Mini Review ดอยม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

ดอยม่อนจอง
อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่
11-12 ธันวาคม 2560


ผมอยู่อาศัยและทำงานที่ กทม. ดังนั้นการไปม่อนจองจึงต้องไปเชียงใหม่ก่อน ทริปนี้ไปกับเพื่อนอีก 1 คน

สุดสัปดาห์ที่ผมไปนั้นเป็นวันหยุดยาว (ส. 9 อา. 10 จ. 11 ธ.ค. 2560) จึงเลือกบินไปเชียงใหม่วันอาทิตย์ ปีนเขาวันจันทร์ และลงวันอังคาร โดยลางานวันอังคาร 1 วัน การบินไปช่วงกลาง ๆ ของวันหยุดยาว และบินกลับในวันทำงาน ทำให้ได้ตั๋วเครื่องบินที่ราคาไม่แพงมาก

Flight ของผมมาถึงเชียงใหม่ 15:00 น. จากนั้นก็ไปรับรถที่เช่าไว้ ได้รถเป็น Honda Brio ราคาค่าเช่า 3 วัน ประมาณ 3 พันกว่าบาท จริง ๆ ตอนเช็คราคาช่วงแรก ๆ ราคาอยู่ที่ 2 พันกว่าบาท แต่มัวโอ้เอ้ ไม่ได้จองซักที พอใกล้วันที่ต้องใช้ ราคาเลยขึ้นเลย T-T ผมหาเช่ารถจาก skyscanner (ไม่ได้ค่าโฆษณานะฮะ) การเช่ารถเป็นสิ่งที่สะดวกครับ และจริง ๆ แล้วถ้าไปกัน 4 คน หารต่อคนก็ถือว่าไม่แพงเลย แถมแวะที่ไหนก็ได้ แต่ผมไปกันสองคนก็แอบแพงนิดนึง ค่าน้ำมันตลอดทริป 740 บาท

ผมขับรถจากเมืองเชียงใหม่ ไปทางจอมทอง ฮอด และเข้าสู่ อมก๋อย ระยะทางประมาณ 200 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที เส้นทางบริเวณเลย ฮอด มาแล้วเป็น ถนนสองเลน ขึ้นเขา และทางโค้งเยอะ ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถให้มาก ผมไปถึงฮอดก็ 5 โมง แล้ว ขณะขับขึ้นเขาจึงเป็นเวลากลางคืนจึงขับรถไม่ไวนัก ถนนบางช่วงมีการซ่อม ต้องระวังให้มาก ๆ นะครับ

เมื่อถึงอมก๋อยผมพักที่เฉลิมพันธ์รีสอร์ท (ไม่ได้รับค่าโฆษณาใด ๆ เหมือนกันนะฮะ พักไหนก็บอกไปแบบนั้นครับ) คืนละ 400 บาท ห้องพัดลม ห้องแอร์นี่ไม่จำเป็นจริง ๆ เพราะอากาศเย็น ที่พักดีครับ มีอาหารเย็นอร่อย ๆ ด้วย

เช้าวันรุ่งขึ้นไปกินอาหารเช้าที่ตลาดอมก๋อย พร้อมทั้งซื้อข้าวใส่กล่องไปกินกลางวัน เย็น และเช้าวันถัดไป โดยเอากล่องข้าวไปเอง ผมคิดว่าการค้างบนเขาแค่คืนเดียว ไม่จำเป็นต้องทำอาหาร จะได้มีเวลาไปดูดวงอาทิตย์ตกดิน ข้าวกลางวันเป็นข้าวผัด ส่วนเย็นเป็นข้าวเหนียวกับไส้อั่ว อย่างหลังอยู่ถึงเช้าก็ไม่เสีย ส่วนน้ำดื่มเอาไปคนละสองขวด ขวดละ 1.5 ลิตร เพียงพอสำหรับการปีนเขาแบบ 2 วัน 1 คืน

จากตลาดอมก๋อยก็ขับรถอีกประมาณ​ 1 ชั่วโมง มายัง "ที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ" ที่นี่เป็น "ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้นม่อนจอง" ด้วย โดยโทรจองล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว



เมื่อทุกคนพร้อม จนท. จะเรียกรถ 4WD มาให้ เพื่อใช้ขึ้นไปยังจุดเริ่มเดินเท้า ผมไปกัน 2 คน จนท. เลยให้รวมกับอีกกลุ่ม 3 คน รวมเป็น 5 คน (เขาไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นไปเองนะครับ ทางลำบากและอันตรายมาก) ค่ารถจ่ายตอนกลับลงมาข้างถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้ว




ระหว่างทางรถ 4WD จะพาเรามารับลูกหาบ ซึ่งเป็นชาวมูเซอในหมู่บ้าน จ่ายค่าหาบตอนกลับลงมาถึงหมู่บ้านมูเซอแล้วเช่นกัน ตรงนี้สามารถซื้อเสบียงให้ลูกหาบได้ ผมเช่าหม้อที่นี่เช่นกันสำหรับให้ลูกหาบทำอาหารของเขา ส่วนใครอยากทำอาหารลูกหาบก่อไฟให้ได้



รถ 4WD จะขับต่อมายังจุดเริ่มเดินเท้า ทางขึ้นม่อนจองเป็นทางเดินที่เห็นได้ชัดเจน ผมใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาก็เดินขึ้นอย่างไม่มีปัญหาอะไร และทางก็ไม่ได้ลำบากมาก เหมาะสำหรับคนปีนเขาใหม่ ๆ เช่นกัน บริเวณกลาง ๆ ทางแนะนำว่าอย่าลืมปีนไปบน "ภูหินช่อ" นะครับ ทางขึ้นมันจะเล็ก ๆ รก ๆ ต้องสังเกตดี ๆ วิวสวยดี ระยะทางเดินเขาประมาณ 4 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชม.



บริเวณที่ดูเหมือนจะต้องอาศัยแรงกายแรงใจทั้งหมดคือ "ดอยหมาหอบ" ชันมากมาย บริหารกล้ามเนื้อก้นและต้นขาได้เป็นอย่างดี



เลยดอยหมาหอบแล้วก็ถึงจุดกางเต็นต์ ที่นี่มีจุดกางเต็นต์ 3 จุด วันนี้กางจุดที่ 2 ลูกหาบบอกว่าจุดแรกหนาวมากและน้ำค้างลงเยอะ เลยให้ย้ายมากลางจุดที่ 2 ส่วนจุดที่ 3 นั้นเป็นบริเวณก่อนขึ้นดอยหมาหอบ เอาไว้ตอนที่นักท่องเที่ยวเยอะมาก ๆ



เมื่อกลางเต็นต์เสร็จ ก็นั่งเมาท์กันซักพัก พอบ่าย 3 ก็เริ่มออกเดินไปยังหัวสิงห์ ระยะทางประมาณ 2 กม. เดินกันชั่วโมงกว่า ๆ จริง ๆ แล้วควรออกเดินทางให้เร็วกว่านี้ เดี๋ยวจะบอกนะครับว่าทำไม



เมื่อถึงหัวสิงห์มองย้อนกลับไป หัวสิงห์อยู่ไกลจากจุดกางเต็นต์มาก ๆ เลย ประมาณยอดเขาสีเขียวที่สูงสุดโน้นนน



คราวนี้มองไปอีกด้านหนึ่ง ทางด้านซ้ายของภาพจะเห็น หัวลิง (จินตนาการกันนิดนึง) ส่วนตรงกลางภาพเป็น เจดีย์ ตรงนี้แหละครับ ที่ผมบอกว่าควรต้องออกเดินให้เร็วหน่อย เพราะหัวลิงที่เห็นนั้นอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 2 กม. คราวนี้พวกผมมาถึงหัวสิงห์ช้า จะไปหัวลิงก็กลัวกลับไม่ทันดวงอาทิตย์ตก เลยไม่ได้ไป การเดินบนสันเขาขณะมืดอาจจะอันตรายนะครับ เกิดไฟฉายเสีย ลมแรง ฝนตก ขึ้นมาจะลำบาก



แต่ถ่ายรูปชิลล์ ๆ บนหัวสิงห์ก็ได้ไม่มีปัญหา เอาภาพลูกหาบเหงามาให้ดู น้องขี้อายมาก



เมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงของดวงอาทิตย์ทำให้สีของเขาเปลี่ยนไป ตอนแรกดูเขียว ๆ ตอนนี้ดูส้ม ๆ สวยงาม ส่วนใครอยากจะมาแบบเห็นหญ้าสีทอง ลูกหาบบอกให้มาช่วง ม.ค. ก.พ.



เช้าวันถัดมาก็ตื่นแต่ตีห้า ออกเดินทางมาหัวสิงห์อีกครั้ง แต่มีแค่ผมกับเพื่อนที่มา คนจากกรุ๊ปอื่น ๆ ไม่เห็นนะ เดินกลางคืนเอาไฟฉายส่องทางที่เราเดิน เลยไม่เห็นทางยาว ๆ ข้างหน้า ทำให้ดูเหมือนว่าไม่เหนื่อย (555) ส่วนป้าย "ดอยม่อนจอง" นั้นถ่ายตอนเช้าสวยสุด เพราะป้ายหันเข้าหาดวงอาทิตย์พอดี



และเช้า ๆ แบบนี้ ยังได้เห็นเมฆเลียเขาด้วย สวยงามมาก ๆ เลยทีเดียว



ขากลับเต็นต์ก็เลยถ่ายภาพเนินเขาใกล้ ๆ ลานกลางเต็นต์ ลืมบอกไปว่า ตอนกลางคืนอย่าเพิ่งรีบนอนนะครับ ออกมาบริเวณเนินนี้ มาดูดาวได้ ผมไปช่วงข้างแรม ดวงจันทร์ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า ดาวสวยมาก มองเห็นทางช้างเผือกด้วย



หลังจากกินอาหารเช้า (ไส้อั่วที่เตรียมไป) ก็เก็บเต็นต์ แล้วเดินลงเขา ตอนเดินลงเขาใช้เวลาไม่มากนักประมาณ ชั่วโมงครึ่งก็ถึง จากนั้นขึ้นรถ 4WD กลับหมู่บ้านมูเซอจ่ายค่าลูกหาบ จริง ๆ เขากำหนดกันที่ 600 แต่พวกผมให้ไป 800 น้องดูเด็ก แต่ขยันและแข็งแรงมาก น้องบอกจะเอาไปซื้อเสื้อผ้าปีใหม่ จากนั้น 4WD ก็พามาส่งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวค่า 4WD จ่ายที่นี่ตอนขากลับ 2,500 บาท (ราคาสำหรับ 5 คนนะครับ)



สรุป ดอยม่อนจองเป็นดอยที่ปีนไม่ยาก ด้านบนวิวสวยมากถึงมากที่สุด และพื้นที่ด้านบนก็ไม่ได้กว้างมากนัก ดังนั้นค้างคืนเดียวก็เพียงพอต่อการชมความงามของภูเขาทั้งหมด สามารถเตรียมอาหารไปได้เลยไม่จำเป็นต้องทำ และน้ำสองขวดใหญ่ก็เพียงพอ ลูกหาบดูขยันขันแข็งและบริการดี แม้ว่าตอนมาที่หัวสิงห์ จริง ๆ ลูกหาบไม่จำเป็นต้องมาด้วยก็ได้ แต่เขาก็มาเหมือนกับดูความปลอดภัยของทุกคน

หนาวนี้ใครยังไม่รู้จะไปไหนลองพิจารณาดอยม่อนจองเป็นตัวเลือกหนึ่งนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่