ปัญหาสัตว์กินเนื้อ ฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร บาปหรือไม่? พระโสดาบันยังทำอกุศลกรรมอยู่ใหม?
ปัญหาที่ 1.
พอดีเห็นมีการถกกันเรื่องสัตว์กินเนื้อ ล่าสัตว์เป็นแล้วฆ่ากินทั้งเป็น บาปหรือใม่ ในกระทำก่อน จึงเห็นว่าพอจะอธิบายให้เข้าใจได้ จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
คำว่า บาป นั้นถ้าเปรียบเทียบเป็นปริมาณ ก็ตั้งแต่ปริมาณน้อยนิดจนแทบไม่มีจนปริมาณมาก ไปตามเหตุปัจจัย
ถ้าเปรียบเทียบเป็นเลขจำนวน 0 คือไม่มีบาปเลย และเมื่อมากกว่า 0 ก็จะเริ่มมีบาป เช่น 0.00001 และบาปเพิ่มขึ้นเมื่อมีเลขจำนวนเพิ่มขึ้น เช่น 0.1 เป็นบาปเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.01 เป็นต้น
สมุติว่าถ้า มีปริมาณบาปเท่ากับ 1 บาปนั้นมีผลให้ตกภพภูมิที่ต่ำจากเดิมได้เมื่อสิ้นชีวิต โดยเมื่อไม่มีบุญใดมาช่วยขัดขวาง
เมื่อกล่าวถึง สัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร ได้ไล่ฆ่าสัตว์เป็นๆ จนตายแล้วกินเป็นอาหาร แล้วสัตว์กินเนื้อนั้นได้ทำบาปหรือไม่ ?.
ตอบ ตามความเข้าใจของผมตามพุทธศาสนาว่า สัตว์นั้นได้ทำบาปแล้ว แต่บาปนั้นไม่มากจนมีผลที่เมื่อสัตว์กินเนื้อนั้นตายแล้วต้องตกนรกหรือภพภูมิที่ต่ำไปกว่านั้นได้นั้นเอง
ดังนั้นท่านทั้งหลายคงเข้าใจนะครับว่า สัตว์กินเนื้อฆ่าสัตว์อื่นด้วยมีเจตนากินเป็นอาหารที่พออิ่มเป็นมื้อไปไม่เกินพอ ไม่ได้ฆ่าด้วยความโกรธอาฆาตแค้น แต่เป็นไปตามธรรมชาติ ก็ยังถือว่าสัตว์กินเนื้อนั้นได้ทำบาปแล้วนั้นเอง แต่บาปนั้นไม่รุนแรงมากพอ ที่ทำให้สัตว์กินเนื้อนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วจะต้องตกไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำไปจากเดิม.
ต่างจากมนุษย์เรา เพราะมนุษย์ไม่ได้ฆ่าสัตว์(ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน)เพียงพออิ่มเท่านั้น ด้วยธรรมชาติให้ความฉลาดกับมนุษย์จึงฆ่าสัตว์ด้วยปัจจัยอื่นๆ เกินพอ ดังนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยจึงตกอบายภูมิ หรือนรกได้โดยง่าย เมื่อทำบาปเกินพอหรือเป็นอาจิน.
ปัญหาที่ 2. พระโสดาบันยังทำอกุศลกรรมอยู่ใหม?
ตอบ พระโสดาบันยังทำอกุศลกรรมได้อยู่ แต่อกุศลกรรมนั้น ไม่เป็นบาปหนักที่ทำให้ท่านเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วต้อง ตกอบายภูมิหรือนรกได้นั้นเอง เพราะท่านนั้นไม่มีเจตนาทำผิดศิล 5 อีกเลยนั้นเอง
ดังมีข้อถกเถียงเรื่อง บุตรตรีเศรษฐิที่เป็นพระโสดาบัน หนีตามผู้ชายที่เป็นนายพราน พระโสดาบันนั้นท่านได้ทำอกุศลกรรมตามราคานุสัยที่เป็นไปตามบุเพนิวาสกรรมของท่าน แต่ไม่ได้ผิดศีลในการพรากสามีหรือลูกชายของผู้อื่น เพราะนายพรานนั้น พ่อและแม่ไม่มีแล้ว และไม่มีเมีย อยู่เป็นโสด พระโสดาบันนั้นจึงทำอกุศลกรรมที่ผิดกับพ่อแม่ของตนเอง แต่ไม่ได้ผิดศีล 5 นั้นเอง
เมื่อพระโสดาบันไปเป็นภรรยาของนายพราน ซึ่งนายพรานต้องไปล่าสัตว์ แล้วนำมาให้ภรรยาชำเละ เนื้อสัตว์เพื่อนำไปกินและไปขาย พระโสดาบันนั้นต้องทำบาปไปด้วยไม่ใช่หรือ?
ตอบ ท่านไม่ได้ทำบาปเลย เพราะเมื่อสัตว์ยังไม่ตายท่านจะไม่ชำเละเลย จึงเป็นที่รู้เองนายพรานเองว่า ต้องทำสัตว์ให้ตายก่อนจริงๆ จึงเอาให้ภรรยา ภรรยาจึงจะย่อมชำเละ ให้เพื่อนำไปกินหรือขาย และพระโสดาบันนั้นก็ไม่เคยยินดีเลยที่สามีนั้นฆ่าสัตว์ แต่ต้องกระทำไปตามหน้าที่ของภรรยา.
ปัญหาสัตว์กินเนื้อ ฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร บาปหรือไม่? พระโสดาบันยังทำอกุศลกรรมอยู่ใหม?
ปัญหาที่ 1.
พอดีเห็นมีการถกกันเรื่องสัตว์กินเนื้อ ล่าสัตว์เป็นแล้วฆ่ากินทั้งเป็น บาปหรือใม่ ในกระทำก่อน จึงเห็นว่าพอจะอธิบายให้เข้าใจได้ จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
คำว่า บาป นั้นถ้าเปรียบเทียบเป็นปริมาณ ก็ตั้งแต่ปริมาณน้อยนิดจนแทบไม่มีจนปริมาณมาก ไปตามเหตุปัจจัย
ถ้าเปรียบเทียบเป็นเลขจำนวน 0 คือไม่มีบาปเลย และเมื่อมากกว่า 0 ก็จะเริ่มมีบาป เช่น 0.00001 และบาปเพิ่มขึ้นเมื่อมีเลขจำนวนเพิ่มขึ้น เช่น 0.1 เป็นบาปเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.01 เป็นต้น
สมุติว่าถ้า มีปริมาณบาปเท่ากับ 1 บาปนั้นมีผลให้ตกภพภูมิที่ต่ำจากเดิมได้เมื่อสิ้นชีวิต โดยเมื่อไม่มีบุญใดมาช่วยขัดขวาง
เมื่อกล่าวถึง สัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร ได้ไล่ฆ่าสัตว์เป็นๆ จนตายแล้วกินเป็นอาหาร แล้วสัตว์กินเนื้อนั้นได้ทำบาปหรือไม่ ?.
ตอบ ตามความเข้าใจของผมตามพุทธศาสนาว่า สัตว์นั้นได้ทำบาปแล้ว แต่บาปนั้นไม่มากจนมีผลที่เมื่อสัตว์กินเนื้อนั้นตายแล้วต้องตกนรกหรือภพภูมิที่ต่ำไปกว่านั้นได้นั้นเอง
ดังนั้นท่านทั้งหลายคงเข้าใจนะครับว่า สัตว์กินเนื้อฆ่าสัตว์อื่นด้วยมีเจตนากินเป็นอาหารที่พออิ่มเป็นมื้อไปไม่เกินพอ ไม่ได้ฆ่าด้วยความโกรธอาฆาตแค้น แต่เป็นไปตามธรรมชาติ ก็ยังถือว่าสัตว์กินเนื้อนั้นได้ทำบาปแล้วนั้นเอง แต่บาปนั้นไม่รุนแรงมากพอ ที่ทำให้สัตว์กินเนื้อนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วจะต้องตกไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำไปจากเดิม.
ต่างจากมนุษย์เรา เพราะมนุษย์ไม่ได้ฆ่าสัตว์(ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน)เพียงพออิ่มเท่านั้น ด้วยธรรมชาติให้ความฉลาดกับมนุษย์จึงฆ่าสัตว์ด้วยปัจจัยอื่นๆ เกินพอ ดังนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยจึงตกอบายภูมิ หรือนรกได้โดยง่าย เมื่อทำบาปเกินพอหรือเป็นอาจิน.
ปัญหาที่ 2. พระโสดาบันยังทำอกุศลกรรมอยู่ใหม?
ตอบ พระโสดาบันยังทำอกุศลกรรมได้อยู่ แต่อกุศลกรรมนั้น ไม่เป็นบาปหนักที่ทำให้ท่านเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วต้อง ตกอบายภูมิหรือนรกได้นั้นเอง เพราะท่านนั้นไม่มีเจตนาทำผิดศิล 5 อีกเลยนั้นเอง
ดังมีข้อถกเถียงเรื่อง บุตรตรีเศรษฐิที่เป็นพระโสดาบัน หนีตามผู้ชายที่เป็นนายพราน พระโสดาบันนั้นท่านได้ทำอกุศลกรรมตามราคานุสัยที่เป็นไปตามบุเพนิวาสกรรมของท่าน แต่ไม่ได้ผิดศีลในการพรากสามีหรือลูกชายของผู้อื่น เพราะนายพรานนั้น พ่อและแม่ไม่มีแล้ว และไม่มีเมีย อยู่เป็นโสด พระโสดาบันนั้นจึงทำอกุศลกรรมที่ผิดกับพ่อแม่ของตนเอง แต่ไม่ได้ผิดศีล 5 นั้นเอง
เมื่อพระโสดาบันไปเป็นภรรยาของนายพราน ซึ่งนายพรานต้องไปล่าสัตว์ แล้วนำมาให้ภรรยาชำเละ เนื้อสัตว์เพื่อนำไปกินและไปขาย พระโสดาบันนั้นต้องทำบาปไปด้วยไม่ใช่หรือ?
ตอบ ท่านไม่ได้ทำบาปเลย เพราะเมื่อสัตว์ยังไม่ตายท่านจะไม่ชำเละเลย จึงเป็นที่รู้เองนายพรานเองว่า ต้องทำสัตว์ให้ตายก่อนจริงๆ จึงเอาให้ภรรยา ภรรยาจึงจะย่อมชำเละ ให้เพื่อนำไปกินหรือขาย และพระโสดาบันนั้นก็ไม่เคยยินดีเลยที่สามีนั้นฆ่าสัตว์ แต่ต้องกระทำไปตามหน้าที่ของภรรยา.