‘โฟกัส’ ผูกโบขาวไลฟ์พาทัวร์ ‘รัฐสภาใหม่’ ทึ่งงบ 2 หมื่นล้าน น่ามีช่วย ร.ร.ดอย-หนุนพัฒนาอุตสาหกรรมเกม
https://www.matichon.co.th/politics/news_2471064
จากกรณีที่มี นาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมและ
e-sports สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงเปิดตัวอนุ กมธ.ดังกล่าวเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนวงการเกม และอุตสาหกรรมเกมของประเทศไทย ซึ่งวงการเกมเติบโตในทุกระดับจากกิจกรรมเพื่อความบันเทิงขยับไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท สร้างรายได้ อาชีพ โอกาสและชื่อเสียงให้กับผู้เล่น (อ่านข่าว –
ก้าวไกล เปิดตัวอนุกมธ.อีสปอร์ต ฮือฮา! ดึง ‘โฟกัส’ ดาราสายเกมเมอร์ นั่งที่ปรึกษา)
โดยในการประชุม อนุ กมธ.
โฟกัส จีระกุล นักแสดงและนักแคสต์เกมขวัญใจวัยรุ่น ได้เข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการชุดนี้ด้วย ซึ่งต่อมา
โฟกัสได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กพาทัวร์รัฐสภาแห่งใหม่ โดยพาชมภายในตึก พาไปดูส่วนของห้องประชุมในส่วนตึกสุริยัน
โฟกัสกล่าวในไลฟ์ขณะพาทัวร์ว่า ห้องบนที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ ก่อนจะแซวว่าต้องระวังอาจจะโดนลอฟต์ยิง (ลอบยิง) ส่วนกระจกเป็นลายหยดน้ำ ก่อนจะผายกล้องไปให้ชมกระจกที่มีรอยแตกร้าว หลายคนที่เคยสอบถามว่ารัฐสภาเป็นอย่างไร ทำให้รู้สึกงง ว่าการออกแบบนี้เป็นอย่างไร
จากนั้นนักแสดงสาวพาไปดูกำแพงที่เป็นหิน มีความสวยงาม ห้องประชุมหลายๆ ห้อง ค่อยประชุมย่อยๆ ว่ามีอะไรบ้าง ข้างบนมีเสียงตามสายจากการประชุมรัฐสภา
ทั้งนี้ มีผู้รู้อธิบายว่า รัฐสภาใหม่ได้สร้างเสร็จไปสัก 80% แล้ว ด้านนอกเสร็จไปแล้ว 50% โดยมีงบประมาณเกิน 22,000 กว่าล้าน และมีการต่อสัญญาในการสร้าง
โฟกัสกล่าวอีกว่า จริงๆ พื้นที่ค่อนข้างโอ่อ่ามากๆ ไม่รู้ว่าพื้นที่ใหญ่เกินกว่าจำเป็นจะใช้สอยหรือไม่ เพราะมันค่อนข้างใหญ่มากๆ เดินทีหนึ่งคือเดินเท่าไหร่ก็ไม่สุด ไม่รู้ว่าปัญหาของรัฐสภาเก่าคืออะไร พูดในฐานะประชาชน
นอกจากนี้
โฟกัสยังพาไปดูช่องลมที่ด้านล่างเป็นบ่อเลี้ยงดิน ส่วนพื้นนี้มาจากภาษีเราทั้งนั้น ทั้งยังพูดว่า มีลิฟต์สำหรับ ส.ส.แสดงออกถึงความเหลื่อมล้ำตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมคนอื่นถึงขึ้นลิฟต์นี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่สร้างมาจากภาษีทุกคน หรือการมีที่จอดรถให้กับ ส.ส.
“วันนี้ก็แต่งตัวซ้อมเป็น ส.ส. มีสีสันสุดในที่นี้แล้ว รู้สึกว่าไม่ต้องแต่งตัวสีดำก็ได้ แค่สุภาพอย่างเดียวก็พอ เฟี้ยวๆ คือผูกโบขาวมาที่นี่”
พร้อมกันนี้ ยังพาไปดูโมเดลรัฐสภาที่มีกำหนดจะเสร็จในปีนี้ และยังมีที่ให้ประชาชนมาชุมนุมด้วย แต่เมื่อสังเกตดูแล้วทำไมเขาถึงไม่ให้เราเข้ามาวันนั้นน้า งงจังเลย ก่อนได้คำตอบว่า ยังไม่เสร็จ
โฟกัสระบุว่า เจียดไปสร้างโรงเรียนตามดอยก็อาจจะได้โรงเรียนตามดอยตั้ง 10 โรงเรียน ถ้าเจียดมาสัก 1,000 ล้าน
“สร้างเกมดีๆ ใช้เงิน 500 ล้าน แต่รัฐบาลไม่มีให้ แต่ว่ารัฐสภาสร้าง 20,000 ล้าน รู้สึกดีใจ และก็ปริ่มมากๆ ไม่รู้ว่าจะได้เห็นอะไรที่ราคาสูงขนาดนี้อีกหรือเปล่า เป็น 20,000 ล้าน ที่ไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า” โฟกัสกล่าว
https://www.facebook.com/focusbabyhippo/videos/200207448308021/
ทนาย 'วรเจตน์' เชื่อชนะคดีไม่ไปรายงานตัว คสช. หลังศาล รธน.ชี้ขัด รธน.
https://voicetv.co.th/read/IFJugOTeZ
ทนายความ 'วรเจตน์' ชี้ประกาศ คสช.เรียกบุคคลรายงานตัวช่วงรัฐประหารเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน นำบทลงโทษแรงไปบังคับใช้ลงราชกิจจานุเบกษา เผยรอคำพิพากษาศาลแขวงดุสิต เชื่อ 'วรเจตน์' จะชนะคดี เป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่น
จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญประชุมเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563 วินิจฉัยคำร้องที่ศาลแขวงดุสิตได้ส่งคำโต้แย้งของจำเลย (
วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์) เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่องกำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่องกำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 เฉพาะในส่วนโทษทางอาญา โดยมติเอกฉันท์ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และเฉพาะประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 โดยมติเสียงข้างมากว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2563
วิญญัติ ชาติมนตรี นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) และทนายความของวรเจตน์ กล่าวกับ ‘วอยซ์’ ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค.2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง เมื่อลงรายละเอียดพบว่า ตัวประกาศไม่ไปรายงานตัวฉบับที่มีความผิดเป็นบทลงโทษทางกฎหมายอาญา 2 ปี ปรับ 40,000 บาท นั้น ถือว่าเป็นประกาศที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญว่าด้วยขัดต่อหลักนิติธรรม เรียกว่าหลักกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง ตามบทบัญญัติกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคแรก
วิญญัติ ระบุว่า
1. เรื่องว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ถูกประกาศลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 29 พ.ค. 2557
2. ประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 ถูกประกาศลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 พ.ค. 2557 เพราะฉะนั้นกรณีนี้ คสช.ประกาศให้ วรเจตน์ ไปรายงานตัว 2 ครั้ง แล้ว
วรเจตน์ไม่ไปรายงานตัวนั้นเกิดขึ้นในปี 2557 แต่หลังจากนั้น คสช. ได้นำประกาศดังกล่าวที่มีโทษทางอาญาไปลงราชกิจจานุเบกษาหลังจากที่พ้นระยะเวลาให้วรเจตน์ไปรายงานตัว
“พูดง่ายๆ คสช. ให้อาจารย์ไปรายงานตัว แต่อาจารย์ไม่ไปเพราะอ้างว่า ติดภารกิจต่างประเทศ หลังจากนั้น คสช. ก็นำไปประกาศไปลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย ดังนั้นเท่ากับว่า เป็นกฎหมายที่มีผลย้อนหลัง ใช้บังคับกับอาจารย์ไม่ได้” วิญญัติกล่าว
วิญญัติ กล่าวอีกว่า ประกาศที่กลายเป็นกฎหมายที่ว่า หากไม่ไปรายงานมีความผิดเป็นบทลงโทษทางกฎหมายอาญาทั้งจำคุกและปรับนั้นศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เป็นลงโทษที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 26 ที่เพิ่มภาระและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ
“พูดง่ายๆ โทษมันแรงไป ตามที่เรายื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัย” วิญญัติกล่าว
วิญญัติกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลแขวงดุสิต ก่อนว่าจะตัดสินคดีนี้อย่างไร หากศาลเอาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปใช้แล้ว คำพิพากษาจะออกเป็นผลอย่างไร
“คิดว่าคงออกมาในทางที่ดี ทำให้เราชนะคดี แต่หลังจากชนะคดีเราก็คงไม่ฟ้อง คสช.ต่อ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 รับรองความชอบด้วยกฎหมายของ คสช. ไม่ให้ฟ้องคดีต่อได้ แต่ที่สำคัญคือเราต่อสู้ว่าเราไม่ผิด ประกาศหรือคำสั่ง คสช. แค่นั้น” วิญญัติกล่าว
ทนายความของ
วรเจตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดังนั้นหากศาลแขวงดุสิตพิพากษาให้ วรเจตน์ชนะคดีนี้จริง ก็จะเป็นบรรทัดฐานในหลักกฎหมายและคดีที่มีลักษณะเดียวกันเหมือน วรเจตน์
JJNY : 'โฟกัส'พาทัวร์รัฐสภาใหม่/ทนาย'วรเจตน์'เชื่อชนะคดีคสช./รัฐศาสตร์ม.อุบลฯมอบปริญญาให้"อังคณา"/"ฟิลม์"ลาออกพท.แล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_2471064
e-sports สภาผู้แทนราษฎร ได้แถลงเปิดตัวอนุ กมธ.ดังกล่าวเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนวงการเกม และอุตสาหกรรมเกมของประเทศไทย ซึ่งวงการเกมเติบโตในทุกระดับจากกิจกรรมเพื่อความบันเทิงขยับไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท สร้างรายได้ อาชีพ โอกาสและชื่อเสียงให้กับผู้เล่น (อ่านข่าว – ก้าวไกล เปิดตัวอนุกมธ.อีสปอร์ต ฮือฮา! ดึง ‘โฟกัส’ ดาราสายเกมเมอร์ นั่งที่ปรึกษา)
โดยในการประชุม อนุ กมธ. โฟกัส จีระกุล นักแสดงและนักแคสต์เกมขวัญใจวัยรุ่น ได้เข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการชุดนี้ด้วย ซึ่งต่อมาโฟกัสได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กพาทัวร์รัฐสภาแห่งใหม่ โดยพาชมภายในตึก พาไปดูส่วนของห้องประชุมในส่วนตึกสุริยัน
โฟกัสกล่าวในไลฟ์ขณะพาทัวร์ว่า ห้องบนที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ ก่อนจะแซวว่าต้องระวังอาจจะโดนลอฟต์ยิง (ลอบยิง) ส่วนกระจกเป็นลายหยดน้ำ ก่อนจะผายกล้องไปให้ชมกระจกที่มีรอยแตกร้าว หลายคนที่เคยสอบถามว่ารัฐสภาเป็นอย่างไร ทำให้รู้สึกงง ว่าการออกแบบนี้เป็นอย่างไร
จากนั้นนักแสดงสาวพาไปดูกำแพงที่เป็นหิน มีความสวยงาม ห้องประชุมหลายๆ ห้อง ค่อยประชุมย่อยๆ ว่ามีอะไรบ้าง ข้างบนมีเสียงตามสายจากการประชุมรัฐสภา
ทั้งนี้ มีผู้รู้อธิบายว่า รัฐสภาใหม่ได้สร้างเสร็จไปสัก 80% แล้ว ด้านนอกเสร็จไปแล้ว 50% โดยมีงบประมาณเกิน 22,000 กว่าล้าน และมีการต่อสัญญาในการสร้าง
โฟกัสกล่าวอีกว่า จริงๆ พื้นที่ค่อนข้างโอ่อ่ามากๆ ไม่รู้ว่าพื้นที่ใหญ่เกินกว่าจำเป็นจะใช้สอยหรือไม่ เพราะมันค่อนข้างใหญ่มากๆ เดินทีหนึ่งคือเดินเท่าไหร่ก็ไม่สุด ไม่รู้ว่าปัญหาของรัฐสภาเก่าคืออะไร พูดในฐานะประชาชน
นอกจากนี้ โฟกัสยังพาไปดูช่องลมที่ด้านล่างเป็นบ่อเลี้ยงดิน ส่วนพื้นนี้มาจากภาษีเราทั้งนั้น ทั้งยังพูดว่า มีลิฟต์สำหรับ ส.ส.แสดงออกถึงความเหลื่อมล้ำตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมคนอื่นถึงขึ้นลิฟต์นี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่สร้างมาจากภาษีทุกคน หรือการมีที่จอดรถให้กับ ส.ส.
“วันนี้ก็แต่งตัวซ้อมเป็น ส.ส. มีสีสันสุดในที่นี้แล้ว รู้สึกว่าไม่ต้องแต่งตัวสีดำก็ได้ แค่สุภาพอย่างเดียวก็พอ เฟี้ยวๆ คือผูกโบขาวมาที่นี่”
พร้อมกันนี้ ยังพาไปดูโมเดลรัฐสภาที่มีกำหนดจะเสร็จในปีนี้ และยังมีที่ให้ประชาชนมาชุมนุมด้วย แต่เมื่อสังเกตดูแล้วทำไมเขาถึงไม่ให้เราเข้ามาวันนั้นน้า งงจังเลย ก่อนได้คำตอบว่า ยังไม่เสร็จ
โฟกัสระบุว่า เจียดไปสร้างโรงเรียนตามดอยก็อาจจะได้โรงเรียนตามดอยตั้ง 10 โรงเรียน ถ้าเจียดมาสัก 1,000 ล้าน
“สร้างเกมดีๆ ใช้เงิน 500 ล้าน แต่รัฐบาลไม่มีให้ แต่ว่ารัฐสภาสร้าง 20,000 ล้าน รู้สึกดีใจ และก็ปริ่มมากๆ ไม่รู้ว่าจะได้เห็นอะไรที่ราคาสูงขนาดนี้อีกหรือเปล่า เป็น 20,000 ล้าน ที่ไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า” โฟกัสกล่าว
https://www.facebook.com/focusbabyhippo/videos/200207448308021/
ทนาย 'วรเจตน์' เชื่อชนะคดีไม่ไปรายงานตัว คสช. หลังศาล รธน.ชี้ขัด รธน.
https://voicetv.co.th/read/IFJugOTeZ
ทนายความ 'วรเจตน์' ชี้ประกาศ คสช.เรียกบุคคลรายงานตัวช่วงรัฐประหารเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน นำบทลงโทษแรงไปบังคับใช้ลงราชกิจจานุเบกษา เผยรอคำพิพากษาศาลแขวงดุสิต เชื่อ 'วรเจตน์' จะชนะคดี เป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่น
จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญประชุมเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563 วินิจฉัยคำร้องที่ศาลแขวงดุสิตได้ส่งคำโต้แย้งของจำเลย (วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์) เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่องกำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่องกำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 เฉพาะในส่วนโทษทางอาญา โดยมติเอกฉันท์ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และเฉพาะประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 โดยมติเสียงข้างมากว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2563 วิญญัติ ชาติมนตรี นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) และทนายความของวรเจตน์ กล่าวกับ ‘วอยซ์’ ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค.2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง เมื่อลงรายละเอียดพบว่า ตัวประกาศไม่ไปรายงานตัวฉบับที่มีความผิดเป็นบทลงโทษทางกฎหมายอาญา 2 ปี ปรับ 40,000 บาท นั้น ถือว่าเป็นประกาศที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญว่าด้วยขัดต่อหลักนิติธรรม เรียกว่าหลักกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง ตามบทบัญญัติกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรคแรก
วิญญัติ ระบุว่า
1. เรื่องว่า ประกาศ คสช. ฉบับที่ 29/2557 เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ถูกประกาศลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 29 พ.ค. 2557
2. ประกาศ คสช. ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 ถูกประกาศลงราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 พ.ค. 2557 เพราะฉะนั้นกรณีนี้ คสช.ประกาศให้ วรเจตน์ ไปรายงานตัว 2 ครั้ง แล้ว วรเจตน์ไม่ไปรายงานตัวนั้นเกิดขึ้นในปี 2557 แต่หลังจากนั้น คสช. ได้นำประกาศดังกล่าวที่มีโทษทางอาญาไปลงราชกิจจานุเบกษาหลังจากที่พ้นระยะเวลาให้วรเจตน์ไปรายงานตัว
“พูดง่ายๆ คสช. ให้อาจารย์ไปรายงานตัว แต่อาจารย์ไม่ไปเพราะอ้างว่า ติดภารกิจต่างประเทศ หลังจากนั้น คสช. ก็นำไปประกาศไปลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย ดังนั้นเท่ากับว่า เป็นกฎหมายที่มีผลย้อนหลัง ใช้บังคับกับอาจารย์ไม่ได้” วิญญัติกล่าว
วิญญัติ กล่าวอีกว่า ประกาศที่กลายเป็นกฎหมายที่ว่า หากไม่ไปรายงานมีความผิดเป็นบทลงโทษทางกฎหมายอาญาทั้งจำคุกและปรับนั้นศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เป็นลงโทษที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 26 ที่เพิ่มภาระและจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ
“พูดง่ายๆ โทษมันแรงไป ตามที่เรายื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัย” วิญญัติกล่าว
วิญญัติกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลแขวงดุสิต ก่อนว่าจะตัดสินคดีนี้อย่างไร หากศาลเอาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปใช้แล้ว คำพิพากษาจะออกเป็นผลอย่างไร
“คิดว่าคงออกมาในทางที่ดี ทำให้เราชนะคดี แต่หลังจากชนะคดีเราก็คงไม่ฟ้อง คสช.ต่อ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 รับรองความชอบด้วยกฎหมายของ คสช. ไม่ให้ฟ้องคดีต่อได้ แต่ที่สำคัญคือเราต่อสู้ว่าเราไม่ผิด ประกาศหรือคำสั่ง คสช. แค่นั้น” วิญญัติกล่าว
ทนายความของ วรเจตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดังนั้นหากศาลแขวงดุสิตพิพากษาให้ วรเจตน์ชนะคดีนี้จริง ก็จะเป็นบรรทัดฐานในหลักกฎหมายและคดีที่มีลักษณะเดียวกันเหมือน วรเจตน์