ปี ค.ศ.1793 จักรพรรดิเฉียนหลงปีที่ 58 อังกฤษสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 3 ได้ส่งเอิร์ลจอร์จ แมคคาร์ทนีย์ เป็นหัวหน้าคณะทูตเดินทางมายังประเทศจีนเข้าเฝ้าจักรพรรดิเฉียนหลงเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี
วิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ( William Alexander , 1767-1816 ) จิตรกรชาวอังกฤษได้ติดตามคณะทูตเอิร์ลแมคคาร์ทนีย์เดินทางมาประเทศจีน ซึ่งระหว่างการเดินทางนี้เขาได้วาดภาพสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนสมัยเฉียนหลงเอาไว้
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1760 บริษัทอีสต์อินเดียของอังกฤษก็เริ่มค้าขายกับจีน แต่เนื่องจากนโยบายการค้าปิดประเทศของราชสำนักต้าชิง
การค้าขายระหว่างอังกฤษ - จีน จึงจำกัดอยู่แค่เมืองกว่างโจวที่เปิดให้เป็นเมืองท่าติดต่อค้าขายเพียงแห่งเดียว
พ่อค้าอังกฤษต้องค้าขายกับตัวแทนการค้าที่ทางการจีนแต่งตั้งเท่านั้น ต้องค้าขายและพักอยู่อาศัยนอกกำแพงเมืองกว่างโจว
ที่เรียกกันว่า ย่าน “สิบสามห้าง” ดังนั้นเพื่อขจัดข้อจำกัดด้านการค้า และหวังจะก่อตั้งสถานกงสุลขึ้นที่ปักกิ่ง
ด้วยการผลักดันของบริษัทอีสต์อินเดีย อังกฤษจึงส่งคณะทูตพิเศษมายังประเทศจีนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี
ก่อนหน้านั้น ในปี ค.ศ.1788 อังกฤษส่ง Charles Cathcart (1760-1788) เป็นหัวหน้าคณะทูตมายังประเทศจีนครั้งแรก
แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่า Cathcart เกิดล้มป่วยและเสียชีวิตระหว่างทาง คณะทูตชุดนั้นจึงจำต้องเดินทางกลับอังกฤษ
และจิตรกรที่ติดตามคณะทูตนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคืออาจารย์ของวิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ชื่อ Julius Caesar Ibbetson นั่นเอง
ต่อมา เมื่อเอิร์ลแม็คคาร์ทนีย์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตไปจีนก็ได้เชิญ Ibbetson ให้ติดตามคณะไปด้วย แต่เขาปฏิเสธคำเชิญ
และได้แนะนำวิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ลูกศิษย์ที่เพิ่งจบจากสถาบันศิลปะ Royal Academy Schools
แต่ว่าจิตรกร (painter) ประจำคณะทูตนี้ ไม่ใช่วิลเลียม อเล็กซานเดอร์ แต่เป็น Thomas Hickey (1741-1824)
แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้ผลงานของ Hickey มีอยู่ไม่กี่ภาพ แต่ผลงานภาพที่เกิดขึ้นในการเดินทางครั้งนี้ส่วนใหญ่กลับเป็นผลงานของ
วิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นนักสเก็ตช์ภาพ (draughtsman) เป็นผู้ช่วยจิตรกรประจำคณะทูต
26 ก.ย. 1792 คณะทูตของเอิร์ลแมคคาร์ทนีย์ ออกจากท่าเรือพลีมัธ ประเทศอังกฤษเดินทางสู่ประเทศจีน
มีบริษัทอีสต์อินเดียสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์และคนติดตามใกล้ชิดอยู่บนเรือ Lion ของบริษัทอีสต์อินเดีย
อเล็กซานเดอร์ขณะนั้นอายุ 25 ปี อยู่บนเรือลำที่สอง Hindostan
เรือลำนี้ได้บรรทุกสิ่งของที่จะเตรียมนำไปเป็นของขวัญถวายให้กับจักพรรดิจีน
เส้นทางที่ไปประเทศจีน แล่นไปทางทวีปแอฟริกาอ้อมผ่านแหลมกู้ดโฮ้บ มหาสมุทรอินเดีย ผ่านช่องแคบมะละกา เข้าสู่ทะเลจีนใต้
14 พ.ค. 1793 เดินทางมาถึงมาเก๊า ใช้เวลา 9 เดือนมาถึงประเทศจีน ตรงกับปีที่ 58 ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง
จากนั้นเรือก็แล่นจากมาเก๊าขึ้นเหนือมาถึงหมู่เกาะโจวชาน แวะจอดพักที่นี่ และหาคนนำทางพาขึ้นทางเหนือเลียบแม่น้ำไป่เหอ
เมื่อคณะทูตมาถึงปากน้ำเมืองต้ากู ก็ได้พบกับขุนนางชิงที่ทางการส่งมาให้การต้อนรับนำทาง 2 คน
คือใต้เท้าหวาง (หวางเหวินสุง) กับใต้เท้าเฉียว (เฉียวเหรินเจี๋ย)
คณะทูตขนย้ายสิ่งของสัมภาระและของขวัญซึ่งทางการจีนเข้าใจว่านี่คือของบรรณาการจิ้มก้อง
จากเรืออังกฤษย้ายมายังเรือจีนที่อยู่บนแม่น้ำในประเทศที่ทางการจีนจัดเตรียมไว้ให้
16 ส.ค. 1793 เดินทางเลียบแม่น้ำไป่เหอจนมาถึงเมืองทงโจว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปักกิ่ง 12 ไมล์
และที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของคลองต้ายุ่นเหอ Grand Canal
จากนั้นคณะทูตก็ขึ้นจากเรือเปลี่ยนมาเป็นการเดินทางทางบกสู่เมืองปักกิ่ง
อันเป็นเส้นทางที่แสนทุลักทุเล มีเพียงเอิร์ลแมคคาร์ทนีย์กับผู้ติดตามที่ได้นั่งเกี้ยว
ส่วนคนอื่นในคณะต้องนั่งรถม้าซึ่งไม่มีที่กันกระแทก และต้องทนกับอากาศร้อน ฝุ่นดิน
อเล็กซานเดอร์ได้เขียนในบันทึกของตนว่า เนื่องจากดวงตาไม่ค่อยดี ต้องใส่ที่ปิดตาที่ทำด้วยผ้าไหม
และต้องนั่งขัดสมาธิ มือก็ถือพัด คนอื่นก็ใส่แว่นกันลมเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นทรายปลิวเข้าตา ดูแล้วช่างเป็นภาพที่น่าขบขัน
เมื่อมาถึงปักกิ่งทางราชสำนักชิงได้จัดให้คณะทูตพำนักที่อุทยานหยวนหมิงหยวน ห่างจากตัวเมืองไป 7 ไมล์
แต่ฝ่ายอังกฤษกลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาถูกจำกัดบริเวณ
คณะทูตอังกฤษรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเฉยเมยจากฝ่ายจีน ไม่ให้เกียรติ ไม่ได้เป็นไปตามมารยาทที่พึงควรปฏิบัติทางการทูต
โดยเฉพาะเรื่องที่เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์ปฏิเสธที่จะคุกเข่าคำนับจักรพรรดิจีน 3 ครั้งตามธรรมเนียมปฏิบัติแบบของจีน
จักรพรรดิเฉียนหลงขณะนั้นย้ายไปอยู่ที่พระราชวังเร่อเหอเมืองเฉิงเต๋อจนถึงปลายตุลาคม
ทางราชสำนักชิงจึงจัดให้คณะทูตอังกฤษเดินทางไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิเฉียนหลงที่พระราชวังเร่อเหอ
แต่ปรากฏว่ารายชื่อที่ได้ไปพระราชวังเร่อเหอไม่มีอเล็กซานเดอร์และจิตรกรประจำคณะติดตามไปด้วยให้อยู่ที่ปักกิ่ง
พวกเขาต้องถูกกักบริเวณไว้ที่หยวนหมิงหยวน ไม่มีอิสระในการไปไหนมาไหน คล้ายกับนักโทษ
แต่เนื่องจากเฉียนหลงไม่พอใจที่ทูตอังกฤษไม่ยอมคุกเข่าคำนับ
เมื่อพระองค์กลับมาถึงปักกิ่งก็สั่งให้รีบพาคณะทูตอังกฤษออกจากจีนไปโดยเร็ว
ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนเดิมที่เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์คิดไว้ว่าจะอยู่ปักกิ่งจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีถัดไป
7 ต.ค. 1793 คณะทูตอังกฤษจึงออกเดินทางจากปักกิ่งลงใต้
เส้นทางกลับของคณะทูตออกจากปักกิ่งมาทางภาคพื้นลงใต้ไปกว่างโจว โดยนั่งเรือเลียบแม่น้ำไป่เหอและคลองต้ายุ่นเหอ
ใช้เวลาราว 1 เดือนก็มาถึงจุดสิ้นสุดของคลองต้ายุ่นเหอ -- เมืองหางโจว
7 พ.ย. 1793 ก่อนจะถึงเมืองหังโจว 3 วัน ตัวอเล็กซานเดอร์และคนอื่นอีกบางคนในคณะก็ถูกแจ้งว่าให้หยุดเดินทางทางบกที่จะลงใต้
แต่ให้ไปที่เมืองโจวชานเพื่อขึ้นเรืออังกฤษ Hindostan ที่ทอดสมอจอดรออยู่ แล้วเดินทางไปทางทะเลจนถึงเมืองกว่างโจวแทน
เป็นการเสียโอกาสที่เขาจะได้วาดภาพวิถีชีวิตของผู้คนทางใต้ แน่นอนว่าอเล็กซานเดอร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
12 ธ.ค. 1793 เดินทางมาถึงกว่างโจว จากนั้นไปพักที่มาเก๊า เขตเช่าโปรตุเกส
10 ม.ค. 1794 คณะทูตออกจากกว่างโจว
10 ก.ย. 1794 เดินทางกลับถึงอังกฤษ
คณะทูตของลอร์ดแมคคาร์ทนีย์มาจีนในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อขจัดข้อจำกัดทางการค้า
แต่ผลการเจรจากลับไม่ประสบความสำเร็จ จักรพรรดิเฉียนหลงมองอังกฤษมาในฐานะเสมือนประเทศราชที่ส่งเครื่องบรรณาการให้กับจีน
ต้องการให้อังกฤษปฏิบัติตามธรรมเนียมของราชสำนักชิง ขณะที่เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ไม่ยอมคุกเข่าคำนับเฉียนหลง
เรื่องนี้กลายเป็นที่โจษขานกันในยุโรป
*** ยังมีต่อ
ภาพเมืองจีนโดยจิตรกรอังกฤษที่ติดตามคณะทูตไปเยือนจีนสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง
การค้าขายระหว่างอังกฤษ - จีน จึงจำกัดอยู่แค่เมืองกว่างโจวที่เปิดให้เป็นเมืองท่าติดต่อค้าขายเพียงแห่งเดียว
พ่อค้าอังกฤษต้องค้าขายกับตัวแทนการค้าที่ทางการจีนแต่งตั้งเท่านั้น ต้องค้าขายและพักอยู่อาศัยนอกกำแพงเมืองกว่างโจว
ที่เรียกกันว่า ย่าน “สิบสามห้าง” ดังนั้นเพื่อขจัดข้อจำกัดด้านการค้า และหวังจะก่อตั้งสถานกงสุลขึ้นที่ปักกิ่ง
ด้วยการผลักดันของบริษัทอีสต์อินเดีย อังกฤษจึงส่งคณะทูตพิเศษมายังประเทศจีนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรี
แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่า Cathcart เกิดล้มป่วยและเสียชีวิตระหว่างทาง คณะทูตชุดนั้นจึงจำต้องเดินทางกลับอังกฤษ
และจิตรกรที่ติดตามคณะทูตนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคืออาจารย์ของวิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ชื่อ Julius Caesar Ibbetson นั่นเอง
และได้แนะนำวิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ลูกศิษย์ที่เพิ่งจบจากสถาบันศิลปะ Royal Academy Schools
แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้ผลงานของ Hickey มีอยู่ไม่กี่ภาพ แต่ผลงานภาพที่เกิดขึ้นในการเดินทางครั้งนี้ส่วนใหญ่กลับเป็นผลงานของ
วิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นนักสเก็ตช์ภาพ (draughtsman) เป็นผู้ช่วยจิตรกรประจำคณะทูต
มีบริษัทอีสต์อินเดียสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์และคนติดตามใกล้ชิดอยู่บนเรือ Lion ของบริษัทอีสต์อินเดีย
อเล็กซานเดอร์ขณะนั้นอายุ 25 ปี อยู่บนเรือลำที่สอง Hindostan
เรือลำนี้ได้บรรทุกสิ่งของที่จะเตรียมนำไปเป็นของขวัญถวายให้กับจักพรรดิจีน
14 พ.ค. 1793 เดินทางมาถึงมาเก๊า ใช้เวลา 9 เดือนมาถึงประเทศจีน ตรงกับปีที่ 58 ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง
เมื่อคณะทูตมาถึงปากน้ำเมืองต้ากู ก็ได้พบกับขุนนางชิงที่ทางการส่งมาให้การต้อนรับนำทาง 2 คน
คือใต้เท้าหวาง (หวางเหวินสุง) กับใต้เท้าเฉียว (เฉียวเหรินเจี๋ย)
จากเรืออังกฤษย้ายมายังเรือจีนที่อยู่บนแม่น้ำในประเทศที่ทางการจีนจัดเตรียมไว้ให้
16 ส.ค. 1793 เดินทางเลียบแม่น้ำไป่เหอจนมาถึงเมืองทงโจว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปักกิ่ง 12 ไมล์
และที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของคลองต้ายุ่นเหอ Grand Canal
จากนั้นคณะทูตก็ขึ้นจากเรือเปลี่ยนมาเป็นการเดินทางทางบกสู่เมืองปักกิ่ง
อันเป็นเส้นทางที่แสนทุลักทุเล มีเพียงเอิร์ลแมคคาร์ทนีย์กับผู้ติดตามที่ได้นั่งเกี้ยว
ส่วนคนอื่นในคณะต้องนั่งรถม้าซึ่งไม่มีที่กันกระแทก และต้องทนกับอากาศร้อน ฝุ่นดิน
และต้องนั่งขัดสมาธิ มือก็ถือพัด คนอื่นก็ใส่แว่นกันลมเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นทรายปลิวเข้าตา ดูแล้วช่างเป็นภาพที่น่าขบขัน
แต่ฝ่ายอังกฤษกลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาถูกจำกัดบริเวณ
โดยเฉพาะเรื่องที่เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์ปฏิเสธที่จะคุกเข่าคำนับจักรพรรดิจีน 3 ครั้งตามธรรมเนียมปฏิบัติแบบของจีน
ทางราชสำนักชิงจึงจัดให้คณะทูตอังกฤษเดินทางไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิเฉียนหลงที่พระราชวังเร่อเหอ
แต่ปรากฏว่ารายชื่อที่ได้ไปพระราชวังเร่อเหอไม่มีอเล็กซานเดอร์และจิตรกรประจำคณะติดตามไปด้วยให้อยู่ที่ปักกิ่ง
พวกเขาต้องถูกกักบริเวณไว้ที่หยวนหมิงหยวน ไม่มีอิสระในการไปไหนมาไหน คล้ายกับนักโทษ
เมื่อพระองค์กลับมาถึงปักกิ่งก็สั่งให้รีบพาคณะทูตอังกฤษออกจากจีนไปโดยเร็ว
ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนเดิมที่เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์คิดไว้ว่าจะอยู่ปักกิ่งจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีถัดไป
เส้นทางกลับของคณะทูตออกจากปักกิ่งมาทางภาคพื้นลงใต้ไปกว่างโจว โดยนั่งเรือเลียบแม่น้ำไป่เหอและคลองต้ายุ่นเหอ
ใช้เวลาราว 1 เดือนก็มาถึงจุดสิ้นสุดของคลองต้ายุ่นเหอ -- เมืองหางโจว
แต่ให้ไปที่เมืองโจวชานเพื่อขึ้นเรืออังกฤษ Hindostan ที่ทอดสมอจอดรออยู่ แล้วเดินทางไปทางทะเลจนถึงเมืองกว่างโจวแทน
เป็นการเสียโอกาสที่เขาจะได้วาดภาพวิถีชีวิตของผู้คนทางใต้ แน่นอนว่าอเล็กซานเดอร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
10 ม.ค. 1794 คณะทูตออกจากกว่างโจว
10 ก.ย. 1794 เดินทางกลับถึงอังกฤษ
แต่ผลการเจรจากลับไม่ประสบความสำเร็จ จักรพรรดิเฉียนหลงมองอังกฤษมาในฐานะเสมือนประเทศราชที่ส่งเครื่องบรรณาการให้กับจีน
ต้องการให้อังกฤษปฏิบัติตามธรรมเนียมของราชสำนักชิง ขณะที่เอิร์ลแมคคาร์ทนีย์ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ไม่ยอมคุกเข่าคำนับเฉียนหลง
เรื่องนี้กลายเป็นที่โจษขานกันในยุโรป
*** ยังมีต่อ