คิดถึง ภาค 2 บทที่ 3

กระทู้สนทนา


.

               “ล่ามนุ่มหลักบุกหลัดอุดลอขูเหลอบู๋ลึงมุง ลึงมุงลิสุไล่หุ้ยลันมุนลอบู”
               (น้ำไอ้อัดขอเบอร์มืง มืงจะให้มันมั้ย)

               “ไล่หุ่ยโลดลูด”
               (ให้เลย)

               น้ำพยักหน้าเป็นคำตอบ พวกเธอคุยกันเป็นภาษาดอกไม้ เพราะมันคือความลับ แต่ไม่ลับ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็ฟังออก หากพูดรัว ๆ เร็ว ๆ ก็แปลไม่ทันเหมือนกัน เป็นเทคนิคเฉพาะตัว

                เธอแสยะปากยิ้มออกมานิดหน่อย คิดไว้แล้วไม่มีผิด น้ำต้องให้อยู่แล้วแน่นอน ที่ต้องมาขอก่อนก็เพราะมารยาท อัดเป็นคนหมู่บ้านอื่น เรียนห้องเดียวกันกับเธอ อัดถือว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง

               ในห้องเรียนของเธอมีผู้ชายสิบคน นอกนั่นผู้หญิงหมด อัดติดท็อปไฟฝ์ของห้องในความหน้าตาดี ไม่รู้สิแล้วแต่คนจะมอง ส่วนตัวท็อปเลยสำหรับเธอ เห็นจะเป็นอาหรั่ง คมเข้มหล่อดี ผิวสีแทน ทว่าเธอก็แค่มองว่าหน้าตาดีเท่านั้นเอง ก็ถือว่าใช่ได้

                ภายในห้องเรียน เธอกับน้ำนั่งคุยกันที่โต๊ะของตนเอง ระหว่างรออาจารย์เข้ามาสอน อัดขอเบอร์น้ำจากเธอ คงเห็นว่าสนิทกับน้ำที่สุด เป็นหน้าที่ของเธอที่จะเป็นสะพานให้กับคนทั้งสอง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแม่สื่อ

               ส่วนเธอนั้นยังไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ตั้งใจเรียนก่อน พี่ปาวพูดกรอกหูทุกวัน อย่าได้ติด 0 หรือ ร. มส. เชียว มันเสียประวัติ มันจะอยู่บนใบเกรดของเรา บอสเองก็เคยเห็นพี่บอมขอเงินยายบอกซื้อต้นไม้ไปแก้ 0 อยู่บ่อยไป พี่บอมยังเลื่อนชั้นมาได้

               เธอแค่สงสัยและคงไม่ยอมให้ตนติดอะไรแน่นอน ต้องผ่านเสมอ และต้องเกรดสามขึ้นไปเท่านั้น น้ำกับอัดก็แอบนั่งมองตากันอยู่เป็นระยะ ๆ ยังไม่กล้าเดินเข้ามานั่งคุยกัน อีกไม่นานสองคนก็คงจะกล้ามากกว่านี้ ตอนนี้เธอก็ทำหน้าที่แม่สื่อไปก่อน

               เพื่อน ๆ บางคนยังติดนิสัยประถมวิ่งหยอกล้อกันในห้อง บางคนก็จับกลุ่มคุยกัน เสียงดังจ้าละหวั่น ต่างคนต่างแข่งกันคุย

               ชั่วโมงแรกของช่วงบ่ายเป็นชั่วโมงคณิตศาสตร์ ไม่ต้องจด บอสรู้สึกสบายใจมาก ทั้งอาจารย์ประจำวิชาก็ใจดี พูด ๆ แล้วก็ทำโจทย์เลย ง่ายดี

               เธอ น้ำ ออย แพท ทรายก็จับกลุ่มคุยกันเช่นกัน แต่ล่ะกลุ่มจะเป็นไปตามหมู่บ้าน บ้านใครบ้านมันรอครูอนุสรณ์เข้ามาสอนในรายวิชาคณิตศาสตร์ ใจดีแต่ออกข้อสอบยากชะมัด เป็นครูผู้ชายค่อนข้างมีอายุหน่อย

               พูดไม่ทันขาดคำคุณครูก็เดินเข้ามา พร้อมถือหนังสือคณิตกองโตมาด้วย เรียนมัธยมดีอย่างหนึ่งคือ ไม่ต้องซื้อหนังสือเรียนเอง เป็นการยืมเรียน

               สมุดก็แจกฟรีสิบเล่ม หนังสือก็ให้ยืมเรียนเกือบทุกวิชา ครูหอบหนังสือมาจำนวน 35 เล่ม พอดีกับจำนวนนักเรียนในห้อง หัวหน้าห้องรีบวิ่งไปรับหนังสือมาวางบนโต๊ะครู ทันทีที่มองเห็น

               “ลึงมุงลาวูหลาอูหลานจูนลิสุหลอนสูนลอบู”
                (มืงว่าอาจารย์จะสอนมั้ย)

                “หลูกูลาวูลอบูหลอนสูน โล่มู้ลางยุงเหลียวดุว”
                (ไม่สอนโม้อย่างเดียว)

                เธอกับน้ำคุยกันสองคนเป็นภาษาดอกไม้ ที่โต๊ะของตน นักเรียนทุกคนต่างนั่งเป็นระเบียบ ครูอนุสรณ์ไม่มีทางเข้าใจกับสิ่งที่พวกเธอสองคนคุยกันแน่ แต่ครูดันมองมาที่เธอกับน้ำอย่างกับคนเข้าใจ

                ที่จริงครูไม่เข้าใจหรอก ภาษาผีบ้านี้มันแพร่ระบาดไปทั่วโรงเรียนต่างหาก ครูคงรำคาญ มีครูหลายคนบ่น คุยอะไรกันก็ไม่รู้เรื่อง ทว่านักเรียนก็ยังใช้กันในกลุ่ม

               “นักเรียนเรามีภาษาพูดดี ๆ ก็พูดนะ ไปพูดภาษาอะไร มันเป็นภาษาอะไร ภาษาดอกไม้! อะไรก็ไม่รู้ พูดกันทั้งโรงเรียนเลย” อาจารย์อนุสรณ์บ่นเมื่อได้ยินเธอกับน้ำคุยกัน ก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะประจำตำแหน่ง วางกองหนังสือเอาไว้บนโต๊ะ

               “ล้อกู้หลูหนูหลากหยูกลูดพูดล้อนู้”
               (กูหนูอยากพูด)

               เธอพูดออกมาลอย ๆ เบา ๆ พร้อมหันไปยิ้มให้กับน้ำ ตอบอาจารย์ไป ส่งสายตาและรอยยิ้มให้กับครู

               “สุนิสาไม่ต้องมานินทาอาจารย์เลย อาจารย์รู้ว่าเธอกำลังนินทาอาจารย์อยู่”  

               บอสทำตาโต “หนูไม่ได้นินทาอาจารย์นะคะ ใส่ร้ายหนูหลาย” เธอรีบปฏิเสธไปทันที ตกใจอาจารย์เดาแม่นจริง ๆ

               “อะไร หลู ๆ กู้ ๆ อะไร” อาจารย์พูดติดตลก ทำหน้าทำตาท่าทางตลก เพื่อน ๆ ในห้องหัวเราะไปด้วย หัวเราะกับความตลกในท่าทางของอาจารย์ท่านนี้ “เรียน ๆ เริ่มเรียนได้แล้ว ออกมาเอาหนังสือคนละเล่ม เราเรียนถึงไหนกันแล้วนะ”

               “อาหลานจูนลำจุมไล่มุ้ยไล้ดุ้ย ก็ไล่มุ้ยล้องตุ้งหลอนสูน”
               (อาจารย์จำไม่ได้ก็ไม่ต้องสอน)

               เธอพูดติดตลกกันสองคนกับน้ำ ไม่ได้หมายความออกไปทางตำหนิแต่อย่างไร น้ำหัวเราะคิกคัก

               “อี่ลอสบุส!”
               (อี่บอส)

               “สุนิสากับน้ำผึ้งนินทาอาจารย์ใช่มั้ย หัวเราะคิกคักกันใหญ่เลย อาจารย์แปลได้เด้อ ออกมาเอาหนังสือถะแหมะรออะไร”

               “ค่า! ปะน้ำ”

               แล้วเธอกับน้ำก็ลุกไปหยิบหนังสือคณิตศาสตร์มาคนละเล่ม กางหน้าที่จะต้องเรียนตามอาจารย์สั่ง พอถึงเวลาเรียนนักเรียนทุกคนก็ต่างตั้งใจเรียน มีบ้างที่คุยกัน พอบทไหนไม่เข้าใจบางคนก็จะไม่สนใจเลย คุยกันแข่งกับอาจารย์ที่กำลังสอน

                สำหรับเธอถือว่าพอเข้าใจทำได้ จึงไม่เบื่อ ยังคงตั้งใจฟังอาจารย์สอนเสมอ แต่กลุ่มของวัลลบน่ะสิ วัลลบก็คืออัดนั่นเองพูดคุยกันเสียงดังแข่งกับอาจารย์กำลังสอนอยู่ ก็มีกลุ่มอื่น ๆ คุยกันด้วย พออาจารย์หันมามองก็พากันเงียบ พออาจารย์ให้หลังก็คุยกันอีก ช่างน่ารำคาญเสียจริง

               “เด็กพวกนี้เวลาสอนมันเป็นยังไง ฮึ! ไม่ค่อยฟัง ไม่ค่อยเข้าใจกันนะ มันเป็นอะไร เป็นยังไง” นี่คือคำด่าของครูคณิตศาสตร์ชั้น ม.ต้น ซึ่งใจดีกว่าครูคณิตศาสตร์ชั้น ม.ปลายตั้งเยอะ รายนั้นโหดไม่มีใครอยากพูดถึง

                “นี่ห้องคิงนะ อาจารย์สอนห้องบ๊วยห้อง 1 ยังสอนง่ายกว่าห้องนี้อีก” ทุกคนเงียบกริบ แทบจะพยายามหายใจไม่ให้ท้องยุบแรงเลยก็ว่าได้

                 “นี่ห้อง 5 นะ ห้องคิง ห้องที่เก่งที่สุด “ ทุกคนก็ยังเงียบกันสนิท โดยเฉพาะกลุ่มของอัด แม้แต่พวกเธอ เธอรับรู้ได้ถึงความโกรธของอาจารย์ แต่อาจารย์เป็นคนอารมณ์ดี ถึงโกรธก็ดูเหมือนว่าไม่โกรธ

                “เด็กพวกนี้เวลาสอนอะไรมีสาระมันจะไม่ค่อยจำ แต่ถ้าพานอกเรื่องนะจำดี๊ดี” จู่ ๆ อาจารย์ก็ตัดบทเสียดื้อ ๆ เลิกสอนไปซะอย่างนั้น เปลี่ยนเรื่องคุย นี่คือวิธีจัดการความโกรธและเวลาสอนแล้วนักเรียนไม่ฟัง อาจารย์ก็จะเลิกสอนทันที

              หลังจากนั้นก็เดินมานั่งที่โต๊ะครูพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ สัพเพเหระให้พวกเธอฟัง ทำเอาเด็กเรียนแบบเธอเสียดาย กำลังเข้าใจในการหาค่าของ ค่าของ X

               “เออนักเรียนครูมีเพลงนึงจะมาสอนร้อง ครูไปเจอในเน็ตมา ร้องเพลงตามครูนะ จันทร์ล่ะมันจันทร์สีฟ้า ยาล่ะมันยาสีฟัน ลูกร้องอุแว้ ๆ พ่อกับแม่กำลังสีฟัน” อาจารย์ร้องให้ฟังรอบแรก ก่อนจะสั่งให้พวกเธอร้องตาม

               “อ่ะร้องตามซิ เริ่ม!”

               “จันทร์ล่ะมันจันทร์สีฟ้า ยาล่ะมันยาสีฟัน ลูกร้องอุแว้ ๆ พ่อกับแม่กำลังสีฟัน” พวกเธอร้องประสานเสียงกันทุกคนอย่างพร้อมเพรียง ร้องได้รวดเดียวจบ ก่อนจะพากันหัวเราะชอบใจถือเป็นเรื่องตลก

               “นั่นเห็นมั้ย! ทีอย่างนี้ล่ะไม่ต้องสอนให้ยาก เด็กบางคนถ้าพาทำ...” อาจารย์พูดยังไม่จบเสียงออดก็ดังขัดจังหวะเสียแล้ว หมดชั่วโมงคณิตศาสตร์ไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยที่เธอยังไม่ได้เรียนอะไรเลย ยังหาค่าของ X ไม่เป็นเลย เพราะไอ้อัดแท้ ๆ แต่ก็สนุกดี ไม่ได้เรียนก็ดีไปอีกแบบ

               จากนั้นก็ต่อด้วยอีกหนึ่งวิชา ก่อนจะเป็นกิจกรรมโฮมรูม ซึ่งมันก็คือคาบว่างนั่นแหละ ไม่เคยได้โฮมรูมจริงหรอก  พอเลิกเรียน ไม่รู้เธอไปนั่งท่าไหนชายกระโปรงขาด ต้องทนใส่อย่างนั้นจนกว่าจะเลิกเรียน

               “ยายขอเงินหน่อย กระโปรงนักเรียนบอสขาด” เธอเดินไปขอตังค์ยายที่หน้าบ้าน พร้อมนำหลักฐานให้ยายดูด้วย เมื่อกลับมาถึงบ้าน

               “ไปเสียเงินทำไม ไม่สอยเอง”

               “บอสสอยไม่เป็น”

               “น้องบีมสอยเป็น เดี๋ยวสอยให้ ขาดเยอะมั้ย” เธอหันหน้าไปมองน้องสาวอย่างนึกทึ่ง น้องบีมเนี่ยนะจะสอยให้เธอ ถ้าเป็นพี่ปาวพี่แป้งพูดยังน่าเชื่อถือกว่า

               “สอยเป็นเหรอบีม เย็บมั่ว ๆ ไม่เอานะ”

                “สอยเป็น ยายสอนบีม”

                “ไม่เก่งเท่าบีม ใหญ่จังใดสอยผ้าบ่เป็น/ โตแบบไหนสอยผ้าไม่เป็น” ยายให้ท้ายน้องสาวของเธอไปอีก เป็นการยืนยันว่าน้องบีมทำเป็น

                สรุปสุดท้ายเธอต้องให้น้องบีมสอยชายกระโปรงให้ มันฉีกไม่เยอะ เธอยังนึกไม่ออกเลยว่าไปเกี่ยวกับอะไร ชายกระโปรงถึงได้ขาดขนาดนี้

               น้องบีมก้มหน้าก้มตาทำให้เธออย่างตั้งใจ ตัวแค่นี้ก็ทำเป็น บางคนยังไม่ให้หลานจับมีดทำกับข้าว จับเข็มเย็บผ้า จับกรรไกรตัดผ้าด้วยซ้ำ แต่บ้านนี้ไม่ใช่ ยายให้ทำเป็นหมดทุกอย่าง ทว่าเธอดันทำไม่เป็นเอง

               “อ่ะเสร็จแล้ว” น้องบีมชูกระโปรงนักเรียนให้เธอดู เช็คตรวจผลงานของตน บอสทึ่งในความสามารถน้องสาวมาก ไม่เห็นเส้นด้ายเลย ไม่เห็นตะเข็บรอยเย็บเลย

               “พี่เลี้ยงตำป่า ค่าจ้างสอยกระโปรงให้” น้องบีมยิ้มด้วยความยินดีเป็นอย่ายิ่ง

               “พี่ปาวมีเงินสิบบาทมั้ย บอสขอหน่อย บอสมีสิบบาทบอสอยากกินตำป่า” เธอเดินไปขอเงินกับพี่สาว ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของบ้าน พี่ปาวกำลังทำงานบ้านให้ยายอยู่

               “นี่มาเอากับยายนี่” ยายให้ไปห้าสิบบาท เพื่อเป็นการมาเลี้ยงข้าวน้องบีม เป็นการสนับสนุนฝีมือน้องบีม คราวหน้าจะได้เรียกใช้ได้ง่าย

               “บีมเอาตำอะไรให้บีมเลือก”

               “ตำโคราช ตำป่า อุ้ยบีมไปกับพี่บอสดีกว่า”

               “ได้!”

               แล้วธอกับน้องบีมสองคนพี่น้องก็ปั่นจักรยานของตาไปร้านส้มตำ ไปซื้อตำป่า เธอเป็นคนปั่น น้องบีมเป็นคนซ้อน โดยจักรยานคู่ใจของตา

               ...

              นึกถึงภาษาดอกไม้ตอนนี้เธอก็ยังใช้พูดกันในกลุ่มเพื่อน ใช้พูดกันระหว่างเธอสองฝาแฝดและจ๋อมเป็นประจำ บางครั้งก็ใช้ด่าเพื่อนร่วมห้องด้วย

               “ลี่พู่ลออู”
               (พี่ออ) เธอเรียกผู้จัดการเป็นภาษาดอกไม้ นึกถึงตอนเรียนมัธยมคุยกันจนครูด่า ฮา จึงลองคุยกับผู้จัดการดูบ้าง

               ผู้จัดการหันหน้ามามองแบบงง ๆ “พูดอะไรแก”

                “ป๊าว” บอสยิ้มตอบปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินไปหาอะไรทำรอเลิกงาน

จบ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่