ในยุคที่สื่อถูก Disruption อย่างแรง หากไม่มีการปรับตัวก็คงยากที่จะไปต่อได้ องค์กรสื่อหลายๆ แห่งต้องหากลยุทธ์ใหม่ทำให้ตัวเองยังมีพื้นที่ยืนต่อ และก้าวไปข้างหน้าให้ได้โมเดลธุรกิจแบบเดิมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ขืนยังไม่ปรับตัวมัวทำสิ่งเดิมๆ อาจเป็นตัวเร่งให้องค์กรสื่อนั่นก้าวสู่ปากเหวเร็วขึ้น และช่อง 3 เป็นอีกหนึ่งองค์กรสื่อที่เราได้เห็นการปรับตัวมาตลอด ทั้งเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ปรับกลยุทธ์ในการนำเสนอข่าว ปรับลดพนักงาน แต่ครั้งนี้บอกเลยใจกล้าจริง!
มิติใหม่ฉายละคร 15 วันรวดเดียวจบ
ล่าสุดถือเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่ ซึ่งต้องยกนิ้วให้ว่าเป็นการขยับที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวทีเดียว เมื่อช่อง 3 ก้าวออกจากกรอบเดิมที่ละครหลังข่าวต้องมีคิวออนแอร์ออก 3 ช่วงต่อสัปดาห์คือจันทร์-อังคาร, พุธ-พฤหัส และศุกร์-อาทิตย์ ถึงจะเคยมีผ่านหูผ่านตากันมาบ้างกับการออนแอร์รวด 5 วัน แต่ก็เกิดกับละครรีรัน ที่จับเอามาฉายขัดตาทัพในช่วงวิกฤติต่างๆ เท่านั้น
ครั้งนี้ช่อง 3 เปิดหมดทุกหน้าไพ่ ปรับตัวครั้งใหญ่ ตัดสินใจปรับผังฉายไปเลย 15 วันรวดกับละครใหม่ที่เป็นความหวังอย่าง “ตราบฟ้ามีตะวัน” ที่ได้พระเอกแม่เหล็กสุดๆ อย่าง หมาก ปริญ มาประกบคู่กับ เก้า สุภัสสรา ในพล็อตที่สนุกเข้มข้น เอาแค่ชื่อ หมาก คนเดียวก็ขายได้แล้ว แถมไม่ได้ขายได้แค่เมืองไทย เพราะชื่อของ หมาก ขายได้ในหลายประเทศเอเชีย ช่อง 3 ใจเด็ด! ต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลย
ช่อง 3 ก้าวออกจากเซฟโซน จากเคยผลิตละครฉายแค่แพลตฟอร์มช่องตัวเอง หรือฉายที่แพลตฟอร์มตัวเองก่อนแล้วค่อยขายลิขสิทธิ์ออนแอร์ย้อนหลังกับช่องสตรีมมิ่งต่างๆ ครั้งนี้ตัดใจเปลี่ยนโมเดลใหม่ ขายลิขสิทธิ์ให้ฉายพร้อมกันทั้งในไทยและต่างประเทศไปเลย
เอาสิ! ในเมื่อละครไทยความนิยมสั่นคลอนโดนช่องสตรีมมิ่งแบ่งก้อนเค้กไปเต็มๆ อยู่แล้ว งานนี้เมื่อต้านไม่ได้ ช่อง 3 ก็ตัดสินใจเข้าร่วมไปเลยจบๆ ผันตัวเองเป็น Content Provider ขยายฐานให้ Content ของตัวเองเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง แถมยังเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ที่มีศักยภาพ และเป็นช่องที่มีโอกาสเติบโตและทำเงินอีกเพียบ!!วิกพระรามสี่ ตัดสินใจฉาย ตราบฟ้ามีตะวัน รวดติดกัน 15 วัน เพื่อออกอากาศทั้งหมด 7 ประเทศคือ ไทย, จีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, อินเดีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ผ่าน 3 แพลตฟอร์มคือ Tencent Video, WeTV และ Viu ซึ่งนี่ถือเป็นความใจกล้าที่นำละครใหม่มาฉายแบบรวดเดียวจบ ไม่ต้องปั่นไม่ต้องบิวต์เพื่อหวังเรตติ้งสูงๆ ใดๆ กันทั้งนั้น
เจาะกลยุทธ์ลับช่อง 3 เรตติ้งแค่ภาพลวงตา
มิติใหม่ฉายละคร 15 วันรวดเดียวจบ
ล่าสุดถือเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่ ซึ่งต้องยกนิ้วให้ว่าเป็นการขยับที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวทีเดียว เมื่อช่อง 3 ก้าวออกจากกรอบเดิมที่ละครหลังข่าวต้องมีคิวออนแอร์ออก 3 ช่วงต่อสัปดาห์คือจันทร์-อังคาร, พุธ-พฤหัส และศุกร์-อาทิตย์ ถึงจะเคยมีผ่านหูผ่านตากันมาบ้างกับการออนแอร์รวด 5 วัน แต่ก็เกิดกับละครรีรัน ที่จับเอามาฉายขัดตาทัพในช่วงวิกฤติต่างๆ เท่านั้น
ครั้งนี้ช่อง 3 เปิดหมดทุกหน้าไพ่ ปรับตัวครั้งใหญ่ ตัดสินใจปรับผังฉายไปเลย 15 วันรวดกับละครใหม่ที่เป็นความหวังอย่าง “ตราบฟ้ามีตะวัน” ที่ได้พระเอกแม่เหล็กสุดๆ อย่าง หมาก ปริญ มาประกบคู่กับ เก้า สุภัสสรา ในพล็อตที่สนุกเข้มข้น เอาแค่ชื่อ หมาก คนเดียวก็ขายได้แล้ว แถมไม่ได้ขายได้แค่เมืองไทย เพราะชื่อของ หมาก ขายได้ในหลายประเทศเอเชีย ช่อง 3 ใจเด็ด! ต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลย
ช่อง 3 ก้าวออกจากเซฟโซน จากเคยผลิตละครฉายแค่แพลตฟอร์มช่องตัวเอง หรือฉายที่แพลตฟอร์มตัวเองก่อนแล้วค่อยขายลิขสิทธิ์ออนแอร์ย้อนหลังกับช่องสตรีมมิ่งต่างๆ ครั้งนี้ตัดใจเปลี่ยนโมเดลใหม่ ขายลิขสิทธิ์ให้ฉายพร้อมกันทั้งในไทยและต่างประเทศไปเลย
เอาสิ! ในเมื่อละครไทยความนิยมสั่นคลอนโดนช่องสตรีมมิ่งแบ่งก้อนเค้กไปเต็มๆ อยู่แล้ว งานนี้เมื่อต้านไม่ได้ ช่อง 3 ก็ตัดสินใจเข้าร่วมไปเลยจบๆ ผันตัวเองเป็น Content Provider ขยายฐานให้ Content ของตัวเองเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง แถมยังเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ที่มีศักยภาพ และเป็นช่องที่มีโอกาสเติบโตและทำเงินอีกเพียบ!!วิกพระรามสี่ ตัดสินใจฉาย ตราบฟ้ามีตะวัน รวดติดกัน 15 วัน เพื่อออกอากาศทั้งหมด 7 ประเทศคือ ไทย, จีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, อินเดีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ผ่าน 3 แพลตฟอร์มคือ Tencent Video, WeTV และ Viu ซึ่งนี่ถือเป็นความใจกล้าที่นำละครใหม่มาฉายแบบรวดเดียวจบ ไม่ต้องปั่นไม่ต้องบิวต์เพื่อหวังเรตติ้งสูงๆ ใดๆ กันทั้งนั้น