เล่าไปเล่ามา ผมเองก็รู้สึกสับสนเองกับหลากหลายความรู้สึกที่มีอยู่ในตัวตอนนี้และตอนนั้น เรื่องราวอาจจะมีช่วง Dark ก็เลยเลือกที่จะ Tag มาที่ “จิตแพทย์” ดีกว่า คือไม่อยากไปรบกวนห้องอื่นหรือ Tag อื่นที่มันไม่เกี่ยวข้องอ่ะครับ เพราะมันดูเหมือนจะไปรบกวนผู้อื่นมากเกินไป อยู่ในที่ๆเหมาะสมน่าจะดีที่สุดแล้ว คือปล่อยให้คนปกติเขาอยู่กันอย่างปกติดีกว่า ส่วนเราที่น่าจะไม่ปกติก็มาอยู่ในที่ๆควรอยู่ดีกว่า นี่ถ้ามี Tag ว่า “คนบ้า” หรือ “คนเสียสติ” ก็อาจจะไปอยู่ตรงนั้น
จริงๆแล้ว ความรู้สึกในแต่ละเหตุการณ์ค่อนข้างสับสนเหมือนกันนะครับ พอต้องมาเล่าย้อนแบบนี้ ก็อาจจะต้องพยายามนึกย้อนว่าตอนนั้นความรู้สึกมันเป็นอย่างไรกันแน่ ตั้งแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถตั้งกระทู้แบบปกติได้เหมือนก่อน การมาเล่าด้านมืดของตัวเองแบบนี้ มันก็โอเคในระดับหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้จะยังดำรงชีวิตอยู่ได้และยังไม่มีคำถามอะไร แต่การเล่าเรื่องตัวเองเก็บไว้ก็อาจทำให้จิตแพทย์บางท่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต
ถ้าจะสรุปกันในช่วงนี้ เอาเป็นว่าก่อนหน้าจะมาเจอสิงห์คำราม ความรู้สึกของผมมันสับสนอลหม่านมาก (แต่บุคลิกภายนอกตั้งแต่เด็กจนโตมาจะดูโอเคนะ ตั้งใจเรียน ไม่เถียงใคร ว่านอนสอนง่าย ตั้งใจทำงาน เลยทำให้ได้รางวัลเรียนดีกับพนักงานดีเด่นมาบ้าง ตัวจริงดูเป็นคนอารมณ์ดี โลกสวย เหมือนไม่เคยแตะสิ่งไม่ดีมาก่อนเลยในชีวิต แต่ในใจด้านมืดเยอะมาก แต่ไม่มีด้านมืดที่ทำร้ายผู้อื่นเลย มีแต่ด้านมืดที่ยอมให้ผู้อื่นทำร้ายตัวเอง) ตอนรอสิงห์คำรามใน save house ที่ดูไม่ปลอดภัยเลย ผมจะเริ่มชอบทุกอย่างที่สิงห์คำรามกำลังจะประเคนให้
อย่างในห้องเชียร์ เขาสามารถรวบรวมพวกอำมหิตมาได้เกือบหมด ตอนนี้ให้ผมมาพักที่บ้านพักตากอากาศสุดหรู เพื่อรอให้ร่างกายผมฟื้นตัวและแข็งแรงเต็มที่ แล้วคงจะเอาความโหดมากระหน่ำใส่ผมแบบเต็มๆ เพราะเท่าที่ผ่านมา เขากับสิงห์คำรณยังไม่มีโอกาสที่จะมาจัดการผมเลย ที่คณะเอง การที่ประธานเชียร์ฝ่ายชายโดนกระทำขนาดนั้นแล้วหายไปเลย ไม่มาห้องเชียร์อีกเลย น่าจะสร้างความหลอนให้กับน้องปี 1 ไม่มากก็น้อย แต่ที่หลอนสุดๆคงเป็นระหว่างรอ
ระหว่างรอพี่เขา พี่ภูมิจะเข้ามาคุยเล่นกับผมบ้าง ดูไปดูมาเขาก็หล่อและน่ารักดี ผมเริ่มสนใจในความเป็นผู้ชายของเขา แต่ไม่อยากมีอะไรกับเขา การขาดพ่อและไม่มีเพื่อนผู้ชายเลยจนอายุ 20 ปี ทำให้ผมโหยหาผู้ชายมากเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้โหยหาเพื่อนำใครคนใดคนหนึ่งมามีเพศสัมพันธ์ด้วย เพียงแต่โหยหาในสิ่งที่เราขาดไป ตอนอยู่คนเดียวระหว่างรอ ผมก็จะวิดพื้นบ้าง sit up บ้าง กระโดดตบบ้าง คือออกกำลังไปเรื่อยๆ เพื่อให้ร่างกายเราพร้อม บางอารมณ์ยังรู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงนะ จะมาอยู่ที่นี่ทำไม เราน่าจะนั่งร้อยมาลัยกับป้าอินนะ
ความผิดปกติของผมยังคงอยู่ตรงที่ว่าบุคลิกภายนอกดูเป็นผู้ชายทั่วไป ถัดเข้าไปในใจอีกหน่อย ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ถัดเข้าไปข้างในอีกนิด (ถัดเข้าไปคล้ายๆเป้าที่เขาเอาปืนมายิงอ่ะครับ ถัดจากข้างนอกไปข้างใน มันจะมีหลายวงหน่อย) รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักรบเชลยศึก ถัดเข้าไปอีก รู้สึกว่าตัวเองเป็น miss universe ถัดเข้าไปอีก รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักวิชาการ ถัดเข้าไปอีกหน่อย คิดว่าตัวเองคือกรรมกรที่แข็งแรงมาก และคุณจะเชื่อไหมว่า มันถัดเข้าไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุด
แต่สิ่งที่แสดงออกภายนอก นอกจากจะเป็นผู้ชายปกติแล้ว ผมอยากกลายร่างเป็นคนที่ต่ำที่สุดในสังคม แล้วให้ผู้อื่นมารุมประชาทัณฑ์ แบบมากันเยอะๆ แล้วซัดให้กระอักจมกองเลือดไปเลย ทำไมต้องการแบบนั้นก็ไม่ทราบ แต่ที่เกลียดมากคือการทำร้ายจิตใจแบบขุดด้วยปาก ถากด้วยตา พูดจาเสียดสี เข้าใจผิดเราโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบมาก่อน ผมเกลียดคนพวกนี้มาก แต่ถ้าคนพวกนี้มารวมตัวกันแล้วรุมกระทืบผมแบบปางตาย ผมจะรักพวกเขามาก ผมมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ เลยมักจะเรียกตัวเองว่าสัตว์ประหลาด แต่สามารถอยู่ในสังคมได้ เจ้านายสั่งให้เป็นตัวแทนไปประชุมต่างประเทศ ไป present ต่างๆก็สามารถทำได้
ผมรอสิงห์คำรามจนถึงวันที่พี่ภูมิมาหาผมแต่เช้า
“บ่ายนี้หลังกินข้าวเสร็จ มีงใส่ชุดนี้นะ”
พี่ภูมิส่งเสื้อกับกางเกงขาสั้นมาให้ ผมลองเอามาดู มันคล้ายๆชุดของทหารเกณฑ์ หรือว่าสิงห์คำรามอยากเล่นบทนี้กับเรา แค่คิด ผมก็รู้สึกฮึกเหิมแล้ว จนร่างอื่นหายไปหมด เหลือแต่ทหารเกณฑ์ผู้ทรนงองอาจ ผมรอให้เวลานั้นมาถึง จึงเปลี่ยนชุดเป็นชุดของทหารเกณฑ์ แต่น่าจะอยู่ในบาบาทของทหารรับใช้มากกว่า ผมส่องกระจกดู รู้สึกฮึกเหิมมาก ขณะที่ผมกำลังส่องกระจกอยู่นั้น สิงห์คำรามกับสิงห์คำรณเปิดประตูเข้ามาพอดี พวกเขาอยู่ในชุดทหารเต็มยศ สิงห์คำรณขว้างคอมแบทลงพื้นอย่างรุนแรง
“กูให้มีงขัดแล้วมีงลืมเหรอ”
ผมยังงงๆอยู่ เลยเจอสิงห์คำรามเดินมาชกท้อง แล้วเขาก็จิกหัวผมให้มานั่งคุกเข่าขัดรองเท้าคอมแบทต่อหน้าเขาสองคน ดูเขาไม่พอใจในสิ่งที่ผมทำมาก ผมจึงโดนตบหน้าไปหลายที ก่อนที่จะโดนอย่างอื่นต่อ
“มีงนี่ช้าเนอะ กูต้องหาอะไรมากระตุ้นมีงหน่อย”
สิงห์คำรามเดินไปหยิบไม้หนีบผ้ามาสองอัน เขาเปิดเสื้อผมออก แล้วเอาไม้หนีบผ้ามาหนีบที่หัวนมทั้งสองข้าง แล้วก็เอาเสื้อลงตามเดิม พอเอาเสื้อลง มันจะเจ็บที่หัวนมมากขึ้น ยิ่งตอนขัดรองเท้าไป ก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้น เขาให้ผมขัดรองเท้าอยู่นานมาก จึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ช้ามาก ต้องกระตุ้นมันอีก”
คราวนี้สิงห์คำรณเป็นคนเปิดเสื้อผมออก แล้วเอาไม้หนีบผ้ามาหนีบหัวนมอีกฝั่งละอัน รวมมีไม้หนีบผ้าที่หนีบหัวนมผมอยู่ทั้งหมด 4 อัน ข้างละสองอัน แล้วก็ปิดเสื้อลง ตอนเอาเสื้อลงนี่เจ็บแบบสุดๆ พวกเขาสั่งให้ผมขัดรองเท้าต่อ ขัดต่ออีกนานจนสิงห์คำรามเปรยขึ้น
“สงสัยว่าต้องหามากระตุ้นอีกสองอัน”
แล้วเขาก็ทำตามนั้นจริงๆ ทำให้หัวนมแต่ละข้างของผมมีไม้หนีบผ้าหนีบอยู่ข้างละ 3 อัน แค่เริ่มต้นก็โหดแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาถอดเสื้อผมออกเลย ผมเจ็บหน้าอกมากจนคุกเข่าไม่ไหว เลยนั่งขัดรองเท้าบนพื้นไปเลย สิ่งที่ผมทำ มันทำให้สิงห์คำรณเดือดดาล เขาเดินมาแล้วเตะไปที่หลังผมหลายครั้ง แต่สิงห์คำรามสั่งให้ผมเลิกขัดรองเท้าแล้วยืนขึ้น เขาเอาฟุตเหล็กมาฟาดตรงไม้หนีบผ้าที่หนีบหัวนมผมไว้ ตั้งใจฟาดอย่างแรงให้มันกระเด็นหลุดออกเอง แล้วเอามาหนีบใหม่ ทำวนไปวนมาแบบนี้จนหัวนมผมเจ็บถึงขีดสุด
จนในท้ายที่สุด เขาก็เอาไม้หนีบผ้าออกจากหัวนมผมทั้งสองข้าง ตอนแรกผมนึกว่าเขาเมตตาปรานีผมแล้ว แต่ผมคิดผิด สิงห์คำรามบังคับให้ผมนอนหงาย แล้วรวบแขนผมไว้เหนือหัวจนตึงแนบกับพื้น จากนั้นเอาเชือกมามัดจนแน่น ตอนนั้นหัวนมผมระบมไปหมดแล้วเพราะถูกทรมานมาจนน่วม แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็คือสิงห์คำรามไปหยิบถุงมาถุงนึง แล้วเทคลิปดำตัวเล็กๆจำนวนมากลงบนหน้าอกผม ผมเงยหน้ามองแล้วใจฝ่อเลย ต้องเอาหัวนอนราบลงไปเลย ไม่อยากเห็นมันอีก
“อันเล็กๆนี่แหละเจ็บสุดแล้ว”
ขณะที่สิงห์คำรามและสิงห์คำรณกำลังสนุกกับการเอาคลิปดำหลายตัวมาหนีบที่หน้าอกผม มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและเกือบจะลืมมันไปแล้ว
เมื่อ "ลูกผู้ชาย" อย่างผมถูกกระทำให้เป็น "ลูกสาว" : ประสบการณ์ชีวิตและความรักตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ตอนที่ 16
จริงๆแล้ว ความรู้สึกในแต่ละเหตุการณ์ค่อนข้างสับสนเหมือนกันนะครับ พอต้องมาเล่าย้อนแบบนี้ ก็อาจจะต้องพยายามนึกย้อนว่าตอนนั้นความรู้สึกมันเป็นอย่างไรกันแน่ ตั้งแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถตั้งกระทู้แบบปกติได้เหมือนก่อน การมาเล่าด้านมืดของตัวเองแบบนี้ มันก็โอเคในระดับหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้จะยังดำรงชีวิตอยู่ได้และยังไม่มีคำถามอะไร แต่การเล่าเรื่องตัวเองเก็บไว้ก็อาจทำให้จิตแพทย์บางท่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต
ถ้าจะสรุปกันในช่วงนี้ เอาเป็นว่าก่อนหน้าจะมาเจอสิงห์คำราม ความรู้สึกของผมมันสับสนอลหม่านมาก (แต่บุคลิกภายนอกตั้งแต่เด็กจนโตมาจะดูโอเคนะ ตั้งใจเรียน ไม่เถียงใคร ว่านอนสอนง่าย ตั้งใจทำงาน เลยทำให้ได้รางวัลเรียนดีกับพนักงานดีเด่นมาบ้าง ตัวจริงดูเป็นคนอารมณ์ดี โลกสวย เหมือนไม่เคยแตะสิ่งไม่ดีมาก่อนเลยในชีวิต แต่ในใจด้านมืดเยอะมาก แต่ไม่มีด้านมืดที่ทำร้ายผู้อื่นเลย มีแต่ด้านมืดที่ยอมให้ผู้อื่นทำร้ายตัวเอง) ตอนรอสิงห์คำรามใน save house ที่ดูไม่ปลอดภัยเลย ผมจะเริ่มชอบทุกอย่างที่สิงห์คำรามกำลังจะประเคนให้
อย่างในห้องเชียร์ เขาสามารถรวบรวมพวกอำมหิตมาได้เกือบหมด ตอนนี้ให้ผมมาพักที่บ้านพักตากอากาศสุดหรู เพื่อรอให้ร่างกายผมฟื้นตัวและแข็งแรงเต็มที่ แล้วคงจะเอาความโหดมากระหน่ำใส่ผมแบบเต็มๆ เพราะเท่าที่ผ่านมา เขากับสิงห์คำรณยังไม่มีโอกาสที่จะมาจัดการผมเลย ที่คณะเอง การที่ประธานเชียร์ฝ่ายชายโดนกระทำขนาดนั้นแล้วหายไปเลย ไม่มาห้องเชียร์อีกเลย น่าจะสร้างความหลอนให้กับน้องปี 1 ไม่มากก็น้อย แต่ที่หลอนสุดๆคงเป็นระหว่างรอ
ระหว่างรอพี่เขา พี่ภูมิจะเข้ามาคุยเล่นกับผมบ้าง ดูไปดูมาเขาก็หล่อและน่ารักดี ผมเริ่มสนใจในความเป็นผู้ชายของเขา แต่ไม่อยากมีอะไรกับเขา การขาดพ่อและไม่มีเพื่อนผู้ชายเลยจนอายุ 20 ปี ทำให้ผมโหยหาผู้ชายมากเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้โหยหาเพื่อนำใครคนใดคนหนึ่งมามีเพศสัมพันธ์ด้วย เพียงแต่โหยหาในสิ่งที่เราขาดไป ตอนอยู่คนเดียวระหว่างรอ ผมก็จะวิดพื้นบ้าง sit up บ้าง กระโดดตบบ้าง คือออกกำลังไปเรื่อยๆ เพื่อให้ร่างกายเราพร้อม บางอารมณ์ยังรู้สึกว่าเราเป็นผู้หญิงนะ จะมาอยู่ที่นี่ทำไม เราน่าจะนั่งร้อยมาลัยกับป้าอินนะ
ความผิดปกติของผมยังคงอยู่ตรงที่ว่าบุคลิกภายนอกดูเป็นผู้ชายทั่วไป ถัดเข้าไปในใจอีกหน่อย ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ถัดเข้าไปข้างในอีกนิด (ถัดเข้าไปคล้ายๆเป้าที่เขาเอาปืนมายิงอ่ะครับ ถัดจากข้างนอกไปข้างใน มันจะมีหลายวงหน่อย) รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักรบเชลยศึก ถัดเข้าไปอีก รู้สึกว่าตัวเองเป็น miss universe ถัดเข้าไปอีก รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักวิชาการ ถัดเข้าไปอีกหน่อย คิดว่าตัวเองคือกรรมกรที่แข็งแรงมาก และคุณจะเชื่อไหมว่า มันถัดเข้าไปได้เรื่อยๆ แบบไม่มีจุดสิ้นสุด
แต่สิ่งที่แสดงออกภายนอก นอกจากจะเป็นผู้ชายปกติแล้ว ผมอยากกลายร่างเป็นคนที่ต่ำที่สุดในสังคม แล้วให้ผู้อื่นมารุมประชาทัณฑ์ แบบมากันเยอะๆ แล้วซัดให้กระอักจมกองเลือดไปเลย ทำไมต้องการแบบนั้นก็ไม่ทราบ แต่ที่เกลียดมากคือการทำร้ายจิตใจแบบขุดด้วยปาก ถากด้วยตา พูดจาเสียดสี เข้าใจผิดเราโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบมาก่อน ผมเกลียดคนพวกนี้มาก แต่ถ้าคนพวกนี้มารวมตัวกันแล้วรุมกระทืบผมแบบปางตาย ผมจะรักพวกเขามาก ผมมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ เลยมักจะเรียกตัวเองว่าสัตว์ประหลาด แต่สามารถอยู่ในสังคมได้ เจ้านายสั่งให้เป็นตัวแทนไปประชุมต่างประเทศ ไป present ต่างๆก็สามารถทำได้
ผมรอสิงห์คำรามจนถึงวันที่พี่ภูมิมาหาผมแต่เช้า
“บ่ายนี้หลังกินข้าวเสร็จ มีงใส่ชุดนี้นะ”
พี่ภูมิส่งเสื้อกับกางเกงขาสั้นมาให้ ผมลองเอามาดู มันคล้ายๆชุดของทหารเกณฑ์ หรือว่าสิงห์คำรามอยากเล่นบทนี้กับเรา แค่คิด ผมก็รู้สึกฮึกเหิมแล้ว จนร่างอื่นหายไปหมด เหลือแต่ทหารเกณฑ์ผู้ทรนงองอาจ ผมรอให้เวลานั้นมาถึง จึงเปลี่ยนชุดเป็นชุดของทหารเกณฑ์ แต่น่าจะอยู่ในบาบาทของทหารรับใช้มากกว่า ผมส่องกระจกดู รู้สึกฮึกเหิมมาก ขณะที่ผมกำลังส่องกระจกอยู่นั้น สิงห์คำรามกับสิงห์คำรณเปิดประตูเข้ามาพอดี พวกเขาอยู่ในชุดทหารเต็มยศ สิงห์คำรณขว้างคอมแบทลงพื้นอย่างรุนแรง
“กูให้มีงขัดแล้วมีงลืมเหรอ”
ผมยังงงๆอยู่ เลยเจอสิงห์คำรามเดินมาชกท้อง แล้วเขาก็จิกหัวผมให้มานั่งคุกเข่าขัดรองเท้าคอมแบทต่อหน้าเขาสองคน ดูเขาไม่พอใจในสิ่งที่ผมทำมาก ผมจึงโดนตบหน้าไปหลายที ก่อนที่จะโดนอย่างอื่นต่อ
“มีงนี่ช้าเนอะ กูต้องหาอะไรมากระตุ้นมีงหน่อย”
สิงห์คำรามเดินไปหยิบไม้หนีบผ้ามาสองอัน เขาเปิดเสื้อผมออก แล้วเอาไม้หนีบผ้ามาหนีบที่หัวนมทั้งสองข้าง แล้วก็เอาเสื้อลงตามเดิม พอเอาเสื้อลง มันจะเจ็บที่หัวนมมากขึ้น ยิ่งตอนขัดรองเท้าไป ก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้น เขาให้ผมขัดรองเท้าอยู่นานมาก จึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ช้ามาก ต้องกระตุ้นมันอีก”
คราวนี้สิงห์คำรณเป็นคนเปิดเสื้อผมออก แล้วเอาไม้หนีบผ้ามาหนีบหัวนมอีกฝั่งละอัน รวมมีไม้หนีบผ้าที่หนีบหัวนมผมอยู่ทั้งหมด 4 อัน ข้างละสองอัน แล้วก็ปิดเสื้อลง ตอนเอาเสื้อลงนี่เจ็บแบบสุดๆ พวกเขาสั่งให้ผมขัดรองเท้าต่อ ขัดต่ออีกนานจนสิงห์คำรามเปรยขึ้น
“สงสัยว่าต้องหามากระตุ้นอีกสองอัน”
แล้วเขาก็ทำตามนั้นจริงๆ ทำให้หัวนมแต่ละข้างของผมมีไม้หนีบผ้าหนีบอยู่ข้างละ 3 อัน แค่เริ่มต้นก็โหดแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาถอดเสื้อผมออกเลย ผมเจ็บหน้าอกมากจนคุกเข่าไม่ไหว เลยนั่งขัดรองเท้าบนพื้นไปเลย สิ่งที่ผมทำ มันทำให้สิงห์คำรณเดือดดาล เขาเดินมาแล้วเตะไปที่หลังผมหลายครั้ง แต่สิงห์คำรามสั่งให้ผมเลิกขัดรองเท้าแล้วยืนขึ้น เขาเอาฟุตเหล็กมาฟาดตรงไม้หนีบผ้าที่หนีบหัวนมผมไว้ ตั้งใจฟาดอย่างแรงให้มันกระเด็นหลุดออกเอง แล้วเอามาหนีบใหม่ ทำวนไปวนมาแบบนี้จนหัวนมผมเจ็บถึงขีดสุด
จนในท้ายที่สุด เขาก็เอาไม้หนีบผ้าออกจากหัวนมผมทั้งสองข้าง ตอนแรกผมนึกว่าเขาเมตตาปรานีผมแล้ว แต่ผมคิดผิด สิงห์คำรามบังคับให้ผมนอนหงาย แล้วรวบแขนผมไว้เหนือหัวจนตึงแนบกับพื้น จากนั้นเอาเชือกมามัดจนแน่น ตอนนั้นหัวนมผมระบมไปหมดแล้วเพราะถูกทรมานมาจนน่วม แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็คือสิงห์คำรามไปหยิบถุงมาถุงนึง แล้วเทคลิปดำตัวเล็กๆจำนวนมากลงบนหน้าอกผม ผมเงยหน้ามองแล้วใจฝ่อเลย ต้องเอาหัวนอนราบลงไปเลย ไม่อยากเห็นมันอีก
“อันเล็กๆนี่แหละเจ็บสุดแล้ว”
ขณะที่สิงห์คำรามและสิงห์คำรณกำลังสนุกกับการเอาคลิปดำหลายตัวมาหนีบที่หน้าอกผม มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่เคยเกิดขึ้นและเกือบจะลืมมันไปแล้ว