วันนี้ที่ตลาดแห่งหนึ่งใจกลางกรุง ที่มีร้านรวงมากมาย สินค้าส่วนใหญ่คือของคัดเกรดดีและมีราคามากกว่าที่อื่น ..นั่นคือตลาด อ่าง.เต่า.ไก่. !!
ตลาดแห่งนี้ติดป้ายบอกเลยว่าเป็น smart market จากที่เดินสำรวจกว่า 50%++ ร้านค้าปรับตัวรับมาตรการ "คนละครึ่ง" แม้แต่ร้านอาหารบริเวณโซนนั่งโต๊ะรับประทานหรือร้านขายน้ำเครื่องดื่มก็เข้าร่วม โดยรวมดูแล้วตลาดช่วงนี้มีความคึกคัก ผู้คนเยอะกว่าปกติ ทั้งๆที่เพียงเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด..
แต่ทว่าก็ยังมีร้านค้าบางส่วนที่ไม่ได้ปรับตัวรับมาตรการนี้ ผมเห็นลูกค้าเข้าไปถาม รับคนละครึ่งมั้ยๆ? แต่แม่ค้าก็ปฏิเสธ เมื่อปฎิเสธเขา เขาก็เข้าไปซื้อร้านถัดไปที่ขายสินค้าแบบเดียวกันที่เขารับเข้าร่วมโครงการนั่นเอง..
คนขายเห็นอะไรบ้าง และรู้สึกยังไงเมื่อลูกค้ามาถึงร้านตนก่อน ตั้งใจจะซื้อ.. แต่เมื่อปฏิเสธเขา เขาก็ไปจ่ายร้านข้างๆที่เป็นคู่แข่งแต่พร้อมกว่าแทน..
เรื่องนี้สอนอะไร? โลกเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน การปรับตัวเพื่อให้ทันยุคสมัยมีผลต่อการอยู่รอด ผู้ที่ขยันไขว่คว้าหาโอกาส เรียนรู้และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงย่อมได้เปรียบ ส่วนผู้ที่อยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยกลับเสียโอกาส ปล่อยโอกาสดีๆทิ้งไปต่อหน้าต่อตา.. สิ่งที่เรียนรู้คืออย่าหวังว่าใครจะมาช่วยเราหากเราไม่ขวนขวายพยายามด้วยตัวเองก่อน โครงการนี้ช่วยเหลือแก่ผู้ที่เรียนรู้และพร้อมจะพัฒนาให้ทันยุคสมัย บางทีผมก็แปลกใจบางร้านแม่ค้ารุ่นป้า แกยังใช้แอป ใช้เทคโนโลยีได้คล่องมือเชียว น่าชื่นชม.. (แม่ค้าบอกว่าด้วยว่ายอดขายดีขึ้นกว่าเดิมมาก)
อย่างน้อยโครงการ คนละครึ่งนี้ ก็น่าจะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบ ไปถึงมือผู้ประกอบการรายย่อยได้ดีกว่าเดิม.. บางสิ่งไม่คิดจะซื้อแต่พอเห็นว่าเข้าร่วมโครงการ"คนละครึ่ง" ก็เหมือนเราซื้อของได้ในราคา-50% มันก็ทำให้มีแรงจูงใจที่จะใช้จ่ายมากกว่าเดิม
แล้ววันนี้ตอนเดินออกมาที่จอดรถผมก็เพิ่งได้มารู้สึกตัวว่า เป็นครั้งแรกที่จับจ่ายใช้สอยในตลาด โดยไม่ได้ควักเงินสดเลย! แม้จะซื้อหิ้วของมาเต็มมือก็ตาม.. .. ..
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว และมันก็ต้องมา ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เวลานั้นก็จะต้องมาถึงและเปลี่ยนแปลง.. ดั่งโลกที่หมุนอยู่ตลอดเวลา..!! !!
โชคดี
วันนี้ลงภาคสนามดูด้วยตา ได้เห็นอะไรมากมาย >>> โครงการ "คนละครึ่ง" ปรับตัวเท่านั้นที่อยู่รอด!! <<<
ตลาดแห่งนี้ติดป้ายบอกเลยว่าเป็น smart market จากที่เดินสำรวจกว่า 50%++ ร้านค้าปรับตัวรับมาตรการ "คนละครึ่ง" แม้แต่ร้านอาหารบริเวณโซนนั่งโต๊ะรับประทานหรือร้านขายน้ำเครื่องดื่มก็เข้าร่วม โดยรวมดูแล้วตลาดช่วงนี้มีความคึกคัก ผู้คนเยอะกว่าปกติ ทั้งๆที่เพียงเป็นวันธรรมดาไม่ใช่วันหยุด..
แต่ทว่าก็ยังมีร้านค้าบางส่วนที่ไม่ได้ปรับตัวรับมาตรการนี้ ผมเห็นลูกค้าเข้าไปถาม รับคนละครึ่งมั้ยๆ? แต่แม่ค้าก็ปฏิเสธ เมื่อปฎิเสธเขา เขาก็เข้าไปซื้อร้านถัดไปที่ขายสินค้าแบบเดียวกันที่เขารับเข้าร่วมโครงการนั่นเอง..
คนขายเห็นอะไรบ้าง และรู้สึกยังไงเมื่อลูกค้ามาถึงร้านตนก่อน ตั้งใจจะซื้อ.. แต่เมื่อปฏิเสธเขา เขาก็ไปจ่ายร้านข้างๆที่เป็นคู่แข่งแต่พร้อมกว่าแทน..
เรื่องนี้สอนอะไร? โลกเปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน การปรับตัวเพื่อให้ทันยุคสมัยมีผลต่อการอยู่รอด ผู้ที่ขยันไขว่คว้าหาโอกาส เรียนรู้และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงย่อมได้เปรียบ ส่วนผู้ที่อยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยกลับเสียโอกาส ปล่อยโอกาสดีๆทิ้งไปต่อหน้าต่อตา.. สิ่งที่เรียนรู้คืออย่าหวังว่าใครจะมาช่วยเราหากเราไม่ขวนขวายพยายามด้วยตัวเองก่อน โครงการนี้ช่วยเหลือแก่ผู้ที่เรียนรู้และพร้อมจะพัฒนาให้ทันยุคสมัย บางทีผมก็แปลกใจบางร้านแม่ค้ารุ่นป้า แกยังใช้แอป ใช้เทคโนโลยีได้คล่องมือเชียว น่าชื่นชม.. (แม่ค้าบอกว่าด้วยว่ายอดขายดีขึ้นกว่าเดิมมาก)
อย่างน้อยโครงการ คนละครึ่งนี้ ก็น่าจะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบ ไปถึงมือผู้ประกอบการรายย่อยได้ดีกว่าเดิม.. บางสิ่งไม่คิดจะซื้อแต่พอเห็นว่าเข้าร่วมโครงการ"คนละครึ่ง" ก็เหมือนเราซื้อของได้ในราคา-50% มันก็ทำให้มีแรงจูงใจที่จะใช้จ่ายมากกว่าเดิม
แล้ววันนี้ตอนเดินออกมาที่จอดรถผมก็เพิ่งได้มารู้สึกตัวว่า เป็นครั้งแรกที่จับจ่ายใช้สอยในตลาด โดยไม่ได้ควักเงินสดเลย! แม้จะซื้อหิ้วของมาเต็มมือก็ตาม.. .. ..
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว และมันก็ต้องมา ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว เวลานั้นก็จะต้องมาถึงและเปลี่ยนแปลง.. ดั่งโลกที่หมุนอยู่ตลอดเวลา..!! !!
โชคดี