ตอนที่ 17 ตอนที่ผมโดนสิงห์คำรามทรมานอยู่ ในปี 2533 ผมนึกย้อนถึงเหตุการณ์หนึ่งด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่พอถึงปี 63 ผมมองเห็นชัดว่าตอนที่เกิดเหตุการณ์ในตอนที่ 17 นี้ (ประมาณ ม.ต้น) ที่มันเกิดขึ้นเพราะผมตามหาแต่ “ความแมน” จากผู้ชายและยังตีความ “ความแมน” ผิดพลาด จึงเจอแต่ผู้ชายโหดๆ จริงๆแล้ว สมัยปี 33 ผู้ชายแมนๆดีๆน่าจะมีอยู่พอสมควรในละแวกบ้าน แต่ผมมองข้ามไปหมด
ช่วงนั้น (ที่นึกตอนโดนสิงห์คำรามทรมาน) ผมมักจะชอบไปนั่งดูผู้ชายกลุ่มหนึ่งอายุประมาณ 16-19 ปี เล่นบอลกัน พวกเขาเล่นบอลกันอย่างรุนแรงมาก ตอนนั้นที่ผมชอบไปนั่งดูเพราะคิดว่าพวกเขาแมนมากๆ ที่คิดอย่างนั้นเพราะเห็นการเล่นบอลที่เล่นกันแรงมากๆ แล้วก็ส่งเสียงดังในแนวหยาบคาย ผมเสพสิ่งเหล่านั้นเพราะคิดว่ามันแมนมาก ผมไม่เคยเจอ เพียงแต่ความแมนทำนองนี้มักจะเจือมาด้วยความโหด
วันนั้นพวกเล่นบอลดันเตะไปโดนกระจกของบ้านหลังหนึ่งจนแตก ผมพอรู้มาบ้างว่าบ้านหลังนี้มีผู้ชายอยู่กันสองคนและพวกเขาโหดมาก มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาผมแล้วพูดกับผมแบบแมนๆว่า
“มีงไปเก็บบอลให้พวกกูหน่อย”
ผมชอบมากนะ กับคำพูดแบบนั้น ผมเดินไปใกล้กำแพงบ้าน พี่คนนั้นเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด ก่อนผมจะปีนกำแพง พี่คนนั้นพูดกับผมอีกว่า
“ถอดเสื้อฝากกูไว้ก่อน เดี๋ยวเสื้อมีงเปื้อน”
ผมทำตามที่เขาบอก พอถอดเสื้อออก ความแมนก็เข้าสิง รู้สึกฮึกเหิมมาก ผมปีนกำแพงเข้าไปในบ้าน แล้วเดินหาลูกบอล ผมเดินหาอยู่พักนึง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนผมได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง
“ลูกบอลของมีงอยู่นี่”
ผมหันไปทางทิศที่ได้ยินเสียง ผมเห็นผู้ชายสองคนอายุประมาณ 30 กว่าๆ 2 คนยืนอยู่ หน้าตาโหดทั้งคู่
“ส่วนมีง ต้องไปกับพวกกู กูคงไม่คืนลูกบอลให้มีงง่ายๆหรอก”
พวกเขาเอาเชือกมามัดมือไพล่หลังผม แล้วจับผมไปยืนตรงกำแพง พวกเขาผลัดกันเอาลูกบอล (เป็นบอลหนัง) มาปาให้โดนหน้าอก/หน้าท้องผม มันเจ็บมาก แต่มันก็รู้สึกแมนดี มันแมนๆโหดๆ พวกเขาทำแบบนั้นจนคนนึงพูดว่า
“กูอยากให้โหดกว่านี้ว่ะ”
พวกเขาช่วยกันเอาไม้หนีบผ้าเป็นร้อยอันมาหนีบตามหน้าอกและหน้าท้องของผม ตรงหัวนมทั้งสองข้างก็โดนหนีบไปด้วย พอหน้าอกและหน้าท้องของผมเต็มไปด้วยไม้หนีบผ้า พวกเขาก็เอาบอลหนังมาปาให้โดนหน้าอกและหน้าท้องของผม เจตนาให้โดนให้แรงจนไม้หนีบผ้าที่หนีบอยู่กระเด็นออกไปเอง ถือเป็นความโหดที่ผมเจอควบคู่ไปกับที่พวกครูเกริกมอบให้ ถึงจะโหด แต่ผมก็โอเคกับมัน เพราะมันทำให้ผมลืมประสบการณ์เลวร้ายที่ฝ่ายป้าอินมอบให้ (ช่วงอนุบาล 1 – ป.5 น่าจะมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่ผมรู้สึกว่ามันเลวร้ายกับผม แต่ผมยังไม่กล้าเล่า)
ผมเคยจำได้ตอนที่ผมเด็กมากๆ ป้าอินกับญาติฝ่ายแม่สองสามคนเคยจับผมแต่งหญิงแล้วพาไปงานๆหนึ่ง (ถ้าแม่รู้ แม่ต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ แต่ผมไม่รู้จนกระทั่งบัดนี้ว่าแม่รู้หรือไม่ ส่วนพ่อ หายเข้ากลีบเมฆไปกับสาวๆหลายคน) แขกในงานหลายคนคิดว่าผมคือเด็กผู้หญิงจริงๆ ต่างเอ็นดูผมกันใหญ่ เหตุการณ์มันนานมากจนผมจำแทบไม่ได้ มานึกออกก็ตอนที่เขียนเรื่องวันนี้นี่เอง จำได้ว่าเคยส่องกระจกแล้วเห็นตัวเองเป็นผู้หญิง ผมทั้งรักทั้งเกลียดภาพที่ผมเห็นในกระจก อารมณ์ต่างๆมันพลุ่งพล่านและแปรปรวนมาก แต่พอเวลาผ่านมานานๆ ผมตระหนักว่าเกลียดการทำแบบนั้นมาก มันทำให้การถูกทรมานด้วยบอลหนังแบบโหดๆ ช่วยให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น ผมชอบอารมณ์ที่พวกเขาทำกับผมเหมือนประหนึ่งว่าผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ผมชอบจนถึงกับทนความเจ็บปวดทรมานต่างๆได้
ผู้ชายสองคนนั้นก็โหดได้ใจจริงๆ พอเอาบอลหนังมาปาแรงๆที่ตัวผมจนไม้หนีบผ้าหลุดจากตัวไปบ้าง พวกเขาก็เอามันมาหนีบใหม่ หนีบจนหน้าอกและหน้าท้องผมเต็มไปด้วยไม้หนีบผ้าอีกครั้ง แล้วพวกเขาก็ทำแบบเดิมอีกครั้งจนหน้าอกและหน้าท้องผมระบมไปหมด มันเจ็บปวดทรมานมาก บางครั้งก็มากเกินกว่าเด็ก ม.ต้นอย่างผมจะทนไหว แต่ที่ผมทนไหวเพราะผมอยากโดนกระทำแบบนี้ อยากโดนหนักๆ ให้ตัวผมรู้สึกว่าผมคือลูกผู้ชายเต็มตัว ผมเกลียดมากที่เพื่อนป้าอินมาชมว่า “หลานสาวคนนี้น่ารักมากเลยนะจ๊ะ” ผมเกลียดคำเสียดสี ดูถูก เหยียดหยามในลักษณะนี้มากๆเลย สู้มารุมผม กระทืบผมให้จมกองเลือดไปเลยดีกว่า ผมจะพอใจกับสิ่งที่ได้รับมากมายนัก และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น มันทำให้ผมอยู่รอดได้
หลังจากโดนทรมานจากผู้ชายสองคนในบ้านจนพวกมันสาแก่ใจ ผมเองก็ร่างกายสะบักสะบอมเต็มที่ จำไม่ได้ว่าเลือดออกไหม พอจะจำได้แค่ว่าตัวเองสะบักสะบอมมาก แต่ในใจลึกๆ ผมชอบความสมบุกสมบันอยู่แล้ว จะสะบักสะบอมแค่ไหน ผมก็ทนได้ มันคือสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดคือตอนที่ผมถูกปล่อยออกมาจากบ้านหลังนั้น แล้วกระ
กระสนเอาลูกบอลมาให้พวกพี่ๆขาโหดเหล่านั้น ขนาดพวกเขาเห็นว่าผมสะบักสะบอมจนได้ที่แล้ว แต่ความโหดของพวกเขาทำให้พวกเขาสามารถนึกอะไรที่มันอำมหิตขึ้นมาได้
“มีงเอาลูกบอลมาคืนพวกกูช้ามาก พวกกูต้องลงโทษมีงให้สาสม สาสมกับความเลวของมีง”
เมื่อ "ลูกผู้ชาย" อย่างผมถูกกระทำให้เป็น "ลูกสาว" : ประสบการณ์ชีวิตและความรักตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ตอนที่ 17
ช่วงนั้น (ที่นึกตอนโดนสิงห์คำรามทรมาน) ผมมักจะชอบไปนั่งดูผู้ชายกลุ่มหนึ่งอายุประมาณ 16-19 ปี เล่นบอลกัน พวกเขาเล่นบอลกันอย่างรุนแรงมาก ตอนนั้นที่ผมชอบไปนั่งดูเพราะคิดว่าพวกเขาแมนมากๆ ที่คิดอย่างนั้นเพราะเห็นการเล่นบอลที่เล่นกันแรงมากๆ แล้วก็ส่งเสียงดังในแนวหยาบคาย ผมเสพสิ่งเหล่านั้นเพราะคิดว่ามันแมนมาก ผมไม่เคยเจอ เพียงแต่ความแมนทำนองนี้มักจะเจือมาด้วยความโหด
วันนั้นพวกเล่นบอลดันเตะไปโดนกระจกของบ้านหลังหนึ่งจนแตก ผมพอรู้มาบ้างว่าบ้านหลังนี้มีผู้ชายอยู่กันสองคนและพวกเขาโหดมาก มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาผมแล้วพูดกับผมแบบแมนๆว่า
“มีงไปเก็บบอลให้พวกกูหน่อย”
ผมชอบมากนะ กับคำพูดแบบนั้น ผมเดินไปใกล้กำแพงบ้าน พี่คนนั้นเดินตามมาอย่างกระชั้นชิด ก่อนผมจะปีนกำแพง พี่คนนั้นพูดกับผมอีกว่า
“ถอดเสื้อฝากกูไว้ก่อน เดี๋ยวเสื้อมีงเปื้อน”
ผมทำตามที่เขาบอก พอถอดเสื้อออก ความแมนก็เข้าสิง รู้สึกฮึกเหิมมาก ผมปีนกำแพงเข้าไปในบ้าน แล้วเดินหาลูกบอล ผมเดินหาอยู่พักนึง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนผมได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง
“ลูกบอลของมีงอยู่นี่”
ผมหันไปทางทิศที่ได้ยินเสียง ผมเห็นผู้ชายสองคนอายุประมาณ 30 กว่าๆ 2 คนยืนอยู่ หน้าตาโหดทั้งคู่
“ส่วนมีง ต้องไปกับพวกกู กูคงไม่คืนลูกบอลให้มีงง่ายๆหรอก”
พวกเขาเอาเชือกมามัดมือไพล่หลังผม แล้วจับผมไปยืนตรงกำแพง พวกเขาผลัดกันเอาลูกบอล (เป็นบอลหนัง) มาปาให้โดนหน้าอก/หน้าท้องผม มันเจ็บมาก แต่มันก็รู้สึกแมนดี มันแมนๆโหดๆ พวกเขาทำแบบนั้นจนคนนึงพูดว่า
“กูอยากให้โหดกว่านี้ว่ะ”
พวกเขาช่วยกันเอาไม้หนีบผ้าเป็นร้อยอันมาหนีบตามหน้าอกและหน้าท้องของผม ตรงหัวนมทั้งสองข้างก็โดนหนีบไปด้วย พอหน้าอกและหน้าท้องของผมเต็มไปด้วยไม้หนีบผ้า พวกเขาก็เอาบอลหนังมาปาให้โดนหน้าอกและหน้าท้องของผม เจตนาให้โดนให้แรงจนไม้หนีบผ้าที่หนีบอยู่กระเด็นออกไปเอง ถือเป็นความโหดที่ผมเจอควบคู่ไปกับที่พวกครูเกริกมอบให้ ถึงจะโหด แต่ผมก็โอเคกับมัน เพราะมันทำให้ผมลืมประสบการณ์เลวร้ายที่ฝ่ายป้าอินมอบให้ (ช่วงอนุบาล 1 – ป.5 น่าจะมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่ผมรู้สึกว่ามันเลวร้ายกับผม แต่ผมยังไม่กล้าเล่า)
ผมเคยจำได้ตอนที่ผมเด็กมากๆ ป้าอินกับญาติฝ่ายแม่สองสามคนเคยจับผมแต่งหญิงแล้วพาไปงานๆหนึ่ง (ถ้าแม่รู้ แม่ต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ แต่ผมไม่รู้จนกระทั่งบัดนี้ว่าแม่รู้หรือไม่ ส่วนพ่อ หายเข้ากลีบเมฆไปกับสาวๆหลายคน) แขกในงานหลายคนคิดว่าผมคือเด็กผู้หญิงจริงๆ ต่างเอ็นดูผมกันใหญ่ เหตุการณ์มันนานมากจนผมจำแทบไม่ได้ มานึกออกก็ตอนที่เขียนเรื่องวันนี้นี่เอง จำได้ว่าเคยส่องกระจกแล้วเห็นตัวเองเป็นผู้หญิง ผมทั้งรักทั้งเกลียดภาพที่ผมเห็นในกระจก อารมณ์ต่างๆมันพลุ่งพล่านและแปรปรวนมาก แต่พอเวลาผ่านมานานๆ ผมตระหนักว่าเกลียดการทำแบบนั้นมาก มันทำให้การถูกทรมานด้วยบอลหนังแบบโหดๆ ช่วยให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายมากขึ้น ผมชอบอารมณ์ที่พวกเขาทำกับผมเหมือนประหนึ่งว่าผมเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ผมชอบจนถึงกับทนความเจ็บปวดทรมานต่างๆได้
ผู้ชายสองคนนั้นก็โหดได้ใจจริงๆ พอเอาบอลหนังมาปาแรงๆที่ตัวผมจนไม้หนีบผ้าหลุดจากตัวไปบ้าง พวกเขาก็เอามันมาหนีบใหม่ หนีบจนหน้าอกและหน้าท้องผมเต็มไปด้วยไม้หนีบผ้าอีกครั้ง แล้วพวกเขาก็ทำแบบเดิมอีกครั้งจนหน้าอกและหน้าท้องผมระบมไปหมด มันเจ็บปวดทรมานมาก บางครั้งก็มากเกินกว่าเด็ก ม.ต้นอย่างผมจะทนไหว แต่ที่ผมทนไหวเพราะผมอยากโดนกระทำแบบนี้ อยากโดนหนักๆ ให้ตัวผมรู้สึกว่าผมคือลูกผู้ชายเต็มตัว ผมเกลียดมากที่เพื่อนป้าอินมาชมว่า “หลานสาวคนนี้น่ารักมากเลยนะจ๊ะ” ผมเกลียดคำเสียดสี ดูถูก เหยียดหยามในลักษณะนี้มากๆเลย สู้มารุมผม กระทืบผมให้จมกองเลือดไปเลยดีกว่า ผมจะพอใจกับสิ่งที่ได้รับมากมายนัก และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น มันทำให้ผมอยู่รอดได้
หลังจากโดนทรมานจากผู้ชายสองคนในบ้านจนพวกมันสาแก่ใจ ผมเองก็ร่างกายสะบักสะบอมเต็มที่ จำไม่ได้ว่าเลือดออกไหม พอจะจำได้แค่ว่าตัวเองสะบักสะบอมมาก แต่ในใจลึกๆ ผมชอบความสมบุกสมบันอยู่แล้ว จะสะบักสะบอมแค่ไหน ผมก็ทนได้ มันคือสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดคือตอนที่ผมถูกปล่อยออกมาจากบ้านหลังนั้น แล้วกระกระสนเอาลูกบอลมาให้พวกพี่ๆขาโหดเหล่านั้น ขนาดพวกเขาเห็นว่าผมสะบักสะบอมจนได้ที่แล้ว แต่ความโหดของพวกเขาทำให้พวกเขาสามารถนึกอะไรที่มันอำมหิตขึ้นมาได้
“มีงเอาลูกบอลมาคืนพวกกูช้ามาก พวกกูต้องลงโทษมีงให้สาสม สาสมกับความเลวของมีง”