โซ่รัก บทที่ 12

กระทู้สนทนา

.

               ผ่านไปเกือบห้าวันที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลเฝ้าไข้ลูกสาว อรรถพลมีความสุขมาก ที่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แม้สถานที่และเหตุการณ์มันไม่เหมาะไม่ควรก็ตาม ทว่าเขาเฝ้ารอที่จะได้อยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกแบบนี้มานานแล้ว

                ไม่รู้ว่าเธอคิดเหมือนกันกับเขาหรือเปล่า แต่เธอคงไม่คิด ไม่แม้แต่จะคิด เพราะเธอคงเกลียดเขามาก มากแทบหาอะไรเปรียบเทียบไม่ได้ เธอจะกล้ำกลืนฝืนทนมากแค่ไหนที่อยู่กับเขาตั้งหลายวัน อรรถพลถอนหายใจ ก็สมควรแล้วที่เธอเกลียด มันเป็นผลของการกระทำของเขาเอง จะโทษใครไม่ได้

               วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แม้เป็นแค่เพียงเวลาไม่กี่วัน มันสร้างความสุขให้แก่เขาอย่างมหาศาล ถ้าเป็นไปได้อยากให้มันเกิดขึ้นทุกวัน ลูกเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ ไม่มากก็น้อย อย่างน้อย ๆ อรพินยังแคร์ลูกถึงจะไม่แคร์ความรู้สึกของเขาก็ตาม

               “ได้กลับบ้านกันสักทีนะลูก” แม้แววตาฉายความดีใจที่ลูกกลับมาสุขภาพแข็งแรง ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามันเศร้า เสียใจ ที่หลังจากนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกแล้ว อรพินเองก็เช่นกัน ทุกวันเธอจะคุยกับเขาปกติ วันนี้เธอกลับไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา คุยแค่กับลูกสาวเป็นส่วนใหญ่ ทั้งสองต่างตกอยู่ในความเงียบ

               “รพินพี่ไปส่งรพินกลับเอง เอ่อคือพี่อยากให้ลูกใช้เวลาอยู่กับรพินนาน ๆ น่ะ” อรรถพลเสนอขับรถไปส่งเธอเอง ความจริงเขาหวังจะให้ลูกช่วยอ้อนเธอต่างหาก หากเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ “ให้พี่ไปส่งนะครับ อย่างน้อย ๆ รพินก็คิดว่าให้ชมพูนั่งรถไปส่งแล้วกัน นะครับ”

               “ก็ได้ค่ะ ไปส่งคุณแม่ไปทำงานก่อนนะคะ แล้วชมพูค่อยกลับบ้านกับป่ะป๊า” เธอไม่อยากพูดอะไรที่ซับซ้อนไปมากกว่าการบอกว่าตนไปทำงาน ทำงานเสร็จค่อยกลับบ้าน ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง อรรถพลยิ้มนิดหน่อยที่อรพินเข้าทางตน รีบเปิดประตูฝั่งตรงข้ามให้เธอเข้านั่งกับลูกสาว

               “ชมพูทำงานกับคุณแม่ด้วย” เด็กน้อยไม่ยอมท่าเดียว นั่งบนตักผู้เป็นแม่ พอหายป่วยก็กลับมาซนเหมือนเดิม ช่างพูดช่างเจรจาตามวัย ถามนู่นถามนี่ตลอดทาง ดูท่าทางสดใสกว่าสี่ห้าวันที่อยู่ในโรงพยาบาลอย่างเห็นได้ชัด อรพินนึกโล่งใจที่ลูกหายป่วยแล้ว อีกอย่างเธอจะได้ไม่ต้องเจอกับอรรถพลอีกด้วย

               “ไม่ได้! ต้องกลับกับป่ะป๊า ป่านนี้คุณย่า กับอาอร พี่อาร์เจรออยู่บ้านแล้วมั้ง” อรพินคุยกับลูกสาวระหว่างทางนั่งรถกลับคอนโดของตน อรรถพลเพียงนั่งเงียบ ๆ ฟังสองแม่ลูกคุยกัน และมีหน้าที่ขับรถอย่างเดียว “ให้คุณแม่หยุดงานก่อนแล้วคุณแม่จะไปรับนะคะ”

               “ไม่เอาอ่า ไม่อยากนอนกับป่ะป๊ากับคุณด้ากับอาอร” เด็กน้อยออกเสียงไม่ชัดเจนตามวัย ร้องไห้งอแงกอดเธอไว้แน่นราวกับว่าหากปล่อยแม่แม้แต่แขนข้างเดียว ผู้เป็นแม่จะหายไป ทำเอาอรพินใจหายอีกรอบ และถอนหายใจแบบคนลำบากใจ เหลือบไปมองอรรถพลเขาเงียบไม่พูดอะไร

               “ชมพูฟังแม่นะคะ ถ้าแม่ไม่ทำงานแล้วชมพูจะมีเงินซื้อตุ๊กตาเหรอลูก” เป็นคำพูดที่พ่อของเธอพูดประจำตอนเธอเป็นเด็ก ตอนนี้เธอกลับได้ใช้มันมาพูดกับลูกตัวเอง “ไม่อยู่กับคุณย่างั้นกลับไปบ้านสวนอยู่กับตาบูล กับน้าพุดจีบเอามั้ย แล้วนาน ๆ แม่ถึงจะกลับบ้านไปหาชมพู แล้วก็ไม่ต้องไปเที่ยวทะเลด้วย เอามั้ย! ถ้าชมพูกลับบ้านกะป่ะป๊าคุณแม่ไปหาทุกอาทิตย์เลย พาไปทะเลด้วย ไปสวนสัตว์ด้วย ข้าวหอมลูกน้าพลอยยังไม่เคยไปเลย” อรพินร่ายยาวหาเหตุผลมาอ้างเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะเข้าใจ พร้อมยกตัวอย่างเด็กข้างบ้านของเธอมาประกอบด้วย

               “ฮือ... “ เด็กหญิงหน้าบึ้ง ทำท่าจะร้องไห้ จ้องหน้าคนเป็นแม่ตาเขม่น เธอยังไม่อยากกลับบ้านไปหาผู้เป็นตา “กลับไปหาตาบูลได้ไปสวนสัตว์กับทะเลมั้ย”

               “ไม่”

               “ ฮือไม่เอาอ่า! ให้ป่ะป๊าทำงานคนเดียว คุณแม่ไม่ต้องทำงาน” เด็กน้อยฉลาดพูดแบบความคิดเด็ก ๆ  อรพินถึงกับจะหัวเราะออกมากับความคิดลูกสาว มันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ เด็กน้อยไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อรรถพลต่างหากที่เป็นฝ่ายหัวเราะคิกคักกับคำพูดลูกสาว

               “เนอะชมพู ป่ะป๊าทำงานคนเดียวก็ได้เนอะ แล้วเราไปอยู่บ้านด้วยกัน ให้คุณแม่อยู่เล่นกับหนูเนอะ” อรรถพลคุยเล่นกับลูกแกล้งเธอ แกล้งเออออไปกับลูกสาวด้วย

               “พี่อรรถจะขำทำไม ไม่คิดจะช่วยพูดให้รพินเลยหรือไง อย่าคิดจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือนะ “ เธอหันขวับไปมองพ่อของลูกทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะ อรรถพลเมินหน้าหนีสายตาของเธอที่มองมา “ยังไงรพินก็ไม่อยู่กับพี่อรรถ รพินไม่ได้รักพี่อรรถ” พอพูดคำนี้ไม่รู้ทำไมเธอถึงเจ็บปวดในความรู้สึก และน้ำตาก็พลันจะไหล อรพินพูดจบรีบหันหน้ามาหาลูกสาวตามเดิม

                “ครับ พี่ทราบดีและรู้ตัวเสมอ” อรรถพลหุบยิ้ม หน้ามองตรงตั้งใจขับรถเงียบ ๆ ต่อไป มีเพียงเสียงพูดคุยของอรพินกับลูกสาวที่กำลังร้องไห้งอแงกับเธอไปตลอดทาง

               จนกระทั่งถึงคอนโดของเธอ มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อชมพูไม่ยอมปล่อยแม่ ร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่ยอมกลับกับผู้เป็นพ่อ กอดเธอไว้แน่นอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมลงจากรถ แค่เธอเห็นน้ำตาลูกก็ใจอ่อนไปไหนต่อไหนแล้ว ทว่าความต้องการของลูกมันมากเกินกว่าที่เธอจะทำให้ได้จริง ๆ ไม่อยากจะทำ

               “ชมพูกลับบ้านเราป่ะลูก” อรรถพลเอื้อมมาจะอุ้มผู้เป็นลูกออกจากตักอรพิน แต่เด็กน้อยกอดแม่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร้องไห้เสียงดัง กรีดร้องสะอื้นอย่างน่าสงสาร เขาเองเมื่อเห็นเช่นนี้ก็แทบเข่าอ่อน สงสารลูก แต่จะทำอย่างไรได้ และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเองคนเดียว ขับรถบึ่งออกไปจากคอนโดของเธอ เพื่อกลับบ้านตนเอง

               “พี่อรรถจะพารพินไปไหน” อรพินตกใจเมื่อเห็นอรรถพลขับรถออกจากคอนโดของตน แต่พอจะเดาได้ว่ากลับบ้านเขานั่นแหละ เธอรู้คำตอบอยู่แล้วต้องทำอย่างไร และเขาจะพาเธอไปไหน เด็กหญิงกอดเธอร้องไห้ ตอนนี้เบาลงแล้วเพราะแม่อยู่กับตน ทว่ายังคงสะอื้นร้องไห้เป็นระยะ ๆ ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่

               “กลับบ้านเราไง บ้านพี่น่ะ! ไปส่งชมพูก่อนค่อยว่ากัน พี่ทนเห็นลูกร้องไห้เสียใจไม่ได้หรอกรพิน”

               “แต่พี่อรรถ”

               เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น ขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านตัวเอง เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ รีบลงมาเปิดประตูให้อรพินกับลูกสาว ชมพูยังไม่ยอมปล่อยผู้เป็นแม่ เหมือนหากว่าถ้าปล่อยผู้เป็นแม่จะหายไป อรพินรู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก นานหลายปีแล้วที่เธอไม่ได้มาเหยียบที่นี่ มาบ้านหลังนี้

               อรอุมาและแม่ของอรรถพลออกมาต้อนรับหลานสาวอย่างดีใจ ที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว “แข็งแรงนะลูก” แม่ของอรรถพลเข้ามาอวยพรหลานสาว ทว่าเด็กหญิงไม่ยอมให้อุ้ม

               “รพิน! ทำไมรพินถึงได้มากับพี่อรรถได้” อรอุมานึกแปลกใจ เธอรับรู้ทุกอย่างแม้กระทั่งความรู้สึกของเพื่อนสนิทในตอนนี้ แต่ทว่าเธอก็ดีใจ “อรดีใจมากเลยรพิน” อรอุมายิ้มให้เพื่อนอย่างคนตื่นเต้น แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดเสมอมา “ไม่รู้จักอาอรเลยนะชมพู เกาะแม่เป็นลิงเลย” อรอุมาหันมาแซวหลานสาวตัวน้อยแทน ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียด  ไม่อยากให้อรพินอึดอัด

               ผู้เป็นย่าเดินเคียงข้างไปกับเธอและหลานสาวเข้าบ้าน ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดูเหมือนอย่างเคย รอยยิ้มและแววตาคู่นี้ที่เธอเคยสัมผัสมาก่อน “มาหาย่ามาชมพู ปล่อยแม่ก่อน” แต่แล้วหลานสาวตัวน้อยก็ไม่ยอมไปกับตน คนเป็นย่าก็ไม่ได้บังคับขัดขืนหลานแต่อย่างใด และหันไปมองหน้าผู้เป็นลูกชาย เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

               “เรื่องมันยาวครับแม่ เราเข้าบ้านกันก่อนเถอะ”

               อรพินอุ้มลูกสาวเดินตามทุกคนเข้าบ้านไป เธอโดนมัดมือชกโดยลูกสาวตัวน้อยของเธอเอง จะไปต่อว่าอรรถพลก็คงไม่ได้ ถึงมันจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ อรรถพลก็พอใจที่มันเป็นแบบนี้ นึกขอบคุณลูกสาวเสียด้วยซ้ำ อรรถพลไม่ได้สั่งให้ลูกทำ ผลประโยชน์ก็ตกมาที่เขาด้วย อรรถพลเดินหิ้วกระเป๋าตามหลังอรพินเข้าบ้านไป

               “รพินที่พี่พูดกับรพินวันก่อน ทำตอนนี้เลยได้มั้ย” อรพินมองหน้าเขาไม่พูดไม่จาอะไร ขณะนี้ลูกสาวของเธอยอมออกห่างตัว เล่นกับผู้เป็นย่าและอา อรรถพลถือโอกาสคุยเรื่องที่เคยคุยกับเธอไว้ตอนที่อยู่โรงพยาบาล “คือ อยู่กับชมพูก่อน ไว้ชมพูเปิดเทอมเมื่อไหร่ กลับบ้านสวนรพินค่อยกลับไปอยู่คอนโดรพินเหมือนเดิมได้มั้ย”

               อรพินนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา คอยฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ “คือ พี่สงสารลูก พี่ขอร้องรพินได้มั้ยครับ แค่ช่วงนี้ช่วงที่ชมพูอยู่ที่นี่ก็พอ”

               “แค่คืนนี้ค่ะ คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น” อรรถพลเงียบ อะไรก็ได้แต่คืนนี้คืนเดียวก็ได้ เขาอยากอยู่ใกล้ ๆ เธอ ความรักของเขายังไม่เคยจางหายไปไหน เขารักเธอ รักคนเดียวเสมอมา

               “แล้วชมพูล่ะ รพินไม่สงสารลูกเหรอ ก็ได้ครับ! แค่คืนนี้คืนเดียว เดี๋ยวคืนนี้รพินนอนกับลูกที่ห้องพี่แล้วกัน พี่นอนโซฟาข้างล่างตรงนี้เอง”

               “คุณแม่ขา” ลูกสาวตัวน้อยร่างอวบผิวขาว ดูมุมไหนก็คล้ายอรรถพลไปหมด เดินเข้ามาหาเธอ ขึ้นมานั่งที่ตักของเธอ พร้อมหาวนอนเป็นสัญญาณบอกง่วงนอนแล้ว

               “พาหลานแม่ไปนอนเถอะลูก เดี๋ยวแม่ปิดบ้านเอง” นางชบาเอ่ยบอกทั้งสองคน พร้อมยิ้มให้เธอ อรพินรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก “แม่ว่าสิ่งไหนที่พอจะยอมทำให้ลูกมีความสุขก็ยอมเถอะนะ ถ้ามันไม่ทำร้ายความรู้สึกมากเกินไป”

               อรพินยิ้มให้ผู้เป็นย่าของหลาน “ค่ะแม่” ก่อนจะขอตัวขึ้นไปห้องอรรถพล วันนี้เธอทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ถูกสถานการณ์บีบบังคับไปเสียหมด พอมาถึงห้องนอนลูกสาวตัวดีกลับไม่มีท่าทีว่าจะหลับ ทำให้อรรถพลต้องอยู่ด้วยนานหลายนาที

               “คุณแม่ป่ะป๊าไปไหน” เด็กน้อยพูดเอื่อย ๆ ตื่นขึ้นมากลางดึก หลับตาแต่ก็ยังถามหาคนเป็นพ่อ

               “ป่ะป๊าไปนอนข้างล่างค่ะ”

               “คุณแม่พรุ่งนี้ให้ป่ะป๊ามานอนกับเราด้วยนะ” เด็กน้อยรู้สึกตัวตื่น เพียงถามหาเฉย ๆ ไม่ได้งอแงเหมือนตอนกลางวันแล้วก็หลับตาลงต่อไป ถึงจะขัดใจเธอแต่ทำไมรู้สึกดีแปลก ๆ ความจริงเธอจะขัดใจลูกสาวตัวดีก็ได้ ทำไมต้องยอม ทำไมต้องยอมถึงขนาดมานอนค้างที่บ้านและในห้องนอนของอรรถพลด้วย

จบ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่