ขอออกตัวก่อนเลยว่า ทั้งหมดที่จะเขียนในวันนี้เป็นประสบการณ์ตรงจากเราเองคนเดียว เพราะเราศึกษาวิธีเองไม่ได้เข้าคอร์สลด หรือกินยากินอาหารเสริมใดๆทั้งสิ้นนะคะ
รูปทุกรูปที่รีวิวในวันนี้ เราได้แคปมาจากมือถือให้เห็นวันที่เราถ่ายด้วยนะคะ อาจจะไม่ได้วันตรงกับเป๊ะๆ เพราะตอนที่เริ่มลดก็ไม่ได้คิดจะได้มารีวิว แต่ก็พยายามเลือกรูปที่วันใกล้เคียงกันที่สุดค่ะ
เราเริ่มจริงจังจริงๆก็วันที่ 28/05/2020 สตาร์ท น้ำหนักเริ่มที่ 76.4 (แต่ไม่ได้ถ่ายไว้อะ) ใครอยากรู้ว่าเราทำยังไงต้องอ่านให้จบนะจ้ะ ทำตามได้ก็ลองทำดูนะคะ แต่เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ (ยกเว้นไม่แนะนำผู้ที่มีโรคประจำตัวนะจ้ะ)
ขอไม่พูดพร่ำทำเพลงให้ยืดยาว มาเข้าเรื่องกันเลยละกัน
อันดับแรกสำคัญเลยคือ “ความตั้งใจ” คือ เราต้องเชื่อก่อนว่าเราจะทำได้และสิ่งที่กำลังทำไม่ได้ทรมานตัวเอง เพราะหากคุณฝืนที่จะทำมันจะทำไม่ได้นานนะจ้ะ บอกก่อน >>> ทฤษฎี “ไม่ไหวอย่าฝืน”5555
ส่วนวิธีการ เริ่มแรกเลย เราใช้วิธีที่เรียกว่า “การกินแบบ plant based food 🌾 คือ การกินอาหารที่มาจากพืชครบส่วน 100% 🥬🍅🥒🥔🍠🍆🌶🌽🥕🥦🍋(อาจจะยากหน่อยสำหรับใครที่ไม่ชอบทานผักนะคะ) สารอาหารทุกอย่างมาจากพืชทั้งหมดค่ะ เราไม่กินน้ำมันสกัดทุกชนิด ไม่กินน้ำตาล(แม้จะเป็นน้ำตาลน้ำอ้อยหรือน้ำตาลมะพร้าว) เพราะถือว่าเป็นพืชprocess carbsที่มาจากแป้งทุกชนิดก็ไม่กิน(ก็คืองดแป้งด้วย) เพราะเราจะได้ carbsจากข้าวกล้องอยู่แล้วค่ะ รวมถึงผักสีขาวและผลไม้บางชนิดก็มีcarbs ซึ่งเพียงพอต่อร่างกายจะนำไปใช้ และแน่นอนการทาน plant based คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ เช่น นม โยเกิร์ต เป็นต้น แต่เราสามารถหันไปทานพืชตระกูลถั่วทุกชนิดได้ค่ะ เพราะโปรตีนในถั่วมีจำนวนกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายมากเทียบเท่าเนื้อสัตว์แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีไขมันปนมาด้วย เราเคยทำ “เทมเป้ถั่วเหลือง” ไว้ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ ก็อร่อยดีนะคะ พืชผักต่างๆเราไปหาซื้อเอง คิดเมนูทำกับข้าวเอง ทำเหมือนปกติแต่ไม่ใช้น้ำมันในการผัด(ใช้น้ำเปล่าแทน) แล้วเวลาปรุงก็ไม่ใส่น้ำตาล นอกนั้นก็กินปกติ เผ็ดได้ เปรี้ยวได้ เค็มได้ (แต่พยายามคุมโซเดียมด้วยนะคะ) ส่วนตัวเราตัดหวานไปเลยค่ะ แรกๆมันอาจจะยากหน่อยสำหรับใครที่ติดหวาน ถ้าตัดไม่ได้ลองค่อยๆลดลงค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดี✌️✌️ข้อดีของการทานแบบ plant based คือ เราสามารถทานผักเท่าไรก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะกินผักไม่ต้องนับแคลนะจ้ะ happyyyyy☺️ส่วนข้อเสียโดยส่วนตัวเรายังไม่มีอะ เพราะเราไม่โหย ไม่โทรม ไม่อ่อนเปรี้ยเพลียแรง จนทุกวันนี้เราไม่ได้เคร่งกิน plant based แล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์เลย จะมีกินตับบางนานๆที เสริมธาตุเหล็ก แต่เนื้อ ไก่ หมู ปลา ก็ยังไม่ได้กลับไปกินนะ555ก็ประมาณนี้สำหรับการทานplant based
Cr: แหล่งศึกษาข้อมูล “youtube channel Noodee brainworks”
ต่อมาที่เราทำควบคู่ไปด้วยคือ IF หรือ intermittent fasting 🙎♀️คือ การอดอาหารเป็นช่วงๆ อันนี้จุดสำคัญอยู่ที่ “เวลา” IF จำมีหลายช่วงเวลา เช่น อย่างเริ่มเดือนแรกๆ เรา IF 8/16 คือ กินภายใน 8 ชม. งด 16 ชม โดยใน 1 วันทานน้ำให้ได้ 3 ลิตร หรือ 2 ขวดใหญ่ (บางวันก็ไม่ถึงหรอกนะ555) คือจะบอกว่า ช่วงเวลาที่ งด คือ งดจริงๆนะ สิ่งที่คุณทานได้ คือ “ น้ำเปล่า 0 แคล เท่านั้น” ห้าม!!!! ตามใจอยากเด็ดขาด เพราะถ้าหลุดปุ๊ม ร่างกายจะจำทันทีว่านั่นไม่ใช่ช่วงเวลาที่อด แล้วคุณต้องกลับมารีเซ็ตใหม่ ซึ่งความตั้งใจครั้งที่สองมักจะล้มเหลวง่ายกว่าครั้งแรก ฉะนั้นให้ทนให้ได้ พอผ่านช่วงนี้ไปได้ เราจะสามารถนั่งมองคนอื่นกินข้าวได้แบบไม่หิวเลย พอร่างกายเริ่มชิน ให้เริ่มปรับเข้าทฤษฎี>>> “กินเมื่อหิว” เราก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็น lF 5/19 ซึ่งจากเดิมเราเคยกิน 2 มื้อ มันก็จะเหลือ มื้อเดียว แต่ ถ้าหิว ก็ทานมันหวานนึ่ง หรือ ผลไม้ได้ ในเวลา 5 ชม.นั้น (บางคนเข้าใจผิดว่า IF 8/16 หรือ 5/19 คือจะกินได้ทุกชั่วโมงใน8ชม.หรือ5ชม.นั้น ไม่ใช่นะคะะะะะะะะ!! 5555 คือให้แบ่งเป็นมื้อตามเวลาเด้อ) จุดสำคัญอีกอย่างคือ เราต้องแยกให้ออกว่า บางครั้งเวลารู้สึกหิว จริงๆแล้วเราหิวหรือเราแค่อยาก ลองดื่มน้ำเข้าไปแล้วถ้าหายหิวแสดงว่าร่างกายกำลังหลอกคุณว่าหิว หรือที่เรียกว่า “หิวหลอกๆ” มันเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นโดยจะหลั่งสารบางตัวออกมาหลอกสมองว่าเรากำลังหิวแต่จริงๆเราไม่ได้หิว
(เรื่องนี้มันยาวไว้วันหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ ถ้าอยากรู้ว่าเสียงท้องร้องทำให้เราอ่อนเยาว์ขึ้นยังไง รอรอบหน้า 😘) เอาเป็นว่า ทุกวันนี้เรา IF 1/23 จ้าาาา กินมื้อเที่ยง1 มื้อ แต่กินให้ครบ 5 หมู่ และกินเมื่อหิวจริงๆ ระหว่างวันก็ดื่มน้ำเปล่าแค่นั้นก็ใช้ชีวิตได้ปกติ ค่อนไปทางสุขภาพดีกว่าเดิมด้วยซ้ำค่ะ
Cr: หนังสือ นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ
สุดท้ายคือ การออกกำลังกาย คือ จริงๆที่เราเลือกวิธีที่เล่ามานี้เพราะ ส่วนตัวเราเป็นคนขี้เกียจออกกำลังกายหนักๆ เหนื่อยๆ ไม่ชอบเลยยยยยยยยย++ เราจึงไปหาศึกษาเกี่ยวกับการปรับวิธีกินเอาดีกว่า ออกกำลังกายเราแค่เล่น ฮูล่าฮูป เช้า 30-45 นาที เย็น 45-1 ชม แค่นั้น หรือนานๆๆๆ จะออกไปเดินๆวิ่งๆ ที่สวนสาธารณะ จะว่าเราให้ความสำคัญกับตรงนี้น้อย(ก็น้อยจริงๆแหละ5555) แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้มันเห็นผลกับเราจริงๆค่ะ ตอนที่เริ่มทำเราก็ไม่คิดว่าจะลดเยอะขนาดนี้ เราตั้งใจลด นน. 3 เดือน ให้ได้ 10 กิโล นั่นคือเป้าหมาย แต่พอเราได้ตั้งใจทำจริงๆมันเกินกว่าที่เราคิดไว้มากเลย ขอบคุณตัวเองที่ทำได้ขนาดนี้ และตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองกลับไปจุดเดิมอีกเด็ดขาด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังจะเริ่มทำนะคะ อันไหนที่เราพอจะให้คำปรึกษาได้เราจะตอบให้ค่ะ สู้ๆๆๆๆ เราทำได้แล้วคุณก็ต้องทำได้ ✌️✌️
ปล1. “พืชครบส่วน” คือ พืชผักที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการหรือกรรมวิธีแปรรูปใดๆทั้งสิ้น
ปล2. รีวีวครั้งแรกผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
ปล3. ภาระกิจต่อไปคือทำให้น้องสาวที่ นน.75 ลดให้ได้ 5 กิโล ก่อนสิ้นปี🤪
ปล4. รูปรีวิวอยู่ด้านล่างนะคะ🙏🏼
👇
👇
👇
“เดือนพฤษภาคม”
จริงๆเราเริ่ม 28/05/2020 ตอนนั้น นน.76.4 kg แต่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มีแค่รูปที่ถ่าย 1/06/2020 ตอน นน.74.3 kg ค่ะ (ช่วงแรก นน.ลงเร็วมากค่ะ😆)
“เดือนมิถุนายน”
รูปนี้บังเอิญถ่ายตอนวันครบ 1 เดือน พอดีเป๊ะ และ นน. ก็ลดลงมาได้ 10 kg โดยที่เราก็ทำอาหาร plant based ทานเอง+IF 8/16 + มีทานตามกรุ๊ปเลือดบ้าง ☺️
“เดือนกรกฎาคม”
รูปนี้เราถ่ายช่วงกลางเดือนค่ะ นน.จาก 66 kg ลงมาอีก 3 kg เหลือ 63 kg การปฏิบัติก็เหมือนเดิม แต่ร่างกายเริ่มปรับชินกับการกินแล้วค่ะ
“เดือนสิงหาคม”
รูปนี้ถ่ายตอนวันเกิดค่ะ จำได้ว่าให้ free day 1 วัน เพราะแอบไปกินจิ้มจุ่มมา😂 จริงๆตั้งเป้าไว้ว่า อยาก นน. 5... kg ก่อนวันเกิดนะ แต่ทำไม่ทันค่ะ😌 ได้แค่ 60kg เป๊ะ แต่ก็ลดลงมาจากเดือนก่อนหน้าอีก 3 kg ค่ะ ช่วงเดือนนี้ เราเริ่ม ปรับมา IF 5/19 แล้วค่ะ
“เดือนกันยายน”
รูปนี้ช่วงปลายเดือนกันยา จะเห็นได้ว่า พอร่างกายปรับเข้ากับวิธีกินเราแล้ว นน. จะค่อยๆลงแบบคงที่ เฉลี่ยเดือนละ 3-4 กิโลค่ะ และแล้ว เลข 5... ที่รอคอยก็มาให้เห็น 🥰
“เดือนตุลาคม”
รูปนี้ถ่ายล่าสุดเมื่อ 2 วันที่แล้วค่ะ นน.ลงมาอีก 3 kg จบที่ 54.8 kg ซึ่งเราก็พอใจกับ นน.เท่านี้แล้ว แต่ถามว่า เลิกลดแล้ว กลับไปกินเหมือนเดิมไหม? กินเนื้อ กินแป้ง อีกไหม? คือจะบอกว่า การที่เราทำเป็นroutinทุกวันๆ มันเป็นการสร้างนิสัยการกินใหม่ให้เราซึ่งเราจะทำได้นานแบบไม่ต้องทรมานค่ะ ทุกวันนี้ก็ทานปกติ วันละ 1 มื้อเหมือนเดิมค่ะ
นี่เป็นรูปอาหารบางส่วนที่เราทำทานเองค่ะ หน้าตาก็จะประมาณนี้ คือ ทำแบบปกติเลยค่ะ แค่ไม่ใช้น้ำมันในการผัด(ใช้น้ำเปล่าแทน) เวลาปรุงก็ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ นอกนั้งเหมือนปกติเลย เผ็ดได้ เปรี้ยวได้ เค็มได้ (แต่ระวังคุมโซเดียมด้วยนะจ้ะ) บางคนมาถามว่าแล้วมันอร่อยไหม สำหรับเราคือ อร่อยมากกกกกกก อยากกินรสไหนก็ทำเองปรุงเองเลยจ้า😉
สุดท้านนี้อยากขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ หวังว่าเราจะได้เป็นแรงบันดาลใจเล็กๆให้ทุกคนได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้นะคะ ❤️✌️
🌱รีวิววิธีลดน้ำหนัก 👉🏻“20 กิโล ภายใน 4 👈🏻เดือน” (แบบhardcore)
ขอออกตัวก่อนเลยว่า ทั้งหมดที่จะเขียนในวันนี้เป็นประสบการณ์ตรงจากเราเองคนเดียว เพราะเราศึกษาวิธีเองไม่ได้เข้าคอร์สลด หรือกินยากินอาหารเสริมใดๆทั้งสิ้นนะคะ
รูปทุกรูปที่รีวิวในวันนี้ เราได้แคปมาจากมือถือให้เห็นวันที่เราถ่ายด้วยนะคะ อาจจะไม่ได้วันตรงกับเป๊ะๆ เพราะตอนที่เริ่มลดก็ไม่ได้คิดจะได้มารีวิว แต่ก็พยายามเลือกรูปที่วันใกล้เคียงกันที่สุดค่ะ
เราเริ่มจริงจังจริงๆก็วันที่ 28/05/2020 สตาร์ท น้ำหนักเริ่มที่ 76.4 (แต่ไม่ได้ถ่ายไว้อะ) ใครอยากรู้ว่าเราทำยังไงต้องอ่านให้จบนะจ้ะ ทำตามได้ก็ลองทำดูนะคะ แต่เราเชื่อว่าทุกคนทำได้ (ยกเว้นไม่แนะนำผู้ที่มีโรคประจำตัวนะจ้ะ)
ขอไม่พูดพร่ำทำเพลงให้ยืดยาว มาเข้าเรื่องกันเลยละกัน
อันดับแรกสำคัญเลยคือ “ความตั้งใจ” คือ เราต้องเชื่อก่อนว่าเราจะทำได้และสิ่งที่กำลังทำไม่ได้ทรมานตัวเอง เพราะหากคุณฝืนที่จะทำมันจะทำไม่ได้นานนะจ้ะ บอกก่อน >>> ทฤษฎี “ไม่ไหวอย่าฝืน”5555
ส่วนวิธีการ เริ่มแรกเลย เราใช้วิธีที่เรียกว่า “การกินแบบ plant based food 🌾 คือ การกินอาหารที่มาจากพืชครบส่วน 100% 🥬🍅🥒🥔🍠🍆🌶🌽🥕🥦🍋(อาจจะยากหน่อยสำหรับใครที่ไม่ชอบทานผักนะคะ) สารอาหารทุกอย่างมาจากพืชทั้งหมดค่ะ เราไม่กินน้ำมันสกัดทุกชนิด ไม่กินน้ำตาล(แม้จะเป็นน้ำตาลน้ำอ้อยหรือน้ำตาลมะพร้าว) เพราะถือว่าเป็นพืชprocess carbsที่มาจากแป้งทุกชนิดก็ไม่กิน(ก็คืองดแป้งด้วย) เพราะเราจะได้ carbsจากข้าวกล้องอยู่แล้วค่ะ รวมถึงผักสีขาวและผลไม้บางชนิดก็มีcarbs ซึ่งเพียงพอต่อร่างกายจะนำไปใช้ และแน่นอนการทาน plant based คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ เช่น นม โยเกิร์ต เป็นต้น แต่เราสามารถหันไปทานพืชตระกูลถั่วทุกชนิดได้ค่ะ เพราะโปรตีนในถั่วมีจำนวนกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายมากเทียบเท่าเนื้อสัตว์แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีไขมันปนมาด้วย เราเคยทำ “เทมเป้ถั่วเหลือง” ไว้ปรุงอาหารแทนเนื้อสัตว์ ก็อร่อยดีนะคะ พืชผักต่างๆเราไปหาซื้อเอง คิดเมนูทำกับข้าวเอง ทำเหมือนปกติแต่ไม่ใช้น้ำมันในการผัด(ใช้น้ำเปล่าแทน) แล้วเวลาปรุงก็ไม่ใส่น้ำตาล นอกนั้นก็กินปกติ เผ็ดได้ เปรี้ยวได้ เค็มได้ (แต่พยายามคุมโซเดียมด้วยนะคะ) ส่วนตัวเราตัดหวานไปเลยค่ะ แรกๆมันอาจจะยากหน่อยสำหรับใครที่ติดหวาน ถ้าตัดไม่ได้ลองค่อยๆลดลงค่ะ เพื่อสุขภาพที่ดี✌️✌️ข้อดีของการทานแบบ plant based คือ เราสามารถทานผักเท่าไรก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะกินผักไม่ต้องนับแคลนะจ้ะ happyyyyy☺️ส่วนข้อเสียโดยส่วนตัวเรายังไม่มีอะ เพราะเราไม่โหย ไม่โทรม ไม่อ่อนเปรี้ยเพลียแรง จนทุกวันนี้เราไม่ได้เคร่งกิน plant based แล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์เลย จะมีกินตับบางนานๆที เสริมธาตุเหล็ก แต่เนื้อ ไก่ หมู ปลา ก็ยังไม่ได้กลับไปกินนะ555ก็ประมาณนี้สำหรับการทานplant based
Cr: แหล่งศึกษาข้อมูล “youtube channel Noodee brainworks”
ต่อมาที่เราทำควบคู่ไปด้วยคือ IF หรือ intermittent fasting 🙎♀️คือ การอดอาหารเป็นช่วงๆ อันนี้จุดสำคัญอยู่ที่ “เวลา” IF จำมีหลายช่วงเวลา เช่น อย่างเริ่มเดือนแรกๆ เรา IF 8/16 คือ กินภายใน 8 ชม. งด 16 ชม โดยใน 1 วันทานน้ำให้ได้ 3 ลิตร หรือ 2 ขวดใหญ่ (บางวันก็ไม่ถึงหรอกนะ555) คือจะบอกว่า ช่วงเวลาที่ งด คือ งดจริงๆนะ สิ่งที่คุณทานได้ คือ “ น้ำเปล่า 0 แคล เท่านั้น” ห้าม!!!! ตามใจอยากเด็ดขาด เพราะถ้าหลุดปุ๊ม ร่างกายจะจำทันทีว่านั่นไม่ใช่ช่วงเวลาที่อด แล้วคุณต้องกลับมารีเซ็ตใหม่ ซึ่งความตั้งใจครั้งที่สองมักจะล้มเหลวง่ายกว่าครั้งแรก ฉะนั้นให้ทนให้ได้ พอผ่านช่วงนี้ไปได้ เราจะสามารถนั่งมองคนอื่นกินข้าวได้แบบไม่หิวเลย พอร่างกายเริ่มชิน ให้เริ่มปรับเข้าทฤษฎี>>> “กินเมื่อหิว” เราก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็น lF 5/19 ซึ่งจากเดิมเราเคยกิน 2 มื้อ มันก็จะเหลือ มื้อเดียว แต่ ถ้าหิว ก็ทานมันหวานนึ่ง หรือ ผลไม้ได้ ในเวลา 5 ชม.นั้น (บางคนเข้าใจผิดว่า IF 8/16 หรือ 5/19 คือจะกินได้ทุกชั่วโมงใน8ชม.หรือ5ชม.นั้น ไม่ใช่นะคะะะะะะะะ!! 5555 คือให้แบ่งเป็นมื้อตามเวลาเด้อ) จุดสำคัญอีกอย่างคือ เราต้องแยกให้ออกว่า บางครั้งเวลารู้สึกหิว จริงๆแล้วเราหิวหรือเราแค่อยาก ลองดื่มน้ำเข้าไปแล้วถ้าหายหิวแสดงว่าร่างกายกำลังหลอกคุณว่าหิว หรือที่เรียกว่า “หิวหลอกๆ” มันเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นโดยจะหลั่งสารบางตัวออกมาหลอกสมองว่าเรากำลังหิวแต่จริงๆเราไม่ได้หิว
(เรื่องนี้มันยาวไว้วันหน้าจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ ถ้าอยากรู้ว่าเสียงท้องร้องทำให้เราอ่อนเยาว์ขึ้นยังไง รอรอบหน้า 😘) เอาเป็นว่า ทุกวันนี้เรา IF 1/23 จ้าาาา กินมื้อเที่ยง1 มื้อ แต่กินให้ครบ 5 หมู่ และกินเมื่อหิวจริงๆ ระหว่างวันก็ดื่มน้ำเปล่าแค่นั้นก็ใช้ชีวิตได้ปกติ ค่อนไปทางสุขภาพดีกว่าเดิมด้วยซ้ำค่ะ
Cr: หนังสือ นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ
สุดท้ายคือ การออกกำลังกาย คือ จริงๆที่เราเลือกวิธีที่เล่ามานี้เพราะ ส่วนตัวเราเป็นคนขี้เกียจออกกำลังกายหนักๆ เหนื่อยๆ ไม่ชอบเลยยยยยยยยย++ เราจึงไปหาศึกษาเกี่ยวกับการปรับวิธีกินเอาดีกว่า ออกกำลังกายเราแค่เล่น ฮูล่าฮูป เช้า 30-45 นาที เย็น 45-1 ชม แค่นั้น หรือนานๆๆๆ จะออกไปเดินๆวิ่งๆ ที่สวนสาธารณะ จะว่าเราให้ความสำคัญกับตรงนี้น้อย(ก็น้อยจริงๆแหละ5555) แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้มันเห็นผลกับเราจริงๆค่ะ ตอนที่เริ่มทำเราก็ไม่คิดว่าจะลดเยอะขนาดนี้ เราตั้งใจลด นน. 3 เดือน ให้ได้ 10 กิโล นั่นคือเป้าหมาย แต่พอเราได้ตั้งใจทำจริงๆมันเกินกว่าที่เราคิดไว้มากเลย ขอบคุณตัวเองที่ทำได้ขนาดนี้ และตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองกลับไปจุดเดิมอีกเด็ดขาด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังจะเริ่มทำนะคะ อันไหนที่เราพอจะให้คำปรึกษาได้เราจะตอบให้ค่ะ สู้ๆๆๆๆ เราทำได้แล้วคุณก็ต้องทำได้ ✌️✌️
ปล1. “พืชครบส่วน” คือ พืชผักที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการหรือกรรมวิธีแปรรูปใดๆทั้งสิ้น
ปล2. รีวีวครั้งแรกผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
ปล3. ภาระกิจต่อไปคือทำให้น้องสาวที่ นน.75 ลดให้ได้ 5 กิโล ก่อนสิ้นปี🤪
ปล4. รูปรีวิวอยู่ด้านล่างนะคะ🙏🏼
👇
👇
👇
“เดือนพฤษภาคม”
จริงๆเราเริ่ม 28/05/2020 ตอนนั้น นน.76.4 kg แต่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มีแค่รูปที่ถ่าย 1/06/2020 ตอน นน.74.3 kg ค่ะ (ช่วงแรก นน.ลงเร็วมากค่ะ😆)
“เดือนมิถุนายน”
รูปนี้บังเอิญถ่ายตอนวันครบ 1 เดือน พอดีเป๊ะ และ นน. ก็ลดลงมาได้ 10 kg โดยที่เราก็ทำอาหาร plant based ทานเอง+IF 8/16 + มีทานตามกรุ๊ปเลือดบ้าง ☺️
“เดือนกรกฎาคม”
รูปนี้เราถ่ายช่วงกลางเดือนค่ะ นน.จาก 66 kg ลงมาอีก 3 kg เหลือ 63 kg การปฏิบัติก็เหมือนเดิม แต่ร่างกายเริ่มปรับชินกับการกินแล้วค่ะ
“เดือนสิงหาคม”
รูปนี้ถ่ายตอนวันเกิดค่ะ จำได้ว่าให้ free day 1 วัน เพราะแอบไปกินจิ้มจุ่มมา😂 จริงๆตั้งเป้าไว้ว่า อยาก นน. 5... kg ก่อนวันเกิดนะ แต่ทำไม่ทันค่ะ😌 ได้แค่ 60kg เป๊ะ แต่ก็ลดลงมาจากเดือนก่อนหน้าอีก 3 kg ค่ะ ช่วงเดือนนี้ เราเริ่ม ปรับมา IF 5/19 แล้วค่ะ
“เดือนกันยายน”
รูปนี้ช่วงปลายเดือนกันยา จะเห็นได้ว่า พอร่างกายปรับเข้ากับวิธีกินเราแล้ว นน. จะค่อยๆลงแบบคงที่ เฉลี่ยเดือนละ 3-4 กิโลค่ะ และแล้ว เลข 5... ที่รอคอยก็มาให้เห็น 🥰
“เดือนตุลาคม”
รูปนี้ถ่ายล่าสุดเมื่อ 2 วันที่แล้วค่ะ นน.ลงมาอีก 3 kg จบที่ 54.8 kg ซึ่งเราก็พอใจกับ นน.เท่านี้แล้ว แต่ถามว่า เลิกลดแล้ว กลับไปกินเหมือนเดิมไหม? กินเนื้อ กินแป้ง อีกไหม? คือจะบอกว่า การที่เราทำเป็นroutinทุกวันๆ มันเป็นการสร้างนิสัยการกินใหม่ให้เราซึ่งเราจะทำได้นานแบบไม่ต้องทรมานค่ะ ทุกวันนี้ก็ทานปกติ วันละ 1 มื้อเหมือนเดิมค่ะ
นี่เป็นรูปอาหารบางส่วนที่เราทำทานเองค่ะ หน้าตาก็จะประมาณนี้ คือ ทำแบบปกติเลยค่ะ แค่ไม่ใช้น้ำมันในการผัด(ใช้น้ำเปล่าแทน) เวลาปรุงก็ไม่ใส่น้ำตาลค่ะ นอกนั้งเหมือนปกติเลย เผ็ดได้ เปรี้ยวได้ เค็มได้ (แต่ระวังคุมโซเดียมด้วยนะจ้ะ) บางคนมาถามว่าแล้วมันอร่อยไหม สำหรับเราคือ อร่อยมากกกกกกก อยากกินรสไหนก็ทำเองปรุงเองเลยจ้า😉
สุดท้านนี้อยากขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ หวังว่าเราจะได้เป็นแรงบันดาลใจเล็กๆให้ทุกคนได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้นะคะ ❤️✌️