สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้แรกจากการอ่านกระทู้ในพันทิปมานานวันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นไม่รู้จะปรึกษาใครเลยลองสมัครสมาชิกเพื่อเข้ามาขอรับฟังคำแนะนำจากเพื่อนๆในพันทิปสักหน่อย
เรื่องเกิดเมื่อประมาณ 7ปีที่แล้วเรามาสมัครงานที่สามีเราเป็นเจ้าของอยู่โดยปกติจะมีลูกจ้างประมาณ4-5คนแต่เนื่องจากหัวหน้างานหรือผู้จัดการร้านที่เคยอยู่มานานเป็น10ปีออกก็มีลูกจ้างบางคนออกตามไปด้วยทำให้ตอนนั้นมีลูกจ้างเหลือ 2คน(ผู้หญิง)แต่คนอายุมากกว่าคนไม่กี่ปี 1คน อายุน้อยก็ไม่กี่ปี 1คนซึ่งเราจะสนิทกับคนอายุน้อยก่อน ต่อไปขอเรียกว่าน้อยบี เพราะคนที่อายุมากกว่าที่พึ่งได้รับตำแหน่งหัวหน้าจะดูหยิ่งๆไว้ตัว ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกว่า พี่เอก็แล้วกันนะคะ และน้องบีก็จะเป็นคนที่หยุดบ่อย ทำงานไม่ค่อยดี เจ้าของร้านเราซึ่งต่อไปก็คือสามีเราไม่ชอบ ทำให้เรามีโอกาสอยู่กับพี่เอสองคน เราไม่ค่อยชอบพี่เอเนื่องจากเค้าเป็นคนที่ไม่ค่อยจะช่วยเหลือที่จะเต็มใจสอนงานเราเท่าไหร่ เวลาถามราคาสินค้าหลายตัวเวลาเปิดบิลให้ลูกค้าแล้วถามพี่เอก็จะบอกแต่รีบบอกเร็วๆหลายรายการแล้วเดินไปทำอย่างอื่นซึ่งเราไม่มีทางจะจำได้ทัน ส่วนที่จำไม่ทันเลยเดินไปถามพี่เอก็จะบอกแต่บอกแบบกระแทกเสียงใส่ ทำให้บางครั้งที่เวลาเค้ายุ่งๆเราก็จะไม่กล้าถาม ทำให้เราลองเดาชื่อสินค้าเองแล้วมันก็ผิดก็ตลกแต่ก็ไม่ได้อะไรมากเพราะราคามันถูกต้อง เจ้าของร้านก็ขำๆ แต่พี่เอก็จะบอกเสียงห้วนๆว่าคราวหลังไม่รู้ก็ถามอย่าคิดไปเอง เราคิดในใจก็ถามเราพูดแบบนั้นแล้วใครเค้าอยากจะถามละ ไม่ยอมบอกว่าต้องทำงานอะไรบ้างพอเราเห็นเค้าทำก่อนก็ไปช่วยแต่พี่เอตอบกลับมาว่าไม่ต้อง ที่พีคสุดคือเราหยิบถุงพลาสติกจะไปใส่สินค้าลูกค้าให้เค้าเพราะเห็นเค้าสรุปบิลเสร็จแล้วเค้าไม่รับถุงแต่ก้มลงไปหยิบเองที่เดียวกันแทน คือเรานี้งงเลยเพราะทำแบบนี้มันเหมือนรังเกียจกันมากคือตอนนั้นเรารู้สึกว่าโชคไม่ดีเลยที่มาได้ที่ทำงานนี้เพราะพึ่งเรียนจบด้วยทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้เจ้าของร้านจ้างมาให้ช่วยงานแต่เค้ากลับไม่อยากสอนงาน ไม่อยากให้ช่วยแต่พอไม่ช่วยก็เอาเราไปนินทากับคนรู้จักที่แวะมาทักเค้าก็นินทาเราเลยดังพอที่เราได้ยินเลยว่าอยู่เฉยๆไม่ยอมช่วยงาน. แต่ทีนี้เรายังไม่สามารถออกจากที่ทำงานได้เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะต้องมีส่งพ่อแม่แล้วก็กว่าที่จะเรียนจบมาได้ด้วยเงินที่ไปขอญาติพี่น้องสัญญากับเค้าว่าถ้าเรียนจบจะไม่มาขอเงินทำตัวเป็นภาระอีกแล้วเลยคิดว่าจะต้องทนทำไปสัก3-5เดือนให้พอมีทุนสำรองแล้วหางานใหม่ เลยมาคิดหาวิธีปรับตัวเข้าหาพี่เอซึ่งลองเดาดูว่าเค้าต้องการให้เราเข้าหาก่อนไกม เลยลองชวนคุยเรื่องของเค้าดูปรากฎว่าเค้าดูเฟรนลี่เลยทันทีทันใด เราก็โล่งอกเพราะจะได้อยู่ไปแบบสบายใจหน่อยแต่ในใจลึกๆไม่ชอบคนแบบนี้ พอหลังจากนี้เวลาน้องบีไม่อยู่พี่เอก็จะสนิทกับเราแต่พอน้องบีอยู่พี่เอก็จะหยิ่งๆแล้วไม่คุยกับเรา เราก็ไม่สนใจเพราะกะจะอยู่ไม่นานอยู่แล้ว
แต่พอหลังจากนี้ไม่นานเจ้าของร้านหรือก็คือสามีเรานี่แหละมาจีบบอกว่าชอบเราดูเป็นคนน่าค้นหา ขยันทำงานเค้าชอบคนขยันซึ่งเราก็ตกใจแต่ก็เกรงใจไปกินข้าวกัน2-3ครั้งแรกก็บอกปฏิเสธไปแต่เค้าก็ขอโอกาสคุยต่อจนไปๆมาๆก็เหมือนเราจะยอมคบเค้าเป็นแฟน สามีเราเค้ามีข้อดีเยอะที่ชอบที่สุดคือเค้าดูไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ข้อเสียสำหรับเราคืออายุห่างกันเยอะจนน่าตกใจ ทีนี้เราก็จะเจอกันหลังเลิกงานทุกวันไปกินมื้อค่ำทุกวัน เรายังไม่อยากเปิดตัวจนประมาณ1ปีในช่วงเวลา1ปีนี้สถานการณ์ในที่ทำงานก็ไม่ได้ดีอะไรเหมือนเดิมเราตกลงกับแฟนว่าจะเก็บเป็นความลับจะได้ไม่เสียการปกครองที่ร้าน น้องบีได้ลาออกไป มีน้องคนใหม่เข้ามาชื่อว่าน้องซีแล้วกันนะคะ ปรากฎว่าหนักกว่าเดิมอีกค่ะ น้องซีเป็นคนขี้เกียจ ชอบเอารัดเอาเปรียบ หลบงาน ปากดี แต่เป็นคนคุยเก่ง น้องซีสนิทกับพี่เอมากทั้งๆที่มาทีหลังเราคือเราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเราเป็นคนขยันทำไมพี่เอถึงไม่ค่อยชอบเราไปชอบน้องซีที่ขี้เกียจเพียงเพราะคุยเก่งแค่นี้หรอ แต่เรื่องนี้เราไม่สนใจแต่ที่เราสนใจคือเค้าให้ท้ายส่งเสริมกัน ลำเอียงและไม่มีความเป็นกลาง น้องซีเหมือนจะเคารพแต่พี่เอแล้วพยายามจะเหยียบข้ามหัวเราด้วย. ยกตัวอย่างเช่นจะมีเวรทำความสะอาดคือมีกวาด ถู ขัดพื้นห้องน้ำ ซึ่งตอนแรกๆก็สลับกันไปมา แต่พอหลังๆนี้คือน้องซีจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำตลอด หน้าที่ๆหนักสุดจะเป็นถูพื้นเพราะพื้นที่เยอะ น้องซีขัดแป๊บๆก็จะมาพักรอเลิกงานส่วนเราก็ทำอีกนานยังไม่เสร็จ ทีนี้พอน้องซีเดินผ่านก็พูดขึ้นมาว่า "อะไรพี่ถูพื้นตั้งนานยังไม่เสร็จอีก" เจ้าของร้าน(สามีเรา)เข้ามาถามเล่นๆว่านี่ทำไมได้ถูพื้นอีกแล้วละ เราก็ได้แต่พยักหน้าไปทำเหมือนไม่ได้ซีเรียสอะไรแค่นั้นแต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพี่เอๆก็ได้พูดแทรกว่าก็ช่วยๆกันหนะ คนละหน้าที่กัน พอลับหลังเจ้าของร้านไปพี่เอเดินเข้ามาเฉียดๆแล้วพูดว่า "ทำงานด้วยกันถ้ามีอคติก็อยู่ด้วยกันไม่ได้" คือสรุปง่ายๆว่าอยู่ฝั่งน้องซีและคงเอาไปเล่าให้ฟังด้วยเพราะหลังจากนั้นน้องซีได้มองเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแล้วมีการหลอกด่าเช่นมีรถขายฝรั่งเข็นผ่านน้องซีพูดว่า "พี่ๆดูฝรั่งลูกนั่นสิลูกเท่าควายเลย" ช่วยประมาณปลายปีงานจะยุ่งที่ทำงานเป็นระบบให้สลับกันไปกินข้าวเราก็ให้คนอื่นไปกินก่อนจนกว่าจะได้กินข้าวเที่ยงก็ปาเข้าไปบ่ายสามแล้วน้องซีเดินผ่านก็พูดขึ้นว่า. "นี่พี่บ่ายสามแล้วยังจะกินข้าวอีกหรอ" ยังๆมีอีกที่ทำงานมีเติมสต็อกสินค้าตอนเช้าน้องซีจะเลือกถุงที่เบากว่าของเราแล้วยกทุกครั้ง บางครั้งมีหน้ามาถามว่าของเติมวันนี้เยอะไหมพี่ เราก็ตอบไปตามตรงว่าก็ไม่เยอะนะ แล้วสุดท้ายยังไงคือเธอไม่ไปช่วยค่ะคุณ บางวันเธอไม่ขึ้นไปช่วยหยิบของนั่งคุยเล่นกับพี่เอข้างล่าง มีครั้งหนึ่งเจ้าของร้านใช้น้องซีแต่พอดีตอนนั้นนั้นเราไม่อยู่พอเรากับมาน้องซีมาใช้เราตอนแรกเราไม่รู้แต่คราวนี้พี่เอพูดว่า "เฮียเค้าใช้(ชื่อน้องซี)แกก็ไปใช้ชื่อเรา" ตอนนั้นเราโกรธมากเลย น้องซีก็หัวเราะแต่เราไม่ขำเราหน้าบึ้งเลย แต่เราทำอะไรไม่ได้สามีเราเกรงใจพี่เอเพราะทำงานมาก่อนเราๆก็ด้วยความที่ไม่อยากใช้สิทธพิเศษในการเป็นแฟนเจ้าของมาเล่นงานมัน มันจะดูไม่ดีเราก็ได้แต่อดทนจนกระทั่งน้องซีได้ลาออกไปเอง พี่เอทำมาสนิทกับเราใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราก็ต้องทนๆคบไปแต่ในใจนี้คือไม่ได้แล้วคือเราไม่รู้ว่าพี่เอไม่ชอบเราตรงที่ว่ามองเราเป็นคู่แข่งไหม แล้วเราก็เคยจับผิดพี่เอด้วยคือในตอนนั้นพี่เอทำงานผิดพลาดทำให้ร้านขาดทุนแต่ก็ไม่มากที่ร้านไม่มีใครตรวจพบไปแต่เราตรวจพบเราก็ให้เกียรติพี่เอไปยอกเค้าเพื่อให้เค้าเป็นคนไปบอกเจ้าของด้วยตัวเอง แต่พี่เอก็เงียบไปเราจึงนำเรื่องไปบอกเองอีกครั้งคือเราไม่ชอบอะไรที่มันไม่ถูกต้อง พี่เอก็เอาคืนเราด้วยการหวงวิชาไม่ยอมบอกรายละเอียดลูกค้าให้เราทำให้เราทำงานยากขึ้น บางครั้งก็ว่างยาเราจนทำให้เราทำงานผิดพลาดพอเราไปถามก็กลับคำบอกไม่ได้พูด บางครั้งเราผิดเองจริงแต่ยากมีลูกค้าอยู่ไม่พูดที่สามารถแก้ไขได้ทัน ตอนอยู่กันสองคนไม่พูดแต่มาพูดตอนพี่สาวเจ้าของอยู่คือกะจะให้โดนด่า ชอบมาถามว่าได้เงินเดือนขึ้นรึยังไม่เงินเท่าไหร่แล้วเราก็ไม่อยากบอกแต่เค้าก็ถามบ่อยเราก็เลยยบอกๆไปเค้าดันเอาเงินเดือนเราไปบอกลูกจ้างคนอื่น แต่ของตัวเองดันไม่บอกพอโบนัสออกก็มาถามอีกว่าได้เท่าไหร่ครั้งนี้เราไม่บอกก็มาให้บอกใบ้ ส่วนของสามีเราพอครบปีเค้าขอเราแต่งงานด้วยว่าเค้าอายุเยอะแล้วไม่อยากเสียเวลา เราตอบตกลงไปหลังจากนั้นเราก็มานั่งวิตกอีกว่าจะว่าวางตัวยังไงให้ดูดี แฟนก็กลัวว่าพี่เอจะรับไม่ได้ลาออกกลัวจะขาดคนช่วยงานเพราะตอนนั้นขาดคนงาน เราก็เลยวางตัวเหมือนตอนที่ยังไม่ได้เป็นภรรยาเจ้าของก็ทำให้ลูกจ้างที่เข้ามาใหม่ไม่เคารพอีกแต่อยู่ไปนานเข้าก็รู้. พอสักพักหนึ่งพี่เอท้องทำให้ต้องออกจากที่ทำงานไป ตอนนั้นเราโล่งมากถึงต่อให้รู้ว่างานจะหนักมากขึ้น ลูกจ้างที่เคยสนิทกับพี่เอก็ลาออกไปเราสบายใจเพราะไม่รูพี่เอไปเสี้ยมอะไรเอาไว้ก็ไม่ชอบเราไปด้วย คนมาใหม่ก็เข้าๆออกๆจนกระทั่งช่วงที่ไม่มีคนงานเลยคือเหลือแค่เรากับแฟนทำกันแค่สองคน มันเหนื่อยแต่เราสบายใจมากมันเหมือนได้ล้างเลือดเก่าออกไปหมดต่อไปนี้เราจะปั้นทีมงานที่เป็นของเราจริงๆ
จนในที่สุดก็ได้มาขอเรียกว่าน้องดีแล้วกันนะคะ น้องคนนี้ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยคือเป็นคนขยัน ใจเย็น สุภาพ รู้ว่าขอบเขตระหว่างเจ้านายลูกน้องคือตรงไหน คุยด้วยได้แต่ไม่ลามปาม และก็ได้ลูกจ้างผู้ชายมาอีกหนึ่งคนขอเรียกว่าพี่อีแล้วกันนะคะ คนนี้ก็ดีค่ะคุยดี ไม่เกี่ยงงาน แต่พอดีเป็นช่วงปลายปีที่ร้านจะยุ่ง แฟนเราต้องการคนมาเพิ่มอีก 2คน แต่จนแล้วจนรอดมีแนวโน้มจะหาไม่ทันกอปรกับพี่เอได้ติดต่อกับมาว่าพร้อมมาทำงานพอดี เพราะตอนนั้นก็ผ่านมา2ปีแล้ว เราเคยตกลงกับแฟนเราว่าถ้าคนนี้จะมาใหม่คือไม่เอาแล้วนะ เพราะที่ผ่านมาโดนอะไรมาก็เล่าให้ฟังหมด แต่พอมาถึงเหตุการณ์จริงแฟนก็ขอร้องเราเพราะอยากได้เค้ามาช่วยงาน เราก็ต้องจำใจยอม ซึ่งตอนกลับมาใหม่รอบสองนั้นพี่เอพูดดีมากเค้าเข้ามาเกาะติดเราพูดคุยแต่กับเรา เราก็ไม่ได้อะไรจนสักพักก็ห่างๆเค้าหน่อยด้วยเพราะงานด้วยและต้องการให้เค้าทำความรู้จักกับอีกสองคนด้วยแล้วพอทีนี้เริ่มสนิทกันก็นั้นแหละนิสัยเริ่มกับไปเป็นเหมือนเดิม แต่พอคราวนี้น้องดีกับพี่อีก็เปลี่ยนไปด้วยคือปกติเราก็จะมีว่ากล่าวตักเตือนเกี่ยวกับวานเวลามีการผิดพลาดบ้างแต่ทุกครั้งทั้งสองคนก็จะรับฟังด้วยดี แต่พอตั้งแต่คราวนี้พี่เอกลับมาเราพูดว่าเกี่ยวกับงานไปเค้าจะเป็นประมาณดื้อเงียบและดูแข็งกร้าวขึ้นไม่รู้ว่าพี่เอไปพูดเสี่ยมอะไรไว้ หรือบางครั้งสองคนทำตามที่เราสั่งห้ามว่าห้ามทำก็ปฏิบัติตามแต่พี่เอไม่ทำตามแล้วเหมือนจะชักชวนให้อีกสองคนทำแบบเค้าด้วยซึ่งมันดูเสียการปกครองมาก เราจะเกรงใจพี่เออยู่หลายส่วนด้วยเค้าเคยเป็นลูกน้องเค้ามาก่อนเลยไม่ค่อยจะว่าเค้าอยากให้เค้าคิดได้เอง แต่ดูเหมือนเค้าจะรับไม่ได้เวลาเราว่าเค้า หรือรวมตัวกันเวลาบรีฟงานเค้าจะหันหลังให้เราซึ่งเป็นคนพูดอยู่มันดูแย่มากและอีกสองคนก็สังเกตุได้ แล้วก็จะเริ่มเกรงใจพี่เอมากขึ้นเรื่อยๆเพราะพี่เอเป็นคนคุยสนุกเวลาพี่เอไม่คุยกับเรามันเหมือนบรรยากาศมันเงียบไปเลย ทั้งสองคนดูออกเหมือนจะเดรงใจพี่เอเลยพลอยเงียบกับเราไปด้วย เค้าเริ่มสนิทกันมากขึ้นเพราะเราก็ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปคลุกคลีกับสองคนนั้น จนในที่สุดเราเริ่มที่จะได้ยินพี่เอนินทาเราให้สองคนนั้นฟัง เราสั่งให้ออกของมาเต็มชั้นให้เต็มเพื่อให้สวยงามไม่แหว่งพี่เอก็ไม่พอใจแอบไปนินทาว่า "ลูกค้าเค้าไม่ได้ตาบอดเหมือนนะ แหม่มาบอกให้เติมเต็มๆ" ครั้งหนึ่งเดินผ่านอยู่ๆพี่อีก็พูดว่า "ดำดีสีไม่ตก ขาวแล้วสกปรกคบไม่ได้" คือตอนนั้นมีเราผิวขาวคนเดียว เราเริ่มรู้สึกว่าคนของเราแปรพักตร์แล้ว เหลือแต่น้องดีคนเดียวเรารู้สึกว่าขนาดเราปั้นมาเองกับมือยังเป็นอย่างนี้เราถ้าคนที่พึ่งเข้ามาใหม่จะเป็นยังไง เราพยายามดันน้องดีขึ้นเป็นหัวหน้าแต่ดันไม่ขึ้นเพราะฝีมือไม่ถึงและชอบเป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำ เราคุยกับแฟนเราว่าเค้าทำอย่างๆกับเรานะ แฟนเราบอกว่าเราต้องเข้าไปปะทะนะตอนที่ได้ยินเลยว่าได้ยินที่นินทานะ ถึงจะเอาออกให้ได้ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เอาออกเพราะเอาคนออกโดยเหตุผลคือ "เมียฉันไม่ชอบเธอ"แบบนี้มันดูไม่ดี ให้ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าเพราะตอนนี้เราก็กำลังเลี้ยงดูลูกอ่อนถ้าให้เค้าออกก็ต้องมาเหนื่อยกับงานต้องเทรนคนใหม่ยังไม่รู้จะได้เรื่องไหม สรุปคือต้องรอโอกาสใหม่หรือไม่ก็ต้องรอเค้าออกเองอีกครั้ง เรารู้สึกอึดอัดมากเลยที่มีลูกน้องที่ไม่มีความเคารพและยังหาวิธีจัดการไม่ได้
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ พิมพ์ยาวเลยเพราะตลอดเวลา7ปีที่ผ่านมาอึดอัดมาก ที่จริงมีรายละเอียดมากกว่านั้นเล่าทั้งวันก็ไม่หมด ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จากลูกน้องเป็นเจ้านายทำให้ไม่ได้รับความเคารพ ควรวางตัวยังไง
แต่พอหลังจากนี้ไม่นานเจ้าของร้านหรือก็คือสามีเรานี่แหละมาจีบบอกว่าชอบเราดูเป็นคนน่าค้นหา ขยันทำงานเค้าชอบคนขยันซึ่งเราก็ตกใจแต่ก็เกรงใจไปกินข้าวกัน2-3ครั้งแรกก็บอกปฏิเสธไปแต่เค้าก็ขอโอกาสคุยต่อจนไปๆมาๆก็เหมือนเราจะยอมคบเค้าเป็นแฟน สามีเราเค้ามีข้อดีเยอะที่ชอบที่สุดคือเค้าดูไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่ข้อเสียสำหรับเราคืออายุห่างกันเยอะจนน่าตกใจ ทีนี้เราก็จะเจอกันหลังเลิกงานทุกวันไปกินมื้อค่ำทุกวัน เรายังไม่อยากเปิดตัวจนประมาณ1ปีในช่วงเวลา1ปีนี้สถานการณ์ในที่ทำงานก็ไม่ได้ดีอะไรเหมือนเดิมเราตกลงกับแฟนว่าจะเก็บเป็นความลับจะได้ไม่เสียการปกครองที่ร้าน น้องบีได้ลาออกไป มีน้องคนใหม่เข้ามาชื่อว่าน้องซีแล้วกันนะคะ ปรากฎว่าหนักกว่าเดิมอีกค่ะ น้องซีเป็นคนขี้เกียจ ชอบเอารัดเอาเปรียบ หลบงาน ปากดี แต่เป็นคนคุยเก่ง น้องซีสนิทกับพี่เอมากทั้งๆที่มาทีหลังเราคือเราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเราเป็นคนขยันทำไมพี่เอถึงไม่ค่อยชอบเราไปชอบน้องซีที่ขี้เกียจเพียงเพราะคุยเก่งแค่นี้หรอ แต่เรื่องนี้เราไม่สนใจแต่ที่เราสนใจคือเค้าให้ท้ายส่งเสริมกัน ลำเอียงและไม่มีความเป็นกลาง น้องซีเหมือนจะเคารพแต่พี่เอแล้วพยายามจะเหยียบข้ามหัวเราด้วย. ยกตัวอย่างเช่นจะมีเวรทำความสะอาดคือมีกวาด ถู ขัดพื้นห้องน้ำ ซึ่งตอนแรกๆก็สลับกันไปมา แต่พอหลังๆนี้คือน้องซีจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำตลอด หน้าที่ๆหนักสุดจะเป็นถูพื้นเพราะพื้นที่เยอะ น้องซีขัดแป๊บๆก็จะมาพักรอเลิกงานส่วนเราก็ทำอีกนานยังไม่เสร็จ ทีนี้พอน้องซีเดินผ่านก็พูดขึ้นมาว่า "อะไรพี่ถูพื้นตั้งนานยังไม่เสร็จอีก" เจ้าของร้าน(สามีเรา)เข้ามาถามเล่นๆว่านี่ทำไมได้ถูพื้นอีกแล้วละ เราก็ได้แต่พยักหน้าไปทำเหมือนไม่ได้ซีเรียสอะไรแค่นั้นแต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพี่เอๆก็ได้พูดแทรกว่าก็ช่วยๆกันหนะ คนละหน้าที่กัน พอลับหลังเจ้าของร้านไปพี่เอเดินเข้ามาเฉียดๆแล้วพูดว่า "ทำงานด้วยกันถ้ามีอคติก็อยู่ด้วยกันไม่ได้" คือสรุปง่ายๆว่าอยู่ฝั่งน้องซีและคงเอาไปเล่าให้ฟังด้วยเพราะหลังจากนั้นน้องซีได้มองเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแล้วมีการหลอกด่าเช่นมีรถขายฝรั่งเข็นผ่านน้องซีพูดว่า "พี่ๆดูฝรั่งลูกนั่นสิลูกเท่าควายเลย" ช่วยประมาณปลายปีงานจะยุ่งที่ทำงานเป็นระบบให้สลับกันไปกินข้าวเราก็ให้คนอื่นไปกินก่อนจนกว่าจะได้กินข้าวเที่ยงก็ปาเข้าไปบ่ายสามแล้วน้องซีเดินผ่านก็พูดขึ้นว่า. "นี่พี่บ่ายสามแล้วยังจะกินข้าวอีกหรอ" ยังๆมีอีกที่ทำงานมีเติมสต็อกสินค้าตอนเช้าน้องซีจะเลือกถุงที่เบากว่าของเราแล้วยกทุกครั้ง บางครั้งมีหน้ามาถามว่าของเติมวันนี้เยอะไหมพี่ เราก็ตอบไปตามตรงว่าก็ไม่เยอะนะ แล้วสุดท้ายยังไงคือเธอไม่ไปช่วยค่ะคุณ บางวันเธอไม่ขึ้นไปช่วยหยิบของนั่งคุยเล่นกับพี่เอข้างล่าง มีครั้งหนึ่งเจ้าของร้านใช้น้องซีแต่พอดีตอนนั้นนั้นเราไม่อยู่พอเรากับมาน้องซีมาใช้เราตอนแรกเราไม่รู้แต่คราวนี้พี่เอพูดว่า "เฮียเค้าใช้(ชื่อน้องซี)แกก็ไปใช้ชื่อเรา" ตอนนั้นเราโกรธมากเลย น้องซีก็หัวเราะแต่เราไม่ขำเราหน้าบึ้งเลย แต่เราทำอะไรไม่ได้สามีเราเกรงใจพี่เอเพราะทำงานมาก่อนเราๆก็ด้วยความที่ไม่อยากใช้สิทธพิเศษในการเป็นแฟนเจ้าของมาเล่นงานมัน มันจะดูไม่ดีเราก็ได้แต่อดทนจนกระทั่งน้องซีได้ลาออกไปเอง พี่เอทำมาสนิทกับเราใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเราก็ต้องทนๆคบไปแต่ในใจนี้คือไม่ได้แล้วคือเราไม่รู้ว่าพี่เอไม่ชอบเราตรงที่ว่ามองเราเป็นคู่แข่งไหม แล้วเราก็เคยจับผิดพี่เอด้วยคือในตอนนั้นพี่เอทำงานผิดพลาดทำให้ร้านขาดทุนแต่ก็ไม่มากที่ร้านไม่มีใครตรวจพบไปแต่เราตรวจพบเราก็ให้เกียรติพี่เอไปยอกเค้าเพื่อให้เค้าเป็นคนไปบอกเจ้าของด้วยตัวเอง แต่พี่เอก็เงียบไปเราจึงนำเรื่องไปบอกเองอีกครั้งคือเราไม่ชอบอะไรที่มันไม่ถูกต้อง พี่เอก็เอาคืนเราด้วยการหวงวิชาไม่ยอมบอกรายละเอียดลูกค้าให้เราทำให้เราทำงานยากขึ้น บางครั้งก็ว่างยาเราจนทำให้เราทำงานผิดพลาดพอเราไปถามก็กลับคำบอกไม่ได้พูด บางครั้งเราผิดเองจริงแต่ยากมีลูกค้าอยู่ไม่พูดที่สามารถแก้ไขได้ทัน ตอนอยู่กันสองคนไม่พูดแต่มาพูดตอนพี่สาวเจ้าของอยู่คือกะจะให้โดนด่า ชอบมาถามว่าได้เงินเดือนขึ้นรึยังไม่เงินเท่าไหร่แล้วเราก็ไม่อยากบอกแต่เค้าก็ถามบ่อยเราก็เลยยบอกๆไปเค้าดันเอาเงินเดือนเราไปบอกลูกจ้างคนอื่น แต่ของตัวเองดันไม่บอกพอโบนัสออกก็มาถามอีกว่าได้เท่าไหร่ครั้งนี้เราไม่บอกก็มาให้บอกใบ้ ส่วนของสามีเราพอครบปีเค้าขอเราแต่งงานด้วยว่าเค้าอายุเยอะแล้วไม่อยากเสียเวลา เราตอบตกลงไปหลังจากนั้นเราก็มานั่งวิตกอีกว่าจะว่าวางตัวยังไงให้ดูดี แฟนก็กลัวว่าพี่เอจะรับไม่ได้ลาออกกลัวจะขาดคนช่วยงานเพราะตอนนั้นขาดคนงาน เราก็เลยวางตัวเหมือนตอนที่ยังไม่ได้เป็นภรรยาเจ้าของก็ทำให้ลูกจ้างที่เข้ามาใหม่ไม่เคารพอีกแต่อยู่ไปนานเข้าก็รู้. พอสักพักหนึ่งพี่เอท้องทำให้ต้องออกจากที่ทำงานไป ตอนนั้นเราโล่งมากถึงต่อให้รู้ว่างานจะหนักมากขึ้น ลูกจ้างที่เคยสนิทกับพี่เอก็ลาออกไปเราสบายใจเพราะไม่รูพี่เอไปเสี้ยมอะไรเอาไว้ก็ไม่ชอบเราไปด้วย คนมาใหม่ก็เข้าๆออกๆจนกระทั่งช่วงที่ไม่มีคนงานเลยคือเหลือแค่เรากับแฟนทำกันแค่สองคน มันเหนื่อยแต่เราสบายใจมากมันเหมือนได้ล้างเลือดเก่าออกไปหมดต่อไปนี้เราจะปั้นทีมงานที่เป็นของเราจริงๆ
จนในที่สุดก็ได้มาขอเรียกว่าน้องดีแล้วกันนะคะ น้องคนนี้ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยคือเป็นคนขยัน ใจเย็น สุภาพ รู้ว่าขอบเขตระหว่างเจ้านายลูกน้องคือตรงไหน คุยด้วยได้แต่ไม่ลามปาม และก็ได้ลูกจ้างผู้ชายมาอีกหนึ่งคนขอเรียกว่าพี่อีแล้วกันนะคะ คนนี้ก็ดีค่ะคุยดี ไม่เกี่ยงงาน แต่พอดีเป็นช่วงปลายปีที่ร้านจะยุ่ง แฟนเราต้องการคนมาเพิ่มอีก 2คน แต่จนแล้วจนรอดมีแนวโน้มจะหาไม่ทันกอปรกับพี่เอได้ติดต่อกับมาว่าพร้อมมาทำงานพอดี เพราะตอนนั้นก็ผ่านมา2ปีแล้ว เราเคยตกลงกับแฟนเราว่าถ้าคนนี้จะมาใหม่คือไม่เอาแล้วนะ เพราะที่ผ่านมาโดนอะไรมาก็เล่าให้ฟังหมด แต่พอมาถึงเหตุการณ์จริงแฟนก็ขอร้องเราเพราะอยากได้เค้ามาช่วยงาน เราก็ต้องจำใจยอม ซึ่งตอนกลับมาใหม่รอบสองนั้นพี่เอพูดดีมากเค้าเข้ามาเกาะติดเราพูดคุยแต่กับเรา เราก็ไม่ได้อะไรจนสักพักก็ห่างๆเค้าหน่อยด้วยเพราะงานด้วยและต้องการให้เค้าทำความรู้จักกับอีกสองคนด้วยแล้วพอทีนี้เริ่มสนิทกันก็นั้นแหละนิสัยเริ่มกับไปเป็นเหมือนเดิม แต่พอคราวนี้น้องดีกับพี่อีก็เปลี่ยนไปด้วยคือปกติเราก็จะมีว่ากล่าวตักเตือนเกี่ยวกับวานเวลามีการผิดพลาดบ้างแต่ทุกครั้งทั้งสองคนก็จะรับฟังด้วยดี แต่พอตั้งแต่คราวนี้พี่เอกลับมาเราพูดว่าเกี่ยวกับงานไปเค้าจะเป็นประมาณดื้อเงียบและดูแข็งกร้าวขึ้นไม่รู้ว่าพี่เอไปพูดเสี่ยมอะไรไว้ หรือบางครั้งสองคนทำตามที่เราสั่งห้ามว่าห้ามทำก็ปฏิบัติตามแต่พี่เอไม่ทำตามแล้วเหมือนจะชักชวนให้อีกสองคนทำแบบเค้าด้วยซึ่งมันดูเสียการปกครองมาก เราจะเกรงใจพี่เออยู่หลายส่วนด้วยเค้าเคยเป็นลูกน้องเค้ามาก่อนเลยไม่ค่อยจะว่าเค้าอยากให้เค้าคิดได้เอง แต่ดูเหมือนเค้าจะรับไม่ได้เวลาเราว่าเค้า หรือรวมตัวกันเวลาบรีฟงานเค้าจะหันหลังให้เราซึ่งเป็นคนพูดอยู่มันดูแย่มากและอีกสองคนก็สังเกตุได้ แล้วก็จะเริ่มเกรงใจพี่เอมากขึ้นเรื่อยๆเพราะพี่เอเป็นคนคุยสนุกเวลาพี่เอไม่คุยกับเรามันเหมือนบรรยากาศมันเงียบไปเลย ทั้งสองคนดูออกเหมือนจะเดรงใจพี่เอเลยพลอยเงียบกับเราไปด้วย เค้าเริ่มสนิทกันมากขึ้นเพราะเราก็ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปคลุกคลีกับสองคนนั้น จนในที่สุดเราเริ่มที่จะได้ยินพี่เอนินทาเราให้สองคนนั้นฟัง เราสั่งให้ออกของมาเต็มชั้นให้เต็มเพื่อให้สวยงามไม่แหว่งพี่เอก็ไม่พอใจแอบไปนินทาว่า "ลูกค้าเค้าไม่ได้ตาบอดเหมือนนะ แหม่มาบอกให้เติมเต็มๆ" ครั้งหนึ่งเดินผ่านอยู่ๆพี่อีก็พูดว่า "ดำดีสีไม่ตก ขาวแล้วสกปรกคบไม่ได้" คือตอนนั้นมีเราผิวขาวคนเดียว เราเริ่มรู้สึกว่าคนของเราแปรพักตร์แล้ว เหลือแต่น้องดีคนเดียวเรารู้สึกว่าขนาดเราปั้นมาเองกับมือยังเป็นอย่างนี้เราถ้าคนที่พึ่งเข้ามาใหม่จะเป็นยังไง เราพยายามดันน้องดีขึ้นเป็นหัวหน้าแต่ดันไม่ขึ้นเพราะฝีมือไม่ถึงและชอบเป็นผู้ตามมากกว่าเป็นผู้นำ เราคุยกับแฟนเราว่าเค้าทำอย่างๆกับเรานะ แฟนเราบอกว่าเราต้องเข้าไปปะทะนะตอนที่ได้ยินเลยว่าได้ยินที่นินทานะ ถึงจะเอาออกให้ได้ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เอาออกเพราะเอาคนออกโดยเหตุผลคือ "เมียฉันไม่ชอบเธอ"แบบนี้มันดูไม่ดี ให้ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าเพราะตอนนี้เราก็กำลังเลี้ยงดูลูกอ่อนถ้าให้เค้าออกก็ต้องมาเหนื่อยกับงานต้องเทรนคนใหม่ยังไม่รู้จะได้เรื่องไหม สรุปคือต้องรอโอกาสใหม่หรือไม่ก็ต้องรอเค้าออกเองอีกครั้ง เรารู้สึกอึดอัดมากเลยที่มีลูกน้องที่ไม่มีความเคารพและยังหาวิธีจัดการไม่ได้
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ พิมพ์ยาวเลยเพราะตลอดเวลา7ปีที่ผ่านมาอึดอัดมาก ที่จริงมีรายละเอียดมากกว่านั้นเล่าทั้งวันก็ไม่หมด ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ