริงๆค่าทริปทั้งหมดคือไม่รวมค่าลูกหาบค่ะ คนอื่นแบกขึ้นไปเอง แต่จขกทคิดว่า ไม่น่ารอด ขนาดตอนไปเทรคที่เมืองจีน เพื่อนที่ไปด้วยยังต้องช่วยแบกเป็นบางระยะ ครั้งนี้มาเดี่ยวๆ จะไปเป็นภาระคนอื่นก็กระไรอยู่ เลยจะขอฝากลูกหาบไป โดยจ่ายเงินคิดเป็นกิโลรวมกับ ของส่วนกลางไปค่ะ
แพคของใส่ถุงเรียบร้อยก็ขอถุงจากร้านปิดทับอีกที เพราะได้ข่าวมาว่าเดินขึ้นดอย ฝุ่นเยอะมาก
ข้าวเช้าวันนี้ค่ะ พักที่นี่กินข้าวเช้าฟรีนะคะ : )
ปกติจะได้เป็นข้าวต้มหมู แต่ป้าแดงใจดีมากๆ กลัวจขกทไม่มีแรงเดินขึ้นเขาเลยทำเป็น ข้าวผัดให้
หลังจากรอจนถึงประมาณ9โมง สมาชิกกลุ่มก็มาพร้อมแล้วค่า ได้ฤกษ์ขนของขึ้น โฟวิล และออกเดินทาง
**ปกติถ้ามาเอง ค่าจ้างลูกหาบจะอยู่ที่ 20โล 600฿ โดยสิ่งที่เราจะต้องเตรียมไปด้วยมีประมาณนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากหน้าหน่วยพิทักษ์มูเซอขับไปประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ ถึงจะถึงจุดเริ่มเดิน (เป็นระยะทางที่ไกลและทรมานก้นมาก ขึ้นเนินลงเนินมีเรื่อยๆ ต้องคอยจับราวรถไว้ไม่ให้ไหลไปทับเพื่อนๆ ก่อนจะปวดขา เพราะเดินขึ้นดอย ก็คือปวดแขนกับก้นไปก่อนแล้วค่า 😂😂😂
ลงจากรถก็คือเหน็บกินกันเลย
ถึงจุดเริ่มเดินแล้วค่า ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกไว้หน่อย
ตอนนี้รู้จักเพื่อนใหม่ที่นั่งรถด้วยกันมาประมาณ5-6คน ...ทริปนี้ไม่เหงาแล้ว : )
หลังจากลงรถ ก็จะมีประกาศจากพี่กลุ่มผู้ดูแล ครั้งนี้ทางทัวมา2กลุ่ม กลุ่มละ10คน ทั้งหมดมี20คน พี่ดูแลมี2คนชื่อ พี่ดุ๊กดิก กับพี่เอ๋
ที่ประกาศก็คือ ให้หยิบนำ้และข้าวใส่กระเป๋า แล้วก็ออกเดินได้เลย จะไปเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวก็ได้ แล้วไปเจอกันที่จุดตั้งแคมป์ ไม่มีแผนที่ให้ แต่ไม่หลงแน่นอน ก็เดินไปตามๆกัน มีรอยเท้าคนข้างหน้านำทางให้ 😂
หลังจากที่ไปผูกมิตรกับคนบนรถมาเรียบร้อย ก็จีบพี่นุชติดมาหนึ่งคน เพราะพี่นุชก็มาคนเดียวเหมือนกัน 😂
หลังจากได้คู่หูแล้ว หาไม้เท้าเรียบร้อย ก็ออกเดินค่า
ตอนเห็นจุดเริ่มเดินที่ต้องเข้าป่าแบบนี้ ตื่นเต้นมาก เพราะนี่ถือว่าเป็นการเดินป่าครั้งแรกของจขกทเลยค่ะ (ตอนที่ไปเดินเทรคที่ย่าติง-เทรคครั้งแรก เป็นทางเลียบเขา ไม่ได้ต้องเข้าป่าขนาดนี้ )
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนเจอทางเดินพื้นราบคือสวรรค์เลยค่ะ 🙌🏻
(ปาดเหงื่อ)
แต่ถึงแม้จะเป็นทางราบ
ลูกหาบก็เดินนำไปทีละคนๆอยู่ดี 😂
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้