คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เห็นใจจขกท. นะคะ เรื่องราวหนักอยู่พอสมควรเลยค่ะ
หัวอกของคนเป็นลูกก็มีความตั้งใจกตัญญูเลี้ยงดูบุพการี ตอบแทนบุญคุณของท่านให้ดีที่สุดอยู่แล้ว
แต่เบื้องต้นเราอยากให้นำเรื่องบาปบุญคุณโทษออกไปก่อน และมองในมุมของความสัมพันธ์ดู ในความสัมพันธ์นั้นมีผู้พึ่งพา ซึ่งในเรื่องคือคุณพ่อ และจขกท. เป็นผู้ที่ให้พึ่งพา
จากมุมมองของความสัมพันธ์ ที่มีการพึ่งพากัน ไม่ว่าจะเป็น แม่/ลูก สามี/ภรรยา ลูก/พ่อ เมื่อมีเหตุให้ผู้ให้พึ่งพาทนพฤติกรรมของผู้พึ่งพาไม่ได้ และตัดสินใจเดินออกมา คนที่ลำบากย่อมเป็นผู้พึ่งพา เพราะอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างเต็มที่
ต่อให้มีสายเลือดผูกพันหรือผ่านอะไรกันมามากมายก็ถึงจุดแตกหักได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาทุกยุค ทุกสมัย
กลับมาที่เรื่องของจขกท. เพื่อจะไม่ต้องไปถึงจุดนั้น จขกท. ต้องแก้ปัญหาด้วยการขีดเส้นกับคุณพ่อ คุยกับคุณพ่อให้ชัดเจน เพื่อตัวของท่านเอง บอกท่านว่าเราสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง และขีดจำกัดของเราอยู่ที่ไหน
ถ้าคุณพ่อล้ำเส้นด้วยการด่าทอด้วยถ้อยคำที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด เราจะหยุดให้ความช่วยเหลือ และเมื่อไหร่ที่ท่าทีคุณพ่อดีขึ้น เราค่อยตอบสนองในทางที่ดีกลับไป
อ่านฟังดูง่ายแต่ทำยาก แต่หากเราอยากหยุดความสัมพันธ์แย่ๆนี้ด้วยการไม่หลีกหนี วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เสียหายหากจะลอง
การที่เราจะทำดีผู้อื่นได้อย่างแท้จริง เราต้องยุติธรรมกับผู้อื่น และยุติธรรมกับตัวเองด้วย ในที่นี้คือการไม่ล้ำเส้น คงไม่มีใครอยากเป็นลูก เป็นแม่ เป็นสามีที่ละทิ้งครอบครัวเพราะถูกกัดกร่อนอยู่ฝ่ายเดียว
เอาใจช่วยจขกท. นะคะ
หัวอกของคนเป็นลูกก็มีความตั้งใจกตัญญูเลี้ยงดูบุพการี ตอบแทนบุญคุณของท่านให้ดีที่สุดอยู่แล้ว
แต่เบื้องต้นเราอยากให้นำเรื่องบาปบุญคุณโทษออกไปก่อน และมองในมุมของความสัมพันธ์ดู ในความสัมพันธ์นั้นมีผู้พึ่งพา ซึ่งในเรื่องคือคุณพ่อ และจขกท. เป็นผู้ที่ให้พึ่งพา
จากมุมมองของความสัมพันธ์ ที่มีการพึ่งพากัน ไม่ว่าจะเป็น แม่/ลูก สามี/ภรรยา ลูก/พ่อ เมื่อมีเหตุให้ผู้ให้พึ่งพาทนพฤติกรรมของผู้พึ่งพาไม่ได้ และตัดสินใจเดินออกมา คนที่ลำบากย่อมเป็นผู้พึ่งพา เพราะอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างเต็มที่
ต่อให้มีสายเลือดผูกพันหรือผ่านอะไรกันมามากมายก็ถึงจุดแตกหักได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาทุกยุค ทุกสมัย
กลับมาที่เรื่องของจขกท. เพื่อจะไม่ต้องไปถึงจุดนั้น จขกท. ต้องแก้ปัญหาด้วยการขีดเส้นกับคุณพ่อ คุยกับคุณพ่อให้ชัดเจน เพื่อตัวของท่านเอง บอกท่านว่าเราสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง และขีดจำกัดของเราอยู่ที่ไหน
ถ้าคุณพ่อล้ำเส้นด้วยการด่าทอด้วยถ้อยคำที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด เราจะหยุดให้ความช่วยเหลือ และเมื่อไหร่ที่ท่าทีคุณพ่อดีขึ้น เราค่อยตอบสนองในทางที่ดีกลับไป
อ่านฟังดูง่ายแต่ทำยาก แต่หากเราอยากหยุดความสัมพันธ์แย่ๆนี้ด้วยการไม่หลีกหนี วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เสียหายหากจะลอง
การที่เราจะทำดีผู้อื่นได้อย่างแท้จริง เราต้องยุติธรรมกับผู้อื่น และยุติธรรมกับตัวเองด้วย ในที่นี้คือการไม่ล้ำเส้น คงไม่มีใครอยากเป็นลูก เป็นแม่ เป็นสามีที่ละทิ้งครอบครัวเพราะถูกกัดกร่อนอยู่ฝ่ายเดียว
เอาใจช่วยจขกท. นะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
จากประสบการ์ณที่ทำงานอยู่ในกงสีมากว่า20ปี
บอกได้ว่าถ้าคุณมีลู่ทางอื่นก็ออกมาเถอะครับ
เพราะกงสีส่วนใหญ่ บริหารด้วยระบบอาวุโส ไม่ว่าคุณจะทำงานเก่งแค่ไหน คุณจะรับผิดชอบงานได้ดีขนาดไหน
ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือรับส่วนแบ่งรายได้มากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้ทำหรือทำงานได้ไม่ดี
ยกตัวอย่างจากประสบการ์ณ(ถือเป็นเรื่องเล่าสนุกๆ)ของผมกงสีผมเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างต่างจังหวัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บอกได้ว่าถ้าคุณมีลู่ทางอื่นก็ออกมาเถอะครับ
เพราะกงสีส่วนใหญ่ บริหารด้วยระบบอาวุโส ไม่ว่าคุณจะทำงานเก่งแค่ไหน คุณจะรับผิดชอบงานได้ดีขนาดไหน
ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือรับส่วนแบ่งรายได้มากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้ทำหรือทำงานได้ไม่ดี
ยกตัวอย่างจากประสบการ์ณ(ถือเป็นเรื่องเล่าสนุกๆ)ของผมกงสีผมเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างต่างจังหวัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 21
บุพการีคือคนที่ให้เราเกิด แต่เราเลือกชีวิตของเราได้นี่นา
เค้าก็บอกชัดๆอยู่ ว่าจะไม้ให้กิจการอะไรกับคุณเลย ในกรุงเทพให้น้องชาย ในขอนแก่นให้พี่ชาย ไม่ว่าคุณจะขยันจนตัวตายหรือขี้เกียจ ผลก็เท่ากัน
มันอาจฟังดูโชคร้ายที่เกิดเป็นผู้หญิงในครอบครัวคนจีน เเต่มันจะโชคร้าย ×10 ถ้าคุณไม่เลือกชีวิตของตัวเอง
เลือกก่อนที่จะไม่ได้เลือกนะคะ
เค้าก็บอกชัดๆอยู่ ว่าจะไม้ให้กิจการอะไรกับคุณเลย ในกรุงเทพให้น้องชาย ในขอนแก่นให้พี่ชาย ไม่ว่าคุณจะขยันจนตัวตายหรือขี้เกียจ ผลก็เท่ากัน
มันอาจฟังดูโชคร้ายที่เกิดเป็นผู้หญิงในครอบครัวคนจีน เเต่มันจะโชคร้าย ×10 ถ้าคุณไม่เลือกชีวิตของตัวเอง
เลือกก่อนที่จะไม่ได้เลือกนะคะ
ความคิดเห็นที่ 14
จะดับทุกข์ ต้องเข้าใจทุกข์ จึงจะสามารถพิจารณาถึงสาเหตุของทุกข์ และแสดวงหาทางดับทุกข์
มีปัญหา ต้องทำความเข้าใจกับปัญหา จึงจะแก้ปัญหาได้
ในฐานะคนนอก ที่มีข้อมูลอย่างจำกัด และรับรู้ข้อมูลจากมุมของท่าน จขกท. ฝ่ายเดียว จะพยายามช่วยแจกแจงประเด็นปัญหา เพื่อที่ท่าน จขกท. จะได้หาทางแก้ไขได้
1. ท่าน จขกท. เป็นโรคซึมเศร้า
2. ท่าน จขกท. ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นงานที่ไม่ชอบเพราะ
2.1 งานไม่ราบรื่น เปลี่ยนทีมงานบ่อย
2.2 แปลกที่แปลกทาง ไม่มีสังคม
3. รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกพี่ชายเอาเปรียบ
4. รู้สึกขาดความมั่นคง เพราะต้องทำงานให้กงสี แต่ในอนาคต อาจไม่มีการแบ่งธุรกิจ-ทรัพย์สินให้ตนเอง
หากที่ผมสรุปมาถูกต้อง ผมอยากจะลองเสนอวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นดังนี้
1. ท่าน จขกท. เป็นโรคซึมเศร้า
- พบแพทย์ ปรับวิธีคิด พยายามอยู่กับความจริง เพื่อให้มีสติ ที่จะใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาได้
เมื่อไหร่ที่ท่าน จขกท. คิดวนเวียน ติดกับความคิดตนเอง อาจจะลองระบายกับเพื่อนที่ไว้ใจได้ ถ้าไม่มี จะส่งข้อความปรึกษาผมทางหลังไมค์ได้ครับ หากเป็นเรื่องอยู่ในวิสัยที่ผมช่วยคิดอ่านได้ ผมยินดีรับฟัง
แต่เชื่อเถอะครับ ถึงที่สุดแล้ว ท่าน จขกท. คือคนที่รู้ดีที่สุด ว่าจะแก้ปัญหาของตนอย่างไร ท่านอาจต้องการเพียงคนที่จะช่วยให้ท่านมีกำลังใจ ช่วยให้ท่านสามารถตั้งสติเพื่อใช้ปัญญาของท่านได้เท่านั้น
2. ท่าน จขกท. ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นงานที่ไม่ชอบเพราะ
2.1 งานไม่ราบรื่น เปลี่ยนทีมงานบ่อย
ส่วนใหญ่จะเกิดจากการว่าจ้างทีมงานที่ไม่ได้คุณภาพ เพราะต้องการควบคุมต้นทุนให้ต่ำ
ควรลงทุนจ้างมืออาชีพ ถึงจะแพงกว่า แต่ควบคุมได้ว่า งานจะเสร็จเมื่อไหร่ มีกำหนดที่ชัดเจน และหากมีปัญหาภายหลัง จะกำหนดตัวผู้รับผิดชอบได้
มากล่าวตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์นัก แต่ถ้ายังมีปัญหาจนจบงานไม่ลง อาจลองพิจารณาวิธีนี้เป็นทางเลือกครับ
2.2 แปลกที่แปลกทาง ไม่มีสังคม
ผมอายุมากแล้ว เลยมีความคิดเห็นว่า ความห่างเหิน อยู่ที่ความรู้สึก ไม่ใช่ระยะทาง
หากให้ความสำคัญกัน จะเป็นการติดต่อกันช่องทางไหน ก็จะมีเวลาให้ ก็จะมีความรู้สึกดีๆ ให้กันเสมอครับ
การอยู่ห่างไกลกันบ้าง จะช่วยให้เห็นคุณค่าของการได้พบกัน อยู่ด้วยกันมากขึ้น เหมือนกับอาหาร จะดีเลิศแค่ไหน กินทุกวันก็เบื่อ นานๆ กินทีบ้าง ถึงจะรู้สึกอร่อย
อีกอย่าง ช่วงที่อยู่ขอนแก่น อาจจะป็นโอกาสดีที่ท่าน จขกท. จะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้โอกาสเข้าถึงความสงบที่คงหาได้ยากหากทำงานอยู่ กทม. ถ้าว่างและอาการซึมเศร้าดีขึ้นแล้ว จะลองกำหนดดูลมหายใจก็ได้ครับ
3. รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกพี่ชายเอาเปรียบ
ในโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมอย่าง 100% หรอกครับ ผมไม่ได้บอกว่า ท่าน จขกท. ต้องสักแต่ทน ผมเพียงแต่อยากให้ท่านไม่รู้สึกแย่จนเกินไปที่ประสบกับความไม่ยุติธรรม และไม่ต้องไปโทษชะตาฟ้าดินว่าทำไมเราถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ เพราะที่สำคัญ คือ เราจะทำอย่างไร ให้แก้ปัญหาความยุติธรรมได้ และอยู่รอดได้ ถึงแก้ไม่ได้ขาด ก็ต้องลดปัญหาลงไป
คนจีนมีคำกล่าวกว่า ก่อนสวรรค์จะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับใคร จะส่งบททดสอบให้กับคนผู้นั้นเสียก่อนครับ
พ่อของคุณ จขกท. ลึกๆ เองก็รู้ดีว่า จะวางใจให้ใครทำงานได้ ถึงได้มอบหมายให้ท่าน จขกท. ไป คนมีความสามารถ มักจะต้องแบกรับภาระมากกว่าผู้อื่น ถึงแม้อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก แต่ก็ขอให้ภูมิใจ ที่ท่าน จขกท. เป็นที่วางใจของคุณพ่อมากกว่าพี่ชายนะครับ
4. รู้สึกขาดความมั่นคง เพราะต้องทำงานให้กงสี แต่ในอนาคต อาจไม่มีการแบ่งธุรกิจ-ทรัพย์สินให้ตนเอง
เรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหว แต่แทนที่จะเอามาคุยกันตอนที่กำลังทะเลาะกัน ควรจะเก็บไว้คุยในโอกาสอื่นนะครับ
ตอนนี้ก็แค่แสดงฝีมือให้ท่านเห็น ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จบงานนี้แล้ว ก็หาโอกาสคุยกับคุณพ่อตอนท่านอารมณ์ดีกว่านี้ แล้วให้ท่านพิจารณาเอาเอง
ไม่แน่ว่า ท่าน จขกท. อาจจะลองมองโอกาสธุรกิจที่สนใจ และขอทุนจากกงสี มาทำก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการพัฒนาธุรกิจใหม่แยกออกมาเลย จะได้ถูกก้าวก่ายจากพี่น้องคนอื่นได้ยาก
สำหรับเรื่องลงแรง ถ้าทำแล้วไม่ได้อะไร ก็ถือว่าทำให้พ่อทดแทนคุณ แต่สักวันหนึ่ง หากพี่ชายไม่ใส่ใจทำงานจริง สุดท้าย ก็คงจะต้องให้ท่าน จขกท. หรือน้องชาย เข้าไปช่วยดำเนินการแทนล่ะครับ ช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ คนไม่ทุ่มเทไม่มีความสามารถ คงจะไม่สามารถทำธุรกิจโรงแรมให้อยู่รอดได้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้น คนอื่นที่มีความพร้อม คงจะได้รับมอบหมายให้ไปดูแลแทน
ทุกปัญหามีทางออก พยายามคิดแก้ปัญหาได้แต่อย่าทุกข์ การคิดทบทวนซ้ำๆ ขอให้เป็นเพียงความวิริยะที่ประกอบด้วยปัญญาเพื่อหาทางออก ไม่ใช่การคิดวนเวียนหมกมุ่นด้วยความทุกข์ สำหรับผมแล้ว การกำหนดอารมณ์ ควบคู่กับ การใช้ปัญญา คือเส้นแบ่งของความหมกมุ่นเป็นทุกข์ กับ วิริยะ ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน จขกท. เพื่อก้าวผ่านปัญหา และกลับมาเข้มแข็งโดยเร็ว
หากกลัดกลุ้มมาก ไม่มีที่ระบาย ผมยินดีรับฟัง ถึงแม้อาจจะตอบกลับช้าไปบ้างก็ตาม
มีปัญหา ต้องทำความเข้าใจกับปัญหา จึงจะแก้ปัญหาได้
ในฐานะคนนอก ที่มีข้อมูลอย่างจำกัด และรับรู้ข้อมูลจากมุมของท่าน จขกท. ฝ่ายเดียว จะพยายามช่วยแจกแจงประเด็นปัญหา เพื่อที่ท่าน จขกท. จะได้หาทางแก้ไขได้
1. ท่าน จขกท. เป็นโรคซึมเศร้า
2. ท่าน จขกท. ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นงานที่ไม่ชอบเพราะ
2.1 งานไม่ราบรื่น เปลี่ยนทีมงานบ่อย
2.2 แปลกที่แปลกทาง ไม่มีสังคม
3. รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกพี่ชายเอาเปรียบ
4. รู้สึกขาดความมั่นคง เพราะต้องทำงานให้กงสี แต่ในอนาคต อาจไม่มีการแบ่งธุรกิจ-ทรัพย์สินให้ตนเอง
หากที่ผมสรุปมาถูกต้อง ผมอยากจะลองเสนอวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นดังนี้
1. ท่าน จขกท. เป็นโรคซึมเศร้า
- พบแพทย์ ปรับวิธีคิด พยายามอยู่กับความจริง เพื่อให้มีสติ ที่จะใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาได้
เมื่อไหร่ที่ท่าน จขกท. คิดวนเวียน ติดกับความคิดตนเอง อาจจะลองระบายกับเพื่อนที่ไว้ใจได้ ถ้าไม่มี จะส่งข้อความปรึกษาผมทางหลังไมค์ได้ครับ หากเป็นเรื่องอยู่ในวิสัยที่ผมช่วยคิดอ่านได้ ผมยินดีรับฟัง
แต่เชื่อเถอะครับ ถึงที่สุดแล้ว ท่าน จขกท. คือคนที่รู้ดีที่สุด ว่าจะแก้ปัญหาของตนอย่างไร ท่านอาจต้องการเพียงคนที่จะช่วยให้ท่านมีกำลังใจ ช่วยให้ท่านสามารถตั้งสติเพื่อใช้ปัญญาของท่านได้เท่านั้น
2. ท่าน จขกท. ได้รับมอบหมายให้ทำงานที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นงานที่ไม่ชอบเพราะ
2.1 งานไม่ราบรื่น เปลี่ยนทีมงานบ่อย
ส่วนใหญ่จะเกิดจากการว่าจ้างทีมงานที่ไม่ได้คุณภาพ เพราะต้องการควบคุมต้นทุนให้ต่ำ
ควรลงทุนจ้างมืออาชีพ ถึงจะแพงกว่า แต่ควบคุมได้ว่า งานจะเสร็จเมื่อไหร่ มีกำหนดที่ชัดเจน และหากมีปัญหาภายหลัง จะกำหนดตัวผู้รับผิดชอบได้
มากล่าวตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์นัก แต่ถ้ายังมีปัญหาจนจบงานไม่ลง อาจลองพิจารณาวิธีนี้เป็นทางเลือกครับ
2.2 แปลกที่แปลกทาง ไม่มีสังคม
ผมอายุมากแล้ว เลยมีความคิดเห็นว่า ความห่างเหิน อยู่ที่ความรู้สึก ไม่ใช่ระยะทาง
หากให้ความสำคัญกัน จะเป็นการติดต่อกันช่องทางไหน ก็จะมีเวลาให้ ก็จะมีความรู้สึกดีๆ ให้กันเสมอครับ
การอยู่ห่างไกลกันบ้าง จะช่วยให้เห็นคุณค่าของการได้พบกัน อยู่ด้วยกันมากขึ้น เหมือนกับอาหาร จะดีเลิศแค่ไหน กินทุกวันก็เบื่อ นานๆ กินทีบ้าง ถึงจะรู้สึกอร่อย
อีกอย่าง ช่วงที่อยู่ขอนแก่น อาจจะป็นโอกาสดีที่ท่าน จขกท. จะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้โอกาสเข้าถึงความสงบที่คงหาได้ยากหากทำงานอยู่ กทม. ถ้าว่างและอาการซึมเศร้าดีขึ้นแล้ว จะลองกำหนดดูลมหายใจก็ได้ครับ
3. รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกพี่ชายเอาเปรียบ
ในโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมอย่าง 100% หรอกครับ ผมไม่ได้บอกว่า ท่าน จขกท. ต้องสักแต่ทน ผมเพียงแต่อยากให้ท่านไม่รู้สึกแย่จนเกินไปที่ประสบกับความไม่ยุติธรรม และไม่ต้องไปโทษชะตาฟ้าดินว่าทำไมเราถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ เพราะที่สำคัญ คือ เราจะทำอย่างไร ให้แก้ปัญหาความยุติธรรมได้ และอยู่รอดได้ ถึงแก้ไม่ได้ขาด ก็ต้องลดปัญหาลงไป
คนจีนมีคำกล่าวกว่า ก่อนสวรรค์จะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้กับใคร จะส่งบททดสอบให้กับคนผู้นั้นเสียก่อนครับ
พ่อของคุณ จขกท. ลึกๆ เองก็รู้ดีว่า จะวางใจให้ใครทำงานได้ ถึงได้มอบหมายให้ท่าน จขกท. ไป คนมีความสามารถ มักจะต้องแบกรับภาระมากกว่าผู้อื่น ถึงแม้อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก แต่ก็ขอให้ภูมิใจ ที่ท่าน จขกท. เป็นที่วางใจของคุณพ่อมากกว่าพี่ชายนะครับ
4. รู้สึกขาดความมั่นคง เพราะต้องทำงานให้กงสี แต่ในอนาคต อาจไม่มีการแบ่งธุรกิจ-ทรัพย์สินให้ตนเอง
เรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหว แต่แทนที่จะเอามาคุยกันตอนที่กำลังทะเลาะกัน ควรจะเก็บไว้คุยในโอกาสอื่นนะครับ
ตอนนี้ก็แค่แสดงฝีมือให้ท่านเห็น ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย จบงานนี้แล้ว ก็หาโอกาสคุยกับคุณพ่อตอนท่านอารมณ์ดีกว่านี้ แล้วให้ท่านพิจารณาเอาเอง
ไม่แน่ว่า ท่าน จขกท. อาจจะลองมองโอกาสธุรกิจที่สนใจ และขอทุนจากกงสี มาทำก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการพัฒนาธุรกิจใหม่แยกออกมาเลย จะได้ถูกก้าวก่ายจากพี่น้องคนอื่นได้ยาก
สำหรับเรื่องลงแรง ถ้าทำแล้วไม่ได้อะไร ก็ถือว่าทำให้พ่อทดแทนคุณ แต่สักวันหนึ่ง หากพี่ชายไม่ใส่ใจทำงานจริง สุดท้าย ก็คงจะต้องให้ท่าน จขกท. หรือน้องชาย เข้าไปช่วยดำเนินการแทนล่ะครับ ช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ คนไม่ทุ่มเทไม่มีความสามารถ คงจะไม่สามารถทำธุรกิจโรงแรมให้อยู่รอดได้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้น คนอื่นที่มีความพร้อม คงจะได้รับมอบหมายให้ไปดูแลแทน
ทุกปัญหามีทางออก พยายามคิดแก้ปัญหาได้แต่อย่าทุกข์ การคิดทบทวนซ้ำๆ ขอให้เป็นเพียงความวิริยะที่ประกอบด้วยปัญญาเพื่อหาทางออก ไม่ใช่การคิดวนเวียนหมกมุ่นด้วยความทุกข์ สำหรับผมแล้ว การกำหนดอารมณ์ ควบคู่กับ การใช้ปัญญา คือเส้นแบ่งของความหมกมุ่นเป็นทุกข์ กับ วิริยะ ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน จขกท. เพื่อก้าวผ่านปัญหา และกลับมาเข้มแข็งโดยเร็ว
หากกลัดกลุ้มมาก ไม่มีที่ระบาย ผมยินดีรับฟัง ถึงแม้อาจจะตอบกลับช้าไปบ้างก็ตาม
ความคิดเห็นที่ 23
บางทีเราก็อยากเป็นคนดีในสายตาพ่อแม่ อยากเป็นลูกที่ดีนะ อยากให้เขารัก อยากได้ความรักจากเขา แต่ความล้มเหลวมันสอนเราว่า ไม่ว่าเราพยายามไปเท่าไหร่ มันก็ไม่เคยดีพอสำหรับเขา แล้วพอเราตามใจเขามากๆ เรายิ่งเสียตัวต้น เขายิ่งได้ใจ เราผิดเองที่ตามใจเขามากไปและสปอย์เขามากไป (ลองคิดภาพ ทำให้ ทำให้ ทำให้ มาตลอด วันหนึ่ง ลูกสาวบอก "ไม่ทำ" เขาก็ช็อคนะ ทำไมไม่มาช่วยๆๆๆๆ)
คุณไปทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จก่อน อย่าไปช่วยเหลือคนอื่นถ้ายังเอาตัวเองไม่รอด ถ้าเรามั่นคงแล้ว เราจะช่วยเหลือใครก็ตามใจเราเลย เอ้นดูเขาเอ็นเราขาด เอาชีวิตให้มีความสุขดีกว่าเขา พ่อคุณ พี่คุณ แม่คุณ น้องคุณ เขาโตมาขนาดนี้แล้ว เขาเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก ไม่มีคุณ เขาก็หาทางอื่นได้
อย่าตามใจพวกเขาจนเสียคน แล้วเราเสียสุขภาพจิต
คุณไปทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จก่อน อย่าไปช่วยเหลือคนอื่นถ้ายังเอาตัวเองไม่รอด ถ้าเรามั่นคงแล้ว เราจะช่วยเหลือใครก็ตามใจเราเลย เอ้นดูเขาเอ็นเราขาด เอาชีวิตให้มีความสุขดีกว่าเขา พ่อคุณ พี่คุณ แม่คุณ น้องคุณ เขาโตมาขนาดนี้แล้ว เขาเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก ไม่มีคุณ เขาก็หาทางอื่นได้
อย่าตามใจพวกเขาจนเสียคน แล้วเราเสียสุขภาพจิต
ความคิดเห็นที่ 39
กอด จขกท แน่นๆนะคะ
ปัญหาโลกแตกของลูกสาวในครอบครัวคนจีน อ่านๆไปยิ่งกว่าละครเลือดข้นคนจาง
ถ้าพ่อแม่ชัดเจนว่า ไม่ยกอะไรให้เราเนื่องจากเราเป็นลูกสาว จะด้วยว่ากลัวเราแต่งงานแล้วสมบัติจะกระเด็นไปหาคนนอกหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมคิดถึงอนาคตตัวเองเยอะๆนะคะ ความเยาว์วัยมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ด้วยวัยเท่านี้เรายังไปแข่งขันในตลาดได้ แต่ยิ่งแก่ตัวลง เราสู้เด็กใหม่ๆไฟแรง ค่าแรงถูกกว่าไม่ได้หรอกค่ะ
วางแผนเผื่ออนาคตตัวด้วยนะคะ พ่อแม่ ความกตัญญูก็ส่วนนึง แต่อนาคต ชีวิตของคุณต้องมาก่อนค่ะ
พ่อแม่ไม่ได้รักลูกเท่ากันทุกคนค่ะ รักตัวเองให้มากพอคุณจะหาทางแก้ปัญหานี้ได้
ขอให้โชคดีนะคะ
ปัญหาโลกแตกของลูกสาวในครอบครัวคนจีน อ่านๆไปยิ่งกว่าละครเลือดข้นคนจาง
ถ้าพ่อแม่ชัดเจนว่า ไม่ยกอะไรให้เราเนื่องจากเราเป็นลูกสาว จะด้วยว่ากลัวเราแต่งงานแล้วสมบัติจะกระเด็นไปหาคนนอกหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมคิดถึงอนาคตตัวเองเยอะๆนะคะ ความเยาว์วัยมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ด้วยวัยเท่านี้เรายังไปแข่งขันในตลาดได้ แต่ยิ่งแก่ตัวลง เราสู้เด็กใหม่ๆไฟแรง ค่าแรงถูกกว่าไม่ได้หรอกค่ะ
วางแผนเผื่ออนาคตตัวด้วยนะคะ พ่อแม่ ความกตัญญูก็ส่วนนึง แต่อนาคต ชีวิตของคุณต้องมาก่อนค่ะ
พ่อแม่ไม่ได้รักลูกเท่ากันทุกคนค่ะ รักตัวเองให้มากพอคุณจะหาทางแก้ปัญหานี้ได้
ขอให้โชคดีนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ไปต่อหรือพอแค่นี้ ทำงานกงสี ที่มาพร้อมโรคซึมเศร้า
เรื่องมีอยู่ว่า ที่บ้านทำธุรกิจที่กรุงเทพ ซึ่งเราทำกับน้องชาย(กงสี)เริ่มทำด้วยกันเมื่อ5ปีที่เเล้ว อยู่ๆวันดีคืนดี พ่อก็จะเริ่มรีโนเวทตึกๆนึงที่ขอนแก่นให้พี่ชายทำ ที่บ้านก็พยายามคัดค้านว่าอย่าทำเพราะมันไกล ครอบครัวทุกคนก็อยู่กรุงเทพ ถ้าทำธุรกิจที่กรุงเทพ มันก็ยังพอช่วยกันได้ รั้งกันยังไงก็ไม่ฟัง สุดท้ายพ่อก็เริ่มโครงการฯที่ขอนแก่น ด้วยเหตุผลคือ พี่ชายบอกว่าชีวิตนี้จะอยู่ที่นั่น ไม่มาอยู่กรุงเทพฯ ถ้าพ่อลงทุนที่กรุงเทพ จะขายทิ้ง ....
ธุรกิจนี้เกี่ยวกับการรีโนเวทตึกเพื่อทำโรงแรม การก่อสร้างใช้เวลายาวนานมาก ด้วยปัญหาเปลี่ยนทีมทำงานตลอด ผ่านไป4ปี ก็ยังไม่สำเร็จ แต่คาดว่าจะเสร็จปีนี้แหล่ะ ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อ 2 ปีก่อน พ่อเคยมาบอกให้เราไปช่วย ไม่มีคนทำ เราก็ไป แล้วสุดท้ายก็ไม่ถูกใจ โดนไล่กลับมา เมื่อปีที่แล้วก็เรียกไปช่วยอีก เราปฏิเสธไม่ได้ก็เลยต้องไปช่วย โดยระหว่างที่เราไปทำที่ขอนแก่น งานที่กรุงเทพให้น้องทำแทน ระหว่างที่อยู่ที่นั่นคือเราเครียดมากถึงมากที่สุด การทำงานในไซต์ก่อสร้าง มันไม่แฮปปี้ แต่นั่นก็ไม่เท่าความเครียดที่เกิดจากพ่อเราบ่นๆ ด่าๆ ตำหนิทุกอย่าง ว่าทุกคน ไม่มีใครหรืออะไรถูกใจสักเรื่อง และเวลาพูดก็ใช้ถ้อยรุนแรงตลอด นอกเหนือจากการย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัด ที่ๆเราไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ไม่ใช่บ้านเรา เลิกงานมาค่ำก็กลับห้อง เช้ามาก็ทำงาน วนเวียนไปแบบนี้กับสิ่งแวดล้อมแบบข้างต้น ตื่นเช้าร้องไห้ทุกวัน บางวันถึงกับอยากตายไม่อยากมีชีวิตอยู่ รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่เเบบเป็นเครื่องจักร จนสุดท้ายเราทนไม่ไหว กลับมากรุงเทพ พบจิตแพทย์ คุณหมอบอกว่าเป็นโรคซึมเศร้า ต้องทานยา พอดีเป็นช่วงโควิด ที่ขอนแก่นหยุดก็เลยได้พัก แต่เราก็เลี่ยงไม่ไปเจอพ่อ แล้วก็ไม่กลับไปทำงานนั้นอีก
จนมาล่าสุดเดือนที่เเล้ว พ่อเรียกให้กลับไปทำอีก
บอกว่าไม่มีคนทำ พี่ชายคงทำไม่ได้ (พี่ชายเป็นคนไม่ทำงานอะไรเลยค่ะ อยู่ชิลๆไปวันๆ เข้างาน 10.00 พัก11-14.00 กลับบ้าน 17.00 หยุดเสาร์ อาทิตย์) เราเลยถามพ่อว่า ให้ไปทำนี้คือ ต้องอยู่นานขนาดไหน พ่อบอกทำจนให้มันสำเร็จ เราเลยถามพ่อ ว่าคำว่าสำเร็จคืออะไร ต้องอยู่นานขนาดไหน ไม่มีกำหนดเหรอ เท่านั้นละ พ่อระเบิดลงใส่เราเป็นชุด ด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนเเรง เป็นลูกอกตัญญู ว่าเสียๆหายๆ ... (ที่เราถามคือเราต้องการความชัดเจนเพราะจะวางแผนชีวิต พ่อเคยพูดว่า ธุรกิจที่กรุงเทพจะยกให้น้อง ธุรกิจที่ขอนแก่นจะยกให้พี่ ถ้าสุดท้ายเราไปทำให้เปล่าๆ เราก็ควรจะรู้ว่าเราจะวางแผนชีวิตยังไงในอนาคต ต้องออกมาหาทำงานของตัวเองเมื่อไหร่ ยังไง) สุดท้ายหลังจากด่าเรายืดยาว พ่อไล่เราออกไปทำงานที่อื่น ไม่ต้องมาทำแม้เเต่บริษัทที่กรุงเทพ วันนั้นเรารับอะไรไม่ไหวแล้ว นั่งร้องไห้อยู่ 2 วันไม่กลับบ้าน และตัดสินใจไปอยู่วัดปฏิบัติธรรม เอาธรรมะเข้าข่มใจ ไม่งั้นคงตั้งสติไม่ได้
พอกลับมา แม่บอกว่า พ่อจะคุยด้วย พ่อรู้สึกผิดที่ด่าเราด้วยถ้อยคำรุนแรง อยากให้กลับไปช่วยงาน เพราะไม่มีใครจะทำแล้ว พ่อก็แก่มากแล้ว ไม่ค่อยสบายด้วย ธุรกิจต้องช่วยกัน เลือดข้นกว่าน้ำ บลา บลา
เราอยากรู้ว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะไปช่วยอีกไหมคะ ในใจเราบอกว่า จะกลับไปทำไมทั้งที่พี่ชายเขายังไม่ทำอะไรเลย เราไปทำก็ทำให้เขาอยู่สบายเปล่าๆ เวลาเราป่วยเราโดดเดี่ยว ไม่ได้มีใครมาสนใจเราสักนิด ร้องไห้อยู่คนเดียว ตื่นก็ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปทำงานต่อ วนไปอย่างนี้ ใจนึงก็กลัวจะรู้สึกผิด เพราะพ่อก็แก่แล้ว ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาเราจะต้องเสียใจจนวันตายไหม เหมือนมีคำว่ากตัญญูมาค้ำคอ อีกใจนึงก็รู้สึกว่าทำไมทุกคนตัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาตัวเองสบายกันจัง (น้องชายไม่ไปช่วย เพราะจะอยู่กับครอบครัว - เราก็เข้าใจบ้างนิดหน่อย แต่เพราะทุกคนคิดว่าเขามีครอบครัวเลยเอางานนี้มาโยนลงที่เรา ที่เป็นโสดไม่มีครอบครัว จะโดนสั่งไปอยู่ที่ไหนก็ได้ งานที่กรุงเทพก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยมากมายเหมือนเริ่มใหม่ ทำไมสำหรับคนอื่นตัวเลือกมันดูง่ายดายจังเลย) ความรู้สึกเราคือ ทำไมเราเป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุดสำหรับทุกคนเลย เป็นตัวทำงาน ใครจะเตะไปทางไหนก็ได้แบบนี้เหรอ เอาเปรียบกันจัง
ยาวเลย ขอบคุณที่อ่านนะคะ อยากฟังความเห็นคนอื่นบ้าง เราคิดวนไปมา ขอไม่เอาความเห็นว่าเราเกิดมาสบายแล้วจะมาคร่ำครวญอะไร จริงๆมันคือทุกข์ใจมาก อยากได้วิธีคิดที่จะผ่านมันไปได้ ใจนึงก็ไม่อยากไป เพราะไม่อยากไปก่อกรรมเพิ่มกับบุพการี หรือว่ามันเป็นกรรมที่เราควรไปชดเชยให้เขาจะได้จบสิ้นไป ถือว่าติดค้างกันมา ใจนึงก็คิดจะหลบไปบวช ให้อยู่ไกลๆจากสิ่งแวดล้อมtoxicแบบนี้ ไม่รู้คิดแบบนี้จะถูกมั้ย อยากฟังความเห็นเพื่อนำมาปรับจูนความคิดตัวเองนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ