๏ วันทองโผนโจนจากหอนั่งมา วิ่งผวากอดผัวทอดตัวไห้
นิ่งแน่แลเห็นไม่หายใจ นางร้องไห้โฮโฮโอ้พ่อคุณ
ทั้งนี้รักเมียจึงมาช่วย จนมาม้วยบรรลัยอยู่ใต้ถุน
เขาทุบดังทุบปลาไม่การุญ พ่อสิ้นบุญเสียแล้วกระมังนา
ให้คนหามไปวางไว้กลางบ้าน บ้างทะยานขึ้นเหยียบสองต้นขา
จะนวดฟั้นเท่าไรไม่ลืมตา วันทองทอดกายากับสามี
โอ้พ่อร่มโพธิเตี้ยของเมียแก้ว พ่อตายแล้วเมียเห็นจะเป็นผี
อันจะหาน้ำใจในบุรี เห็นสิ้นดีอยู่เพียงพ่อโพธิทอง
แต่อยู่มาเป็นสิบห้าสิบหกปี คำน้อยหนึ่งไม่มีให้เมียหมอง
เมื่อคลอดลูกหนุนหลังนั่งประคอง เห็นเมียร้องพ่อก็ร่ำพิไรวอน
เมื่อคราวเมียจับไข้ไม่กินข้าว พ่อนั่งเฝ้าเคียงคอยตะบอยป้อน
เห็นเมียไม่หลับใหลก็ไม่นอน ครั้นหน้าร้อนพ่อก็พัดกระพือลม
หน้าหนาวหนาวแล่นตลอดอก พ่อกอดกกให้นอนซ้อนผ้าห่ม
ครั้นหน้าฝนฝนฝอยลงพรอยพรม ให้อยู่ร่มปิดรอบหน้าต่างเรือน
อันชายใดในพื้นปัถพี การรักเมียแล้วไม่มีเสมอเหมือน
ถึงรูปชั่วใจช่วงดังดวงเดือน นี่กรรมเตือนให้ตามเมียมาตาย
อนิจจาเมื่อมาผัวเป็นเพื่อน กลับไปเรือนแต่ตัวดูผัวหาย
ร่ำพลางกลิ้งเกลือกลง
กาย ดังจะวายชีวังไปทั้งเป็น
ครั้นโศกคลายคลำผัวตัวยังอ่อน เทพจรเบื้องหลังยังริกเต้น
ทรวงอกอุ่นคลายค่อยหายเย็น เอ๊ะเห็นฤทธิเมาค่อยเบาบาง
สั่งบ่าวให้เอาน้ำร้อนรด ลูบหมดไปทั้งกายให้หายสร่าง
จะกรอกปากไม่ถนัดคัดลูกคาง ประเดี๋ยวครางออกมาได้หายใจแรง ฯ
๏ ขุนช้างฟื้นพลันกัดฟันเกรี้ยว โกรธาตาเขียวร้องเสียงแข็ง
เฮ้ยที่กูจะไม่ว่าอย่าแคลง จะสู้ซนชนกำแพงกว่าจะตาย
ถึงตัวกูบรรลัยกระดูกร้อง อันจะถองเล่นเปล่าเปล่าเจ้าอย่าหมาย
พวกมากฝากไว้เถิดอ้ายพลาย ถ้าเจ้านายไม่เลี้ยงก็แล้วไป
ตัวสั่นเทาเทาเรียกบ่าวข้า จูงมือเมียมาจากบ้านใหญ่
แม่กลับบ้านก่อนอย่าร้อนใจ ผัวจะไปคอยเฝ้าเจ้าชีวิต
วันทองร้องไห้พิไรห้าม จะเกิดความเพ็ดทูลไม่กลัวผิด
คราวนี้เขาโปรดปรานเชี่ยวชาญชิด จงหยุดยั้งชั่งจิตให้จงดี
ขุนช้างว่าถ้าพี่ไม่เมาแล้ว น้องแก้วอย่าปรารมภ์ที่ตรงพี่
ให้เมียมาสุพรรณในทันที ฝ่ายขุนช้างวางรี่เข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นพระไวยวรนาถ ครั้นเสื่อมคลายวายวิวาทค่อยผ่องใส
พวกขุนนางต่างคนต่างลาไป พระไวยมานั่งที่ท้าวศรีสัจจา
เจ้าขรัวนายว่าองค์พระทรงเดช โปรดเกศตรัสใช้ให้พวกข้า
พานางนารีศรีสร้อยฟ้า ออกมาส่งให้พระนายไวย ฯ
๏ ครานั้นพระไวยเจ้าพลายงาม ฟังความยินดีจะมีไหน
น้อมกายกราบถวายบังคมไป แล้วสั่งให้ตอบแทนพวกท้าวนาง
คุณท้าวเจ้าขรัวศรีสัจจา ให้ผ้าส่านขาวดอกกับนอกอย่าง
ให้พวกจ่าตานกแก้วกับขาวบาง พวกโขลนเลวลายฉลางกับริ้วญวณ
นางสาวสาวที่มาตามสามสิบห้า แพรผ้าให้จบจนครบถ้วน
ผู้น้อยผู้ใหญ่ให้งามตามสมควร แล้วก็ชวนกันลาเข้ามาวัง ฯ
๏ พระนายจัดแจงแต่งเคหา ให้สร้อยฟ้าอยู่ครองนั้นสองหลัง
มีม่านฉากชั้นกั้นกำบัง เตียงนอนเตียงนั่งห้องอาบน้ำ
แบ่งปันกันกึ่งครึ่งเคหา มิให้พวกศรีมาลามากรายกล้ำ
ทำฝารอบขอบชิดปิดงำ ให้อยู่จำเพาะพวกเจ้าสร้อยฟ้า
ครั้นงานเสร็จแล้วก็แจกพวกวิเสท ทั้งเงินตราผ้าขาวเทศถ้วนหน้า
มิให้เขาติฉินนินทา จนชั้นข้าในเรือนก็ให้ทาน ฯ
๏ ฝ่ายว่าพระพิจิตรบุษบา ครั้นงานแล้วจะลาขึ้นไปบ้าน
เข้ามาหาพระไวยไชยชาญ ว่าราชการบ้านเมืองนั้นมากมาย
จะไว้ใจหลวงปลัดกรมการ ครั้นนานก็จะพากัน
พ่อแม่ขึ้นมาลาพระนาย แต่ไม่วายทำวนด้วยศรีมาลา
แต่เกิดมาไม่เคยพรากจากอก มาตกอยู่เมืองใต้ไกลหนักหนา
ถ้าพลาดพลั้งยั้งคิดถึงบิดา อนาถาไร้ญาติขาดพงศ์พันธุ์
อนึ่งพระไวยเดี๋ยวนี้มีเมียสอง เห็นจะต้องหวงหึงเป็นแม่นมั่น
กลัวจะตั้งหัวคณะระรานกัน พ่อจงหมั่นตรองดูอย่าวู่วาม
อันจตุระเคหาภิริยาสอง ดูเห็นต้องสุภาษิตประดิษฐห้าม
ไหนจะมีความสบายพ่อพลายงาม ต้องว่าความเมียรักนั้นร่ำไป
ลูกข้าพร้าคัดปากพูดไม่ออก อยู่บ้านนอกไม่ทะเลาะกับใครได้
เพื่อนฝูงเขาด่าว่ากะไร ก็เอาแต่ร้องไห้ไม่เถียงเป็น
เหมือนช้างกล้าป่าเดียวมีสองตัว สองเมียร่วมผัวคงเกิดเข็ญ
ใครเงอะงั่งก็จะนั่งน้ำตากระเด็น พ่อจงเป็นตราชูดูให้ดี ฯ
ช่วยถอดบทประพันธ์ ขุนช้างขุนแผนตอนแต่งงานพระไวยหน่อยครับ