เล่าเรื่องเมืองนอกในวันวาน จากประสบการณ์ตรง - ชุด คำสารภาพของเด็กซ่อง : ตอนที่ 5 สำนักโคมแดง "ผู้ชายขายฝัน" (ตอนจบ)
คำเตือน... เรต 18+ เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
..................................................................................................................................
ความเดินตอนที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/40324490
https://ppantip.com/topic/40329014
https://ppantip.com/topic/40333434
https://ppantip.com/topic/40339867
เมื่อทุกอย่างพร้อม Charlieได้ฤกษ์เปิดบ้านของตัวเองเป็นสำนักโคมแดงโดยใช้ชื่อว่า "ผู้ชายขายฝัน" (แปลภาษาไทย)
6เดือนแรก Charlieยังคงทำงานประจำที่รีสอร์ตไปก่อน เพราะต้องการใบรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน และยอดเงินหมุนเวียนใน bank statement เพื่อใช้เป็นหลักฐานส่งให้ John ในการยื่นขอวีซ่ากับทางสถานทูต
เวลาหลังเลิกงานและวันหยุด Charlieทุ่มเทให้กับธุรกิจส่วนตัวอย่างเต็มกำลัง
ด้านหน้าของตัวบ้านเป็นลานจอดรถขนาดกว้าง เปิดประตูบ้านเข้าไปจะเห็น reception ห้องรับแขกถูกประยุกต์ดัดแปลงใช้เป็นห้องรับรองลูกค้า ดูตัวและเลือกพนักงาน (พอตกดึก Charlieอาศัยห้องนี้ใช้เป็นห้องนอน โดยนอนที่ sofa bed เพราะรู้สึกแปลกๆที่จะใช้ 1ในห้องเชือดสวาทเป็นห้องนอนของตัวเอง) ห้องนอนทั้ง 4ห้อง ถูกเปลี่ยนเป็นห้องเชือดสวาท ส่วนห้องเก็บของในบ้าน Charlieประยุกต์ใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้าและข้าวของตัวเอง
ห้องเก็บของขนาดใหญ่บริเวณหลังบ้านได้ถูกซ่อมแซมปรับปรุงให้เป็นห้องพักผ่อนสำหรับพนักงานระหว่างรอลูกค้า โดยต่อเติมพื้นที่บางส่วนเป็นห้องน้ำ ห้องซักรีด และห้องครัว เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
อีกฝั่งหนึ่งของสวนได้ก่อสร้างซุ้มขนาดย่อมสไตล์ beach hut 2หลัง สำหรับนวด Charlieเอาความรู้เบื้องต้นจากการเรียนนวด มาเทรนด์ให้พนักงานอย่างคร่าวๆ โดยมาประยุกต์เป็นการนวดอีโรติก (คนนวดและคนถูกนวด อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า หลังจากนวดมีบริการหัตถาพาเพลินตบท้าย)
บ้านผู้ชายขายฝัน เป็นสำนักโคมแดงที่เน้นขายบริการทางเพศให้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเกย์+เสือไบ เท่านั้น พนักงานทั้งหมดเป็นเกย์ และมีชายแท้ปะปนมาบ้าง
Charlieทำการคัดเลือกพนักงานเอง โดยเน้นที่รูปร่างหน้าตาต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยบุคลิกภาพและสุขอนามัย อายุอยู่ระหว่าง 18-35 ปี
ช่วงสัมภาษณ์คัดเลือก พนักงานทุกคนต้องถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เพื่อให้เห็นรูปร่างที่แท้จริง(การใส่เสื้อผ้าอาจปิดบังรูปร่างที่แท้จริง) ดูผิวหนังใต้ร่มผ้าและทั่วตัวว่ามีรอยตำหนิ ไฝ ปาน ตุ่ม แผลเป็น กลาก เกลื้อน ตรงไหนบ้าง(เพราะลูกค้าบางคนอาจไม่ชอบหรือไม่อยากสัมผัสตำหนิแบบนี้) ดูลักษณะ&ขนาดเครื่องเพศ (บางคนไม่ค่อยได้อาบน้ำ อาจมีกลิ่นหรือคราบเกาะตรงหัวองคชาติ เวลาขึ้นงานกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่สบอารมณ์และอาจตำหนิทางสำนักได้) รวมถึงป่าดงดิบบริเวณหัวหน่าว บางคนก็ปล่อยรกทึบ จนมี "โลน" เกาะติดอยู่ (ควรจะเล็มหรือถางจนโล่งเตียนดีที่สุด เพื่อความสะอาด)
สำนักโคมแดงทุกแห่งใช้วิธีนี้ตรวจสอบคุณภาพของพนักงานใหม่ที่มาสมัคร บางแห่งฉวยโอกาสตอดเล็กตอดน้อย จับบ้องข้าวหลามของพนักงาน หรือไม่ก็ใช้ปากตรวจสอบบ้องข้าวหลาม
แต่สำหรับCharlie แค่มองผ่านคร่าวๆเฉยๆ ไม่เคยจับต้อง ไม่เคยคิดฉวยโอกาสนี้ล่วงละเมิดเลย สมภารไม่กินไก่วัด เพราะมันทำให้เสียระบบการปกครอง (เจ้าสำนักโคมแดงส่วนใหญ่มักจะปฏิบัติตามกฏนี้อย่างเคร่งครัด บางแห่งก็ไม่เลย)
ก่อนเริ่มงาน พนักงานทุกคนต้องไปตรวจเลือดและเอาผลตรวจเลือดมาให้ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานเวลามีเจ้าหน้าที่มาตรวจ
บ้านผู้ชายขายฝัน เปิดทำการตั้งแต่ 5โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน มีพนักงานขายบริการทั้งหมดแค่ 6คน Charlieไม่อยากรับเพิ่ม เพราะอยากดูเชิงว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการมากน้อยแค่ไหน? อีกทั้งตัวบ้านมีบริเวณค่อนข้างจำกัด (ห้องเชือดสวาท 4ห้อง และห้องนวดอีโรติกในสวน 2ห้อง ซึ่งค่อนข้างลงตัวกับจำนวนพนักงาน)
Charlieบริหารงานเพียงคนเดียว ต้องทำงานทุกอย่างตั้งแต่งานต้อนรับ ยันทำความสะอาด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายปลีกย่อยต่างๆ (ยกเว้นก็แต่ พนักงานขายบริการ เท่านั้น)
อัตราค่าบริการความเสียวชั่วโมงละ AU$150 นวดอีโรติกชั่วโมงละ AU$120 ทั้งหมดบริการแค่ในตัวบ้านเท่านั้น ไม่มีบริการ out call นอกสถานที่ เพื่อง่ายต่อระบบการบริหารงาน
ส่วนแบ่ง 70-30 พนักงาน 70 สำนัก 30 (หลายสำนักในรัฐนี้ส่วนใหญ่แบ่งกันที่ 60-40 บางแห่ง 50-50 ด้วยซ้ำ ซึ่งสำนักของCharlie แบ่งให้พนักงานเยอะที่สุด เพราะต้องการซื้อใจพนักงาน)
วันแรกที่เปิดบริการ ปรากฏว่า เกินความคาดหมาย มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างล้นหลาม พนักงานรับแขกคนละ 3-4 รอบ ลูกค้าบางคนใช้บริการนวดอีโรติกก่อน ตามด้วยใช้บริการห้องเชือดสวาท ต่อทีหลัง รายได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี พนักงานhappy ลูกค้าhappy เจ้าของสำนักhappy มากกว่าใครๆ (พ่อเล้ามือใหม่ย่อมตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดา)
จากปากต่อปาก ทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการบ้านผู้ชายขายฝันมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนจำนวนพนักงานและสถานที่รองรับไม่ไหว Charlieต้องจัดระบบใหม่ ด้วยการให้บริการเฉพาะลูกค้าที่โทรมานัดหมายจองคิวล่วงหน้า ตามช่วงเวลาต่างๆในแต่ละคืน เท่านั้น
ตั้งแต่เปิดบริการมา ได้รับคำชมจากลูกค้าตลอด ทั้งเรื่องของการบริการ ความสะอาด การตกแต่งสถานที่สวยงามเข้ากับบรรยากาศท้องถิ่น และ พนักงานทุกคนหน้าตาหล่อเหลา หุ่นดี สะอาดสะอ้าน มี sex appeal ห้ามเสพยา ห้ามดื่มของมึนเมาในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เด็ดขาด
ส่วนข้อตำหนิ ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แค่เรื่องสถานที่คับแคบและพนักงานไม่เพียงพอต่อจำนวนลูกค้า
6เดือนผ่านไป Johnได้วีซ่าและพร้อมเดินทางมาออสเตรเลีย วันแรกที่บินมาถึง ทั้งสองโผเข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจอย่างล้นหลาม ที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
Charlieตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เข้ามาบริหารบ้านผู้ชายขายฝันอย่างเต็มตัว นอกจากนั้น ยังได้Johnทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่ง ทั้งสองมีแผนจะขยายกิจการด้วยการรับพนักงานเพิ่ม สร้างกระท่อมเชือดสวาทเพิ่มในสวนอีก 2หลัง และเปิดให้บริการ out call นอกสถานที่ด้วย
ด้วยความขยันขันแข็งช่วยกันทำมาหากิน ชนิดตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี กิจการบ้านผู้ชายขายฝัน ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ สามารถผ่อนบ้านกับทางธนาคารได้จนหมด
John ทำความฝันของตนให้เป็นจริง นั่นคือ สร้างบ้านหลังใหม่ให้แม่ที่เมืองไทย เท่านั้นยังไม่พอ CharlieและJohnได้ซื้อที่ดินในจังหวัดหนองคาย เพื่อสร้างบ้านอีกหลังเอาไว้ทำhome stay โดยให้น้องสาวของJohn เป็นผู้ดูแล
หลังปี 2014 เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลมาก smart phoneได้กลายมาเป็นปัจจัยที่5 ของชีวิตผู้คนทั่วโลก โซเชียลมีเดีย & app ต่างๆ ที่ย่อโลกให้เล็กลงและอำนวยความสะดวกเกือบทุกอย่างให้แก่ชีวิตมากขึ้น ส่งผลให้บางอาชีพถึงขั้นสูญพันธุ์หรือเกือบสูญพันธุ์ บ้านผู้ชายขายฝันก็ได้รับผลกระทบนั้นด้วย
เมื่อก่อนพนักงานต้องพึ่งพาสำนักโคมแดงเป็นแหล่งขายบริการทางเพศ พอมีโซเชียลฯ & appเกย์ต่างๆผุดขึ้นมา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งสำนักอีกต่อไป สู้ลงประกาศขายบริการโดยโพสผ่านโซเชียลฯ & app เกย์ทั้งหลายแหล่ สะดวกกว่า เร็วกว่า ที่สำคัญคือ ได้ค่าตัวเต็มๆโดยไม่ต้องโดนหักเปอร์เซ็นต์
ในปี 2016 Charlie & Johnตัดสินใจปิดตำนานบ้านผู้ชายขายฝันอย่างถาวร ล้างมือจากคาวน้ำกามในอ่างทองคำ (ใช้สำบัดสำนวนเปรียบเทียบเปรียบเปรย ซะเห็นภาพเชียว )
หลังจากขายบ้านหลังนั้น ด้วยความที่ทั้งสองชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจ จึงเอาเงินที่ได้ไปซื้อบ้านเดี่ยวริมทะเลในเมืองชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของรัฐ Queensland
เนื่องจากที่ดินในบริเวณบ้านกว้างมาก รวมถึงกระแสที่พักแนว Airbnb กำลังมาแรง ทั้งคู่จึงต่อยอดด้วยการขอใบอนุญาตก่อสร้างเพิ่มเติมกับเทศบาลท้องถิ่น เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศสไตล์รีสอร์ตจำนวน 2หลัง และขุดสระว่ายน้ำ
บ้านพักตากอากาศ เน้นบรรยากาศสไตล์ป่าฝนเมืองร้อน เหมาะแก่การพักผ่อน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีมาก จากลูกค้าที่มาใช้บริการ
ปัจจุบัน ลุงCharlie ในวัย44 ปี และ ลุงJohn ในวัย 48ปี ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม สงบร่มรื่น และปราศจากมลพิษ
โดยเฉพาะลุงJohn มีความสุขมากกับการทำสวน ปลูกพืชผักผลไม้ โดยเฉพาะสวนครัวไทย เช่น มะกรูด มะนาว พริก กะเพรา มะเขือเปราะ โหรพา ตะใคร้ มะละกอ กล้วย ฝรั่งฯลฯ นอกจากนี้ยังเลี้ยงไก่เอาไว้เก็บไข่ (เมนูไข่ลูกเขยฝีมือลุงJohn อร่อยเด็ดมาก)
ส่วนลุงCharlie มีความสุขเพลิดเพลินกับการตกแต่งบ้าน diyข้าวของเครื่องใช้เครื่องใช้โน่นนี่ ตามประสา
ช่วงโควิด19 ที่ต้อง lockdown กักตัวอยู่บ้านกันเป็นเดือนๆ พืชผักผลไม้ที่ลุงJohn ปลูกไว้ สามารถเก็บกินยังชีพได้สบายๆ ส่วนไก่ที่เลี้ยงไว้ ก็ขยันออกไข่ทุกวันจนกินไม่ทันเลยทีเดียว
การอยู่อย่างพอเพียง คือความสุขที่แท้จริง
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้กำลังกันมาตลอดนะครับ
จาก. ลุงCharlie & ลุงJohn
คำสารภาพของเด็กซ่อง : ตอนที่ 5 สำนักโคมแดง "ผู้ชายขายฝัน" (ตอนจบ)
คำเตือน... เรต 18+ เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
..................................................................................................................................
ความเดินตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/40324490
https://ppantip.com/topic/40329014
https://ppantip.com/topic/40333434
https://ppantip.com/topic/40339867
เมื่อทุกอย่างพร้อม Charlieได้ฤกษ์เปิดบ้านของตัวเองเป็นสำนักโคมแดงโดยใช้ชื่อว่า "ผู้ชายขายฝัน" (แปลภาษาไทย)
6เดือนแรก Charlieยังคงทำงานประจำที่รีสอร์ตไปก่อน เพราะต้องการใบรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน และยอดเงินหมุนเวียนใน bank statement เพื่อใช้เป็นหลักฐานส่งให้ John ในการยื่นขอวีซ่ากับทางสถานทูต
เวลาหลังเลิกงานและวันหยุด Charlieทุ่มเทให้กับธุรกิจส่วนตัวอย่างเต็มกำลัง
ด้านหน้าของตัวบ้านเป็นลานจอดรถขนาดกว้าง เปิดประตูบ้านเข้าไปจะเห็น reception ห้องรับแขกถูกประยุกต์ดัดแปลงใช้เป็นห้องรับรองลูกค้า ดูตัวและเลือกพนักงาน (พอตกดึก Charlieอาศัยห้องนี้ใช้เป็นห้องนอน โดยนอนที่ sofa bed เพราะรู้สึกแปลกๆที่จะใช้ 1ในห้องเชือดสวาทเป็นห้องนอนของตัวเอง) ห้องนอนทั้ง 4ห้อง ถูกเปลี่ยนเป็นห้องเชือดสวาท ส่วนห้องเก็บของในบ้าน Charlieประยุกต์ใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้าและข้าวของตัวเอง
ห้องเก็บของขนาดใหญ่บริเวณหลังบ้านได้ถูกซ่อมแซมปรับปรุงให้เป็นห้องพักผ่อนสำหรับพนักงานระหว่างรอลูกค้า โดยต่อเติมพื้นที่บางส่วนเป็นห้องน้ำ ห้องซักรีด และห้องครัว เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
อีกฝั่งหนึ่งของสวนได้ก่อสร้างซุ้มขนาดย่อมสไตล์ beach hut 2หลัง สำหรับนวด Charlieเอาความรู้เบื้องต้นจากการเรียนนวด มาเทรนด์ให้พนักงานอย่างคร่าวๆ โดยมาประยุกต์เป็นการนวดอีโรติก (คนนวดและคนถูกนวด อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า หลังจากนวดมีบริการหัตถาพาเพลินตบท้าย)
บ้านผู้ชายขายฝัน เป็นสำนักโคมแดงที่เน้นขายบริการทางเพศให้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเกย์+เสือไบ เท่านั้น พนักงานทั้งหมดเป็นเกย์ และมีชายแท้ปะปนมาบ้าง
Charlieทำการคัดเลือกพนักงานเอง โดยเน้นที่รูปร่างหน้าตาต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยบุคลิกภาพและสุขอนามัย อายุอยู่ระหว่าง 18-35 ปี
ช่วงสัมภาษณ์คัดเลือก พนักงานทุกคนต้องถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เพื่อให้เห็นรูปร่างที่แท้จริง(การใส่เสื้อผ้าอาจปิดบังรูปร่างที่แท้จริง) ดูผิวหนังใต้ร่มผ้าและทั่วตัวว่ามีรอยตำหนิ ไฝ ปาน ตุ่ม แผลเป็น กลาก เกลื้อน ตรงไหนบ้าง(เพราะลูกค้าบางคนอาจไม่ชอบหรือไม่อยากสัมผัสตำหนิแบบนี้) ดูลักษณะ&ขนาดเครื่องเพศ (บางคนไม่ค่อยได้อาบน้ำ อาจมีกลิ่นหรือคราบเกาะตรงหัวองคชาติ เวลาขึ้นงานกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่สบอารมณ์และอาจตำหนิทางสำนักได้) รวมถึงป่าดงดิบบริเวณหัวหน่าว บางคนก็ปล่อยรกทึบ จนมี "โลน" เกาะติดอยู่ (ควรจะเล็มหรือถางจนโล่งเตียนดีที่สุด เพื่อความสะอาด)
สำนักโคมแดงทุกแห่งใช้วิธีนี้ตรวจสอบคุณภาพของพนักงานใหม่ที่มาสมัคร บางแห่งฉวยโอกาสตอดเล็กตอดน้อย จับบ้องข้าวหลามของพนักงาน หรือไม่ก็ใช้ปากตรวจสอบบ้องข้าวหลาม
แต่สำหรับCharlie แค่มองผ่านคร่าวๆเฉยๆ ไม่เคยจับต้อง ไม่เคยคิดฉวยโอกาสนี้ล่วงละเมิดเลย สมภารไม่กินไก่วัด เพราะมันทำให้เสียระบบการปกครอง (เจ้าสำนักโคมแดงส่วนใหญ่มักจะปฏิบัติตามกฏนี้อย่างเคร่งครัด บางแห่งก็ไม่เลย)
ก่อนเริ่มงาน พนักงานทุกคนต้องไปตรวจเลือดและเอาผลตรวจเลือดมาให้ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานเวลามีเจ้าหน้าที่มาตรวจ
บ้านผู้ชายขายฝัน เปิดทำการตั้งแต่ 5โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน มีพนักงานขายบริการทั้งหมดแค่ 6คน Charlieไม่อยากรับเพิ่ม เพราะอยากดูเชิงว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการมากน้อยแค่ไหน? อีกทั้งตัวบ้านมีบริเวณค่อนข้างจำกัด (ห้องเชือดสวาท 4ห้อง และห้องนวดอีโรติกในสวน 2ห้อง ซึ่งค่อนข้างลงตัวกับจำนวนพนักงาน)
Charlieบริหารงานเพียงคนเดียว ต้องทำงานทุกอย่างตั้งแต่งานต้อนรับ ยันทำความสะอาด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายปลีกย่อยต่างๆ (ยกเว้นก็แต่ พนักงานขายบริการ เท่านั้น)
อัตราค่าบริการความเสียวชั่วโมงละ AU$150 นวดอีโรติกชั่วโมงละ AU$120 ทั้งหมดบริการแค่ในตัวบ้านเท่านั้น ไม่มีบริการ out call นอกสถานที่ เพื่อง่ายต่อระบบการบริหารงาน
ส่วนแบ่ง 70-30 พนักงาน 70 สำนัก 30 (หลายสำนักในรัฐนี้ส่วนใหญ่แบ่งกันที่ 60-40 บางแห่ง 50-50 ด้วยซ้ำ ซึ่งสำนักของCharlie แบ่งให้พนักงานเยอะที่สุด เพราะต้องการซื้อใจพนักงาน)
วันแรกที่เปิดบริการ ปรากฏว่า เกินความคาดหมาย มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างล้นหลาม พนักงานรับแขกคนละ 3-4 รอบ ลูกค้าบางคนใช้บริการนวดอีโรติกก่อน ตามด้วยใช้บริการห้องเชือดสวาท ต่อทีหลัง รายได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี พนักงานhappy ลูกค้าhappy เจ้าของสำนักhappy มากกว่าใครๆ (พ่อเล้ามือใหม่ย่อมตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดา)
จากปากต่อปาก ทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการบ้านผู้ชายขายฝันมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนจำนวนพนักงานและสถานที่รองรับไม่ไหว Charlieต้องจัดระบบใหม่ ด้วยการให้บริการเฉพาะลูกค้าที่โทรมานัดหมายจองคิวล่วงหน้า ตามช่วงเวลาต่างๆในแต่ละคืน เท่านั้น
ตั้งแต่เปิดบริการมา ได้รับคำชมจากลูกค้าตลอด ทั้งเรื่องของการบริการ ความสะอาด การตกแต่งสถานที่สวยงามเข้ากับบรรยากาศท้องถิ่น และ พนักงานทุกคนหน้าตาหล่อเหลา หุ่นดี สะอาดสะอ้าน มี sex appeal ห้ามเสพยา ห้ามดื่มของมึนเมาในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เด็ดขาด
ส่วนข้อตำหนิ ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แค่เรื่องสถานที่คับแคบและพนักงานไม่เพียงพอต่อจำนวนลูกค้า
6เดือนผ่านไป Johnได้วีซ่าและพร้อมเดินทางมาออสเตรเลีย วันแรกที่บินมาถึง ทั้งสองโผเข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจอย่างล้นหลาม ที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
Charlieตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เข้ามาบริหารบ้านผู้ชายขายฝันอย่างเต็มตัว นอกจากนั้น ยังได้Johnทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอีกแรงหนึ่ง ทั้งสองมีแผนจะขยายกิจการด้วยการรับพนักงานเพิ่ม สร้างกระท่อมเชือดสวาทเพิ่มในสวนอีก 2หลัง และเปิดให้บริการ out call นอกสถานที่ด้วย
ด้วยความขยันขันแข็งช่วยกันทำมาหากิน ชนิดตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี กิจการบ้านผู้ชายขายฝัน ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ สามารถผ่อนบ้านกับทางธนาคารได้จนหมด
John ทำความฝันของตนให้เป็นจริง นั่นคือ สร้างบ้านหลังใหม่ให้แม่ที่เมืองไทย เท่านั้นยังไม่พอ CharlieและJohnได้ซื้อที่ดินในจังหวัดหนองคาย เพื่อสร้างบ้านอีกหลังเอาไว้ทำhome stay โดยให้น้องสาวของJohn เป็นผู้ดูแล
หลังปี 2014 เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลมาก smart phoneได้กลายมาเป็นปัจจัยที่5 ของชีวิตผู้คนทั่วโลก โซเชียลมีเดีย & app ต่างๆ ที่ย่อโลกให้เล็กลงและอำนวยความสะดวกเกือบทุกอย่างให้แก่ชีวิตมากขึ้น ส่งผลให้บางอาชีพถึงขั้นสูญพันธุ์หรือเกือบสูญพันธุ์ บ้านผู้ชายขายฝันก็ได้รับผลกระทบนั้นด้วย
เมื่อก่อนพนักงานต้องพึ่งพาสำนักโคมแดงเป็นแหล่งขายบริการทางเพศ พอมีโซเชียลฯ & appเกย์ต่างๆผุดขึ้นมา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งสำนักอีกต่อไป สู้ลงประกาศขายบริการโดยโพสผ่านโซเชียลฯ & app เกย์ทั้งหลายแหล่ สะดวกกว่า เร็วกว่า ที่สำคัญคือ ได้ค่าตัวเต็มๆโดยไม่ต้องโดนหักเปอร์เซ็นต์
ในปี 2016 Charlie & Johnตัดสินใจปิดตำนานบ้านผู้ชายขายฝันอย่างถาวร ล้างมือจากคาวน้ำกามในอ่างทองคำ (ใช้สำบัดสำนวนเปรียบเทียบเปรียบเปรย ซะเห็นภาพเชียว )
หลังจากขายบ้านหลังนั้น ด้วยความที่ทั้งสองชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจ จึงเอาเงินที่ได้ไปซื้อบ้านเดี่ยวริมทะเลในเมืองชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของรัฐ Queensland
เนื่องจากที่ดินในบริเวณบ้านกว้างมาก รวมถึงกระแสที่พักแนว Airbnb กำลังมาแรง ทั้งคู่จึงต่อยอดด้วยการขอใบอนุญาตก่อสร้างเพิ่มเติมกับเทศบาลท้องถิ่น เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศสไตล์รีสอร์ตจำนวน 2หลัง และขุดสระว่ายน้ำ
บ้านพักตากอากาศ เน้นบรรยากาศสไตล์ป่าฝนเมืองร้อน เหมาะแก่การพักผ่อน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีมาก จากลูกค้าที่มาใช้บริการ
ปัจจุบัน ลุงCharlie ในวัย44 ปี และ ลุงJohn ในวัย 48ปี ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม สงบร่มรื่น และปราศจากมลพิษ
โดยเฉพาะลุงJohn มีความสุขมากกับการทำสวน ปลูกพืชผักผลไม้ โดยเฉพาะสวนครัวไทย เช่น มะกรูด มะนาว พริก กะเพรา มะเขือเปราะ โหรพา ตะใคร้ มะละกอ กล้วย ฝรั่งฯลฯ นอกจากนี้ยังเลี้ยงไก่เอาไว้เก็บไข่ (เมนูไข่ลูกเขยฝีมือลุงJohn อร่อยเด็ดมาก)
ส่วนลุงCharlie มีความสุขเพลิดเพลินกับการตกแต่งบ้าน diyข้าวของเครื่องใช้เครื่องใช้โน่นนี่ ตามประสา
ช่วงโควิด19 ที่ต้อง lockdown กักตัวอยู่บ้านกันเป็นเดือนๆ พืชผักผลไม้ที่ลุงJohn ปลูกไว้ สามารถเก็บกินยังชีพได้สบายๆ ส่วนไก่ที่เลี้ยงไว้ ก็ขยันออกไข่ทุกวันจนกินไม่ทันเลยทีเดียว
การอยู่อย่างพอเพียง คือความสุขที่แท้จริง
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้กำลังกันมาตลอดนะครับ
จาก. ลุงCharlie & ลุงJohn