.
กินเวลายาวนานถึง 300 ปีเลยทีเดียว
ถ้ามีการตะโกนคำว่า  ไวกิ้ง  ไวกิ้ง ไวกิ้ง
จะสร้างความตื่นตระหนก
หวาดกลัวให้กับชาวยุโรปยุคกลาง
แต่พวกนักรบโบราณ Norsemen (พวกเหนือ)
เป็นมากกว่า ผู้บุกรุกที่กระหายเลือด
เพราะเคยสร้างเส้นทางการค้าที่ซับซ้อน
ทั้งยังไปตั้งรกรากในดินแดนทึ่ปล้นหลายแห่ง

เครื่องมือนำทาง  เวทมนตร์  แฟชั่นสุดเซ็กซี่
นี่คือ ข้อเท็จจริง 7 ประการเกี่ยวกับ
นักรบสแกนดิเนเวีย ชาวไวกิ้ง
.
.

นักรบชาวไวกิ้งเป็นนักเดินเรือที่น่าทึ่ง
แม้ว่าเรือจะยาวไม่มากนักและมีน้ำหนักเบา
แต่ก็สามารถแล่นโต้คลื่นผ่านท้องทะเลได้
ชาวไวกิ้งสามารถเดินทางข้าม
มหาสมุทรแอตแลนติกได้หลายครั้ง
เพื่อตั้งรกรากที่กรีนแลนด์และไอซ์แลนด์
Leif Ericson เดินเรือไปถึงกรีนแลนด์และแคนาดา
ประมาณ 500 ปีก่อนที่ Christopher  Columbus จะมาถึงอเมริกา
.
.

ในขณะที่กะลาสีเรือในยุคกลาง
มักจะเดินเรือแค่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
และพยายามเลียบชายฝั่ง
เพื่อรักษาตำแหน่งของเรือ
แต่กะลาสีเรือไวกิ้งแล่นเรือไปไกล
หลายพันไมล์ในทะเล
โดยไม่จำเป็นต้องมีเบาะแสใด ๆ จากแผ่นดิน

ยิ่งไปกว่านั้น การเดินเรือของพวกไวกิ้ง
ยังครอบคลุมไปถึง Arctic Circle 
ในฤดูร้อนจะไม่สามารถพึ่งพาดวงดาวนำทางไดั
เพราะพระอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้า/ตกดิน

การเดินเรือในเขตพระอาทิตย์หลังเที่ยงคืน
นักเดินเรือผู้เชี่ยวชาญจึงใช้นาฬิกาแดด
ที่ทำจากกล่องไม้ที่มีความซับซ้อนน้อย
เพื่อเดินทางไปตามละติจูดเหนือ - ใต้
และในวันที่มีเมฆหมอกมาก
เมื่อดวงอาทิตย์ไม่ส่องแสง
นักเดินเรือไวกิ้งอาจใช้  ผลึกเวทย์มนตร์ 
หรือที่เรียกว่า Viking Sunstone
ที่ดูดซับแสงในเวลากลางวัน
เพื่อปรับทิศทางเดินเรือ
ด้วยการวางก้อนคริสตัลไว้ด้านบน
เพื่อกำหนดจุด เมื่อมองลงด้านล่าง
จะเห็นจุดสองจุดเกิดขึ้น
จากนั้นให้หมุนก้อนคริสตัล
จนกว่าจุดสองจุดนั้นมีความเข้ม
หรือความมืดเท่ากันทุกประการ
ที่มุมตรงพื้นผิวที่เห็นชัดขึ้น
จะบอกทิศทางของดวงอาทิตย์
จะมีความแม่นยำที่คลาดเคลื่อนไม่กี่องศา
แม้ว่าจะอยู่ในสภาพพลบค่ำมืดมิด
วิธีการนี้จะกำหนดทิศทางของดวงอาทิตย์
ที่หลบซ่อนอยู่หลังเมฆหมอกได้อย่างแม่นยำ

ดวงตาของคนเราจะปรับแต่งได้อย่างละเอียด
เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างเฉดสีที่ตัดกัน
ทำให้มองเห็นจุดทั้งสองที่เหมือนกันได้ชัดเจน
.
.

หมายเหตุ


พวกไวกิ้งมักจะนำอีกาติดเรือไปด้วย
ถ้าอยากหาแผ่นดินให้เจอก็จะปล่อยอีกา
อีกามองได้ระยะไกลจากที่สูง
และประสาทสัมผัสดีมาก
ในเรื่องกลิ่นดินกลิ่นอาหาร
ถ้าอีกาเห็นชายฝั่งจะรีบโผบินไปหาที่นั่น
เรือไวกิ้งก็จะรีบแล่นตามไป
เพราะไม่ผิดหวังแน่นอน
.
.

ตำนานชาวไวกิ้งมักจะเล่าเรื่องราว
ของนักรบไวกิ้ง Berserkers
ผู้เกรี้ยวกราดที่โจมตีข้าศึกด้วยความโกรธ
ด้วยอารมณ์รุนแรงควบคุมไม่ได้ในการรบ
แบบบ้าดีเดือด Gone Berserk 
ท่ามกลางการต่อสู้ที่นองเลือด
แต่ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 1956
American Journal of Psychiatry
ได้สรุปรายงานผลการศึกษาว่า
พฤติกรรมที่บ้าคลั่งของพวก Berserkers
เป็นผลมาจากการเสพสารหลอนประสาท
จากเห็ดหลอนประสาท
Amanita muscaria
.
.

เมืองไทยก็มีเห็ดเมาคล้ายกัน
เรียกว่า เห็ดขี้ควาย
นิยมใช้กันในงานฟูลมูนปาร์ตี้
ที่เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นิยมกินโดยนำไปปั่นรวมกับนม
เป็นมิลค์เชคเห็ดขี้ควาย
หรือนำไปทำเป็นเหล้าปั่น
หรือ ไข่เจียวเห็ดขี้ควาย
แบบกินแล้วคึกคัก ฮึกเหิม
มันส์กับอินไปกับเสียงเพลง

แต่มีเรื่องแปลกคือ
คนไทยมักจะแพ้เห็ดนี้
กินแล้วไม่ตายก็คางเหลือง
(อาการหนักหนาสาหัส)
.
.

สาเหตุที่มีคนจำนวนมากกว่าอาหารการกิน
และการไร้วัฒนธรรมการทำฟาร์ม
ของชาวสแกนดิเนเวีย ในยุคอดีต
จึงไปปล้นชาวบ้านต่างถิ่น
สะดวกกว่าง่ายกว่ารวดเร็วกว่า
การทำไร่ทำนาทำสวน
โดยเริ่มต้นไปปล้นจากดินแดนทางตอนใต้
ด้วยการปล้นเอาข้าวของ/จับผู้แพ้มาเป็นทาส
ชื่อเสียของชาวไวกิ้งที่น่ากลัวจึงถูกสร้างขึ้นมา

แต่การจู่โจมนองเลือดเหล่านี้
ไม่ได้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมไวกิ้ง
เพราะนักเดินเรือไวกิ้งในสมัยโบราณ
ยังได้จัดตั้งเครือข่ายการค้าที่ซับซ้อน
ซื้อขายแลกเปลี่ยน งาช้างวอลรัส
หนังหมีขั้วโลกจากกรีนแลนด์
ผ้าไหมและเครื่องเทศจาก Constantinople
อำพันจาก Baltic  ทั่วทั้งยุโรปและเอเชีย
แบบใครแข็งแกร่งกว่า ก็ค้าขาย
ใครอ่อนแอกว่า ก็ปล้นเอา
.
.
.
หมวกนักรบไวกิ้งไม่เหมือนกับภาพการ์ตูน
เพราะหมวกนักรบไวกิ้งอาจจะไม่มีเขาหรือปีก
แม้ว่าจะหาตัวอย่างของจริงหมวกนักรบ
ที่สมบูรณ์แบบได้ยากมาก
แต่จากการขุดค้นโบราณคดีหลุมฝังศพ
ของหัวหน้านักรบไวกิ้งในศตวรรษที่ 10
ที่ Gjermundbu นอร์เวย์  ก็ค้นพบว่า
หมวกนักรบที่ทำขึ้นจากเหล็กอย่างเรียบง่าย
มีฝาปิดป้องกันรอบศีรษะ/ป้องกันจมูกของนักรบ
มีการเจาะช่องดวงตาไว้ 2 ช่องสำหรับดู
(เหล็กคาดบนหมวกเสริมความแข็งแรง
กันเหล็กที่ตีรูปเป็นหมวกบิดตัว)
และนักรบหญิงก็สวมหมวกแบบนี้เช่นกัน

ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า
สตรีชาวไวกิ้ง(ชนเผ่าสวีเดน)
จะแต่งตัวให้เร้าใจด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส
และสวมทับทรวงโลหะแวววาว
โดยมีเข็มกลัดคู่หนึ่งกลัดไว้ด้านบน
เสื้อผ้าแสดงให้เห็นถึงรูปร่างของสตรีผู้สวมใส่
.
.
.
ในช่วงแรกเริ่มประวัติศาสตร์
ความเชื่อของชนเผ่าไวกิ้ง
เป็นพวกคนนอกศาสนาที่เชื่อในเรื่องของ
วิหารแห่งเทพเจ้าที่มี Odin เป็นจอมเทพ
เทพบุตร Thor พร้อมค้อนยักษ์
ผู้ปราบยักษ์/บุตรของ Odin
และ Freya เทพธิดาแห่งความอุดมสมบุรณ์
เหล่าทวยเทพต่างพำนักใน  Asgard
ที่ติดต่อกับชาวโลกด้วยสะพาน Bifröst
ตามคำทำนายของชนเผ่าไวกิ้ง
มีการกล่าวถึง  Ragnarök
การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายของโลก 
ที่จะมีการทำลายล้างเหล่าทวยเทพทั้งหมด
และน้ำจะท่วมฟ้าปลาจะกินดาว (น้ำท่วมโลก)

ในช่วงศตวรรษที่ 11
นักรบไวกิ้งชอบชอบ ชอบจริงจริง
คือ การปล้นทรัพย์สมบัติของโบสถ์
และวิหารตามชายฝั่งทะเลในยุโรป
ที่ไม่มีการป้องกันและไม่มีทหาร
คอยสู้รบตบมือกับนักรบไวกิ้ง

ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 12
ชนเผ่าไวกิ้งส่วนใหญ่เข้ารีตเป็นชาวคริสต์
เลยกลับตัวกลับใจปล้นฆ่าน้อยลง
เพราะกล้วพระเจ้าลงโทษ
.
.

ในศตวรรษที่ 9
เมื่อโจรสลัดไวกิ้งบุกไอร์แลนด์
ก็ได้ก่อตั้งอาณาจักร
Norse kingdom of Dublin
หรือที่เรียกว่า Dyflin
โดยได้ปกครองอย่างยาวนานกว่า 300 ปี
แม้ว่าผู้ปกครองจะมีรากเหง้าชาวไวกิ้ง
อย่างเห็นได้ชัดเจน
แต่ก็ค่อย ๆ หลอมรวมวัฒนธรรมกับชาว Gaelic
.

หมายเหตุ

Alexandre หลังจากมีชัยยึดเปอร์เซียได้แล้ว
พวกกรีกเริ่มรู้จักการเสพสุขแบบมีฮาเร็ม
(มีสนมนางกำนัลนางบำเรอจำนวนมาก)
ชาวโรมันมีชัยเหนือกรีก
ก็นำไปพัฒนาต่อยอดในเวลาต่อมา
มองโกล แมนจู แม้ว่ายึดจีนเป็นเมืองขึ้น
ได้ปกครองเมืองจีนร่วม 100 ปี
ก็ค่อย ๆ ถูกจีนกลืนกินภาษา/วัฒนธรรม
จนสูญหายไปมากกว่ายุคเป็นชนเผ่า
พม่ายึดดินแดนชาวมอญได้
ก็ค่อย ๆ ถูกหลอมรวมกับ
วัฒนธรรมศาสนาพุทธ
จนเหลือแค่ผีนัต 37 ตน
(ผีดั้งเดิมชนเผ่าพม่า)
และเริ่มใช้ชีวิตแบบชาววังมอญ

ไทยยึดเขมรได้ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ
ก็นำเอาราชาศัพท์มาใช้ในราชสำนัก
พร้อมยกฐานะกษัตริย์เป็นสมมุติเทพ
จากเดิมกษัตริย์มีสถานะแบบ
พ่อขุนอุปถัมภ์(พ่อปกครองลูก)
พร้อมเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เป็นแบ่งแยกแล้วปกครอง/คานอำนาจกัน
มีนายกรัฐมนตรี 2 คน
สมุหนายก กับ สมุหกลาโหม
มี 4 กระทรวงคือ เวียง วัง คลัง นา 
ตั้งไว้เพื่อคานอำนาจซึ่งกันและกัน
ป้องกันการรัฐประหาร
แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
อาณาจักรอยุธยา 417 ปี
มีกษัตริย์ 33 พระองค์เฉลี่ย 12.6 ปี
ไม่ทันสวรรคตตามธรรมชาติหลายพระองค์
เพราะถูกรัฐประหาร 17 ครั้ง หรือทุก 24.5 ปี
.

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/3pUyxRI
.

.