นิทานเรื่องใหม่ ครั้งหนึ่งที่ฉันเคยทำ

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่านิทานตลกๆของคนโง่ๆคนนึงให้ฟัง
ชื่อเรื่องว่า ครั้งหนึ่งฉันเคยทำ
มันเริ่มต้นมาจากความว่างเปล่าที่หาจุดเริ่มต้นไม่เจอ และมาหนักขึ้นๆเมื่อปีสองปีนี้เอง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกอยากจะหายไปมันวนเวียนในหัวมากขนาดนี้ ครั้งแรกที่วางแผนคือช่วงวันเกิดเมื่อสองปีก่อน แต่มันยังแค่คิดไง เลยปลอบใจตัวเอง 
แต่ก็เดธไลน์ไว้ให้ตระหนักทุกๆวันเกิด เลยกลายเป็นกลัววันเกิดตัวเองไปเลย 555 แพนิคจนทิ้งวันนี้ไป หลอกตัวเอง ไม่คิดไม่พูดถึง จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่ได้รับผลกระทบกันทุกหย่อมหญ้า โควิด 19 
ผลกระทบแรก หยุดงาน จากที่ยังพอพบเจอผู้คนได้พูดได้คุย กลายเป็นต้องขังตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม 
คนรอบข้างมีนะ แต่น้อย และแต่ละคนก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ทุกคนต่างหันมีดเข้าใส่กัน การอยู่เงียบๆเลยเป็นอะไรที่ดีกว่า 
การต้องอยู่กับตัวเองทุกวันสู้กับตัวเองไม่ง่ายเลย มีชีวิตอยู่โดยภาวนาให้พรุ่งนี้ฉันไม่ตื่นแล้ว 
ผลกระทบที่สอง ด้วยหลายๆอย่างทำให้สาขาที่ทำอยู่ปิดตัวลง ทำให้ต้องไปทำงานไกลบ้านมากขึ้น ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง สภาพแวดล้อม เพื่อนร่วมงาน บอกตรงๆว่ามันแย่มาก กลับบ้านร้องไห้ทุกวัน ทุกอย่างประเดประดังรุมล้อมเข้ามาแทบไม่มีพื้นที่หายใจ
ในที่สุดก็กลับมาคิดถึงสิ่งที่เคยติดอยู่ในใจมาโดยตลอด ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ควรจะไปหรือยัง... 
ตัดสินใจลาออกจากงาน คือเดินโง่ๆเข้าไปขอใบลาออกตอนนั้นเลย หลังจากผ่านการลาออกแล้ว ในหัวคือโล่ง มันทำให้เข้าข้างตัวเองว่าฉันตัดสินใจถูกแล้ว 
ทีนี้ก็มานั่งเรียงลำดับว่าจะเคลียร์อะไรบ้าง ฉันเริ่มขายของของตัวเอง เครื่องสำอาง สกินแคร์ เสื้อผ้า แท่งไฟ ของสะสมศิลปินที่ชอบ บวกกับเงินเก็บและเงินจากประกันสังคม3เดือน ทำให้มีเวลาอยู่ได้เกือบสิ้นปี
และทุกๆวันก็ดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ 
แรกเริ่มมันดีมากเลย ชีวิตที่ไม่ต้องทำอะไร นอนเล่นโทรศัพท์โง่ๆ หิวก็เข้าแอพสั่งอาหาร ชีวิตเต็มไปด้วยความสุขสบาย
หากแต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป จากความลิงโลดแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าหมอง เวลาแห่งความสนุกใกล้จะหมดลงแล้ว ฉันเริ่มใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเหี่ยวเฉา กินๆนอนๆ นั่งเขี่ยโทรศัพท์พอแค่ให้ผ่านไปวันๆ นั่งนับเวลาถึงวันสุดท้าย วาดหวังว่าทางสงบมาใกล้มาถึงแล้ว
26/11/2563
ตื่นเช้ามาทำกิจวัตรปกติ อุปกรณ์ทำร้ายตัวเองเตรียมอยู่ในกระเป๋าครบถ้วน ในหัวคิดถึงแผนการที่วางเอาไว้  
กำหนดการคือเที่ยงคืนวันนี้ เชื่อไหมคนที่กำลังจะจบชีวิตตัวเองยังแพ็คเสื้อผ้าลงถุงพัสดุเตรียมส่งให้ลูกค้าอยู่เลย ยังไปเดินเล่นห้างซื้อของกินทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บ่าย2กว่าๆฉันสพายกระเป๋าเข้าเช็คอินที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ฉันเดินสำรวจที่ทางในการดำเนินแผนการของฉัน และใช้เวลาไปกับการนอนดูทีวีและอ่านนิยาย ทำทุกอย่างโดยไม่รีบร้อน 
เกือบ 5ทุ่ม ฉันเตรียมอุปกรณ์ ติดตั้งและวางของต่างๆไว้ตามที่ เขียนจดหมายขอโทษและบอกเล่าถึงความบ้าบอของตัวเองวางทิ้งไว้บนโต๊ะ และก็เริ่มดำเนินการ ในห้องน้ำแคบๆฉันปิดเทปกาวไว้หมด ควันจากถ่านบนกระทะใบนั้นค่อยๆพวยพุ่งออกมา ยานอนหลับที่กินไว้เริ่มออกฤทธิ์ ในที่สุดฉันก็ค่อยๆหลับตา แต่อนิจจัง มันไม่หลับสนิท ฉันหลับๆตื่นๆ มึนเบลอจากทั้งยาและกลิ่นควัน ฉันเริ่มหายใจไม่ออก จนต้องหายใจทางปาก สภาพมันแย่มาก เหมือนปลาถูกจับโยนขึ้นบก
ฟังเพลงก็แล้ว พยายามกลั้นหายใจก็แล้ว มันก็ยังไม่ถึงทางที่หวังไว้ 
ในที่สุดตี4 เกือบตี5 ฉันลุกขึ้นมาอีกครั้ง ไฟเริ่มมอด ฉันแกะเทปตรงประตูออก ฉันออกไปสูดอากาศข้างนอก แอร์เย็นๆทำให้รู้สึกดีขึ้น ฉันเดินวนเวียนหน้าตู้กระจก คุยกับตัวเองว่า ทำไม ทำไม และทำไม ทำไมฉันยังไม่ตาย เดินวนเวียนอยู่ชั่วครู่หนึ่งจึงเดินกลับเข้าห้องน้ำมาอีกครั้ง จุดไฟเผาถ่านอีกรอบ กินยาอีก 2 เม็ด ฉันมองเหม่อขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ควันจำนวนมากลอยทักทายอยู่บนนั้น ปากและจมูกได้แต่กลิ่นควัน ตาฉันแสบจนฝืนลืมตาลำบาก ฉันนอนนิ่งๆพลิกซ้ายพลิกขวา ทำไมฉันนินไม่หลับ หน้าอกแน่น น้ำมูกน้ำตาเริ่มไหลจนควบคุมไม่ได้ ฉันเริ่มหายใจไม่ออก เอื้อมมีจะเปิดประตูหลายครั้งแต่ก็ยั้งมันไว้ ในใจยังคงปลอบตัวเองว่าไม่เป็นไร ใกล้ได้ไปแล้ว
แต่มันทรมานเหลือเกิน กลิ่นควันมันเหม็นหืนและชวนคลื่นไส้ ในท้องมวนไปหมด อาหารที่กินไปเมื่อช่วงค่ำพานจะถีบตัวออกมา และมันทำให้ฉันคิดว่า คนอื่นๆที่เลือกวิธีนี้จะทรมานเหมือนกันไหม วิธีที่คิดว่าสบายที่สุด ง่ายดายที่สุดมันต้องขนาดนี้เลยหรือ 
ท้ายที่สุดเวลา 8 โมงเช้ากว่าๆ ฉันลากสังขาลตัวเอง เรียกว่าคลานก็ได้ ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดฉันขึ้นมานอนบนเตียง กลิ่นควันยังคงลอยตามมาหลอกหลอน 
ด้วยความหวังลมๆแล้ง ฉันฝืนสังขาลด้วยการลากกระทะออกมาด้วย 
ฉันนอนไร้แรงอยู่บนเตียง สมองเบลอๆ หายใจติดขัด เข้าใจคนจะตายก็วันนี้นี่แหละ มันทำให้รู้ว่าคนจะตาย ง่ายก็ง่ายแต่ยากก็ยาก ดูตัวเองเป็นตัวอย่าง รมมาทั้งคืนยังไม่เป็นไรเลย 
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนมันก็กลัวตายกันทั้งนั้น ฉันลากสังขาลตัวเองคลานไปเปิดประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ ทางเดินว่างเปล่าทำให้ฉันนอนไร้เรี่ยวแรงคาหน้าประตูอยู่แบบนั้น
ในที่สุด ความช่วยเหลือได้มาถึง พนักงานของโรงแรมเข้ามาช่วย บอกตรงๆตอนนั้นสติที่มียังไม่ครบถ้วนมากนัก 
พนักงานหลายคนพาฉันออกจากห้องที่เกิดเหตุย้ายมาพักห้องข้างกัน  ซักพักนึงเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาถึง ผลการตรวจต่างๆพบว่าฉันยังปกติดีอยู่ ออกซิเจน ความดัน ไม่มีอะไรผิดปกติ อาจเป็นเพราะฉันสูดดมควันมากไปเลยทำให้ไร้เรี่ยวแรง ทางโรงแรมให้ฉันนอนพักโดยมีพนักงาน 2 ท่านนั่งดูเป็นเพื่อน ฉันหลับไปอีกพักนึง อาการเริ่มดีขึ้น ฉันสามารถพูดคุยกับพนักงานทั้ง 2 ได้ หลังจากนั้น(คิดว่าน่าจะเป็น) เจ้าของ ได้เข้ามาพูดคุย ทุกคนใจดีกับฉันมาก คอยปลอบคอยดูแลส่งน้ำ คอยถามไถ่ ถึงขั้นขับรถมาส่ง มันเริ่มทำให้ฉันคิดว่าเพราะโลกของฉันมันแคบเกินไป จึงทำให้ไม่เคยรู้ว่าชีวิตมีอะไรให้ทำอีกมากมาย บางทีหลังจากนี้ฉันอาจได้พบเจออะรไที่ดีกว่านี้อย่างแน่นอน
สุดท้ายบาทเรียนครั้งนี้ถือเป็นอีกบทที่ใหญ่มากๆ อีกบทสำหรับฉัน หลังจากนี้ฉันจะลองสู้อีกครั้ง ก้าวใหม่ต่อจากนี้มันคงไม่ง่าย แต่ก็จะพยายามลองดู

ปล.อาจไม่ละเอียดเท่สเหตุการณ์จริง ขออภัยมา ณ ที่นี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่