ค้นพบดาบยุคก่อนไวกิ้งอายุราว 1,500 ปี

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

8-Year-Old Girl Finds Ancient Sword in Swedish Lake





.
Saga Vanecek เด็กหญิงวัย 8 ขวบพบดาบยุคก่อนไวกิ้ง Viking
จมอยู่ในทะเลสาบ Vidostern  ที่  Sweden ขณะกำลังเล่นน้ำในฤดูร้อน
ขณะที่เธอกับครอบครัวมาพักร้อนที่บ้านพักในเขตมณฑล Jönköping County


ดาบดังกล่าวมีการรายงานว่าอายุราว 1,000 ปี
แต่ผู้เชี่ยวชาญพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเชื่อว่า น่าจะมีอายุราว 1,500 ปีฃ

" ไม่มีใครจะพบดาบได้ทุกวันในทะเลสาบหรอก "
Mikael Nordstrom ภัณฑรักษ์พิพิธภัณฑ์ Jonkoping


" หนูกำลังร่อนกิ่งไม้และก้อนหินลงในน้ำ
เพื่อดูว่ามันปลิวไปได้ไกลขนาดไหน
แล้วหนูสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
ที่แรกหนูคิดว่ากิ่งไม้จมน้ำอยู่
หนูเห็นมันจมอยู่ในน้ำเลยหยิบมันขึ้นมา
แต่พอหนูเห็นด้ามจับ
เลยตะโกนบอกพ่อหนูว่า
พ่อ หนูเจอดาบเล่มหนึ่ง "
Saga Vanecek กล่าว


ระดับน้ำในทะเลสาบค่อนข้างตื้นในปีนี้
เพราะสาเหตุภัยแล้งจึงมีส่วนทำให้ Saga Vanecek
ได้ค้นพบดาบโบราณเล่มนี้ที่มีอายุเก่าแก่
ซึ่งมีสีน้ำตาลดำและเต็มไปด้วยสนิม
มีความยาวทั้งด้ามราว 33 นิ้ว


Andy Vanecek พ่อของ Saga Vanecek
บ้านเกิดอยู่ในรัฐ Minnesota
ครอบครัวเพิ่งจะย้ายจาก Minneapolis ไปอยู่ที่ Sweden
เพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดกับญาติพี่น้องฝ่ายภริยา
ท่านรู้สึกมีความสุขมากกับการค้นพบครั้งนี้
ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภาษาอังกฤษว่า

" ผมชาว Minnesota ที่คลั่งไคล้ Viking
โดยเป็นแฟนคลับ Minnesota Vikings
และนี่มันดูเหมือนเป็นดาบของ Viking
ผมเห็นเธอชูดาบขึ้นเหนือศีรษะของเธอ
แล้วตะโกนเสียงดัง ราวกับว่าเธอคือ Pippi Longstocking
วีรสตรีในหนังสือเด็กเรื่องเล่าชาวสวีเดน
(สตรีที่แข็งแรงมากที่สุดในโลก)
พ่อ หนูเจอดาบเล่มหนึ่ง  
ในตอนแรก ผมคิดว่าลูกสาวผม
เจอไม้เท้าหรือกิ่งไม้ที่มีรูปร่าง
ผิดแผกแตกต่างจากของทั่วไปในน้ำ "



.
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นได้เก็บรักษาดาบเล่มนี้ไว้เป็นอย่างดี
และตั้งชื่อดาบเล่มนี้ว่า ดาบของ Saga
โดยจะเปิดให้เข้าชมได้หลังจากบูรณะเสร็จแล้ว
คาดว่าน่าจะราวปีหน้าจึงจะเปิดให้คนเข้าเยี่ยมชม


มีบางคนเขียนว่า  
เธอน่าจะเป็นราชินีของ Sweden
เพราะเธอดึงดาบขึ้นจากในน้ำ
แบบ ราชาอาเธอร์ ในนิทานอัศวินโต๊ะกลม


ทางท้องถิ่นได้ส่งทีมงานลงไปสำรวจค้นหาของเก่าในทะเลสาบ
และได้ค้นพบวัตถุโบราณบางอย่างที่คาดว่าน่าจะอยู่ในยุคเดียวกัน
โดยคาดว่าพื้นที่แห่งนี้ น่าจะเป็นพื้นที่ราบมาก่อนในอดีต
จึงมีการฝังดาบและวัตถุบางอย่างลงในพื้นดิน
ก่อนที่จะกลายเป็นทะเลสาบในภายหลัง


ดาบเล่มนี้มีการค้นพบเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม
ตามโพสต์ Facebook ของ Mr.Andy Vanecek
แต่ทางพิพิธภัณฑ์ได้ขอร้องให้ครอบครัว Saga Vanecek
เก็บเรื่องราวการค้นพบครั้งนี้เป็นความลับก่อน
เพื่อให้นักโบราณคดีจะได้มีเวลาค้นหาของเก่าในทะเลสาบ Vidostern
ก่อนที่พวกนักล่าสมบัติจะเข้าไปค้นหาข้าวของทางประวัติศาสตร์ชิ้นอื่น ๆ
ที่ยังอาจจะจมน้ำอยู่ในบริเวณทะเลสาบแห่งนี้
โดยนักดำน้ำและเครื่องตรวจจับโลหะได้นำมาใช้ในการค้นหา


"  หลังจากที่ Saga ค้นพบดาบแล้ว
เราได้ทำการสำรวจถึง 2 ครั้ง
เราพบว่ามีเครื่องประดับช่วงอายุราว 300-400 ปีที่ผ่านมา (มีความยาวราว 6 นิ้ว)
ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า ดาบเล่มนี้จะมีอายุในยุคเดียวกันหรือไม่
จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ก่อนในเรื่องนี้ "
Anders Kraft นักโบราณคดี จากคณะกรรมการบริหารมณฑล  Jonkoping ตอบกลับในอีเมล
.







.
เรียบเรียง/ที่มา

https://nyti.ms/2NrZwzv
https://bit.ly/2C2Zo7k
https://ind.pn/2EaxUj7
https://bbc.in/2yglS1h
https://bit.ly/2IKfww4



.



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
How the Normans changed the history of Europe - Mark Robinson



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Girl Finds Massive Sword in Same Lake Where King Arthur Threw Excalibur



.
เรื่องเล่าไร้สาระ

พวกชนเผ่าไวกิ้งเดิมจะอาศัยอยู่ทางตอนเหนือยุโรป
ชาวบ้านในยุโรปตอนใต้มักจะเรียกว่า พวกโจรบ้าตอนเหนือ Normaid (maid คน)
มาจากคำเหยียด North + Mad เพราะมักจะปล้นฆ่าข่มขืนไปทั่ว
ไม่เลือกว่าจะเป็นโบสถ์/ศาสนาสถาน เอาทั้งคนทั้งสัตว์
โดยรวมฝูงลงมาจากทางภาคเหนือของดิหลก
(ยุโรป คนจีนมาเลย์พูดไทยไม่ชัด)


หมายเหตุ


ในไทยก็มีพวกโจฬะ/โจรใจทมิฬ
พวกนี้เป็นแขกทมิฬมาจาก โจฬะ
ทางตอนใต้อินเดียตรงกันข้ามกับ Normaid ยุโรป
พวกโจฬะรบแพ้พวกอารยันกับอาหรับในภายหลัง
ต่อมา พวกนี้ส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามผสมกับความเชื่อเดิม
บางส่วนไปตั้งรกรากที่มาเลย์ อินโดนีเซีย
ถ้าแถว ๆ มากัสซ่า ไทยจะเรียก แขกยักษ์มักกะสัน
พวกโจฬะเคยยกทัพมาปล้นหัวเมืองภาคใต้หลายต่อหลายครั้ง
เคยมาเป็นทหารอาสา/ทหารรับจ้างในกรุงศรีอยุธยา
เคยก่อการกบฎในเมืองหลวงสมัยพระนารายณ์มหาราช
แต่พ่ายแพ้ถูกล้อมปราบหนักมาก
บางส่วนที่หนีรอดตายไปได้
ก็ไปตั้งตัวร่วมกับพวกโจรสลัด


.

พวก Normaid มารวมฝูงกันที่ตอนเหนือฝรั่งเศส
ที่ตอนนี้เรียกกันว่า Normandi
ต่อมาอีกฝูงขึ้นเรือไปรุกรานเกาะอังกฤษ
และทิ้งร่องรอยทางภาษา/วัฒนธรรมไว้
จนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หลอมรวม
ภาษาชาวบ้านเดิมกับภาษา Normaid
จนเป็นภาษาอังกฤษที่ใช้งานทุกวันนี้


ภาษาชนเผ่านี้มี 2 ชนชั้น คือ
ภาษาชนชั้นสูงของพวกหมอผี/พวกนักรบ
ภาษาชนชั้นต่ำของพวกไพร่/พวกทาส
ใช้ในการพูดคุยกัน ยังไม่มีตัวอักษร


ในฝั่งยุโรป พวก Normaid ก็เริ่มผันตัวเป็นนักรบรับจ้าง
บางส่วนก็เริ่มนับถือคริสต์จึงไปรบเพื่อคริสต์ศาสนา
แต่พวกนักรบรับจ้างมีรายได้จากราชันต์และชาวบ้านต่าง ๆ
ในการไปรบสงครามศาสนาครูเสด
ที่ต้องการยึดคืนดินแดนของพระเยซู
คืนจากพวกอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลาม
และกระทำการย่ำยีต่อคนนับถือศาสนาคริสต์
ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของพระสันตปาปา/ราชันย์และชาวบ้าน
ที่ช่วยกันกระพือข่าวเลวร้ายพวกอาหรับไปทั่วทั้งยุโรป


แต่ข้อเท็จจริงคือ พวกยุโรปต้องการควบคุมชายฝั่งทะเล
ทางตอนเหนือของอัฟริกากับเอเชียกลาง
และยันให้พวกอาหรับอยู่แถบตะวันออกกลาง
กับให้มีพื้นที่ทางทะเลจำกัดในการค้าขาย


Normaid ทหารรับจ้างจะรบเก่ง/รวยมาก
จนมีตำนานอัศวินผู้พิทักษ์ศาสนา
ทำให้มีรายได้เงินทองทรัพย์สินมหาศาลจากการรับจ้างรบ
และปล้นสะดมภ์ในบางครั้ง


ในเวลาต่อมาศาสนาจักร/ราชันต์ยุโรปเริ่มแปรเปลี่ยนจิตใจ
จากพันธมิตรกลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ
เพราะเกรงกลัวอำนาจอิทธิพลมืดกลุ่มนี้
กับตาล่อ(โลภ)กับทรัพย์สินมหาศาลของกลุ่มนี้
นำไปสู่การตามล้างตามฆ่ากลุ่ม Normaid
จนต้องกลายเป็นองค์กรลับปกปิดตัวตน
ต้องนำทรัพย์สินไปหลบซ่อนในที่ต่าง ๆ
มีการนำตำนานมาเขียนเป็นนวนิยายโดย Dan Brown
เรื่องที่โด่งดัง เช่น รหัสลับดาวินซี
ผสมกับพวกอาหรับที่ตาล่ออีกกลุ่ม
เลยร่วมกันตามล้างตามเช็ดเพื่อยึดสมบัติกลุ่มนี้


เพราะนักรบอาหรับได้พัฒนาฝีมือในการตีดาบ
และยุทธวิธีในการรบกับพวกยุโรป
กับการใช้ดินดำกระสุนปืนที่เรียนรู้จากจีน/มองโกล
มาพัฒนาอาวุธใช้ในการรบได้ดีกว่าพวกยุโรป
จนสามารถสร้างอาณาจักรออตโตมันที่ยิ่งใหญ่
ยึดครองดินแดนยุโรปบางส่วน เปอร์เซีย อัฟกานิสถานและอินเดียบางส่วน
ก่อนที่อาณาจักรนี้จะแตกสลายเป็นประเทศต่าง ๆ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะแรงยุของพวกยุโรป/สหรัฐอเมริกา
ที่ชื่นชอบนโยบายแบบโรมัน คือ แบ่งแยกแล้วปกครอง





ชนชั้นภาษา


จิตร ภูมิศักดิ์ วิเคราะห์ว่า
ตัวอักษรเขมรมี 3 ชนชั้น
ตัวสี่เหลี่ยมของนักบวช
ตัวสี่เหลี่ยมลากเส้นของราชันย์
ตัวกลมเขียนหวัด ๆ แบบง่ายของชาวบ้าน


ท่านยังระบุว่าตัวอักษรของพ่อขุนรามคำแหง
คือ ความพยายามสร้างอักษรราชันย์
เพราะตัวสี่เหลี่ยมจะจารบนแผ่นหินง่ายกว่า
ตัวอักษรชาวบ้านที่ยังมีหลักฐาน
คือ พระราชสาส์นพระนารายณ์มหาราช
ที่ทรงส่งให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ฝรั่งเศส
ยังมีการเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฝรั่งเศส


ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวอักษรไทย เป็นอักษร อริยกะ
แต่ไม่ได้รับความนิยมเพราะทรงเห็นความยุ่งยาก
ระบบภาษาไทยเวลาใช้งานเทียบเคียงกับภาษาอังกฤษ



.
เจษฏาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ นักบวชชาวฝรั่งเศส
ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ/ปราชญ์แห่งอัสสัมชัญ
ในสมัยรัชกาลที่ 5-9 (1901-1968) ท่านรู้ภาษาไทยดีมาก
จนได้รับเชิญเป็นกรรมการสยามสมาคม
ท่านมีความเห็นว่า ภาษาไทย มี 4 บรรทัด
วรรณยุกต์ พยัญชนะ สระ ตัวสะกดไทย/บาลี
ทำให้ยุ่งยากมากในการเรียงพิมพ์ตัวตะกั่วในยุคนั้น
ท่านเลยออกแบบให้เหลือเพียง 2 บรรทัด แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม
.

ที่มา  https://bit.ly/2A2COug


.
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ก็ลดตัวอักษรตัวสะกดลงไปหลายตัว
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เลยถูกด่าว่าทำให้อักษรไทยวิบัติ
สุดท้ายก็ไม่ได้รับความนิยมเช่นกัน
เช่น ศ.เศรษฐบุตร กลายเป็น สอ เสถบุด
ในพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย รุ่นอักษรวิบัติ
ที่มีราคาแพงและหายากมากในตอนนี้


ปัญหาภาษาไทย มี 4 บรรทัด
ในยุคแรก ๆ ที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลออกใหม่ ๆ
และแพร่หลายมากในช่วงหลังปี 2530
การประมวลผลภาษาไทยจะช้ามาก
มีผลต่อการทำงาน การเรียงลำดับ Sort  Index มาก
เพราะมาตรฐานรหัสประจำตัวภาษาไทยก็ยังมีหลายค่าย
กว่าจะประกาศมาตรฐานสากลของไทยก็กินเวลาร่วม 10 ปี


ทำให้สมุดเงินฝาก/Statements ของธนาคารไทยในยุคก่อน 2550
ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะมีแค่ 1 บรรทัด
เช่น ชื่อบัญชีภาษาอังกฤษของธนาคารทิดพาไน
ใช้มาตรฐานการแปลจากอักษร-จุฬาฯ
แต่ไม่ตรงกับความเคยชิน/การแปลเดิมของลูกค้าไทย
จนต้องมีการแก้ไขกลับไปกลับมาในบางสาขา
บางสาขาลูกค้าชวนทะเลาะเลย
เพราะหาว่าพนักงานไปแก้ชื่อนามสกุลเดิมที่ดีเลิศประเสริฐศรี


แต่ปัจจุบันมีมาตรฐานภาษาไทย
และ Computer ประมวลผลเร็วกว่าเดิมมากแล้ว
จึงมีความนิยมหันมาใช้ภาษาไทยกันมากขึ้น
ไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิมอีกแล้ว




.
ถ้ายังมีการใช้ภาษาไทยตัวอักษรแบบพ่อขุนรามคำแหง
น่าจะเขียนง่ายเขียนเร็วกว่าภาษาไทยทุกวันนี้
และ Computer จะประมวลผลภาษาได้เร็วกว่านี้


การมีภาษาเขียนประจำชาติเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
เพราะเวลาประชุมนักวิชาการ/นักเขียน/นักการเมืองในกลุ่มอาเชี่ยน
เวียตนาม อินโดนีเซีย มาเลย์ บรูไน ฟิลิปปินส์
ต่างยอมรับเองว่า น้อยใจมาก ที่ภาษาเขียนของชาติตนไม่มีแล้ว
ทั้ง ๆ ที่แค่เดิมชาติเหล่านี้มีภาษาเขียนประจำชาติ
แต่ถูกลดทอนทำให้สาปสูญไปในยุคตกเป็นเมืองขึ้น/อาณานิคม
ต้องใช้ตัวอักษรอังกฤษ/ฝรั่งเศส สะกดคำ/เขียนภาษาแทน
แม้จะมีบางคนในชาติเหล่านี้จะพยายามพูดเลี่ยงว่า
ตัวอักษรที่ใช้เป็นแบบภาษาละติน/แบบสากล
ที่ยุโรปต่างใช้กัน ใครจะอ่านจะเขียนอย่างไรก็ได้


แต่ชาติที่มีภาษาเขียนประจำชาติ
คือ เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของชาตินั้น
ความมีศักดิ์ศรีความมีตัวตนในสังคมชาวโลก
เช่น ภาษาจีน พม่า อินเดีย ลาว ญี่ปุ่น เกาหลี เขมร
ไทย ล้านนา ไทยใหญ่ มอญ ธิเบต รัสเซีย มองโกล
จะมีคนใช้มากใช้น้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แต่นั่นคือ การดำรงอยู่และสืบทอดเผ่าพันธุ์กันมาอย่างยาวนาน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่