คุ้ยวรรณคดี
ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์
ตอนที่ ๒ แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา
ฑ.มณฑา
ความอาภัพของขุนช้างนั้น อยู่ที่รูปลักษณ์ที่ไม่มีความน่ารัก แม้ว่าจะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายสักเท่าใด ก็ซื้อความรักไม่ได้ เมื่อขุนช้างให้มารดาไปสู่ขอนางพิม มาแต่งงานเป็นภรรยานั้น มารดาก็ว่า
ครานั้นเทพทองผู้มารดา ฟังขุนช้างว่าหาเชื่อไม่
ตอบคำลูกพลันทันใด ออพิมพิลาไลยเขารูปงาม
ล้ำคนในสุพรรณพารา รูปเอ็งเหมือนผ้าละว้าย่าม
จะเสียแรงไปว่าพยายาม แม่จะเปรียบเนื้อความให้เข้าใจ
นางพิมพริ้มเพราดังจันทรา เอ็งเหมือนเต่านาอยู่ต่ำใต้
อยากได้ดวงจันทร์สวรรค์ไกล เห็นจะได้แล้วฤๅนะลูกอา ฯ
ถ้าจะเปรียบอย่างสมัยนี้ ก็น่าจะเปรียบเหมือนเหมือน ดอกฟ้ากับหมาวัด หรือหมาเห็นเครื่องบิน อะไรประมาณนั้น แต่ขุนช้างก็ไม่ได้ท้อถอย เมื่อมารดาไม่กล้าไปขอ ก็ไปด้วยตนเอง พูดจากล่อมนางศรีประจันมารดาของนางพิม ให้เห็นว่าตนมีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่มีศรีภรรยาจะดูแล ขอให้ท่านช่วยหาให้ด้วย
ถ้ามีใครจะรับปกครอง ทรัพย์สินเงินทองทั้งปวงได้
จะยกให้ไร่นาทั้งข้าไท มอบเหย้าเรือนให้เป็นแม่เรือน
แม่ม่ายร้ายทานก็ไม่ว่า แต่พอมีกิริยาไม่อายเพื่อน
ช่วยเก็บช่วยชักช่วยตักเตือน แต่พอเหมือนแม่พิมพิลาไลย ฯ
มาไม้นี้เล่นเอาแม่ศรีประจันชักเสียดาย ถ้าได้กับลูกสาวของตนก็จะดีไม่น้อย แต่หารู้ไม่ว่าลูกสาวของตนนั้นเกลียดชังขุนช้างยังกับอะไรดี พอนางแอบได้ยินเข้าก็ถือโอกาสด่าบ่าวหัวล้านกระทบสวนออกมาทันที ขุนช้างจึงต้องถอยฉากออกมาก่อน แต่ก็ยังไม่สิ้นความพยายาม วันหลังก็โผล่หน้าไปหานางศรประจันอีก คราวนี้คุณแม่นางพิมดีใจจนออกนอกหน้า ต้อนรับขับสู้ขุนช้างเป็นอย่างดี ถามว่ามีธุระอะไรจะให้ช่วย ขุนช้างได้ทีก็สวนควันเข้าไปเลยว่า
ด้วยรักพิมนิ่มน้องนี้จริงจัง จงปลูกฝังเสียเถิดแม่ทูนหัว
ถ้าได้ครองจะเอาทองมาทาบตัว ลูกไม่กลัวเงินทองลูกถมไป
ยามเดินจะให้เดินแต่ในห้อง แต่แสงเดือนมิให้ส่องต้องตัวได้
จะกลัวจนกลัวยากไปทำไม แม่ข้าไหว้เลี้ยงลูกไว้ดูที ฯ
แม่ทองประศรีก็ดีใจ ว่าจะได้ลูกเขยเป็นเศรษฐี รีบเรียกลูกสาวให้ออกมาเจรจากัน แต่นางพิมหาได้ออกมาไม่ แถมยังเรียกเจ้าผลบ่าวหัวล้านออกมาด่ากระทบอีกอย่างหยาบคายเต็มที อย่างเช่น
หมามันจะเกิด
ไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ ฯ
ขุนช้างจึงทนฟังไม่ได้ต้องลากลับบ้านอีกครั้งหนึ่ง และตั้งแต่นั้นขุนช้างก็ไม่กล้าไปบ้านนางทองประศรีอีกเลย จนนางศรีประจันมารดาของพลายแก้วมาสู่ขอนางพิม ให้แต่งงานกับพลายแก้วซึ่งสึกหาลาเพศจากเณรแล้ว จัดงานแต่งกันอย่างใหญ่โต ขุนช้างก็แสนจะแค้นเพราะ พลายแก้วดันมาวานงให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย
ขุนช้างได้ฟังอ้ายไทยว่า ดังใครเอาดาบผ่ากระบานหัว
เสียดายพิมผูกพันใจสั่นรัว น้ำตารั่วหันหน้าเข้าฝาบัง
โอ้ว่าอนิจจาแก้วตาพี่ ครั้งนี้เห็นไม่ได้ดังใจหวัง
คงจะพากเพียรไปมิได้ฟัง ถึงเป็นเมียก็ชั่งมันเป็นไร ฯ
และนั่นคือความรักของขุนช้างที่มีต่อแม่พิม โดยไม่มีข้อรังเกียจเดียดฉันท์แต่ประการใด เข้าทำนองที่ว่า ไม่ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน ครั้นแต่งตัวไปงานแต่งงานของเพื่อนคู่รักคู่แค้น จนเมื่อเมาได้ที่แล้ว ก็ต่อคำกันว่า
เจ้าพลายแก้วจึงว่าเจ้าเกลอเอ๋ย อย่าถือเลยนางพิมเรารักใคร่
รู้ว่าเป็นเมียเอ็งกูเกรงใจ เอ็นดูเถิดจงให้เสียแก่เรา
ขุนช้างฟังว่าทำหน้าเก้อ นิจจาเกลอดอกหาไม่ไม่ให้เจ้า
แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา ว่าแล้วกินเหล้าเมาสำราญ ฯ
คำพูดของทั้งสองเกลอนั้น แม้ว่าจะพูดในเวลาเมา แต่ก็มีความสำคัญในชีวิตของคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง พลายแก้วไปฟังใครว่านางพิมเป็นเมียขุนช้างมาก่อน อาจจะเป็นคำคุยโวของนายช้างที่หาความจริงไม่ได้ แต่พลายแก้วก็เก็บเอามาเยาะเย้ยเพื่อน ในเวลาที่ขุนช้างกำลังเจ็บแค้นแน่นใจนี้ จึงตอบยืนยันว่า แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา ซึ่งเป็นเหมือนกับจะตอกย้ำถึงความตั้งใจของตน ที่จะรักนางพิมตลอดไป แม้จะต้องคอยให้เพื่อนทิ้งเสียก่อนก็ตาม
ดังนั้นเมื่อพลายแก้วต้องถูกเกณฑ์ ไปราชการทัพที่เชียงใหม่ หลังจากที่เข้าหอได้เพียงสามวัน ขุนช้างก็วางแผนให้นางทองประศรีเชื่อว่า พลายแก้วตายในสงครามเสียแล้ว เมียของนายทหารที่แตกทัพ จะต้องถูกริบเป็นราชบาตร นางทองประศรีจึงบังคับให้นางพิมพิลาไลย ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทองแล้ว ให้แต่งงานกับขุนช้างจนได้ แม้นางจะขัดขืนจนสุดฤทธิ์
ขุนช้างต้องนอนเฝ้าหอถึงสามวัน นางพิมก็ยังไม่ยอมเข้าห้องหอ จนแม่ศรีประจันสงสารลูกเขยใหม่ ต้องเข้าไปบังคับเฆี่ยนตีลูกสาว แต่นางก็ยังไม่ยอม จนพลายแก้วกลับมาจากสงคราม ได้ชัยชนะจากเมืองเชียงใหม่ และได้ยศเป็นขุนแผน แต่พาเมียมาจากเมืองเหนืออีกคนหนึ่งชื่อนางลาวทอง จึงเกิดหึงหวงด่าทอตบตีกับนางวันทอง จนขุนแผนโกรธทิ้งนางวันทองไป นางจึงต้องเป็นเมียขุนช้างด้วยความจำใจ แต่ขุนช้างก็ไม่ถือสาคงรักใคร่นางอย่างทูนหัวทูนเกล้าเช่นเคย
วันทองหมองศรีมีแต่ทุกข์ ข้างขุนช้างเป็นสุขสำราญรื่น
รักนางพ่างเพียงจะกล้ำกลืน หญิงอื่นหมื่นแสนพี่ไม่รัก
เงินทองไม่น้อยร้อยกระบุง พี่ก็มุ่งจะให้เจ้าบุญหนัก
ไปไหนก็มิให้เจ้าเหนื่อยพัก ขี่คอผัวรักต่างช้างพลาย ฯ
ต่อมาขุนแผนต้องอาญาให้พรากนางลาวทองเข้าไปอยู่ในวัง แล้วตนเองต้องไปตระเวนรักษาด่าน แล้วเกิดคิดถึงนางวันทองขึ้นมาอีก จึงบุกขึ้นไปบนเรือนขุนช้างฉุดเอานาง วันทองไปเดินป่าด้วยกัน ขุนช้างซึ่งไม่มีทางที่จะสู้รบตบมือกับขุนแผน ที่มีวิชาความรู้เวทย์มนต์คาถาสารพัด และมีฝีมือการรบระดับแม่ทัพ แต่ก็ยังมานะรวบรวมไพร่พลตามไป จะชิงนางวันทองคืนด้วยความรัก ก็พ่ายแพ้แก่ขุนแผนอย่างยับเยิน เพราะไพร่พลของขุนแผนไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นยนต์ที่เสกขึ้นมา
แทงหุ่นหยุ่นหยุ่นไม่ยักเข้า หุ่นกลับฟันเอาดังฉาดฉับ
พวกขุนช้างแตกพ่ายกระจายยับ ขุนช้างกลับช้างขี่หนีออกมา
ขุนแผนขับขี่สีหมอกไล่ จะไสช้างไปไหนอ้ายชาติข้า
ขุนช้างร้องไปทำไมวา ไสช้างเข้าป่าสวบสวบไป ฯ
ขุนช้างเอาตัวรอดกลับมาถึงเมืองหลวง ก็เข้าเฝ้าพระพันวษากราบทูลเรื่องราว พระพันวษาก็มีรับสั่งให้จัดกองทัพไปจับขุนแผน ก็ถูกขุนแผนตีแตกอีก จึงเข้าข่ายเป็นขบถ แต่สุดท้ายไม่รู้จะหนีไปไหน และรู้ว่านางวันทองมีท้อง จึงเข้ามอบตัวกับพระพิจิตร ให้เข้ามาสู้คดีในกรุง
ผลของการตัดสินลงว่า ขุนช้างหลอกแม่ยายว่าพลายแก้วตาย แย่งเอาเมียเขามาแต่งงาน ต้องถูกปรับเงินเข้าพินัยหลวง แต่ขุนแผนต่อสู้กับทหารหลวง และฆ่าตายไปมากมายพร้อมกับตัวนายอีกสองคนคือ ขุนเพชรกับขุนราม กลับชนะความได้นางวันทองไปครอง แต่ด้วยความโลภหลงเมียสอง ขุนแผนบังอาจขอลาวทองจากพระราชวัง จึงต้องโทษถึงติดคุกตลอดชีวิต
คราวนี้ขุนช้างก็เป็นฝ่ายไปฉุดนางวันทองบ้าง เข้าทำนองว่าทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าบ่น อะไรประมาณนั้น อยู่มาไม่นานท้องของนางวันทองก็โตขึ้น ขุนช้างก็ดีใจว่าจะมีลูก เมื่อคลอดแล้ว ก็เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา จนกระทั่งเจ้าหนูน้อยอายุได้เก้าปี ขุนช้างจึงแน่ใจว่าเจ้าหนูนั้นไม่ใช่ลูกของตน
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ เหลือลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป ก็กลับไพล่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิต ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน ฯ
ความแค้นของขุนช้างจึงลุกโพลงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดความเหี้ยมโหด โดยหลอกเอาพลายงามไปฆ่าหมกป่าเสีย หากแต่เคราะห์ดียังมีผีคุ้ม เจ้าหนูจึงรอดไปได้และหนีไปอยู่กับย่าที่เมืองกาญจนบุรี จนโตเป็นหนุ่ม
เมื่อเกิดมีศึกระหว่างกรุงศรีอยุธยา กับเมืองเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง พลายงามซึ่งมีวิชาความรู้จากตำราของพ่อ จนเท่าเทียมกับขุนแผนแล้ว ก็ขออาสาเป็นแม่ทัพไปรบที่เมืองเชียงใหม่ โดยขอไถ่โทษขุนแผนให้ไปในกองทัพด้วย สองพ่อลูกไปสงครามได้ชัยชนะกลับมาอีก ขุนแผนจึงพ้นโทษ และพลายงามได้ยศเป็นพระไวยวรนารถ และได้แต่งงานกับนางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้า สาวเมืองเหนืออีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับบิดา
เมื่อขุนช้างกับนางวันทองไปช่วยงานแต่งงานของพระไวย แล้วเมาเหล้าลำเลิกความหลังที่เลี้ยงมาแต่เล็กจนถึงเก้าขวบ จึงทำให้พระไวยแค้นถึงตอนที่ขุนช้างหลอกไปฆ่า ถึงกับลงมือทุบตีเอาพ่อเลี้ยงสลบไป
ขุนช้างก็เข้าไปฟ้องร้องเรื่องที่ถูกลูกเลี้ยงทำร้ายอีก จึงถูกฟ้องกลับถึงเรื่องที่ตนปองร้ายหมายชีวิตพลายงาม สุดท้ายต้องโทษถึงติดคุก นางวันทองต้องไปขอร้องลูกชายให้ขออภัยโทษ จึงได้รอดกลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง แต่พระไวยก็มาพรากนางวันทอง กลับไปให้พ่อตัวเสียอีก ขุนช้างรู้ตัวว่าไม่มีปัญญาที่จะแย่งเมียกลับคืนมา เพราะสองพ่อลูกนั้นมีความเก่งกล้าสามารถ เกินกว่าที่จะต่อสู้ได้ แต่ความรักนางวันทองนั้นก็ยังมั่นคงไม่จืดจาง แม้จะอายุมากด้วยกันแล้ว จึงถวายฎีกาขอความเป็นธรรมต่อพระเจ้าแผ่นดิน
คราวนี้เคราะห์กรรมจึงมาตกอยู่กับนางวันทอง ด้วยไม่สามารถจะตกลงใจว่าจะอยู่กับผู้ใด ในระหว่างขุนช้างผัวใหม่ หรือขุนแผนผัวเก่า หรือพระไวยลูกชาย พระพันวษาทรงพิโรธโกรธกริ้วประภาษว่าเป็นหญิงสองใจ เลี้ยงไว้ไม่ได้เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง จึงมีรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย อย่าให้เลือดตกลงดิน
คราวนี้ขุนช้างจึงได้รู้สึกถึงโทษตน ที่เป็นเหตุให้เมียรักถึงแก่ชีวิต โดยไม่อาจจะเอาเงินทองที่มีอยู่มากมายก่ายกองไปซื้อคืนมาได้
ฝ่ายขุนช้างนั่งเหงาไม่เข้าใกล้ ร้องไห้หน้าขาวราวกับผี
เสียใจไหลเล่อเพ้อพาที คราวนี้ตายแน่แล้วแม่คุณ
พุทโธ่อยู่หลัดหลัดมาพลัดกัน โอ้แม่วันทองตายเพราะอ้ายขุน
เนื้อหนังเจ้าจะพังลงเป็นจุณ เพราะอ้ายตุ่นโง่เง่าเข้ากราบทูล ฯ
ฯ ล ฯ
แม่มาตายกลางดินเขานินทา แม่ยอดฟ้าฝาบาตรกระจาดใหญ่
จะหาไหนเหมือนแม่แต่นี้ไป แม้นไม่ได้เช่นนี้ไม่มีเมีย
เรือนเหย้าข้าวของถวายพระ จะสละโกนหนวดไปบวชเสีย
ถึงลูกคุณหลานหม่อมจะยอมเยีย มีเมียไปทำไมไม่เหมือนกัน ฯ
จนกระทั่งถึงเวลาลงดาบ พระไวยที่รีบไปขออภัยโทษกลับมาไม่ทันเวลา แม้ขุนแผนซึ่งอยู่ที่นั้นด้วย ได้พยายามช่วยนางให้พ้นคมดาบ ก็ไม่สามารถจะช่วยได้ นางวันทองจึงสิ้นชีวิตไปตามกรรมของตน และยังมีชื่อเสียอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
ฝ่ายว่าเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง พอเห็นเขาฟันนางไม่อยู่ได้
รีบรัดเรียกหาพวกข้าไท ลงเรือทันใดไปสุพรรณ
เร่งตะบึงถึงบ้านพอตรู่ตรู่ กลัวแม่ยายจะรู้เรื่องฟ้องนั่น
หลบเหลื่อมเข้าไปในเรือนพลัน สะอื้นอั้นน้ำตาลงพราวตา ฯ
ชีวิตรักสามเส้าของขุนช้างขุนแผนและนางพิม ก็ถึงบทอวสานลงด้วยความเศร้าสลด และผู้แพ้ที่แท้จริงก็คือขุนช้าง เขาได้ก่อกรรมทำเวรต่อเนื่องมาด้วยความรัก ที่แฝงไว้ด้วยความริษยาอาฆาต ก็ด้วยความคิดที่ว่า แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอานั้นเอง แล้วเขาก็ได้รับแต่ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ต้องเสียคนรักไป อย่างไม่อาจที่จะกลับคืนมาให้เห็นหน้ากันได้อีก ตลอดชั่วชีวิต
###########
ขุนชัาง (๒) ๑๕ มี.ค.๖๑
ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์
ตอนที่ ๒ แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา
ฑ.มณฑา
ความอาภัพของขุนช้างนั้น อยู่ที่รูปลักษณ์ที่ไม่มีความน่ารัก แม้ว่าจะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายสักเท่าใด ก็ซื้อความรักไม่ได้ เมื่อขุนช้างให้มารดาไปสู่ขอนางพิม มาแต่งงานเป็นภรรยานั้น มารดาก็ว่า
ครานั้นเทพทองผู้มารดา ฟังขุนช้างว่าหาเชื่อไม่
ตอบคำลูกพลันทันใด ออพิมพิลาไลยเขารูปงาม
ล้ำคนในสุพรรณพารา รูปเอ็งเหมือนผ้าละว้าย่าม
จะเสียแรงไปว่าพยายาม แม่จะเปรียบเนื้อความให้เข้าใจ
นางพิมพริ้มเพราดังจันทรา เอ็งเหมือนเต่านาอยู่ต่ำใต้
อยากได้ดวงจันทร์สวรรค์ไกล เห็นจะได้แล้วฤๅนะลูกอา ฯ
ถ้าจะเปรียบอย่างสมัยนี้ ก็น่าจะเปรียบเหมือนเหมือน ดอกฟ้ากับหมาวัด หรือหมาเห็นเครื่องบิน อะไรประมาณนั้น แต่ขุนช้างก็ไม่ได้ท้อถอย เมื่อมารดาไม่กล้าไปขอ ก็ไปด้วยตนเอง พูดจากล่อมนางศรีประจันมารดาของนางพิม ให้เห็นว่าตนมีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่มีศรีภรรยาจะดูแล ขอให้ท่านช่วยหาให้ด้วย
ถ้ามีใครจะรับปกครอง ทรัพย์สินเงินทองทั้งปวงได้
จะยกให้ไร่นาทั้งข้าไท มอบเหย้าเรือนให้เป็นแม่เรือน
แม่ม่ายร้ายทานก็ไม่ว่า แต่พอมีกิริยาไม่อายเพื่อน
ช่วยเก็บช่วยชักช่วยตักเตือน แต่พอเหมือนแม่พิมพิลาไลย ฯ
มาไม้นี้เล่นเอาแม่ศรีประจันชักเสียดาย ถ้าได้กับลูกสาวของตนก็จะดีไม่น้อย แต่หารู้ไม่ว่าลูกสาวของตนนั้นเกลียดชังขุนช้างยังกับอะไรดี พอนางแอบได้ยินเข้าก็ถือโอกาสด่าบ่าวหัวล้านกระทบสวนออกมาทันที ขุนช้างจึงต้องถอยฉากออกมาก่อน แต่ก็ยังไม่สิ้นความพยายาม วันหลังก็โผล่หน้าไปหานางศรประจันอีก คราวนี้คุณแม่นางพิมดีใจจนออกนอกหน้า ต้อนรับขับสู้ขุนช้างเป็นอย่างดี ถามว่ามีธุระอะไรจะให้ช่วย ขุนช้างได้ทีก็สวนควันเข้าไปเลยว่า
ด้วยรักพิมนิ่มน้องนี้จริงจัง จงปลูกฝังเสียเถิดแม่ทูนหัว
ถ้าได้ครองจะเอาทองมาทาบตัว ลูกไม่กลัวเงินทองลูกถมไป
ยามเดินจะให้เดินแต่ในห้อง แต่แสงเดือนมิให้ส่องต้องตัวได้
จะกลัวจนกลัวยากไปทำไม แม่ข้าไหว้เลี้ยงลูกไว้ดูที ฯ
แม่ทองประศรีก็ดีใจ ว่าจะได้ลูกเขยเป็นเศรษฐี รีบเรียกลูกสาวให้ออกมาเจรจากัน แต่นางพิมหาได้ออกมาไม่ แถมยังเรียกเจ้าผลบ่าวหัวล้านออกมาด่ากระทบอีกอย่างหยาบคายเต็มที อย่างเช่น
หมามันจะเกิด ไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ ฯ
ขุนช้างจึงทนฟังไม่ได้ต้องลากลับบ้านอีกครั้งหนึ่ง และตั้งแต่นั้นขุนช้างก็ไม่กล้าไปบ้านนางทองประศรีอีกเลย จนนางศรีประจันมารดาของพลายแก้วมาสู่ขอนางพิม ให้แต่งงานกับพลายแก้วซึ่งสึกหาลาเพศจากเณรแล้ว จัดงานแต่งกันอย่างใหญ่โต ขุนช้างก็แสนจะแค้นเพราะ พลายแก้วดันมาวานงให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย
ขุนช้างได้ฟังอ้ายไทยว่า ดังใครเอาดาบผ่ากระบานหัว
เสียดายพิมผูกพันใจสั่นรัว น้ำตารั่วหันหน้าเข้าฝาบัง
โอ้ว่าอนิจจาแก้วตาพี่ ครั้งนี้เห็นไม่ได้ดังใจหวัง
คงจะพากเพียรไปมิได้ฟัง ถึงเป็นเมียก็ชั่งมันเป็นไร ฯ
และนั่นคือความรักของขุนช้างที่มีต่อแม่พิม โดยไม่มีข้อรังเกียจเดียดฉันท์แต่ประการใด เข้าทำนองที่ว่า ไม่ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน ครั้นแต่งตัวไปงานแต่งงานของเพื่อนคู่รักคู่แค้น จนเมื่อเมาได้ที่แล้ว ก็ต่อคำกันว่า
เจ้าพลายแก้วจึงว่าเจ้าเกลอเอ๋ย อย่าถือเลยนางพิมเรารักใคร่
รู้ว่าเป็นเมียเอ็งกูเกรงใจ เอ็นดูเถิดจงให้เสียแก่เรา
ขุนช้างฟังว่าทำหน้าเก้อ นิจจาเกลอดอกหาไม่ไม่ให้เจ้า
แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา ว่าแล้วกินเหล้าเมาสำราญ ฯ
คำพูดของทั้งสองเกลอนั้น แม้ว่าจะพูดในเวลาเมา แต่ก็มีความสำคัญในชีวิตของคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง พลายแก้วไปฟังใครว่านางพิมเป็นเมียขุนช้างมาก่อน อาจจะเป็นคำคุยโวของนายช้างที่หาความจริงไม่ได้ แต่พลายแก้วก็เก็บเอามาเยาะเย้ยเพื่อน ในเวลาที่ขุนช้างกำลังเจ็บแค้นแน่นใจนี้ จึงตอบยืนยันว่า แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา ซึ่งเป็นเหมือนกับจะตอกย้ำถึงความตั้งใจของตน ที่จะรักนางพิมตลอดไป แม้จะต้องคอยให้เพื่อนทิ้งเสียก่อนก็ตาม
ดังนั้นเมื่อพลายแก้วต้องถูกเกณฑ์ ไปราชการทัพที่เชียงใหม่ หลังจากที่เข้าหอได้เพียงสามวัน ขุนช้างก็วางแผนให้นางทองประศรีเชื่อว่า พลายแก้วตายในสงครามเสียแล้ว เมียของนายทหารที่แตกทัพ จะต้องถูกริบเป็นราชบาตร นางทองประศรีจึงบังคับให้นางพิมพิลาไลย ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทองแล้ว ให้แต่งงานกับขุนช้างจนได้ แม้นางจะขัดขืนจนสุดฤทธิ์
ขุนช้างต้องนอนเฝ้าหอถึงสามวัน นางพิมก็ยังไม่ยอมเข้าห้องหอ จนแม่ศรีประจันสงสารลูกเขยใหม่ ต้องเข้าไปบังคับเฆี่ยนตีลูกสาว แต่นางก็ยังไม่ยอม จนพลายแก้วกลับมาจากสงคราม ได้ชัยชนะจากเมืองเชียงใหม่ และได้ยศเป็นขุนแผน แต่พาเมียมาจากเมืองเหนืออีกคนหนึ่งชื่อนางลาวทอง จึงเกิดหึงหวงด่าทอตบตีกับนางวันทอง จนขุนแผนโกรธทิ้งนางวันทองไป นางจึงต้องเป็นเมียขุนช้างด้วยความจำใจ แต่ขุนช้างก็ไม่ถือสาคงรักใคร่นางอย่างทูนหัวทูนเกล้าเช่นเคย
วันทองหมองศรีมีแต่ทุกข์ ข้างขุนช้างเป็นสุขสำราญรื่น
รักนางพ่างเพียงจะกล้ำกลืน หญิงอื่นหมื่นแสนพี่ไม่รัก
เงินทองไม่น้อยร้อยกระบุง พี่ก็มุ่งจะให้เจ้าบุญหนัก
ไปไหนก็มิให้เจ้าเหนื่อยพัก ขี่คอผัวรักต่างช้างพลาย ฯ
ต่อมาขุนแผนต้องอาญาให้พรากนางลาวทองเข้าไปอยู่ในวัง แล้วตนเองต้องไปตระเวนรักษาด่าน แล้วเกิดคิดถึงนางวันทองขึ้นมาอีก จึงบุกขึ้นไปบนเรือนขุนช้างฉุดเอานาง วันทองไปเดินป่าด้วยกัน ขุนช้างซึ่งไม่มีทางที่จะสู้รบตบมือกับขุนแผน ที่มีวิชาความรู้เวทย์มนต์คาถาสารพัด และมีฝีมือการรบระดับแม่ทัพ แต่ก็ยังมานะรวบรวมไพร่พลตามไป จะชิงนางวันทองคืนด้วยความรัก ก็พ่ายแพ้แก่ขุนแผนอย่างยับเยิน เพราะไพร่พลของขุนแผนไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นยนต์ที่เสกขึ้นมา
แทงหุ่นหยุ่นหยุ่นไม่ยักเข้า หุ่นกลับฟันเอาดังฉาดฉับ
พวกขุนช้างแตกพ่ายกระจายยับ ขุนช้างกลับช้างขี่หนีออกมา
ขุนแผนขับขี่สีหมอกไล่ จะไสช้างไปไหนอ้ายชาติข้า
ขุนช้างร้องไปทำไมวา ไสช้างเข้าป่าสวบสวบไป ฯ
ขุนช้างเอาตัวรอดกลับมาถึงเมืองหลวง ก็เข้าเฝ้าพระพันวษากราบทูลเรื่องราว พระพันวษาก็มีรับสั่งให้จัดกองทัพไปจับขุนแผน ก็ถูกขุนแผนตีแตกอีก จึงเข้าข่ายเป็นขบถ แต่สุดท้ายไม่รู้จะหนีไปไหน และรู้ว่านางวันทองมีท้อง จึงเข้ามอบตัวกับพระพิจิตร ให้เข้ามาสู้คดีในกรุง
ผลของการตัดสินลงว่า ขุนช้างหลอกแม่ยายว่าพลายแก้วตาย แย่งเอาเมียเขามาแต่งงาน ต้องถูกปรับเงินเข้าพินัยหลวง แต่ขุนแผนต่อสู้กับทหารหลวง และฆ่าตายไปมากมายพร้อมกับตัวนายอีกสองคนคือ ขุนเพชรกับขุนราม กลับชนะความได้นางวันทองไปครอง แต่ด้วยความโลภหลงเมียสอง ขุนแผนบังอาจขอลาวทองจากพระราชวัง จึงต้องโทษถึงติดคุกตลอดชีวิต
คราวนี้ขุนช้างก็เป็นฝ่ายไปฉุดนางวันทองบ้าง เข้าทำนองว่าทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าบ่น อะไรประมาณนั้น อยู่มาไม่นานท้องของนางวันทองก็โตขึ้น ขุนช้างก็ดีใจว่าจะมีลูก เมื่อคลอดแล้ว ก็เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา จนกระทั่งเจ้าหนูน้อยอายุได้เก้าปี ขุนช้างจึงแน่ใจว่าเจ้าหนูนั้นไม่ใช่ลูกของตน
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ เหลือลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป ก็กลับไพล่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิต ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน ฯ
ความแค้นของขุนช้างจึงลุกโพลงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดความเหี้ยมโหด โดยหลอกเอาพลายงามไปฆ่าหมกป่าเสีย หากแต่เคราะห์ดียังมีผีคุ้ม เจ้าหนูจึงรอดไปได้และหนีไปอยู่กับย่าที่เมืองกาญจนบุรี จนโตเป็นหนุ่ม
เมื่อเกิดมีศึกระหว่างกรุงศรีอยุธยา กับเมืองเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง พลายงามซึ่งมีวิชาความรู้จากตำราของพ่อ จนเท่าเทียมกับขุนแผนแล้ว ก็ขออาสาเป็นแม่ทัพไปรบที่เมืองเชียงใหม่ โดยขอไถ่โทษขุนแผนให้ไปในกองทัพด้วย สองพ่อลูกไปสงครามได้ชัยชนะกลับมาอีก ขุนแผนจึงพ้นโทษ และพลายงามได้ยศเป็นพระไวยวรนารถ และได้แต่งงานกับนางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้า สาวเมืองเหนืออีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับบิดา
เมื่อขุนช้างกับนางวันทองไปช่วยงานแต่งงานของพระไวย แล้วเมาเหล้าลำเลิกความหลังที่เลี้ยงมาแต่เล็กจนถึงเก้าขวบ จึงทำให้พระไวยแค้นถึงตอนที่ขุนช้างหลอกไปฆ่า ถึงกับลงมือทุบตีเอาพ่อเลี้ยงสลบไป
ขุนช้างก็เข้าไปฟ้องร้องเรื่องที่ถูกลูกเลี้ยงทำร้ายอีก จึงถูกฟ้องกลับถึงเรื่องที่ตนปองร้ายหมายชีวิตพลายงาม สุดท้ายต้องโทษถึงติดคุก นางวันทองต้องไปขอร้องลูกชายให้ขออภัยโทษ จึงได้รอดกลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง แต่พระไวยก็มาพรากนางวันทอง กลับไปให้พ่อตัวเสียอีก ขุนช้างรู้ตัวว่าไม่มีปัญญาที่จะแย่งเมียกลับคืนมา เพราะสองพ่อลูกนั้นมีความเก่งกล้าสามารถ เกินกว่าที่จะต่อสู้ได้ แต่ความรักนางวันทองนั้นก็ยังมั่นคงไม่จืดจาง แม้จะอายุมากด้วยกันแล้ว จึงถวายฎีกาขอความเป็นธรรมต่อพระเจ้าแผ่นดิน
คราวนี้เคราะห์กรรมจึงมาตกอยู่กับนางวันทอง ด้วยไม่สามารถจะตกลงใจว่าจะอยู่กับผู้ใด ในระหว่างขุนช้างผัวใหม่ หรือขุนแผนผัวเก่า หรือพระไวยลูกชาย พระพันวษาทรงพิโรธโกรธกริ้วประภาษว่าเป็นหญิงสองใจ เลี้ยงไว้ไม่ได้เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง จึงมีรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย อย่าให้เลือดตกลงดิน
คราวนี้ขุนช้างจึงได้รู้สึกถึงโทษตน ที่เป็นเหตุให้เมียรักถึงแก่ชีวิต โดยไม่อาจจะเอาเงินทองที่มีอยู่มากมายก่ายกองไปซื้อคืนมาได้
ฝ่ายขุนช้างนั่งเหงาไม่เข้าใกล้ ร้องไห้หน้าขาวราวกับผี
เสียใจไหลเล่อเพ้อพาที คราวนี้ตายแน่แล้วแม่คุณ
พุทโธ่อยู่หลัดหลัดมาพลัดกัน โอ้แม่วันทองตายเพราะอ้ายขุน
เนื้อหนังเจ้าจะพังลงเป็นจุณ เพราะอ้ายตุ่นโง่เง่าเข้ากราบทูล ฯ
ฯ ล ฯ
แม่มาตายกลางดินเขานินทา แม่ยอดฟ้าฝาบาตรกระจาดใหญ่
จะหาไหนเหมือนแม่แต่นี้ไป แม้นไม่ได้เช่นนี้ไม่มีเมีย
เรือนเหย้าข้าวของถวายพระ จะสละโกนหนวดไปบวชเสีย
ถึงลูกคุณหลานหม่อมจะยอมเยีย มีเมียไปทำไมไม่เหมือนกัน ฯ
จนกระทั่งถึงเวลาลงดาบ พระไวยที่รีบไปขออภัยโทษกลับมาไม่ทันเวลา แม้ขุนแผนซึ่งอยู่ที่นั้นด้วย ได้พยายามช่วยนางให้พ้นคมดาบ ก็ไม่สามารถจะช่วยได้ นางวันทองจึงสิ้นชีวิตไปตามกรรมของตน และยังมีชื่อเสียอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
ฝ่ายว่าเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง พอเห็นเขาฟันนางไม่อยู่ได้
รีบรัดเรียกหาพวกข้าไท ลงเรือทันใดไปสุพรรณ
เร่งตะบึงถึงบ้านพอตรู่ตรู่ กลัวแม่ยายจะรู้เรื่องฟ้องนั่น
หลบเหลื่อมเข้าไปในเรือนพลัน สะอื้นอั้นน้ำตาลงพราวตา ฯ
ชีวิตรักสามเส้าของขุนช้างขุนแผนและนางพิม ก็ถึงบทอวสานลงด้วยความเศร้าสลด และผู้แพ้ที่แท้จริงก็คือขุนช้าง เขาได้ก่อกรรมทำเวรต่อเนื่องมาด้วยความรัก ที่แฝงไว้ด้วยความริษยาอาฆาต ก็ด้วยความคิดที่ว่า แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอานั้นเอง แล้วเขาก็ได้รับแต่ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ต้องเสียคนรักไป อย่างไม่อาจที่จะกลับคืนมาให้เห็นหน้ากันได้อีก ตลอดชั่วชีวิต
###########