ผมว่าข้ออ้างนักเตะเจ็บ อาจจะเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งของการวางแผนการเล่น
ลิเวอร์พูลก็มีตัวเจ็บเหมือนกัน (โดยเฉพาะอิบู) อาร์เน่จึงปรับแผนตามตัวผู้เล่นที่มีอยู่
เป๊บก็ทำเช่นเดียวกัน
ผมมองว่าเป๊บคงวางแท็กติคตั้งรับเหนียวๆ ก่อนหรือให้ลิเวอร์พูลเพรสจนหมดแรงแล้วค่อยใส่ตัวทีเด็ดลงมาทีหลัง (โดกูและซาวินโญ่)
แต่อาร์เน่ก็ดันมาเซอร์ไพรส์ เล่นไฮเพรสตั้งแต่เริ่มต้นเกม ทำให้แมนซิตั้งตัวไม่ทัน
ปกติอาร์เน่มักจะดูเชิงก่อนในครึ่งแรก หรือเพรสตามจังหวะ ได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่เอา เน้นครองบอลมากกว่าแล้วค่อยมาปรับเปลี่ยนการเข้าทำในครึ่งหลัง
เลยกลายเป็นว่าอาร์เน่มาเล่นแผนตีหัวเข้าบ้าน รีบทำประตูขึ้นนำให้เร็วแล้วค่อยเปลี่ยนมารับแล้วรอสวนกลับ
พอซิตี้โดนนำก่อน มันก็เลยผิดแผนเป๊บไปหมด
ซึ่งต่างจากเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะเรอัลมาดริด ที่เน้นครองบอลเหนียวแน่นมากกว่าไฮเพรสแบบเกมนี้
อาร์เน่จึงต่างจากคล็อปตรงที่เป๊บเดาทางไม่ถูก (ไม่ได้หมายความว่าอาร์เน่เก่งกว่าคล็อปนะครับ)
เป๊บที่เจอคล็อปครั้งแรกเป๊บก็แพ้เหมือนกันและหลังจากนั้นเป๊บก็แทบจะไม่แพ้คล็อปอีกเลย (นัดนั้นเป็บเล่นดันสูงเหมือนกันเลยโดนคล็อปสวนไส้แตก)
ส่วนตัวผมมองว่าการวางแท็กติคและแผนการเล่นของอาร์เน่มีความยืดหยุ่นมากกว่าคล็อป แต่คล็อปเล่นบอลสนุก ถึงนำแล้วก็ยังกดคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
ดูแล้วสนุกจริงๆ เชียร์มันและถูกใจกองเชียร์ประเภทฮาร์ดคอร์ ส่วนอาร์เน่จะยืดหยุ่นในเกมและปรับแผนไปตามข้อจำกัดของตัวผู้เล่นในแต่ละเกมและเน้นผลการแข่งขัน
อาร์เน่ผมว่าน่าจะมาแนวเดียวกับอันเชล็อตติเลย ซึ่งเมื่อก่อนผมชอบสไตล์อันเชมาก ที่เขามีแผนหลายแผนปรับเปลี่ยนไปตามคู่ต่อสู้ตลอด
ส่วนคล็อปคู่ต่อสู้อ่านทางได้ง่าย รวมถึงช่วงเวลาการเปลี่ยนตัว(นาทีที่ 60-75 ประจำ...555) ส่วนการเปลี่ยนตัวของอาร์เน่คือเปลี่ยนทันที (เมื่อเพลี่ยงพล้ำ)
วันนั้นพอเป๊บเปลี่ยนโดกูลงมา เทร้นต์ท่าทางจะไม่ไหวอาร์เน่ก็เปลี่ยนเลย ผมยังคาดไม่ถึงเลยว่าจะเอาควอนซ่าไปยืนแบ็กขวา ตอนเห็นควอนซ่าจะลงผมคิดว่าจะขยับโจ โกเมสไปยืนแบ็กซะอีก แล้วให้ควอนซ่ามายืนเซ็นเตอร์คู่กับฟานไดค์ แถมยังเอานูนเญซไปวิ่งไล่กวดโดกูอีกด้วย ทำให้งานของควอนซ่าเลยไม่หนักซักเท่าไหร่
ปล.ถ้าเป๊บฟื้นขึ้นมา(จากตัวผู้เล่นบาดเจ็บ) อาร์เน่ก็จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เป๊บชอบเช่นเดียวกับที่เคยชอบคล็อป
และสองคนนี้ก็น่าจะเป็นผู้จัดการทีมที่ทำทีมคู่คี่สูสีกันต่อไปอีกแน่นอนครับ (เป๊บชอบผู้จัดการทีมเก่งๆ ทำให้แกได้พัฒนาขึ้นด้วย)
วิเคราะห์แท็กติคอาร์เน่กับเป๊บจากเกมเจอกันเมื่อวันอาทิตย์กันครับ
ลิเวอร์พูลก็มีตัวเจ็บเหมือนกัน (โดยเฉพาะอิบู) อาร์เน่จึงปรับแผนตามตัวผู้เล่นที่มีอยู่
เป๊บก็ทำเช่นเดียวกัน
ผมมองว่าเป๊บคงวางแท็กติคตั้งรับเหนียวๆ ก่อนหรือให้ลิเวอร์พูลเพรสจนหมดแรงแล้วค่อยใส่ตัวทีเด็ดลงมาทีหลัง (โดกูและซาวินโญ่)
แต่อาร์เน่ก็ดันมาเซอร์ไพรส์ เล่นไฮเพรสตั้งแต่เริ่มต้นเกม ทำให้แมนซิตั้งตัวไม่ทัน
ปกติอาร์เน่มักจะดูเชิงก่อนในครึ่งแรก หรือเพรสตามจังหวะ ได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่เอา เน้นครองบอลมากกว่าแล้วค่อยมาปรับเปลี่ยนการเข้าทำในครึ่งหลัง
เลยกลายเป็นว่าอาร์เน่มาเล่นแผนตีหัวเข้าบ้าน รีบทำประตูขึ้นนำให้เร็วแล้วค่อยเปลี่ยนมารับแล้วรอสวนกลับ
พอซิตี้โดนนำก่อน มันก็เลยผิดแผนเป๊บไปหมด
ซึ่งต่างจากเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะเรอัลมาดริด ที่เน้นครองบอลเหนียวแน่นมากกว่าไฮเพรสแบบเกมนี้
อาร์เน่จึงต่างจากคล็อปตรงที่เป๊บเดาทางไม่ถูก (ไม่ได้หมายความว่าอาร์เน่เก่งกว่าคล็อปนะครับ)
เป๊บที่เจอคล็อปครั้งแรกเป๊บก็แพ้เหมือนกันและหลังจากนั้นเป๊บก็แทบจะไม่แพ้คล็อปอีกเลย (นัดนั้นเป็บเล่นดันสูงเหมือนกันเลยโดนคล็อปสวนไส้แตก)
ส่วนตัวผมมองว่าการวางแท็กติคและแผนการเล่นของอาร์เน่มีความยืดหยุ่นมากกว่าคล็อป แต่คล็อปเล่นบอลสนุก ถึงนำแล้วก็ยังกดคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
ดูแล้วสนุกจริงๆ เชียร์มันและถูกใจกองเชียร์ประเภทฮาร์ดคอร์ ส่วนอาร์เน่จะยืดหยุ่นในเกมและปรับแผนไปตามข้อจำกัดของตัวผู้เล่นในแต่ละเกมและเน้นผลการแข่งขัน
อาร์เน่ผมว่าน่าจะมาแนวเดียวกับอันเชล็อตติเลย ซึ่งเมื่อก่อนผมชอบสไตล์อันเชมาก ที่เขามีแผนหลายแผนปรับเปลี่ยนไปตามคู่ต่อสู้ตลอด
ส่วนคล็อปคู่ต่อสู้อ่านทางได้ง่าย รวมถึงช่วงเวลาการเปลี่ยนตัว(นาทีที่ 60-75 ประจำ...555) ส่วนการเปลี่ยนตัวของอาร์เน่คือเปลี่ยนทันที (เมื่อเพลี่ยงพล้ำ)
วันนั้นพอเป๊บเปลี่ยนโดกูลงมา เทร้นต์ท่าทางจะไม่ไหวอาร์เน่ก็เปลี่ยนเลย ผมยังคาดไม่ถึงเลยว่าจะเอาควอนซ่าไปยืนแบ็กขวา ตอนเห็นควอนซ่าจะลงผมคิดว่าจะขยับโจ โกเมสไปยืนแบ็กซะอีก แล้วให้ควอนซ่ามายืนเซ็นเตอร์คู่กับฟานไดค์ แถมยังเอานูนเญซไปวิ่งไล่กวดโดกูอีกด้วย ทำให้งานของควอนซ่าเลยไม่หนักซักเท่าไหร่
ปล.ถ้าเป๊บฟื้นขึ้นมา(จากตัวผู้เล่นบาดเจ็บ) อาร์เน่ก็จะเป็นคู่ต่อสู้ที่เป๊บชอบเช่นเดียวกับที่เคยชอบคล็อป
และสองคนนี้ก็น่าจะเป็นผู้จัดการทีมที่ทำทีมคู่คี่สูสีกันต่อไปอีกแน่นอนครับ (เป๊บชอบผู้จัดการทีมเก่งๆ ทำให้แกได้พัฒนาขึ้นด้วย)