คือได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนในช่วงจักรพรรดิเฉียนหลงซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าจอร์ชที่ 3 (King George III)ซึ่งในสมัยคิงจอร์ชที่ 3 นี่ราชอาณาจักรบริเทนใหญ่ต้องบอกว่าเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของยุโรปในตอนนั้นเลย ในช่วงนั้นบริเทนสูญเสียสิบสามอาณานิคมทำให้ต้องไปหาอาณานิคมบริเวณอื่น อังกฤษได้นิวเซาท์เวลส์มาเป็นเมืองขึ้นทดเเทนอาณานิคมที่พึ่งเสียไปเเต่ทีนี้คืออังกฤษได้มาหาจักรพรรดิจีนในปี 1792 ซึ่งเป็นสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง โดยทางบริเทนใหญ่ส่ง เอิร์ลจอร์ช แม็คคาร์ทนีย์มา ซึ่งเป็นเรื่องที่าแปลกมากคือไม่ว่าจะเป็นชาติไหนในเอเชียทางอังกฤษมักจะส่งทูตที่มาจากบริษัทอินเดียตะวันออกทั้งนั้น เเต่ของจีนกลับกลายเป็นว่าทางอังกฤษให้เกียรติมากถึงขนาดส่งทูตมาโดยตรง
เเล้วที่น่าเเปลกใจยิ่งกว่าคือตอนที่ทูตอังกฤษมาเข้าเฝ้าอังกฤษถึงขนาดต้องกราบจักรพรรดิจีนเลยหรอครับ(เพราะธรรมเนียมยุโรปไม่มีใครกราบกันอยู่เเล้ว)เเต่ว่าอันนี้ไม่เเปลกเท่าไหร่หรอกที่เเปลกคือตามธรรมเนียมจีนเมื่อทูตเข้าเฝ้าจักรพรรดิทางราชสำนักจะมีการกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามขนาดจักรพรรดิเเห่งเกาหลียังต้องกราบเเต่ทูตอังกฤษในตอนที่มาใหม่ๆ กลับไม่ยอมกราบเพราะหาว่าเป็นการลบหลู่เกียรติพระเจ้าจอร์ชที่ 3 จักรพรรดิโกรธมากถึงขนาดยกเลิกเมนูอาหารอันหรูหราที่เตรียมให้ในเเต่ละวันเลยทีเดียว เเละอีกอย่างคือทางรัฐบาลบริเทนได้ส่งจดหมายลับมายังจักรพรรดิเฉียนหลง เเต่เนื้อหาของจดหมายนั้นเหมือนอังกฤษต้องการได้ผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวทำให้จักรพรรดิโกรธจัดเป็นอย่างมากเเละไม่ให้ทูตอังกฤษอยู่ต่อจนถึงเทศกาลตรุษจีน

ด้วยเหตุนี้เลยเกิดคำถามขึ้นมา 5 ข้อ
1.ตอนที่ทูตอังกฤษไม่ยอมกราบในการเฝ้าครั้งเเรก ทำไมจีนไม่บังคับด้วยวิธีใดก็ได้ให้กราบล่ะครับ
2.ทำไมในเวลาต่อมาทูตอังกฤษต้องกราบ
3.ถ้าจีนไม่อารมณ์เสียกับอังกฤษในตอนนี้จะเกิดสงครามฝิ่นหรือไม่
4.ตอนนั้นอังกฤษยังกลัวจีนมากๆ เลนใช่หรือไม่
5.อังกฤษติดต่อกับจีนโดยตรงเพราะอะไร(คำถามปลายเปิด)