'พิชัย' ติงรบ.เลิกขายฝันแบบ 'สมคิด' ชี้ศก.ยังแย่หนัก เย้ยแจกเงินเหมือนเอายาแก้ปวดไปรักษาโรคมะเร็ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2443981
‘พิชัย’ ติงรบ.เลิกขายฝันแบบ ‘สมคิด’ ชี้ศก.ยังแย่หนัก เย้ยแจกเงินเหมือนเอายาแก้ปวดไปรักษาโรคมะเร็ง
นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ยังคงย่ำแย่และติดลบอย่างต่อเนื่องที่ -6.4 % ซ้ำเติมจากไตรมาสสองที่ติดลบถึง -12.2% แม้จะติดลบลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยจะพ้นจุดต่ำสุด ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล โดยนาย
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นาย
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พยายามให้ข้อมูลกับประชาชนในสัปดาห์ที่ผ่านมา และน่าจะเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง หรืออาจจะตั้งใจให้เข้าใจว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่อย่างที่เป็นอยู่
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงติดลบมากที่สุดในเอเชียตะวันออก สวนทางกับที่นาย
สุพัฒนพงษ์พยายามที่จะปฏิเสธ และเศรษฐกิจไทยแม้จะติดลบลดลงแต่ยังไม่ผ่านจุดต่ำสุดและจะยังย่ำแย่ลงต่อไปอีก จากธุรกิจที่จะปิดตัวมากขึ้น จำนวนคนว่างงานที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก และหนี้เสียธนาคารที่จะพุ่งขึ้นอีก อยากให้นาย
สุพัฒนพงษ์ และนาย
อาคมได้อ่านบทวิเคราะห์ของ เดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล และ นิคเคอิ เอเชีย ที่บอกเศรษฐกิจไทยจะแย่ยิ่งกว่าสมัยต้มยำกุ้งเสียอีก
“ไม่อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ และนายอาคมพยายามขายฝันเหมือนที่นายสมคิดได้เคยทำและล้มเหลวมาแล้ว การพยายามบอกว่า การลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามาในปี 2564 และลงทุนจริงในปี 2565 ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมา 6 ปีกว่า การลงทุนได้หายไปหมด เหตุผลอะไรถึงจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจได้ และนายสมคิดก็บอกแบบนี้ทุกปีแต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
อีกทั้ง นายสุพัฒนพงษ์เองก็ไม่ได้มีบารมีเท่ากับนายสมคิดที่ได้ล้มเหลวไปแล้ว แค่เรื่องที่นายสุพัฒนพงษ์และนายอาคมคิดว่า ชิมช้อปใช้, คนละครึ่ง, ช้อปดีมีคืน จะสามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ก็เป็นความคิดที่ผิดแล้ว แค่คิดแจกเงินแล้วเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นก็เหมือนกับการให้ยาแก้ปวดแล้วคิดว่าจะรักษาโรคมะเร็งได้ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นเพียงแค่นโยบายของเล่นเพื่อหาเสียงเท่านั้น แต่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย เหมือนที่ทีมนายสมคิดทำมาก่อน เช่น ชิมช้อปใช้ เที่ยวแล้วคืนเงิน เพราะสัดส่วนต่อจีดีพีจะมีน้อยมาก ถ้าหวังเพียงแค่นี้คงหมดหวังแน่” นาย
พิชัย กล่าว
ส่วนที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่พูดถึงความมั่นคงของสถานะการเงินการคลังของไทยที่มีทุนสำรองต่างประเทศ แต่ไทยยังจะมีปัญหาอีกมากก็น่าจะเป็นเรื่องจริง และอยากฝากให้ดูแลค่าเงินบาทที่ทำท่าจะแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเลขาสภาพัฒน์คนใหม่ก็คงพูดตามสคริปต์ เพราะก่อนหน้านี่ออกมาบอกคนจนของไทยลดลง ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่และติดลบ สวนทางกับความรู้สึกของคนอย่างมาก
อีกทั้งยังสวนทางกับรายงานของเลขาฯสภาพัฒน์คนเก่าที่เพิ่งจะเกษียณอายุไปที่บอกว่า คนจนของไทยในปี 2560 – 2563 มีปริมาณเพิ่มขึ้นมาก จึงแปลกใจว่ารายงานของสภาพัฒน์ เพียงต่างกันไม่กี่วันคนจนจากที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นลดลงได้อย่างไร แถมรัฐบาลยังมีการแจกบัตรคนจนกว่า 14.6 ล้านคน ยิ่งสวนความจริงเข้าไปใหญ่
ล่าสุด ทูต 5 ประเทศทั้ง สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเยอรมัน ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาล 10 ข้อ ซึ่งเป็นการเรียกร้องครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากที่เรียกร้องครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากประเทศคู่ค้าหลักของไทยต้องแสดงความเป็นห่วงและต้องแนะนำไทยถึง 2 ครั้งในเวลาไม่กี่เดือน ก็แสดงว่า รัฐบาลน่าจะมีปัญหาในการบริหารประเทศอย่างมากแล้ว แนวทางที่แนะนำก็เหมือนกับที่ตนได้แนะนำมานานแล้ว คือการปรับเปลี่ยนระบบราชการไทยให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด หรือดิจิทัลไลเซชั่น ซึ่งจะทำให้เกิดความโปร่งใส สะดวกและไม่ซ้ำซ้อน อีกทั้ง ยังช่วยให้ลดการทุจริตคอรัปชั่นได้อย่างมาก และยังลดขนาดราชการของประเทศไทยลงซึ่งเป็นทิศทางของโลกในปัจจุบัน
ถ้า พล.อ.
ประยุทธ์ และทีมเศรษฐกิจยังยึดติดอยู่ในกรอบเดิม และเพียงคิดแต่จะหลอกประชาชนไปวันๆ ว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ไม่ได้ดีจริง พล.อ.
ประยุทธ์จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย และคนจะลำบากกันอีกมาก ถ้ามีความรู้ความสามารถเพียงเท่านี้ก็ไม่ควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว เพราะประชาชนที่ลำบากจะออกมาไล่รัฐบาลกันมากยิ่งขึ้น
'เพื่อไทย' ลั่น 5 ทูตแนะไทย 2 ครั้ง ชี้ รบ.ด้อยประสิทธิภาพ แนะปรับประเทศเป็นระบบดิจิทัล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2444013
‘เพื่อไทย’ ชี้ 5 ทูต แนะนำไทย 2 ครั้ง แสดงถึง รบ.ด้อยประสิทธิภาพ แนะ รบ.ปรับประเทศเป็นระบบดิจิทัล ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงาน-ป้องกันการทุจริต
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นาย
กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย และคณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรรเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่ทูด 5 ประเทศที่ประกอบด้วย
สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และ
เยอรมัน ได้ออกมาแนะนำรัฐบาล 10 ข้อ ซึ่งเป็นการแนะนำครั้งที่ 2 แล้วหลังจากที่แนะนำครั้งแรกในเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่าประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยมีความเป็นห่วงการบริหารประเทศของรัฐบาลอย่างมาก และเชื่อว่าการบริหารประเทศคงมีปัญหามาก ที่น่าจะมีปัญหาความไม่โปร่งใส ความล่าหลังทางด้านดิจิทัล มีหน่วยงานซ้ำซ้อน ทำให้ล่าช้า และอาจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ ซึ่งเป็นปัญหาของระบบราชการไทยมาโดยตลอด
นาย
กฤษฎากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงอยากเสนอให้ปรับระบบราชการเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด (Digitalization) เพื่อลดการซ้ำซ้อนของหน่วยงาน ลดขนาดราชการให้เล็กลง และขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น การเรียกเงินใต้โต๊ะให้หมดไป ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของพรรค พท. นอกจากนี้จะเป็นแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดธุรกิจด้านเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง และพัฒนาให้ประเทศไทยมีบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงหรือ ที่เรียกกันว่า ยูนิคอร์นได้ ซึ่งจะแก้ไขปัญหา 10 ข้อที่ทูต 5 ประเทศแนะนำมา และจะทำความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ หลังจากที่ความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยทรุดหนักหลังการปฏิวัติลงไปอยู่อันดับที่ 46 และ 49 ก่อนหน้านี้ และถึงแม้ดีขึ้นมาก็ยังไม่เท่าที่เดิม เพราะก่อนปฏิวัติไทยไม่เคยต่ำกว่าอันดับที่ 19 เลย จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปรับปรุง อย่าให้ทูตของประเทศคู่ค้าหลักต้องออกมาสอนมวยอีกเป็นครั้งที่ 3
นาย
กฤษฎากล่าวอีกว่า ในประเด็นที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลได้แถลงชี้แจงนั้น ในฐานะที่ตนเคยเป็รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม ตนอยากฝากเรื่องการช่วยเหลือ ธุรกิจ SMEs ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะขาดสภาพคล่อง และจะปิดกิจการกันอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดการว่างงานและหนี้เสีย ซึ่งรัฐบาลควรเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อีกทั้งอยากขอเรียกร้องไปยังแบงก์ชาติให้ดูแลค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงเพื่อให้ SMEs ด้านการส่งออกได้สามารถแข่งขันทางราคาได้ เพื่อให้สามารถฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังย่ำแย่อยู่ให้ประคองตัวได้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในวิกฤตเศรษฐกิจนี้ รัฐบาลจะต้องคิดให้ครบทุกกรอบ จะมาวาดฝันอย่างสวยหรูแต่ไม่สามารถทำให้เกิดผลอย่างแท้จริงได้แล้ว เพราะประชาชนไม่สามารถทนแบกรับปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าเนื่องจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลได้อีกต่อไปแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
–
ทูต 5 ประเทศ แนะไทย 10 ข้อฟื้นฟูศก.หลังโควิดระบาด
JJNY: พิชัยชี้ศก.ยังแย่หนัก/พท.ลั่น5ทูตแนะ2ครั้ง ชี้รบ.ด้อยประสิทธิภาพ/เทพไทชงปชป.รับ7ร่างแล้วแก้/สมชัยเปิดร่างแก้ไอลอว์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2443981
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ แถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ยังคงย่ำแย่และติดลบอย่างต่อเนื่องที่ -6.4 % ซ้ำเติมจากไตรมาสสองที่ติดลบถึง -12.2% แม้จะติดลบลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยจะพ้นจุดต่ำสุด ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พยายามให้ข้อมูลกับประชาชนในสัปดาห์ที่ผ่านมา และน่าจะเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง หรืออาจจะตั้งใจให้เข้าใจว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่อย่างที่เป็นอยู่
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังคงติดลบมากที่สุดในเอเชียตะวันออก สวนทางกับที่นายสุพัฒนพงษ์พยายามที่จะปฏิเสธ และเศรษฐกิจไทยแม้จะติดลบลดลงแต่ยังไม่ผ่านจุดต่ำสุดและจะยังย่ำแย่ลงต่อไปอีก จากธุรกิจที่จะปิดตัวมากขึ้น จำนวนคนว่างงานที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก และหนี้เสียธนาคารที่จะพุ่งขึ้นอีก อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ และนายอาคมได้อ่านบทวิเคราะห์ของ เดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล และ นิคเคอิ เอเชีย ที่บอกเศรษฐกิจไทยจะแย่ยิ่งกว่าสมัยต้มยำกุ้งเสียอีก
“ไม่อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ และนายอาคมพยายามขายฝันเหมือนที่นายสมคิดได้เคยทำและล้มเหลวมาแล้ว การพยายามบอกว่า การลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามาในปี 2564 และลงทุนจริงในปี 2565 ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมา 6 ปีกว่า การลงทุนได้หายไปหมด เหตุผลอะไรถึงจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจได้ และนายสมคิดก็บอกแบบนี้ทุกปีแต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
อีกทั้ง นายสุพัฒนพงษ์เองก็ไม่ได้มีบารมีเท่ากับนายสมคิดที่ได้ล้มเหลวไปแล้ว แค่เรื่องที่นายสุพัฒนพงษ์และนายอาคมคิดว่า ชิมช้อปใช้, คนละครึ่ง, ช้อปดีมีคืน จะสามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ก็เป็นความคิดที่ผิดแล้ว แค่คิดแจกเงินแล้วเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นก็เหมือนกับการให้ยาแก้ปวดแล้วคิดว่าจะรักษาโรคมะเร็งได้ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นเพียงแค่นโยบายของเล่นเพื่อหาเสียงเท่านั้น แต่จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย เหมือนที่ทีมนายสมคิดทำมาก่อน เช่น ชิมช้อปใช้ เที่ยวแล้วคืนเงิน เพราะสัดส่วนต่อจีดีพีจะมีน้อยมาก ถ้าหวังเพียงแค่นี้คงหมดหวังแน่” นายพิชัย กล่าว
ส่วนที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่พูดถึงความมั่นคงของสถานะการเงินการคลังของไทยที่มีทุนสำรองต่างประเทศ แต่ไทยยังจะมีปัญหาอีกมากก็น่าจะเป็นเรื่องจริง และอยากฝากให้ดูแลค่าเงินบาทที่ทำท่าจะแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเลขาสภาพัฒน์คนใหม่ก็คงพูดตามสคริปต์ เพราะก่อนหน้านี่ออกมาบอกคนจนของไทยลดลง ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่และติดลบ สวนทางกับความรู้สึกของคนอย่างมาก
อีกทั้งยังสวนทางกับรายงานของเลขาฯสภาพัฒน์คนเก่าที่เพิ่งจะเกษียณอายุไปที่บอกว่า คนจนของไทยในปี 2560 – 2563 มีปริมาณเพิ่มขึ้นมาก จึงแปลกใจว่ารายงานของสภาพัฒน์ เพียงต่างกันไม่กี่วันคนจนจากที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นลดลงได้อย่างไร แถมรัฐบาลยังมีการแจกบัตรคนจนกว่า 14.6 ล้านคน ยิ่งสวนความจริงเข้าไปใหญ่
ล่าสุด ทูต 5 ประเทศทั้ง สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเยอรมัน ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาล 10 ข้อ ซึ่งเป็นการเรียกร้องครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากที่เรียกร้องครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากประเทศคู่ค้าหลักของไทยต้องแสดงความเป็นห่วงและต้องแนะนำไทยถึง 2 ครั้งในเวลาไม่กี่เดือน ก็แสดงว่า รัฐบาลน่าจะมีปัญหาในการบริหารประเทศอย่างมากแล้ว แนวทางที่แนะนำก็เหมือนกับที่ตนได้แนะนำมานานแล้ว คือการปรับเปลี่ยนระบบราชการไทยให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด หรือดิจิทัลไลเซชั่น ซึ่งจะทำให้เกิดความโปร่งใส สะดวกและไม่ซ้ำซ้อน อีกทั้ง ยังช่วยให้ลดการทุจริตคอรัปชั่นได้อย่างมาก และยังลดขนาดราชการของประเทศไทยลงซึ่งเป็นทิศทางของโลกในปัจจุบัน
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ และทีมเศรษฐกิจยังยึดติดอยู่ในกรอบเดิม และเพียงคิดแต่จะหลอกประชาชนไปวันๆ ว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ไม่ได้ดีจริง พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย และคนจะลำบากกันอีกมาก ถ้ามีความรู้ความสามารถเพียงเท่านี้ก็ไม่ควรจะบริหารประเทศต่อไปแล้ว เพราะประชาชนที่ลำบากจะออกมาไล่รัฐบาลกันมากยิ่งขึ้น
'เพื่อไทย' ลั่น 5 ทูตแนะไทย 2 ครั้ง ชี้ รบ.ด้อยประสิทธิภาพ แนะปรับประเทศเป็นระบบดิจิทัล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2444013
‘เพื่อไทย’ ชี้ 5 ทูต แนะนำไทย 2 ครั้ง แสดงถึง รบ.ด้อยประสิทธิภาพ แนะ รบ.ปรับประเทศเป็นระบบดิจิทัล ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงาน-ป้องกันการทุจริต
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย และคณะทำงานทีมเศรษฐกิจพรรรเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่ทูด 5 ประเทศที่ประกอบด้วย สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเยอรมัน ได้ออกมาแนะนำรัฐบาล 10 ข้อ ซึ่งเป็นการแนะนำครั้งที่ 2 แล้วหลังจากที่แนะนำครั้งแรกในเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่าประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยมีความเป็นห่วงการบริหารประเทศของรัฐบาลอย่างมาก และเชื่อว่าการบริหารประเทศคงมีปัญหามาก ที่น่าจะมีปัญหาความไม่โปร่งใส ความล่าหลังทางด้านดิจิทัล มีหน่วยงานซ้ำซ้อน ทำให้ล่าช้า และอาจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ ซึ่งเป็นปัญหาของระบบราชการไทยมาโดยตลอด
นายกฤษฎากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจึงอยากเสนอให้ปรับระบบราชการเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด (Digitalization) เพื่อลดการซ้ำซ้อนของหน่วยงาน ลดขนาดราชการให้เล็กลง และขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น การเรียกเงินใต้โต๊ะให้หมดไป ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของพรรค พท. นอกจากนี้จะเป็นแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดธุรกิจด้านเทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง และพัฒนาให้ประเทศไทยมีบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงหรือ ที่เรียกกันว่า ยูนิคอร์นได้ ซึ่งจะแก้ไขปัญหา 10 ข้อที่ทูต 5 ประเทศแนะนำมา และจะทำความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ หลังจากที่ความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยทรุดหนักหลังการปฏิวัติลงไปอยู่อันดับที่ 46 และ 49 ก่อนหน้านี้ และถึงแม้ดีขึ้นมาก็ยังไม่เท่าที่เดิม เพราะก่อนปฏิวัติไทยไม่เคยต่ำกว่าอันดับที่ 19 เลย จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปรับปรุง อย่าให้ทูตของประเทศคู่ค้าหลักต้องออกมาสอนมวยอีกเป็นครั้งที่ 3
นายกฤษฎากล่าวอีกว่า ในประเด็นที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลได้แถลงชี้แจงนั้น ในฐานะที่ตนเคยเป็รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรม ตนอยากฝากเรื่องการช่วยเหลือ ธุรกิจ SMEs ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะขาดสภาพคล่อง และจะปิดกิจการกันอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดการว่างงานและหนี้เสีย ซึ่งรัฐบาลควรเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อีกทั้งอยากขอเรียกร้องไปยังแบงก์ชาติให้ดูแลค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงเพื่อให้ SMEs ด้านการส่งออกได้สามารถแข่งขันทางราคาได้ เพื่อให้สามารถฟื้นฟูธุรกิจที่กำลังย่ำแย่อยู่ให้ประคองตัวได้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ในวิกฤตเศรษฐกิจนี้ รัฐบาลจะต้องคิดให้ครบทุกกรอบ จะมาวาดฝันอย่างสวยหรูแต่ไม่สามารถทำให้เกิดผลอย่างแท้จริงได้แล้ว เพราะประชาชนไม่สามารถทนแบกรับปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าเนื่องจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลได้อีกต่อไปแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
– ทูต 5 ประเทศ แนะไทย 10 ข้อฟื้นฟูศก.หลังโควิดระบาด