สวัสดีครับทุกท่าน ขอเปิดกระทู้แรกในชีวิตด้วยทริปดอยม่อนจอง
ที่มาของทริปนี้นะครับ เป็นทริปพักใจล้วนๆเลย พึ่งห่างกับแฟนได้สักพักก็เลยไปแบบคนเดียวคูลๆ 5555 โดยจองผ่านทัวร์ผ่านเพจ "เดินป่าสายชิล"โดยทริปนี้ใช้เวลา 2วัน 1คืน 3-4 กพ. 2561 สำหรับดอยม่อยจอง เวลาแค่นี้เที่ยวได้เหลือๆเลยครับ เพราะระยะในการเดินนั้นไม่ไกล และไม่ได้ยากครับ
"วันแรก"
ทริปนี้ทางทัวร์ได้นัดเราที่โลตัสรังสิตตอน 3 ทุ่ม โดยการเดินทางจะเป็นรถตู้ 9 ที่นั่งสบายและกว้างมาก เมื่อสมาชิกไปครบแล้วก็ลุย
โดยเส้นทางที่เราไปนั้น อ.เถิน > อ.ลี้ > อ.ฮอด > อ.อมก๋อย เนื่องจากดอยม่อนจองนั้นอยู่ในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
เปิดประเดินสถานที่แรกของทริปแรก สวนสนบ่อแก้ว อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปกินข้าวเช้าที่ตัวเมืองอมก๋อย ไปถึงเช้าๆอากาศกำลังหนาวเลยครับ เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็นั่งรถก็ต่อเพื่อไปที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ เราจะทำการเก็บสัมภาระที่จำเป็นที่จะต้องแบกขึ้นไปเอง ส่วนอาหารกับเต้นท์ทางทัวร์ได้จ้างลูกหาบให้ครับ โดยค่าบริการลูกหาบ 600 บาทต่อวันต่อคน หนึ่งคนจะแบกได้ 20 กิโลกลับครับ เพราะต่อจากนี้เราจะนั่งรถกะบะ 4X4 เข้าไปจนจุดเริ่มต้นทางเดินเท่านั้น ซึ่งระยะทางต่อไปนี้จะโหดมาก
ช่วงแรกจะเป็นทางลาดยากไปเรื่อยๆก่อนครับ จนไปถึงหมู่บ้านมูเซอ
พอหลังจากเลยหมู่บ้านมูเซอไปแล้วจะเดินทางลูกรังทั้งหมดเลยครับ ทางทั้งชั้นทั้งอยู่ริมเขาถือว่าอันตรายมากครับ
เวลาเจอรถสวนทางกันมันก็จะเสียวแบบนี้แหละครับลุ้นกันมันมาก 55555
และแล้วเราก็มาถึงทางที่เราต้องเดินไปต่อเอง โดยระยะจากจุดเริ่มต้นจนไปถึงหัวสิงห์ระยะทางทั้งหมด 7 กิโลเมตรครับ
ระยะทางช่วงแรงถือว่ายังเดินง่ายอยู่ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นทางลงยาวๆ
เห็นลูกหาบแบกของเราอึ่งแปป ของแต่ละคนที่แบกมาเยอะมาก
เส้นทางจะเริ่มเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ เดินขึ้นเดินลงสลับกันไป เพราะเรายังต้องข้ามเขาอีกหลายลูก
และแล้วเราก็ถึงลานหินช่อ จุดนี้ลูกหาบบอกว่าครึ่งทางแล้ว แอบคิดในใจว่าพึ่งครึ่งทางเองหรอ เดินมาตั้งไกลแล้ว
ไหนก็มาถึงลานหินช่อแล้ว ขอปืนขึ้นไปบนยอดซะหน่อย
หลังจากนี้เราก็เดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ และแล้วเราก็มาถึง "ดอยหมาหอบ" จุดถือว่าเป็นเนินที่ชันที่สุดของทริปนี้แล้วครับ เนื่องจากความชันมันอยู่ที่ 45-60 องศาเลยทีเดียว ต้องเดินด้วยความระมัดระวังกันมากเลยทีเดียว ถ้าพลาดนี่กลิ้งไปอยู่ข้างล่างได้เลย แต่จุดนี้วิวสวยเราเดินไปถ่ายรูปไปถือว่าเป็นอีกไฮไลท์ของดอยม่อยจอง
และแล้วผมก็เดินมาถึงจุดสูงสุงของดอยหมาหอบสักที 55555 หัวเราะทั้งน้ำตา โครตเหนื่อยเลย
เมื่อเรามาถึงบนยอดดอยหมาหอบเราจะหายหอบทันที เพราะวิวที่เราจะเห็นมันโครตตตตตตตตตตตตสวย
เห็นยอดสูงสุดไกลๆนั่นไหม นั่นคือหัวสิงห์นั่นเอง
พอนั่งพักให้หายเหนื่อย ก็เดินไปต่อเรื่อยๆจนถึง "สนามกอล์ฟช้าง"
พอเรามาถึงก็รีบไปที่จุดกลางเต้นท์ซึ่งเดินลงไปทางซ้ายมือ ลูกหาบที่มาถึงก่อนเราจะช่วยเรากางเต้นท์ให้เรียบร้อยแล้ว น่ารักมากๆเลย
เนื่องจากเหนื่อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่กางเต้นมาให้ดู แต่จะต้องเดินลงเข้าไปในป่าอีกนิดหน่อย เนื่องจากด้านบนทางจนท.ไม่ให้กางเต้น เพราะตอนกลางคืนหนาวบวกกับลมแรง หลังจากเก็บของและพักให้หายเหนื่อยแล้ว เราก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูป นั่งรอพระอาทิตย์ตกดินแบบเหงาๆคนเดียว
แอบอิจฉาคนมาเป็นคู่
นั่งรอพระอาทิตย์ตกดินบนสันเขาคนเดียวเปลี่ยวไหมถามใจเถอะดู
หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ก็มาถ่ายภาพย้อนแสงกันซะหน่อย
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราก็รีบกลับไปที่เต้นท์เพื่อไปกินอาหารเย็นกัน โดยลูกหาบจะทำกับข้าวไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว
พอกินอิ่มก็ได้เวลาออกมาดูดาว แต่เสียใจช่วงที่ไปดวงจันทร์สว่างมากก็เลยไม่ได้เห็นดาวเต็มฟ้า แต่ก็พอเห็นอยู่บ้างนะ
ถ่ายรูปดาวจนหน่ำใจแล้วก็รีบกลับเต้นท์ไปนอน เพราะว่าวันที่ 2 เราต้องตื่นตี 4 เดินไปที่หัวสิงห์กัน
วันที่ 2
ตื่น...ตื่น...ตื่น ตี 4 แล้วผมปลุกเพื่อนในทัวร์ เผื่อที่จะไปถ่ายทางช้างเผือกกัน แต่ว่าหมอกมาเต็มเลยแอบร้องไห้
หลังจากนั้นเราก็เดินไปยังยอดหัวสิงห์
แนะนำให้ที่ไฟฉายคาดหัวไว้ด้วยนะครับเพราะมึนมากและทางชัน
เนื่องจากทางมึดมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลยครับ เดินไปเดินมา ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็ถึงบนยอดหัวสิงห์กันซะแล้ว อ้อขอบอกอย่างนึงนะครับ จากจุดกางเต้นท์ไป ยอดหัวสิงห์ระยะทาง 2 กิโล
และแล้วก็จับจองที่รอชมแสงแรกกัน พร้อมกับทะเลหมอก ถ้าได้มากับแฟนคงจะโรแมนติดน่าดูเนอะ
หลังจากนั้นเราก็รีบเดินทางกลับไปเก็บของที่เต้นท์ครับ แต่ช่วงที่ผมไปโชคดีมากดอกกุหลาบพันปีเต็มต้นเลย
เดินไปเรื่อยๆแดดก็เริ่มจ้า
พอถึงจุดกางเต้นท์แล้วเราก็รีบเก็บของกันทันที แต่ขากลับผมเดินทางที่ลูกหาบเดินเพื่อประหยัดเวลา จะเป็นทางเข้าไปในป่าไปโพล่อีกทีทางขึ้นดอยหมาหอบเลย
และแล้วเราก็เดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ ผ่านลานหินช่อ
พอเลยจุดนี้ไปได้ทางมันจะเริ่มนรกแล้วครับ เพราะว่าขามาช่วงเริ่มต้นเราเดินลงอย่างเดียว แต่ขากลับเราต้องเดินขึ้นอย่างเดียวเช่นกัน ผมคิดว่าตรงนี้โหดกว่าดอยหมาหอบซะอีก เพราะเดิน 10 ก้าว พัก 1 ครั้ง 55555555555 แทบร้อง
สุดท้ายแล้วพอผมถึงจุดที่รถกะบะ 4X4 มารับก็รีบขึ้นไปบนหลังกะบะและนอนแผ่ยันหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ เพราะหมดสภาพจริงๆ 55555 พออาบน้ำพักผ่อนเสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับกรุงเทพทันที เพราะวันจันทร์ต้องไปทำงานอีก โหดไหมละ 555555555 โหดสุดๆ
สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถ้าผมรีวิวก็กราบขออภัยด้วย แต่รอบหน้าต้องดีกว่าเดิม
"ขอบคุณครับ"
[CR] "ม่อนจอง หลับตาเดิน...ก็ไปถึง"
โดยเส้นทางที่เราไปนั้น อ.เถิน > อ.ลี้ > อ.ฮอด > อ.อมก๋อย เนื่องจากดอยม่อนจองนั้นอยู่ในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปกินข้าวเช้าที่ตัวเมืองอมก๋อย ไปถึงเช้าๆอากาศกำลังหนาวเลยครับ เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็นั่งรถก็ต่อเพื่อไปที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ เราจะทำการเก็บสัมภาระที่จำเป็นที่จะต้องแบกขึ้นไปเอง ส่วนอาหารกับเต้นท์ทางทัวร์ได้จ้างลูกหาบให้ครับ โดยค่าบริการลูกหาบ 600 บาทต่อวันต่อคน หนึ่งคนจะแบกได้ 20 กิโลกลับครับ เพราะต่อจากนี้เราจะนั่งรถกะบะ 4X4 เข้าไปจนจุดเริ่มต้นทางเดินเท่านั้น ซึ่งระยะทางต่อไปนี้จะโหดมาก
ช่วงแรกจะเป็นทางลาดยากไปเรื่อยๆก่อนครับ จนไปถึงหมู่บ้านมูเซอ
พอหลังจากเลยหมู่บ้านมูเซอไปแล้วจะเดินทางลูกรังทั้งหมดเลยครับ ทางทั้งชั้นทั้งอยู่ริมเขาถือว่าอันตรายมากครับ
เวลาเจอรถสวนทางกันมันก็จะเสียวแบบนี้แหละครับลุ้นกันมันมาก 55555
และแล้วเราก็มาถึงทางที่เราต้องเดินไปต่อเอง โดยระยะจากจุดเริ่มต้นจนไปถึงหัวสิงห์ระยะทางทั้งหมด 7 กิโลเมตรครับ
ระยะทางช่วงแรงถือว่ายังเดินง่ายอยู่ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นทางลงยาวๆ
เห็นลูกหาบแบกของเราอึ่งแปป ของแต่ละคนที่แบกมาเยอะมาก
เส้นทางจะเริ่มเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ เดินขึ้นเดินลงสลับกันไป เพราะเรายังต้องข้ามเขาอีกหลายลูก
และแล้วเราก็ถึงลานหินช่อ จุดนี้ลูกหาบบอกว่าครึ่งทางแล้ว แอบคิดในใจว่าพึ่งครึ่งทางเองหรอ เดินมาตั้งไกลแล้ว
ไหนก็มาถึงลานหินช่อแล้ว ขอปืนขึ้นไปบนยอดซะหน่อย
หลังจากนี้เราก็เดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ และแล้วเราก็มาถึง "ดอยหมาหอบ" จุดถือว่าเป็นเนินที่ชันที่สุดของทริปนี้แล้วครับ เนื่องจากความชันมันอยู่ที่ 45-60 องศาเลยทีเดียว ต้องเดินด้วยความระมัดระวังกันมากเลยทีเดียว ถ้าพลาดนี่กลิ้งไปอยู่ข้างล่างได้เลย แต่จุดนี้วิวสวยเราเดินไปถ่ายรูปไปถือว่าเป็นอีกไฮไลท์ของดอยม่อยจอง
และแล้วผมก็เดินมาถึงจุดสูงสุงของดอยหมาหอบสักที 55555 หัวเราะทั้งน้ำตา โครตเหนื่อยเลย
เมื่อเรามาถึงบนยอดดอยหมาหอบเราจะหายหอบทันที เพราะวิวที่เราจะเห็นมันโครตตตตตตตตตตตตสวย
เห็นยอดสูงสุดไกลๆนั่นไหม นั่นคือหัวสิงห์นั่นเอง
พอนั่งพักให้หายเหนื่อย ก็เดินไปต่อเรื่อยๆจนถึง "สนามกอล์ฟช้าง"
พอเรามาถึงก็รีบไปที่จุดกลางเต้นท์ซึ่งเดินลงไปทางซ้ายมือ ลูกหาบที่มาถึงก่อนเราจะช่วยเรากางเต้นท์ให้เรียบร้อยแล้ว น่ารักมากๆเลย
เนื่องจากเหนื่อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่กางเต้นมาให้ดู แต่จะต้องเดินลงเข้าไปในป่าอีกนิดหน่อย เนื่องจากด้านบนทางจนท.ไม่ให้กางเต้น เพราะตอนกลางคืนหนาวบวกกับลมแรง หลังจากเก็บของและพักให้หายเหนื่อยแล้ว เราก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูป นั่งรอพระอาทิตย์ตกดินแบบเหงาๆคนเดียว
แอบอิจฉาคนมาเป็นคู่
นั่งรอพระอาทิตย์ตกดินบนสันเขาคนเดียวเปลี่ยวไหมถามใจเถอะดู
หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ก็มาถ่ายภาพย้อนแสงกันซะหน่อย
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว เราก็รีบกลับไปที่เต้นท์เพื่อไปกินอาหารเย็นกัน โดยลูกหาบจะทำกับข้าวไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว
พอกินอิ่มก็ได้เวลาออกมาดูดาว แต่เสียใจช่วงที่ไปดวงจันทร์สว่างมากก็เลยไม่ได้เห็นดาวเต็มฟ้า แต่ก็พอเห็นอยู่บ้างนะ
ถ่ายรูปดาวจนหน่ำใจแล้วก็รีบกลับเต้นท์ไปนอน เพราะว่าวันที่ 2 เราต้องตื่นตี 4 เดินไปที่หัวสิงห์กัน
วันที่ 2
ตื่น...ตื่น...ตื่น ตี 4 แล้วผมปลุกเพื่อนในทัวร์ เผื่อที่จะไปถ่ายทางช้างเผือกกัน แต่ว่าหมอกมาเต็มเลยแอบร้องไห้ หลังจากนั้นเราก็เดินไปยังยอดหัวสิงห์
แนะนำให้ที่ไฟฉายคาดหัวไว้ด้วยนะครับเพราะมึนมากและทางชัน
เนื่องจากทางมึดมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปเลยครับ เดินไปเดินมา ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็ถึงบนยอดหัวสิงห์กันซะแล้ว อ้อขอบอกอย่างนึงนะครับ จากจุดกางเต้นท์ไป ยอดหัวสิงห์ระยะทาง 2 กิโล
และแล้วก็จับจองที่รอชมแสงแรกกัน พร้อมกับทะเลหมอก ถ้าได้มากับแฟนคงจะโรแมนติดน่าดูเนอะ
หลังจากนั้นเราก็รีบเดินทางกลับไปเก็บของที่เต้นท์ครับ แต่ช่วงที่ผมไปโชคดีมากดอกกุหลาบพันปีเต็มต้นเลย
เดินไปเรื่อยๆแดดก็เริ่มจ้า
พอถึงจุดกางเต้นท์แล้วเราก็รีบเก็บของกันทันที แต่ขากลับผมเดินทางที่ลูกหาบเดินเพื่อประหยัดเวลา จะเป็นทางเข้าไปในป่าไปโพล่อีกทีทางขึ้นดอยหมาหอบเลย
และแล้วเราก็เดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ ผ่านลานหินช่อ
พอเลยจุดนี้ไปได้ทางมันจะเริ่มนรกแล้วครับ เพราะว่าขามาช่วงเริ่มต้นเราเดินลงอย่างเดียว แต่ขากลับเราต้องเดินขึ้นอย่างเดียวเช่นกัน ผมคิดว่าตรงนี้โหดกว่าดอยหมาหอบซะอีก เพราะเดิน 10 ก้าว พัก 1 ครั้ง 55555555555 แทบร้อง
สุดท้ายแล้วพอผมถึงจุดที่รถกะบะ 4X4 มารับก็รีบขึ้นไปบนหลังกะบะและนอนแผ่ยันหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ เพราะหมดสภาพจริงๆ 55555 พออาบน้ำพักผ่อนเสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับกรุงเทพทันที เพราะวันจันทร์ต้องไปทำงานอีก โหดไหมละ 555555555 โหดสุดๆ
สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถ้าผมรีวิวก็กราบขออภัยด้วย แต่รอบหน้าต้องดีกว่าเดิม
"ขอบคุณครับ"