การกินผัก การกินเนื้อ บุญ บาป ในกรณีของพระภิกขุ
คนที่กินผัก กินข้าว กินมังสวิรัส
มีส่วนในการฆ่าสัตว์ไหม
การไถ การกำจัดศัตรูพืช
ไส้เดือน แมลง สัตว์ต่างๆ ต้องตายไปกี่ล้านตัว
การใข้พื้นที่เพาะปลูกก็เบียดเบียนที่อยู่ของสัตว์
การเผาหญ้า เตรียมแปลง สัตว์ตายไปกี่ตัว
หน้าแล้งสูบน้ำรดผัก จนบ่อแห้ง ปลาและสัตว์ในน้ำตายไปกี่ล้านตัว
พระถึงมีศีล ห้ามขุดดิน ห้ามพรากของเขียว
ในความเป็นจริง ศีล ควรแปลว่าเจตนางดเว้น ไม่ใช่ห้าม
ปกติคำว่าห้าม มักใช้กับสิ่งที่มี บทบังคับ เช่น ผู้มีอำนาจ
หรือกฏหมาย หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจให้คุณให้โทษ
เมื่อทำตามหรือไม่ทำตามข้อห้าม
ในความเป็นจริง ห้ามได้ไหม ห้ามคนฆ่าสัตว์
ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเพื่ออาหาร หรือการตบยุง บี้มด
คนก็ยังมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของอาหาร
ท่านจึงว่าฆรวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุรี
การปฏิบัติให้สมบูรณ์ดีพร้อมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
บรรพชาเป็นภิกขุ เป็นทางสะดวกทางโล่ง
เพราะพระไม่ต้องทำไร่ไถนา ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขัน
ไม่ต้องแม้กระกระทั่งหุงหาอาหาร
ดังนั้น เขาเอาอะไรมาถวาย ถ้าไม่เป็นสิ่งที่พระศาสดาห้ามไว้
ก็ควรฉันได้หมด ไม่งั้นจะเป็นพระเรื่องมาก เลือกกินหรือเปล่า
ไม่ทำไร่ไถนา เที่ยวขออาหารชาวบ้าน แต่จะมาเลือกกินนั้น
ไม่กินนี่ ทั้งๆที่ชาวบ้านเขาก็กินของเขาอย่างนี้ล่ะ
แต่พระก็ไม่ได้โกหก เพื่อเอาใจใคร
เจตนาฆ่าสัตว์ ก็คือ บาปอกุศล ให้ผลเป็นทุกข์
ทุกกรณีไป การให้ทานเขามีอะไรก็เปิดโอกาสให้เขาได้ให้
จะเป็นเนื้อเป็นผักก็ตาม ก็ดีกว่าไม่ได้ทำทานเลย
บาปมันทำอยู่แล้ว แต่ไม่ทำได้ดีที่สุด แต่ปุถุชนมันก็ยังไม่บริสุทธิ์สุดส่วน
สิ่งใดเป็นกุศลทำได้ก็พยายามทำ อันไหนเป็นบาปทำไปแล้วให้รู้ว่าเป็นบาป
ไม่ได้หลอกตัวเองว่าไม่บาป
ท่านจึงว่า ให้เพียรพยายาม ละบาป บำเพ็ญบุญ สะสางจิตใจให้ขาวสะอาด
ทำไมถึงต้องเพียรพยายาม ก็เพราะเรายังทำบาปอยู่ ยังทำบุญไม่สมบูรณ์
จิตใจยังกระดำกระด่าง ถ้าดีงามหมดแล้ว ก็ไม่ต้องเพียรพยายามอะไรต่อไป
เหมือนพระอรหันต์ทั้งหลาย
การกินผัก การกินเนื้อ บุญ บาป
คนที่กินผัก กินข้าว กินมังสวิรัส
มีส่วนในการฆ่าสัตว์ไหม
การไถ การกำจัดศัตรูพืช
ไส้เดือน แมลง สัตว์ต่างๆ ต้องตายไปกี่ล้านตัว
การใข้พื้นที่เพาะปลูกก็เบียดเบียนที่อยู่ของสัตว์
การเผาหญ้า เตรียมแปลง สัตว์ตายไปกี่ตัว
หน้าแล้งสูบน้ำรดผัก จนบ่อแห้ง ปลาและสัตว์ในน้ำตายไปกี่ล้านตัว
พระถึงมีศีล ห้ามขุดดิน ห้ามพรากของเขียว
ในความเป็นจริง ศีล ควรแปลว่าเจตนางดเว้น ไม่ใช่ห้าม
ปกติคำว่าห้าม มักใช้กับสิ่งที่มี บทบังคับ เช่น ผู้มีอำนาจ
หรือกฏหมาย หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจให้คุณให้โทษ
เมื่อทำตามหรือไม่ทำตามข้อห้าม
ในความเป็นจริง ห้ามได้ไหม ห้ามคนฆ่าสัตว์
ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเพื่ออาหาร หรือการตบยุง บี้มด
คนก็ยังมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของอาหาร
ท่านจึงว่าฆรวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุรี
การปฏิบัติให้สมบูรณ์ดีพร้อมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
บรรพชาเป็นภิกขุ เป็นทางสะดวกทางโล่ง
เพราะพระไม่ต้องทำไร่ไถนา ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขัน
ไม่ต้องแม้กระกระทั่งหุงหาอาหาร
ดังนั้น เขาเอาอะไรมาถวาย ถ้าไม่เป็นสิ่งที่พระศาสดาห้ามไว้
ก็ควรฉันได้หมด ไม่งั้นจะเป็นพระเรื่องมาก เลือกกินหรือเปล่า
ไม่ทำไร่ไถนา เที่ยวขออาหารชาวบ้าน แต่จะมาเลือกกินนั้น
ไม่กินนี่ ทั้งๆที่ชาวบ้านเขาก็กินของเขาอย่างนี้ล่ะ
แต่พระก็ไม่ได้โกหก เพื่อเอาใจใคร
เจตนาฆ่าสัตว์ ก็คือ บาปอกุศล ให้ผลเป็นทุกข์
ทุกกรณีไป การให้ทานเขามีอะไรก็เปิดโอกาสให้เขาได้ให้
จะเป็นเนื้อเป็นผักก็ตาม ก็ดีกว่าไม่ได้ทำทานเลย
บาปมันทำอยู่แล้ว แต่ไม่ทำได้ดีที่สุด แต่ปุถุชนมันก็ยังไม่บริสุทธิ์สุดส่วน
สิ่งใดเป็นกุศลทำได้ก็พยายามทำ อันไหนเป็นบาปทำไปแล้วให้รู้ว่าเป็นบาป
ไม่ได้หลอกตัวเองว่าไม่บาป
ท่านจึงว่า ให้เพียรพยายาม ละบาป บำเพ็ญบุญ สะสางจิตใจให้ขาวสะอาด
ทำไมถึงต้องเพียรพยายาม ก็เพราะเรายังทำบาปอยู่ ยังทำบุญไม่สมบูรณ์
จิตใจยังกระดำกระด่าง ถ้าดีงามหมดแล้ว ก็ไม่ต้องเพียรพยายามอะไรต่อไป
เหมือนพระอรหันต์ทั้งหลาย