เป็นที่จับตามองเมื่อ 4 สหายยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง Amazon, Facebook, Apple และ Google ต้องรายงานรายได้และกำไรสำหรับไตรมาสที่ 3 (ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน) เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทั้ง 4 บริษัทมีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือมีรายได้มหาศาลจากการเติบโตทะลุเป้าเมื่อเทียบกับปีที่แล้วครับ
Amazon ราชาแห่งวงการ e-commerce
รายได้ของ Amazon ทะยานขึ้นถึง 9.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 37% โดยมีกำไรทะลุหลอดอยู่ที่ 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 เท่าของปีที่แล้ว
ปฎิเสธไม่ได้ว่า COVID-19 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Amazon มีรายได้มหาศาลแบบนี้ ผลกระทบของโลกระบาดทำให้ประชากรโลกใช้บริการซื้อขายทาง Internet มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยธรุกิจกล่องลังสำหรับใส่สินค้าและบริการขนส่งสินค้าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากครับ นอกจากชาวประชาคมโลกหันมาซื้อของ online มากขึ้น Amazon ยังมีรายได้มหาศาลจากธุรกิจโฆษณาและการให้บริการ cloud computing อีกด้วย
อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ รายได้มหาศาลของ Amazon มาพร้อมกับรายจ่ายจำนวนมากทั้งทางด้านตัวเงินที่เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับ COVID-19 และด้านชื่อเสียงจากการประท้วงบริษัทอย่างหนักเนื่องจากสภาพแวดล้อมการทำงาน
Social media เมื่อผลกระทบจาก COVID-19 ค่อยๆ ทุเลา
Facebook และเหล่า social media ในเครือ เช่น WhatsApp และ Instagram ก็มียอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 2.5 พันล้านคนต่อวัน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วถึง 15% เนื่องจากผู้คนโดนบังคับให้กักตัวในบ้านเลยหันมาเล่น social media และสังสรรค์ผ่านทางสังคม online มากขึ้น อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ใช้ Facebook ลดลงใน US และแคนาดาซึ่งเป็นตลาดหลักของ Facebook และยังมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ใช้จะลดลงอีกในอนาคต
การลดลงของ Users ไม่ได้กระทบกับนักการตลาด... หรือเปล่า?
ในช่วงการแรกของการ lock down ที่ผ่านมา หลายบริษัทตัดสินใจลดการโฆษณาบน social media อย่าง facebook หรือการโฆษณากับ Search engine ชชชื่อดังอย่าง Google ทำให้ Google มีรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004
อย่างไรก็ตามยอดผู้ใช้เริ่มสูงขึ้น ส่งผลให้งบการตลาดเหล่านั้นกลับมาที่ Facebook และ Google มากขึ้น รายได้ของ Google เพิ่มขึ้น 14% และกำไรพุ่งขึ้นถึง 59% มากกว่าปีที่แล้ว
ทาง Twitter เองก็ไม่น้อยหน้า เมื่อผู้บริหารของ Twitter ออกมาให้ความให้ข้อมูลว่ารายได้เพิ่มขึ้นถึง 12% และว่าน่าจะโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
Apple กับ iPhone 12 แห่งความหวัง
ยอดขายของ Apple ทะลุ 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับอานิสงค์มาจากการเติมโตของยอดจำหน่าย Laptops และ iPad ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นดังกล่าวได้หักปากกาเซียนไปหลายด้าม อย่างไรก็ตามยอดขายของ iPhone พระเอกหลักของชาวผลไม้กลับตกลงถึง 20% เนื่องมาจากการแบน iPhone ในประเทศจีนทำให้ยอดจำหน่าย iPhone ในประเทศจีนลดลงกว่า 30%
นอกจากนี้ ยอดขาย smartphone ยังลดลงเนื่องจากพิษเศรษฐกิจจาก COVID-19 เมื่อผู้บริโภคพยายามประหยัดเงินในกระเป๋าเตรียมสู้ภัยเศรษฐกิจโดยพยายามยืดอายุการใช้มือถือเครื่องเดิมให้ยาวนานที่สุดของ อย่างไรก็ตามคุณ Tim Cook ก็ยังเชื่อว่า iPhone 12 ที่มาพร้อมกับสัญญาณ 5G จะช่วยเร่งยอดขายให้ดียิ่งขึ้นครับ
ความสำเร็จนี้เป็นแค่ก้าวแรก?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสฉลองชัยชนะจากยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการ แต่ในทางกลับกันสิ่งทีรอพวกเขาอยู่ในวันข้างหน้าคือการรักษาอัตราการเติบโตในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการผลตอบแทนของนักลงทุนผ่านทางกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการอันปังปุริเย่ของพวกเขาก็สามารถต้านทางความวิตกของนักลงทุนใน DOW JONES ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อนักลงทุนต่างวิตกกังวลเรื่อง COVID-19, นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเลือกตั้งประธาณาธิบดีของ US ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ปิดบวกได้ในช่วงวันพฤหัสที่ประกาศผลประกอบการ บางตัวก็ติดลบในวันถัดมาครับ
นอกจากนี้ความท้าทายที่รอพวกเขาอยู่คือกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น ยิ่งพวกเขาประสบความสำเร็จมากเท่าใด พวกเขาก็จะเป็นเป้าให้ภาครัฐเข้ามาควบคุมมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อบริษัทโตจนมีส่วนแบ่งทางการตลาดใหญ่ คู่แข่งก็อาจเดินเรื่องเพื่อนำเรื่องการผู้ขาดทางการค้ามาใช้เพื่อชะลอการโตของพวกเขาครับ
หลายๆ คนพูดไว้ว่า COVID-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้โลกเข้ายุค Digital มากขึ้น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่จับ trend ถูกก็จะมีผลประกอบการอลังการครับ แต่ในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อคนใช้งานระบบ online จะกลับมาใช้ชีวิต offline เมื่อ COVID-19 ซาลงหรือไม่ ต้องมาติดตามกันครับ
ฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลดีๆ มาให้เรื่อยๆ นะครับผม
โตไม่หยุดฉุดไม่อยู่!!! เมื่อ Amazon, Apple, Facebook และ Google มีผลประกอบการทะลุเป้า
เป็นที่จับตามองเมื่อ 4 สหายยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง Amazon, Facebook, Apple และ Google ต้องรายงานรายได้และกำไรสำหรับไตรมาสที่ 3 (ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน) เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ทั้ง 4 บริษัทมีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือมีรายได้มหาศาลจากการเติบโตทะลุเป้าเมื่อเทียบกับปีที่แล้วครับ
Amazon ราชาแห่งวงการ e-commerce
รายได้ของ Amazon ทะยานขึ้นถึง 9.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 37% โดยมีกำไรทะลุหลอดอยู่ที่ 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 เท่าของปีที่แล้ว
ปฎิเสธไม่ได้ว่า COVID-19 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Amazon มีรายได้มหาศาลแบบนี้ ผลกระทบของโลกระบาดทำให้ประชากรโลกใช้บริการซื้อขายทาง Internet มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยธรุกิจกล่องลังสำหรับใส่สินค้าและบริการขนส่งสินค้าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากครับ นอกจากชาวประชาคมโลกหันมาซื้อของ online มากขึ้น Amazon ยังมีรายได้มหาศาลจากธุรกิจโฆษณาและการให้บริการ cloud computing อีกด้วย
อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ รายได้มหาศาลของ Amazon มาพร้อมกับรายจ่ายจำนวนมากทั้งทางด้านตัวเงินที่เป็นรายจ่ายเกี่ยวกับ COVID-19 และด้านชื่อเสียงจากการประท้วงบริษัทอย่างหนักเนื่องจากสภาพแวดล้อมการทำงาน
Social media เมื่อผลกระทบจาก COVID-19 ค่อยๆ ทุเลา
Facebook และเหล่า social media ในเครือ เช่น WhatsApp และ Instagram ก็มียอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 2.5 พันล้านคนต่อวัน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วถึง 15% เนื่องจากผู้คนโดนบังคับให้กักตัวในบ้านเลยหันมาเล่น social media และสังสรรค์ผ่านทางสังคม online มากขึ้น อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ใช้ Facebook ลดลงใน US และแคนาดาซึ่งเป็นตลาดหลักของ Facebook และยังมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ใช้จะลดลงอีกในอนาคต
การลดลงของ Users ไม่ได้กระทบกับนักการตลาด... หรือเปล่า?
ในช่วงการแรกของการ lock down ที่ผ่านมา หลายบริษัทตัดสินใจลดการโฆษณาบน social media อย่าง facebook หรือการโฆษณากับ Search engine ชชชื่อดังอย่าง Google ทำให้ Google มีรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004
อย่างไรก็ตามยอดผู้ใช้เริ่มสูงขึ้น ส่งผลให้งบการตลาดเหล่านั้นกลับมาที่ Facebook และ Google มากขึ้น รายได้ของ Google เพิ่มขึ้น 14% และกำไรพุ่งขึ้นถึง 59% มากกว่าปีที่แล้ว
ทาง Twitter เองก็ไม่น้อยหน้า เมื่อผู้บริหารของ Twitter ออกมาให้ความให้ข้อมูลว่ารายได้เพิ่มขึ้นถึง 12% และว่าน่าจะโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
Apple กับ iPhone 12 แห่งความหวัง
ยอดขายของ Apple ทะลุ 6.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับอานิสงค์มาจากการเติมโตของยอดจำหน่าย Laptops และ iPad ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นดังกล่าวได้หักปากกาเซียนไปหลายด้าม อย่างไรก็ตามยอดขายของ iPhone พระเอกหลักของชาวผลไม้กลับตกลงถึง 20% เนื่องมาจากการแบน iPhone ในประเทศจีนทำให้ยอดจำหน่าย iPhone ในประเทศจีนลดลงกว่า 30%
นอกจากนี้ ยอดขาย smartphone ยังลดลงเนื่องจากพิษเศรษฐกิจจาก COVID-19 เมื่อผู้บริโภคพยายามประหยัดเงินในกระเป๋าเตรียมสู้ภัยเศรษฐกิจโดยพยายามยืดอายุการใช้มือถือเครื่องเดิมให้ยาวนานที่สุดของ อย่างไรก็ตามคุณ Tim Cook ก็ยังเชื่อว่า iPhone 12 ที่มาพร้อมกับสัญญาณ 5G จะช่วยเร่งยอดขายให้ดียิ่งขึ้นครับ
ความสำเร็จนี้เป็นแค่ก้าวแรก?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสฉลองชัยชนะจากยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการ แต่ในทางกลับกันสิ่งทีรอพวกเขาอยู่ในวันข้างหน้าคือการรักษาอัตราการเติบโตในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการผลตอบแทนของนักลงทุนผ่านทางกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการอันปังปุริเย่ของพวกเขาก็สามารถต้านทางความวิตกของนักลงทุนใน DOW JONES ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อนักลงทุนต่างวิตกกังวลเรื่อง COVID-19, นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเลือกตั้งประธาณาธิบดีของ US ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ปิดบวกได้ในช่วงวันพฤหัสที่ประกาศผลประกอบการ บางตัวก็ติดลบในวันถัดมาครับ
นอกจากนี้ความท้าทายที่รอพวกเขาอยู่คือกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น ยิ่งพวกเขาประสบความสำเร็จมากเท่าใด พวกเขาก็จะเป็นเป้าให้ภาครัฐเข้ามาควบคุมมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อบริษัทโตจนมีส่วนแบ่งทางการตลาดใหญ่ คู่แข่งก็อาจเดินเรื่องเพื่อนำเรื่องการผู้ขาดทางการค้ามาใช้เพื่อชะลอการโตของพวกเขาครับ
หลายๆ คนพูดไว้ว่า COVID-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้โลกเข้ายุค Digital มากขึ้น บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่จับ trend ถูกก็จะมีผลประกอบการอลังการครับ แต่ในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อคนใช้งานระบบ online จะกลับมาใช้ชีวิต offline เมื่อ COVID-19 ซาลงหรือไม่ ต้องมาติดตามกันครับ
ฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามวิเคราะห์ข้อมูลดีๆ มาให้เรื่อยๆ นะครับผม